เซิน โมเฟย ชะงักไปสักพัก “ยัยโรคจิตงั้นเหรอ?”“ชูวกำลังพักผ่อน โทรหาเธอทำไม?”เสียงของเธอดูเย็นชาและไม่มีความเป็นมิตรเลย “ยัยโรคจิต เธอยังโกรธอยู่เหรอ?”เขาหัวเราะเบา ๆ ปลายสายเงียบไป เซิน โมเฟย คิดว่าเธอวางสายไปแล้ว แต่พอดูที่หน้าจอเธอก็ยังอยู่ เขาวางโทรศัพท์ไว้ข้างหูแล้วเรียกเบา ๆ ว่า "ยัยโรคจิต”"คุณเรียกใครว่ายัยโรคจิตนะ?"เสียงที่ปลายสายเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันจน เซิน โมเฟย ตกใจและเกือบจะขว้างโทรศัพท์“ทำไมไม่บอกผม ว่าเธอให้ยื่นโทรศัพท์ให้พี่สะใภ้แล้ว ทำไมเป็นคนแบบนี้นะ?” เขาพึมพำทัง โรลชูว ได้ยินไม่ชัด “โมเฟย คุณว่ายังไงบ้างนะ? ยัยโรคจิตงั้นเหรอ?”"มะ..มะ ไม่มีอะไร" เซิน โมเฟย เขารีบปาดเหงื่อที่ไม่ได้ไหลสักหยด แล้วเขาก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที “พี่สะใภ้ เป็นยังไงบ้าง?”"มันก็เป็นแค่รอยไหม้"“จริง ๆ แค่นั้นเหรอ?”"ไม่นะ มันไม่รุนแรงเท่าไหร่ ฉันกินยาไปแล้วสัก 2-3 วันก็ดีขึ้นเอง"“แล้วมันจะเป็นแผลเป็นไหม?”"หมอบอกว่าจะไม่เป็น"ได้ยินว่ามันจะไม่เป็นแผลเป็น เซิน โมเฟย จึงถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก "ดีมาก งั้นก็ดีแล้วล่ะ"“ทำไมฉันรู้สึกว่า คุณเป็นกังวลจังเลย?”"ฮ่า ๆ ผมกล
หลังจากวางแก้วลงบนโต๊ะ ซอง อันยี เธอก็ลูบหน้าผากที่ไปชนกับขอบประตู และเดินไปข้าง ๆ ทัง โรลชูว“คุณเซินพูดอะไรบ้าง?” ซอง อันยี ถามทัง โรลชูว หันหน้าไปมองที่เธอ สายตาที่แสดงให้เห็นความอยากรู้อยากเห็น "อันยี ทำไมเธอถึงสนใจสิ่งที่โมเฟยพูดขนาดนั้น?""ฮะ อะไรนะ?" ซอง อันยี มองเธออย่างร้อนตัว "ทำไมฉันต้องสนใจเขา? ฉันแค่เป็นห่วงแกน่ะ ฉันอยากถามว่าเขาจัดการกับ ลู เส้าหลิน ยังไง""จริงเหรอ แค่นั้นเหรอ?" ทัง โรลชูว เลิกคิ้วและหัวเราะ เธอก็เลิกแกล้งเพื่อนเธอแล้วเปลี่ยนเรื่อง "เขาปลด ลู เส้าหลิน ออกจากตำแหน่งของเธอแล้ว"ก็เห็นว่าเธอไม่ได้พูดเกี่ยวกับ เซิน โมเฟย ต่อไป ซอง อันยี ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเธอได้ยินว่า ลู เส้าหลิน ถูกปลดออกจากตำแหน่งเธอก็รู้สึกตื่นเต้นทันที“จริงเหรอ เขาปลดเธอออกงั้นเหรอ?”"แน่นอน มันเป็นเรื่องจริงนะ" เมื่อเห็นเธอตื่นเต้นมาก ทัง โรลชูว กลั้นหัวไม่อยู่และก็ส่ายหัวเบา ๆ“ตอนนี้ฉันอยากเห็นว่าเธอจะหยิ่งได้อีกแค่ไหนกันเชียว!”เมื่อ ซอง อันยี นึกถึงว่า ลู เส้าหลิน รังแกชูวหลายครั้ง เพียงเพราะเธอเป็นรองผู้จัดการ เธอก็โกรธมากตอนนี้เธอก็ได้ระบายความโกรธออกมาแล้ว
หลังจากที่ เซิน โมเฟย พูดจบเขาก็รู้สึกอยากร้องไห้ทันที"โอเค อย่าลืมรายงานฉัน หลังจากที่นายกลับมา"เขายังต้องเขียนรายงานอีกเหรอ? ตอนนี้เขาถึงอยากตายและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน ทำไมพี่เขาถึงกดขี่ใช้งานเขาขนาดนี้นะ? ทำไม? พี่ชายคนดูแลน้องชายให้ดีกว่านี้ไม่ใช่เหรอ?เซิน โมเฟย กำลังคร่ำครวญกับตัวเองปลายสายก็พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ฉันจะดูแลปู่ให้เอง”“เอาล่ะ งั้นก็ได้” เซิน โมเฟย ถอนหายใจ ปู่ของเขาฟังแค่ลูกพี่ลูกน้องคนนี้เท่านั้น เขาสามารถไว้วางใจให้เขาจัดการทุกอย่างให้เขาได้นี่เป็นสาเหตุที่เขาชื่นชมและเคารพลูกพี่ลูกน้องของเขาคนนี้มาโดยตลอดเมื่อ ลู ชินจิน รู้ว่า ทัง โรลชูว บาดเจ็บเขาก็ทิ้งงานทั้งหมดและรีบกลับบ้านทันทีเขาผลักเปิดประตูห้องนอนและเห็นเธอนอนอยู่บนเตียงเขาเดินไปที่ด้านหนึ่งของเตียงก้มหัวลง และมองที่ใบหน้าที่สงบของเธอ แสงจาง ๆ สะท้อนในดวงตาสีเข้มของเขาเขามองต่ำลงมาเล็กน้อย คอเสื้อชุดนอนของเธออยู่ต่ำไปหน่อย เขาเลยเห็นรอยแดงบนหน้าอกของเธอหัวใจของเขาเต้นระรัวอย่างรุนแรง และคิ้วที่คมของเขาขมวดแน่น ดวงตาของเขามีแต่ความสงสาร เขายื่นมือออกไปอยากสัมผัสเธอ แต่เมื่อเขากำลังจะส
การที่จะรู้ว่าผู้ชายรักคุณจริงไหมดูจากที่เขาทำอาหารให้คุณสิ ทัง โรลชูว ยืนอยู่ในครัวอย่างเงียบ ๆ เธอมองร่างที่สูงใหญ่ที่กำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหาร เธอส่งสายตาที่อ่อนโยนให้กับเขา เธอมองดูเขาตอนที่เขากำลังใช้ทัพพีคนน้ำซุป จากนั้นก็โยนผักที่สับเสร็จแล้วลงไปในหม้ออย่างรวดเร็ว เขาดูคล่องแคล่วมาก การเคลื่อนไหวธรรมดาเช่นนี้ ทำให้เขามีเสน่ห์มากในสายตาของเธอ เธอไม่สามารถละสายตาจากเขาไปได้เธอมองจนเขารู้ตัว เธอถูกจับได้แล้วเธอไม่สามารถสร้างความรู้สึกที่มีกับเขาได้ทั้งคู่จ้องตากันเงียบ ๆ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย และมองเธอกลับไปด้วยความอ่อนโยน “มีนมอยู่ในตู้เย็น ถ้าคุณหิวมาก คุณก็ดื่มนมก่อนได้เลย”"ค่ะ" ทัง โรลชูว พยักหน้าเหมือนแมวน้อย เธอคว้าขวดนมจากตู้เย็นออกมาดื่ม แล้วนั่งรอที่โต๊ะอาหาร เธอจ้องมองหลังของเขาขณะที่เธอดื่มนมในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของโจ๊ก กลิ่นน่าทานมาก ทัง โรลชูว เริ่มทนกับความหิวไม่ไหว เธอวางนมลงบนโต๊ะ และลุกเดินเข้าไปในครัว เมื่อ ลู ชินจิน ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว เขาก็หันหน้าไปถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน "คุณหิวมากเหรอ?"ทัง โรลชูว พยักหน้า "ใช่ค่
ไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอกำลังชมเขาอยู่ เธอเลยรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “โจ๊กของคุณอร่อยจริง ๆ”"ผมรู้อยู่แล้ว" เขาพูดพร้อมกับหัวเราะเบา ๆทัง โรลชูว ถึงกับพูดไม่ออกเขาไม่เคยถ่อมตัวเลยจริง ๆ"เอ่อ ชินจินคะ” ทัง โรลชูว กินโจ๊กเต็มปากและลังเลว่าเธอควรจะเริ่มพูดจากตรงนี้ก่อนดี“อะไรเหรอ?” คิ้วของ ลู ชินจิน ขมวดขึ้น เมื่อเห็นว่าเธอกำลังลังเล"ก็แค่..." ทัง โรลชูว เม้มริมฝีปากของเธอและหลังจากคิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่งเธอก็พูดต่อ "ชินจิน ฉันไม่อยากให้คุณทิ้งงานของคุณเพราะฉันอีกแล้ว"ลู ชินจิน ได้ยินแบบนั้นก็อดที่จะเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้ “ผมไม่ได้ทิ้งงานของผมนะ”"คุณหมายความว่ายังไง? คุณควรจะอยู่ที่บริษัทนะ ในเวลานี้ แต่วันนี้คุณมาที่นี่เพื่อทำโจ๊กให้ฉันและยังทานข้าวกับฉันอีกด้วย"เมื่อเห็นเธอไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ลู ชินจิน ก็หัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า "ชูว ผมเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในบริษัท แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เพราะงั้นทำไมผมถึงต้องจ้างผู้ช่วยอย่าง มู หลิง ล่ะ?”"ที่คุณพูด คุณพูดถูก" ทัง โรลชูว เถียงเขาไม่ได้เธอถอนหายใจเบา ๆ และไม่ได้พูดอะไรต่อ “ที่รัก” เขาเรียกเธอเบา ๆ
ทัง โรลชูว ลางานไป 2 ถึง 3 วันเพราะบาดแผลของเธอ แต่ในวันที่แย่ ๆ ก็มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้น ไหน ๆ เธอก็มีวันหยุดแล้วเธอก็ต้องสนุกกับมันสิ เธอเลยชวนเสี่ยวเซียวไปเที่ยว ตั้งแต่เสี่ยวเซียวกลับมา ทั้งสองก็ไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไหร่เธอจึงจะใช้เวลาที่ได้หยุดนี้กับเสี่ยวเซียว"ขอโทษที มาช้าไปหน่อย"เสี่ยวเซียว โยนกระเป๋าของเธอ บนเก้าอี้ข้างเธอ ก่อนจะนั่งลงตรงข้าม ทัง โรลชูวทัง โรลชูว มองไปที่กระเป๋าที่น่าสงสาร และถอนหายใจ “เสี่ยวเซียว แกไม่สนใจเรื่องเงินเลยจริง ๆ”เสี่ยวเซียว กำลังดื่มน้ำอยู่ เธอได้ยินแบบนั้นเธอก็ขมวดคิ้วและก็ถามอย่างสงสัยว่า "เธอเอาความมั่นใจนั้นมาจากไหนกัน""นี่ไง!" ทัง โรลชูว พูดพร้อมกับมองไปที่กระเป๋าที่วางอยู่บนเก้าอี้ "นั่นเป็นรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น! เป็นที่ต้องการของคนรวยหลายคน พวกเขาไม่มีโอกาสได้ซื้อมาด้วยซ้ำ แต่เธอไม่สนใจมันเลย"แบรนด์ต่างประเทศที่เป็นรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น เป็นของที่มีคุณค่ามากสำหรับนักสะสม หากมันเกิดรอยขีดข่วนขึ้นมาแม้แต่นิดเดียว ก็จะทำให้ราคาของมันลดลง"ไม่เอาน่า!" เสี่ยวเซียว กลอกตาของเธอ "ตอนนี้ แกคือคุณหญิงลูนะ อย่ามีความคิดแบบคนธรรมด
คนของ ลู เส้าหลิน ออกมารับหน้าแทนเธอ ซอง อันยี รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องตลกและทำให้เธอหัวเราะ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีจำนวนคนงี่เง่าน่ารำคาญเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากซอง อันยี มองคนนั้นด้วยสายตาเย็นชา “ประจบเธอตอนนี้ให้มาก ๆ ล่ะ ไม่งั้นจะไม่มีใครช่วยเธอเลยในอนาคต”หลังจากพูดจบ ซอง อันยี ก็เดินจากไปอย่างสง่างาม ในขณะที่พวกนั้นมองเธออย่างโกรธ ๆ"รอดูนะ! ฉันจะแสดงให้ ซอง อันยี และ ทัง โรลชูว รู้ว่าใครเป็นเจ้านาย!"ลู เส้าหลิน จ้องไปที่ด้านหลังของ ซอง อันยี ด้วยความรู้สึกเกลียดชังทัง โรลชูว นั่งอยู่ในรถ เมื่อเธอเห็นคนที่เดินออกจากอาคาร เธอก็รีบลดหน้าต่างลง และยื่นมือออกไปโบกให้คน ๆ นั้นเห็น"อันยี เรามารับแล้ว!"ซอง อันยี มองหาต้นตอของเสียงและเห็นรถจี๊ปที่จอดอยู่ไม่ไกลเธอขมวดคิ้วและวิ่งไปหาพวกเธอช้า ๆเมื่อ ซอง อันยี ขึ้นรถแล้ว เธอก็หันหน้าไปถามว่า "เสี่ยวเซียวทำไมเธอขับรถจี๊ปอีกแล้วล่ะ?""ฉันชอบมันนี่" เสี่ยวเซียว นั่งอยู่หลังพวงมาลัยหันกลับมายิ้มหวานให้เธอซอง อันยี เม้มริมฝีปากของเธอ “ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมผู้หญิงอย่างเธอถึงชอบขับรถที่พวกผู้ชายชอบขับ”เด็กสาวที่ร่ำรวยคนอื
"แกโดนแกล้งงั้นเหรอ?!" เมื่อ เสี่ยวเซียว พูดด้วยเสียงสูงเมื่อได้ยินว่าเพื่อนรักของเธอโดนแกล้ง "ใช่แล้ว ลู เส้าหลิน ดึงผมของชูว เลยทำให้เธอโดนน้ำร้อนลวก"เมื่อได้ยินว่าเธอถูกน้ำร้อนลวก เสี่ยวเซียว ก็กังวลและถามทันทีว่า "ชูว แกเป็นอะไรมากไหม?"ทัง โรลชูว หัวเราะเบา ๆ "ฉันสบายดี มันมีแค่รอยแดงเล็กน้อย"เสี่ยวเซียว ถอนหายใจด้วยความโล่งอก "ก็ถือว่าโชคดีนะที่มันมีแค่รอยแดงนิดหน่อย แต่..." เธอกัดฟันแน่นและมีดวงตาที่ไร้ความรู้สึก “ฉันจะไม่ปล่อยให้ ลู เส้าหลิน นังตัวแสบคนนั้นหลุดมือ อย่างแน่นอน!”"เธอมีแผนอะไรงั้นเหรอ? ตอนนี้เธอได้เป็นถึงผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการเชียวนะ" ซอง อันยี รอให้เธอใจเย็นลงแล้วก็พูดขึ้นมา “ห๊ะ! ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ?!” ทัง โรลชูว ไม่ได้ไปทำงานแค่วันเดียวเมื่อเธอรู้เรื่องของการเปลี่ยนตำแหน่งเธอจึงตกใจมาก "ใช่ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฉันได้ยินมาว่า ซู เทียนอ้าย เลือก ลู เส้าหลิน ด้วยตัวเอง"“ดูเหมือนว่า ซู เทียนอ้าย และ ลู เส้าหลิน จะต้องพยายามช่วยกันกำจัดชูวแน่ ๆ” เสี่ยวเซียว ขมวดคิ้ว"ลู เส้าหลิน เป็นเพื่อนของ กู โรลโรล แน่นอนว่า ซู เทียนอ้าย ก็คงจะคอยช่วยเธอ