"แล้วเธอฉีกเช็คเหรอ?" ลู เซียวเหยาวางถ้วยกาแฟของเขาลงบนโต๊ะ ขณะที่จ้อง หยิง เสี่ยวเซียวที่นั่งตรงข้ามเขาด้วยความประหลาดใจหยิง เสี่ยวเซียวพยักหน้า “แน่นอน ฉันจะเก็บไว้ทำไมล่ะ?”ลู เซียวเหยาลูบจมูกของตัวเองเล็กน้อย “น่าเสียดาย นั่นล้านดอลลาร์เลยนะ”“น่าเสียดาย?”หยิง เสี่ยวเซียวเลิกคิ้ว และถามว่า "ลู เซียวเหยาทำไมนายเสียดายเงินหนึ่งล้านดอลลาร์?"“ในเมื่อเธอเต็มใจเอาให้ มันก็ไม่ควรปฏิเสธ เราจะปฏิเสธเงินฟรีได้ยังไง” ลู เซียวเหยาคิดว่าการรับเช็คมาแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องไปจากโมเฟย ใครจะกล้าปฏิเสธเงินจำนวนมหาศาลนี้กันล่ะ?“ลู เซียวเหยา!” หยิง เสี่ยวเซียวโยนหมอนข้างไปที่เขา แและก็บ่นไปว่า "อันยีเป็นผู้หญิงที่มีอุดมการณ์"ลู เซียวเหยาจับหมอนข้างที่เธอโยนมาได้อย่างง่ายดาย และยิ้มออกมา “ฉันแค่พูดเล่นเอง ไม่เห็นต้องอาละวาดเลย”หยิง เสี่ยวเซียวสูดหายใจเข้าลึก ๆ และหรี่ตาลง “ลู เซียวเหยาถ้าพ่อของฉันขอให้นายไปจากฉันแลกกับเงินล้านเหรียญ นายคงไม่ไปหรอกใช่ไหม?”“ฉันก็เป็นคนที่มีอุดมการณ์เหมือนกัน” ลู เซียวเหยานั่งตัวตรง และจ้องที่เธอด้วยท่าทางเคร่งขรึมหยิง เสี่ยวเซียวกลอกตา "นายควรเป็น
ลู เซียวเหยารู้สึกทำอะไรไม่ถูก เธอกำลังทำลายบรรยากาศ เขาประทับใจนะที่เธอคิดได้ไปไกลขนาดนั้นหยิง เสี่ยวเซียวรู้ว่าตัวเองกำลังไร้สาระ แต่เธอไม่สามารถห้ามตัวเองได้ เธอต้องการเหตุผล “ก็ทำไมจู่ ๆ นายถึงชมฉันล่ะ? ที่ผ่านมานายเอาแต่ว่าให้ฉันนี่นา?”ในอดีตเขาเคยเรียกเธอว่ายัยแม่มดลู เซียวเหยารู้สึกทำอะไรไม่ถูกเลยจริง ๆ แต่เขาก็ยังอธิบายต่อไปว่า “ก็ตอนนั้นเธอเป็นแฟนของฉันรึยังล่ะ? ก็ไม่ มันเลยเป็นเรื่องปกติที่ตอนนั้นเราจะหยอกล้อกัน เพราะเราไม่คิดอะไรมากอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เธอเป็นแฟนของฉันแล้ว มันก็ต้องเป็นเรื่องปกติที่ฉันจะชมเธอน่ะสิ"เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่จริงใจของเขา หยิง เสี่ยวเซียวรู้สึกว่าเธอคิดมากเกินไป มุมปากของเธอกระตุกด้วยความเขินอาย ขณะที่เธอตอบกลับไปว่า “อย่างนี้นี่เอง ฉันคงเข้าใจนายผิดไป”“จะพูดแค่นี้เองเหรอ” ลู เซียวเหยาเลิกคิ้ว ขณะที่มองเธอด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย“จะเอาอะไรอีกล่ะ” “นายอยากให้ฉันขอโทษเหรอ?”ลู เซียวเหยากอดเธอ และก้มหน้าลงไปจูบเธอเมื่อริมฝีปากของพวกเขากำลังจะประกบกัน เสียงกริ่งประตูก็ทำให้พวกเขาตกใจ"ใครมา?" หยิง เสี่ยวเซียวขมวดคิ้ว ขณะที่เธอมองไปยังประตูลู
"พี่เสี่ยวเซียวคะ" ซู ซินเล่ยเรียกเธออย่างแผ่วเบาหยิง เสี่ยวเซียวยิ้มเยาะ "เธอยังคิดว่าฉันเป็นพี่สาวของเธออยู่อีกเหรอ?"เมื่อได้ยินเสียงเยาะเย้ยของเธอ ใบหน้าของ ซู ซินเล่ยก็ซีดเซียว เธอก้มหน้าลง และกล่าวขอโทษ “หนูขอโทษค่ะ พี่เสี่ยวเซียว”“ไม่จำเป็นต้องขอโทษ แค่อยู่ห่างจากเซียวเหยาก็พอ”สำหรับหยิง เสี่ยวเซียว เธอไม่สนใจว่า ซู ซินเล่ยเคยส่งรูปถ่ายเหล่านั้นมาก่อนหรือไม่ เธอสนใจเพียงว่าเธอคนนี้เข้าหาเซียวเหยาด้วยเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ในฐานะที่เป็นศัตรูกันแล้ว เธอต้องทำลายเธอให้สิ้นซากไม่ให้เหลือแม้แต่อะไรเลย โดยไม่มีแม้แต่เมตตาดังนั้นเธอจึงรีบเข้าไปจับแขนของลู เซียวเหยา และพูดเตือนด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลของเธอ “ฉันเป็นแฟนของเซียวเหยา เพราะงั้นฉันเลยไม่เคยเห็นค่าของผู้หญิงที่ต้องการมายุ่งกับเขา ซินเล่ยฉันคิดว่าเธอคงเข้าใจนะว่า ฉันหมายถึงอะไร”ซู ซินเล่ยกำมือของเธอแน่น ขณะที่เธอก้มหน้าลงเพื่อตอบว่า "เข้าใจแล้ว"“งั้นฉันคงไม่จำเป็นต้องเชิญเธอเข้ามาข้างในนะ”เมื่อได้ยินดังนั้น ซู ซินเล่ยก็ถอยออกไปนอกประตู และในวินาทีถัดมา ประตูก็ถูกปิดดัง ๆ ต่อหน้าเธอซู ซินเล่ยเงยหน้าขึ้น ขณะที่เธอจ
ทัง โรลชูวประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้รับสาย เธอไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะมีเบอร์โทรศัพท์ของเธอ แต่เธอจำได้ว่าตระกูลลูเคยสืบประวัติเธอมาก่อน เพราะแบบนั้นพวกเขาเลยมีวิธีติดที่จะต่อหาเธอเมื่อเธอรับสาย เสียงของ หลิน เสวียจีก็มาจากปลายอีกด้าน ด้วยเสียงที่สงบและเยือกเย็น เธอพูดว่า "คุณทัง ฉันเอง แม่ของชินจิน"หลังจากแนะนำตัวแล้ว ทัง โรลชูวก็เลิกคิ้วขึ้น และถามออกไปอย่างสุภาพ “คุณป้าคะ คุณโทรหาฉันทำไมเหรอคะ?”“เธอว่างอยู่ไหม คุณทัง ฉันต้องการคุยกับเธอ”"คุย? ฉันคิดว่ามันคงไม่สะดวกเท่าไหร่ตอนนี้ค่ะ"“เราจะคุยกันได้ยังไงในเมื่อคุณอยู่ที่เมืองจิง ในขณะที่ฉันอยู่ที่กรุงเทพ”"ฉันอยู่กรุงเทพ"ทัง โรลชูวพูดไม่ออกตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะสามารถหนีที่จะเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ได้ แต่ดูเหมือนตอนนี้มันจะเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่มีปัญหามา เธอต้องจัดการกับมันมาตลอดหลังจากยืนยันเวลาและสถานที่กับ หลิน เสวียจีแล้ว ทัง โรลชูวก็ขอหลี่ น่า เพื่อลางาน ก่อนขับรถไปยังสถานที่นัดหมายเมื่อเธอเข้าไปในร้านกาแฟ ทัง โรลชูวก็เห็น หลิน เสวียจีกำลังนั่งรอเธอที่ริมหน้าต่างเธอเดินเข้าไปและเรียกอย่างสุภาพ “คุณป้าคะ”หลิน เสวียจี
"ขอแค่เธอตอบตกลง เธอสามารถอยู่กับชินจินได้โดยไม่มีใครเข้าไปแยกเธอกับเขาไปได้ แม้กระทั่งพ่อของชินจิน นอกจากนี้เซียวเหยาก็จะเป็นอิสระจากพ่อของเขาเหมือนกัน แบบนี้มันเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ? "หลิน เสวียจีพูดเสริม ก่อนที่จะมองทัง โรลชูว ด้วยสายตาที่เต็มไปความมั่นใจดูเหมือนว่าเธอจะมั่นใจมากว่า ทัง โรลชูวจะเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะนี้ แต่ปากของ ทัง โรลชูวก็ขดยิ้มอขณะที่เธอตอบว่า "ขอโทษนะคะคุณป้า แต่ฉันไม่เห็นด้วย"หลิน เสวียจีถามออกไปอย่างกังวลใจ "ทำไม เธอจะไปจากชินจิน และดูพ่อของชินจินจัดการกับ เซียวเหยา อย่างนั้นเหรอ?"ทัง โรลชูวหัวเราะ “ไม่ต้องห่วงนะคะคุณป้า ฉันจะไม่ไปจากชินจิน และชินจินคงจะไม่ยอมให้เซียวเหยาได้รับบาดอันตรายแน่นอน”เมื่อมองหญิงสาวที่ยิ้มตรงหน้าเธอ ความมั่นใจของเธอทำให้ หลิน เสวียจีรู้สึกหงุดหงิด เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วถามออกไปอีกครั้ง “เธอไม่อยากทำจริง ๆ เหรอ?”ถ้าหล่อนไม่เต็มใจที่จะฟังเธอจริง ๆ เธอจะต้องคิดหาวิธีอื่น“ฉันไม่เต็มใจ ฉันเป็นแค่ภรรยาของชินจิน ฉันไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลลู และฉันก็ไม่ควรทำแบบนั้น คุณป้าคะ คุณไม่จำเป็นต้องมาโน้มน้าวฉัน
ณ เมืองจิง บ้านของตระกูลลู หลังจากกลับมาจากการทำธุรกิจ ลู เฉินตงก็ได้ยินพ่อบ้านของเขาบอกว่า ลู ชินจินมาที่นี่พร้อมกับภรรยาของเขาเมื่อวันก่อนเขารู้สึกประหลาดใจ เพราะ ลู ชินจินไม่ได้กลับมาหาตระกูลเป็นเวลานาน เหตุผลเดียวที่ทำให้เขาพาภรรยากลับมา เพราะเขาต้องการท้าทายอำนาจของพ่อเขา“ลู ชินจินจะแต่งงานเมื่อไหร่?”เขาจำผู้หญิงที่มาหา ลู ชินจินระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำการกุศลที่กรุงเทพได้ ผู้หญิงที่ทำให้เขาลืมไม่ลงหลังจากสอบถามเกี่ยวกับการปรากฏตัวของภรรยาของลู ชินจิน แล้ว เขาก็สามารถยืนยันว่าวันนั้นเขาได้เจอกับภรรยาของลู ชินจิน“แสดงว่าแต่งงานกันแล้ว”เมื่อนึกถึงผู้หญิงที่อ่อนโยน บริสุทธิ์ และสวยงาม ได้เป็นภรรยาของลู ชินจิน เขาย่อมรู้สึกอิจฉาที่ลู ชินจิน ได้รับผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบนั้น"เฉินตง"ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงทุ้มก็ดังขึ้นในหูของเขาเขาหันกลับไปทันทีและเห็นว่าพ่อของเขา ลู ติงแบงกำลังเดินลงบันไดด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมและเย็นชา"พ่อ" เขาเดินไปพยุง ลู ติงแบงนั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่นเมื่อนั่งลงแล้ว ลู ติงแบงก็เอ่ยปากถาม "สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?"“อีกฝ่ายตกลงเซ็นส
ลุงจ้าวฟื้นแล้วเมื่อทราบข่าว ทัง โรลชูวก็รีบตรงไปไปโรงพยาบาลทันทีเมื่อลุงจ้าวเห็นเธอ น้ำตาของเขาก็ไหลออกมา "คุณหนู..."เมื่อเห็นใบหน้าที่แก่ชราของเขา ทัง โรลชูวก็รู้สึกถึงความขมขื่นในใจของเธอ ขณะที่เธอรีบเดินไปข้างหน้าเพื่อจับมือเขา “ลุงจ้าว”เธอเรียกเขาออกมาอย่างแผ่วเบาตอนนี้ลุงจ้าวเป็นเหมือนเด็กน้อย เขาจับมือเธอแน่นและร้องไห้ออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ข้าง ๆ เขา จ้าว ฉีเหยิงกำลังปาดน้ำตาออกจากหน้าพ่อของเขา ขณะที่เขาพูด “พ่อครับ หยุดร้องไห้เถอะ พ่อไม่อยากคุยกับคุณทังแล้วเหรอ?”ทัง โรลชูวยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไรค่ะ ปล่อยให้ลุงจ้าวร้องไห้ก่อนก็ได้ เขาจะได้รู้สึกดีขึ้นหลังจากที่ร้องไห้เสร็จแล้ว”แต่พวกเขาไม่คิดว่าลุงจ้าวจะเป็นลมไป เนื่องจากอารมณ์ที่ระเบิดออกมา พวกเขารีบเรียกหมอด้วยความกลัวทันทีหมอบอกว่าลุงจ้าวยังอ่อนแออยู่เพราะเพิ่งฟื้น เขากระวนกระวายเกินไปและด้วยเหตุนี้จึงเป็นลม แต่ในไม่ช้าเขาก็จะตื่นขึ้นเองทัง โรลชูวถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากได้ยินคำพูดของแพทย์ เธอจ้องคราบน้ำตาของลุงจ้าวที่กำลังร้องไห้อยู่บนเตียงในโรงพยาบาล ขณะที่เธอยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ตราบใดที่ลุงจ้า
ริมฝีปากของทัง โรลชูว ค่อย ๆ ขดเป็นรอยยิ้มที่เย็นชาช้า ๆ “เธอช่างเป็นคนที่ร้ายกาจมาก เธอเปลี่ยนยาของพ่อฉัน และแกล้งทำข้อตกลงโอนหุ้นเพื่อพยายามยึดตระกูลทัง อีกทั้งเธอยังตัดท่อช่วยหายใจของพ่อฉันออกแล้วผลักคุณลงบันไดอีก ทั้งหมดเพื่อประโยชน์ของกู โรลโรล ถ้าเพราะลูกของเธอแล้วคงไม่มีอะไรที่เธอไม่กล้าทำ”เมื่อได้ยินสิ่งที่ ทัง โรลชูวพูด ลุงจ้าวก็รู้สึกประหลาดใจ “เธอเป็นคนร้ายกาจอะไรขนาดนั้นได้ยังไง คุณผู้ชายไม่ดีพอสำหรับเธอเหรอ?”“ลุงจ้าวคะ ความโลภสามารถกลืนกินความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของมนุษย์ได้หมด ผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวและโลภอย่างเธอ คงจะไม่สนเรื่องความสัมพันธ์หรอกค่ะ”แม้แต่สุนัขก็ยังรู้ที่จะกระดิกหางต่อหน้าเจ้านายของมัน แต่กู โรลโรล และ เซา เสี่ยวหวันนั้นยังทำตัวแย่ยิ่งกว่าสุนัขซะอีกลุงจ้าวถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าและส่ายหัวออกมา “คุณหนูครับ ผมรู้สึกเสียใจต่อคุณหนูกับคุณผู้ชายมาก”ทัง โรลชูวยิ้ม “อันที่จริงแล้ว ฉันควรจะขอบคุณพวกเขา ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขา ฉันก็คงไม่แข็งแกร่งขึ้นมาได้ขนาดนั้น”การถูกทำร้ายครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้เธอแข็งแกร่งเกินไปสำหรับพวกเขาเ