หลังจากนั้น กู โรลโรล ก็ถามว่า "แม่คะ แล้วเมื่อไหร่ ทัง โรลชูว จะพา ทัง ซอง ไปอเมริกา?""อีกไม่กี่วันนี้ พวกเขาเตรียมเอกสารเสร็จแล้ว"อีกไม่กี่วัน? ความแค้นปรากฏขึ้นในดวงตาของ กู โรลโรล "แม่อยากเห็น ทัง โรลชูว ทรมานไหมล่ะ?""ลูกจะทำอะไร?" เซา เสี่ยวหวัน ถาม"ทัง โรลชูว สนใจเรื่องของพ่อเธออยู่ใช่ไหมล่ะ งั้นเรามาทำให้พ่อของเธอหายไปจากโลกนี้ดีไหมล่ะ" ขณะที่เธอพูดคำที่เยือกเย็นและดุร้ายจากปากของเธอ"ลูกหมายความว่า..." แม้ว่า เซา เสี่ยวหวัน จะสงสัยว่าเธอตั้งใจจะทำอะไร แต่เธอก็ตกใจ"ตุบ!"ทันใดนั้นก็มีเสียงแปลก ๆ ดังมาจากนอกห้อง เซา เสี่ยวหวัน และ กู โรลโรล สบตากันอย่างรวดเร็วและรีบเปิดประตูออกไปดูถ้าหากมีคนมาได้ยินที่พวกเธอพูดด้วยกัน มันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่เซา เสี่ยวหวัน รีบวิ่งออกไป เมื่อเธอยืนอยู่หน้าห้อง เธอก็เห็นลุงจ้าวกำลังรีบลงบันไดไปอย่างรวดเร็วแสงส่องเข้าไปในดวงตาของเสี่ยวหวัน เธอรีบตะโกน "ลุงจ้าว!"เมื่อลุงจ้าวได้ยินเธอเรียกขาก็หยุดเดิน และรีบหันกลับมาถามด้วยความเคารพ "ท่านผู้หญิง มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ"เซา เสี่ยวหวัน เดินไปหาขาแล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย “ลุงจ้าวเจ้
เธอเห็นชายแปลกหน้าเดินออกมา เขามีใบหน้าที่ดูธรรมดาและมีรูปร่างที่ค่อนข้างผอม แต่เขาก็มีกลิ่นของภัยคุกคามซึ่งเป็นลางไม่ดีเอาซะเลยชายคนนี้อันตรายมาก!กู โรลโรล ขมวดคิ้วของเธอจ้องชายคนนั้นด้วยความระมัดระวังมีผู้ชายอีกคนอยู่ในบ้าน แต่เธอไม่เคยรู้เลยงั้นเหรอ?ชายคนนั้นเดินขึ้นมาและพยักหน้าให้ กู โรลโรล จากนั้นเขาก็มอง เซา เสี่ยวหวัน "คุณต้องการให้ผมทำอะไร?"เซา เสี่ยวหวัน หันไปมองลุงจ้าวที่นอนอยู่ที่เชิงบันได “หลี่ อู กำจัดร่างเขา”หลี่ อู มองร่างของลุงจ้าวที่นอนอยู่เซา เสี่ยวหวัน หันกลับมามองเขาและพูดว่า "อะไร? ไม่ได้ทำบ่อยเหรอ? กลัวทำไม?"หลี่ อู ถอนสายตาและจ้องมองเธออย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็หมุนตัวและลงบันไดเขาได้ยินคำพูดถากถางของ เซา เสี่ยวหวัน แล้วยังไงล่ะ? สิ่งที่เธอพูดเป็นเรื่องจริง พวกเขากำจัดศพไปมากแล้วดังนั้นเขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องเถียงเธอ"แม่ผู้ชายคนนี้คือใคร" เมื่อ หลี่ อู ขยับร่างกายของลุงจ้าวอย่างไม่เกรงกลัว คิ้วของ กู โรลโรล ก็ขมวดเข้าหากันแน่นขึ้น เธอพบว่า หลี่ อู เป็นผู้ชายที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น"ลูกไม่ต้องกังวลว่าเขาเป็นใคร จำไว้ว่าเขาจะเป็นคนช่วยลูกในอน
ที่วังมังกรหลวง มีโคมไฟและแสงไฟระยิบระยับหลากสีประดับผนังด้านนอก ทำให้ดูสวยงามมาก เมื่อมองจากระยะไกลลู ชินจิน ขับรถของเขาตรงไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน จากนั้นพวกเขาขึ้นลิฟต์สังเกตการณ์ไปยังร้านอาหารที่ชั้นบนสุดพวกเขาเดินช้า ๆ ไปตามทางเดินที่ปูด้วยกระเบื้องหินอ่อนสีดำ จนกระทั่งร้านพวกเขาเห็นร้านอาหารในทันทีที่ ทัง โรลชูว เห็นร้านอาหารนี้เป็นครั้งแรก เธอก็รู้สึกความรู้สึกประหลาดใจไฟในห้องอาหารหลักสว่างไสวทำให้ร้านอาหารทั้งหมดดูตระการตาพนักงานเสิร์ฟสวย ๆ ยิ้มหวานต้อนรับพวกเขาและพาไปยังโต๊ะที่ ลู ชินจิน จองไว้ทัง โรลชูว นั่งลงและมองไปนอกหน้าต่าง บานหน้าต่างกว้างมาก ทำให้พวกเขาห็นทิวทัศน์ของ เมืองปักกิ่งที่คึกคัก สุดลูกหูลูกตา"สวยเกินไปแล้ว!" เธออ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ใบหน้าที่สวยงามของเธอยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยความสุขลู ชินจิน จ้องมองเธออย่างอ่อนโยนและยิ้มเล็กน้อย “ดีแล้วที่คุณชอบ”"ชอบค่ะ ชอบมากเลยด้วย" เธอดูมีความสุขมากจริง ๆ เพราะน้ำเสียงของเธอร่าเริงมากเมื่อเห็นเธอหลงใหลกับทิวทัศน์ยามค่ำคืน ลู ชินจิน ก็ยิ้ม จากนั้นเขาก็ก้มหน้าและดูเมนู หลังจากดูไปซักพักเขาก็เริ่
เพลงเปียโนไพเราะถูกบรรเลงอยู่ในห้องอาหาร บรรยากาศช่างโรแมนติกและอบอุ่นเป็นอย่างยิ่งลู ชินจิน มองเธอด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ในดวงตา เขาถามเบา ๆ ว่า "คุณจะทำให้ผมมั่นใจได้ยังไง?""ขอมือหน่อยสิ" ทัง โรลชูว ยิ้มอย่างมีเลศนัยลู ชินจิน เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยื่นมือไปให้เธอทัง โรลชูว จับมือของเขาเปิดฝ่ามือของเขาและมองไปที่เขา จากนั้นเธอก็ก้มหน้าและเขียนอะไรบางอย่างลงบนฝ่ามือของเขา"คุณคือทิวทัศน์ที่สวยงามที่สุด"นี่คือสิ่งที่เธอเขียนความอ่อนโยนเอ่อล้นในดวงตาสีดำของ ลู ชินจิน ส่วนโค้งของปากของเขาก็ยิ่งเน้นมากขึ้น"คุณคิดว่ายังไง?" ทัง โรลชูว เงยหน้าขึ้นและมองเขาด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ “ตอนนี้คุณรู้สึกมั่นใจแล้วรึยัง?”"มาก" ลู ชินจิน จับมือของเธอและถามเบา ๆ "คุณไปเรียนทำอะไรแบบนี้มาจากไหน?""อืม..." ทัง โรลชูว ครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม "เพราะคุณไง ฉันจำมาจากคุณนั่นแหละ""เพราะผม" ลู ชินจิน พูดซ้ำคำพูดขอเธอ จากนั้นเขาก็ถาม "เป็นเพราะผมงั้นเหรอ""คุณคิดว่าไงล่ะ?" ทัง โรลชูว หรี่ตาลงอย่างซุกซน“งั้นผมจะบอกรักคุณให้มาก ๆ เลย ในอนาคตคุณจะได้บอกผมบ้าง” เขาพูดแบบติดตลกครึ่ง ๆ กล
แม้ว่าเขาจะไม่อยากยุ่ง แต่ ลู ชินจิน ก็ยังเต็มใจที่จะเล่นกับเธอ เพราะเธอดูมีความสุข "ทำไมล่ะ?""เพราะว่า..." ทัง โรลชูว จงใจให้เขาเดาและเริ่มหัวเราะเบา ๆ “ซอง มอ เป็นแฟนเก่าของเสี่ยวเซียว”ลู ชินจิน เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดเลยทีเดียว"คุณประหลาดใจมากเลยไหม?" ทัง โรลชูว จิบน้ำเล็กน้อย เธออดไม่ได้ที่จะบ่น "ฉันรู้สึกประหลาดใจมาก ฉันไม่ได้คิดเลยว่าการนัดบอดของเธอจะเป็นแฟนเก่าของเธอ"ทัง โรลชูว พูดคุยเกี่ยวกับการนัดบอดของเสี่ยวเซียวในช่วงบ่าย เธอมีความสุขมากจนลืมที่จะเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ตอนกลางคืนลู ชินจิน มองดูเธออย่างเงียบ ๆ ดวงตาสีดำของเขาลึกเหมือนทะเลสาบ เขามีรอยยิ้มจาง ๆ อยู่ที่มุมริมฝีปากของเขานอกหน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศสข้างนอกเป็นท้องฟ้าสีครามที่มีดวงดาวกระจัดกระจาย มันช่วยเติมเต็มทะเลแห่งแสงไฟในเมืองปักกิ่งยามค่ำคืน ช่างเป็นฉากที่สวยงามเป็นเวลาสี่ทุ่มเมื่อพวกเขากลับจากมังกรหลวงวิว หลังจากอาบน้ำแล้ว ทัง โรลชูว ก็นอนบนเตียงเพื่อพักผ่อน และไม่นานนักเธอก็หลับไปลู ชินจิน เดินออกมาจากห้องน้ำ เขาสังเกตเห็นว่าเธอหลับไปแล้วบนเตียงเขาเขย่งตัวและยืนอ
ไฟแสดงสถานะห้องผ่าตัดยังคงเปิดอยู่ พยาบาลบอกว่าแพทย์ได้ให้การรักษาเขาทันทีหลังจากพบว่าอาการแย่ลงของเขา แต่สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นพวกเขาไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ทัง โรลชูว เฝ้าดูประตูที่ปิดอยู่ พ่อของเธอได้รับการรักษาภายในห้องนั้นและเขาสามารถจากเธอไปได้ทุกเมื่อหัวใจของเธอดูเหมือนถูกบีบไว้แน่นด้วยมือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็น มันเจ็บมากจนเธอแทบหายใจไม่ออกเธอกลัวนะ กลัวจริง ๆ เธอกลัวพ่อของเธอจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกจมูกของเธอรู้สึกแสบและดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตา ขณะที่เธอกระพริบตาน้ำตาก็ไหลอาบแก้มของเธอ“พ่อของคุณจะต้องไม่เป็นไร เชื่อผมสิ” ลู ชินจิน กอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาและลูบหลังเธอเบา ๆทัง โรลชูว ซบที่หน้าอกของเขา มือของเธอกำปกคอเสื้อของเขาแน่น เธอกัดริมฝีปากตัวเองใว้เพื่อห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้ตราบใดที่แพทย์ยังคงช่วยเขาอยู่ เธอก็ยังมีความหวังดวงตาสีดำของ ลู ชินจิน หรี่ลงเล็กน้อยและสายตาที่ลึกซึ้งของเขาก็จ้องมองไปที่ประตู เสียงกังวลของหัวหน้าผู้ป่วยดังขึ้นอีกครั้งในหูของเขา"คุณทัง เมื่อพยาบาลเวรกำลังทำหน้าที่ของเธอ เธอพบว่าอัตราการเต้นของหัวใจของคุณพ่อของ
ลู ชินจิน ยื่นมืออกไปประคองใบหน้าของเธอ เขาใช้อุ้งมือวนไล้แก้มของเธออย่างแผ่วเบา แววตาเต็มไปด้วยความรักใคร่ถ้าทำได้เขาอยากจะเก็บความใสซื่อบริสุทธิ์ของเธอไว้ตลอดไป เขาคงจะไม่ยอมให้เธอได้รับรู้แผนการอันสกปรกชั่วช้านี้ ทัง โรลชูว ยกมือขึ้นมากุมมือเขาไว้อีกที จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขา เธอมองเห็นใบหน้าที่ประชดประชันของตัวเองสะท้อนอยู่ในแววตาดำขลับของเขา “ฉันไม่ได้ใสซื่อขนาดนั้น ฉันแค่ปฏิเสธที่จะยอมรับว่ามนุษย์ทุกคนนั้นแย่”แต่ความจริงก็ปรากฏให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าว่ามนุษย์นั่นชั่วช้ากว่าที่คิดจริง ๆลู ชินจิน หันหน้าไปมองที่ห้องผ่าตัด ค่อย ๆ เปิดปากขึ้นพูด “ชูวชูว ไม่มีอะไรจะต่ำช้าไปกว่าจิตใจมนุษย์ได้อีกแล้ว”เสียงทุ้มต่ำของเขาที่พูดออกมานั้นเป็นไปอย่างใจเย็นราบเรียบ ราวกับว่าเขาได้พบเจออะไรมามากมายเหลือเกินในชีวิตไม่มีอะไรจะต่ำช้าไปกว่าจิตใจมนุษย์เมื่อเธอได้ยินคำเหล่านั้น ทัง โรลชูว เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยจนแถบจะสังเกตไม่เห็น เธอจ้องไปยังร่างโปร่งที่แสนเย็นชาของเขาอย่างตั้งใจ ด้วยความสงสัยใคร่รู้ที่พุ่งพล่านขึ้นมา เขาผ่านเหตุการณ์อะไรในครอบครัวของเขามานะ ถึงทำให้เขาพูดแบบนั้นออก
เช้าวันถัดมา มู หลิง ตื่นแต่เช้าตรู่เนื่องจากถูกเจ้านายของเขาโทรตามหลายสายเมื่อเขากดรับสาย เสียงเย็น ไม่สนใจใยดีผู้ใดดังเข้ามาในกระทบหูเขา“มู หลิง มาที่โรงพยาบาลของเมืองเดี๋ยวนี้ ภายใน 10 นาทีเลยนะ!”ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดอะไรสักคำ เจ้านายของเขาก็วางสายไปยังคงถือโทรศัพท์ในมือของเขา มู หลิง งุนงง “นี่ผู้บริหารเขาต้องการอะไรกันนะ?”“บอกให้ฉันรีบไปที่โรงพยาบาลภายใน 10 นาทีเนี่ยนะ?!”“นี่เขาคิดว่าฉันขับเครื่องบินไปหรือไงกัน?!”ถึงแม้เขาจะรู้สึกสับสนและงุนงง เขาก็ลุกขึ้นไปเตรียมตัวทันทีไม่เช่นนั้นเขาก็คงต้องฟังเจ้านายของเขาบ่นยาวมู หลิง รีบบึ่งรถไปประหนึ่งเครื่องบิน โชคดีที่การจราจรไม่หนาแน่นเช้านี้ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถรีบเข้ามาที่ห้องพักผู้ป่วยสองสามวินาทีก่อนที่จะครบกำหนด 10 นาทีตามที่เจ้านายเขาบอกไว้ได้เป็นแน่เมื่อเห็นเขา ชินจินก้มลงดูนาฬิกาก่อนจะพูดขึ้น “มาทันพอดีเลยนะ” มู หลิง พูดไม่ออก เขาไม่คิดว่าเจ้านายจะจับเวลาตามที่พูดไว้จริง ๆ ดูเหมือนเจ้านายของเขาจะว่างเกินไปแล้วนะ!หลังจากที่คร่ำครวญอยู่ภายในใจ มู หลิง เดินเข้าไปแล้วถามขึ้นด้วยความสำรวม “ท่านครับ ทำ