ความเงียบของเธอยืนยันความจริงให้กับลิเลียน ผู้ซึ่งเริ่มพูดจาไร้สาระ “แค่เธอบอกว่าเขาเคยเป็นเพลย์บอยก็แย่พอแล้ว เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น พ่อกับแม่เกลียดเรื่องแบบนี้มาโดยตลอด พ่อเธอสอนเธอให้ซื่อสัตย์ตั้งแต่ยังเด็กเสมอและอย่ามั่วจนกว่าเธอจะแต่งงาน แม้ว่าเธอจะคบใคร เธอไม่ควรลังเลใจ ฉันอยู่กับพ่อเธอมานานหลายปีและไม่เคยต้องสงสัยว่าเขาจะมีคนอื่นเลย ฉันเพียงคิดว่าจะแต่งงานใหม่อีกครั้งหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว แจ็คสันทำอย่างนี้ได้ยังไง? แต่… เธอจะยกเลิกการหมั้นจริงเหรอ? มันก็สมเหตุสมผลแหละ… สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทนไม่ได้ เธอยังไม่ได้แต่งงานกันด้วยซ้ำ แต่เขาก็ทำสิ่งนั้นแล้ว ยังมีเวลาข้างหน้าอีกเยอะ เพราะฉะนั้นเธอจะทนเรื่องนี้ไปได้อย่างไร? ฉันจะไม่มองดูเธอกระโดดลงไปในขุมนรกหรอกนะ ฉันจะให้บัตรเอทีเอ็มเธอเดี๋ยวนี้!”ทิฟฟานี่กลั้นน้ำตาเอาไว้ เธอไม่ได้ร้องไห้ที่คฤหาสน์เทรมอนต์และตอนนี้เธอก็ร้องไห้ไม่ได้ อย่างน้อย ลิเลียนก็เข้าใจการตัดสินใจของเธอและสนับสนุนเธอ ลิเลียนไม่ได้โต้เถียงกับเธอด้วยลิเลียนหยิบบัตรเอทีเอ็มออกมาและทิฟฟานี่ก็ยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อเธอรับบัตรนั้น "ขอบคุ
ซัมเมอร์เช็ดน้ำตาจากหางตาและสะอื้นไห้ “อย่างน้อยเธอช่วยบอกเราได้ไหมว่าทำไม? แม้ว่าเธอจะไม่ต้องการอยู่ด้วยกัน เธอก็ยังทำงานที่บริษัทต่อไปได้ ไม่เป็นไร… เธอเป็นเหมือนลูกสาวสำหรับฉันนะ” ณ จุดนี้ ก็มีบางอย่างกระทบเธอ "เธอโกรธฉันหรือเปล่า? ฉันทราบถึงปัญหาระหว่างลินน์กับแจ็คสันดี ฉันเพียงแต่ปล่อยให้ลินน์เข้าไปในบ้านเพื่อยั่วให้แจ็คสันพาเธอมาที่บ้านเพื่อมาเยี่ยมฉันและชายชราผู้เศร้าโศก ฉันเพียงแต่แสดงกับลินน์เท่านั้น ฉันส่งลินน์กลับไปแล้วด้วย…”ทิฟฟานี่ส่ายหัว “ไม่ใช่อย่างนั้น… มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลย”ดวงตาของซัมเมอร์เต็มไปด้วยน้ำตา “แล้วทำไมล่ะ? ดูเหมือนฉันจะโทรหาเธอไม่ติดด้วยและฉันก็ตกตะลึงมากเมื่อเห็นข้อความของเธอ ฉันไปหาแจ็คสันมาแต่เขาก็เอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในวิลล่าที่ ไวท์ วอเตอร์ เบย์ เหมือนที่เธอซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ราวกับว่าเขาได้สูญเสียวิญญาณของเขาไป ฉันคุยกับเขาเกือบครึ่งวันแต่เขาก็ยังไม่ยอมตอบฉัน! ฉันจะไม่ยอมกลับไปจนกว่าเธอจะให้เหตุผลกับฉัน!”ทิฟฟานี่สูดหายใจเข้าลึก ๆ “ฉันถูกข่มขืน สิ่งนี้เกิดขึ้นก่อนที่ฉันกับแจ็คสันจะคบกัน เขารู้และฉันไม่เคยเก็บมันไว้จากเขา แม้ว่าเขาจะยอมรับมันไ
ที่คฤหาสน์สมิธอเลฮานโดรดูเหมือนจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เขาจิบไวน์แดงที่อยู่ต่อหน้าเขาอย่างประณีตขณะที่ลินน์เสิร์ฟเขาจากเคียงข้างอย่างระมัดระวัง“ผมไม่เคยคาดหวังว่าเรื่องนี้จะคลี่คลายได้เร็วขนาดนี้ ตอนนี้ ผมมีความเคารพต่อคุณในระดับใหม่แล้วนะลินนี่”ลินน์ยิ้ม “ฉันแค่โชคดี ฉันไม่เคยคิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้เหมือนกัน” สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็คือความอ่อนไหวของทิฟฟานี่ที่มีต่อ “การทรยศ” ครั้งนี้ อันที่จริงอเลฮานโดรรู้จักทิฟฟานี่ดีเหมือนหลังมือตัวเองผ้าพันแผลบนใบหน้าของอเลฮานโดรถูกถอดออก เขาสวมหมวกเบสบอลที่คลุมใบหน้าเขาไว้ครึ่งหนึ่ง รอยแผลจากการผ่าตัดใหม่สามารถถูกมองเห็นได้บนใบหน้าของเขาจาง ๆ เนื่องจากเขายังไม่หายดี “ดูเหมือนว่าการเริ่มโจมตีจากทิฟฟานี่จะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ง่ายกว่าการทำลายอัตตาของแจ็คสัน ทุกคนมีความอ่อนแอที่ถึงตาย น่าสนใจมาก ลินนี่… คุณคิดว่าจุดอ่อนของผมคืออะไร?”“คุณไม่มีจุดอ่อน” ลินน์ตอบทันทีอเลฮานโดรยิ้มเยาะและหมุนไวน์ในแก้วเบา ๆ “คุณคิดผิด ทุกคนมีจุดอ่อน เช่นเดียวกับผม คุณแค่ไม่ได้สังเกตมัน เมื่อคุณรู้จักใครสักคนมากพอแล้วคุณจะรู้เอง”ลินน์ยังคงนิ่
ทิฟฟานี่มองเขาอย่างสงสัย “'เหมือนเดิม'? ฉันไม่คิดว่าเราเคยเจอกันมาก่อนนะ อย่าทำเหมือนรู้จักฉันดีเลย แม้แต่แม่ฉันเองยังไม่รู้จักฉันดีขนาดนั้นเลย…”อเลฮานโดรไม่ตอบ เขาเพียงแต่จ้องเธอเงียบ ๆพวกเขาสบตากัน หัวใจของทิฟฟานี่เต้นระรัว ทำไมดวงตาคู่นั้นถึงดูคุ้นเคยสำหรับเธอนัก? เธอไม่อาจอธิบายความรู้สึกนี้ได้ ราวกับว่า… พวกเขารู้จักกันมานานแล้ว เธอยกมือขึ้นเพื่อจะถอดหน้ากากเขาตามสัญชาตญาณแต่เขากลับหันหน้าหนีก่อน“หน้าผมยังไม่หายดี ผมเกรงว่ามันอาจทำให้คุณตกใจได้ ผมจะให้คุณมองหน้าผมมากเท่าที่คุณต้องการเมื่อผมกลับมาจากต่างประเทศแล้ว”ทิฟฟานี่ก้มหน้าลงโดยตระหนักว่าเธอลืมมารยาทของเธอไปแล้ว “ฉันขอโทษ… ครั้งสุดท้ายที่คุณเลี้ยงอาหารฉัน คุณเอาแต่มองฉันกินเท่านั้น ครั้งนี้จะเหมือนเดิมไหม? คุณตีความคำว่า “เลี้ยงอาหารฉัน” ได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว…”อเลฮานโดรปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น ซึ่งสื่ออีกในหนึ่งได้ว่าเขาเห็นด้วยกับคำพูดของเธอโดยปริยายทิฟฟานี่ไม่ใช่คนโง่ เธอจำคำเตือนของแจ็คสันได้ดี เมื่อใดก็ตามที่ผู้ชายยื่นมือมาช่วยผู้หญิงคนหนึ่งเอง นั้นหมายความว่าเขาต้องมีแรงจูงใจซ่อนเร้นไว้อย่างแน่นอน เธ
เวลาล่วงเลยผ่านไป คืนนี้เป็นคืนก่อนเทศกาลอีสเตอร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บางครอบครัวจะมารวมตัวกันเพื่อรับประทานอาหารมื้อใหญ่ที่แสนอร่อย จากการยืนกรานของแอเรียน พ่อบ้านเฮนรี่และแมรี่จึงได้มานั่งร่วมโต๊ะทานอาหารเย็นกับเธอและมาร์คมันเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับแอเรียน พวกเขาคือครอบครัวของเธอเช่นกัน พวกเขาคือคนที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กเธอยังได้รับเงินจำนวนหนึ่งจากเฮเลนเป็นของขวัญและเป็นนัยสำหรับความปรารถนาดีภายใต้ฉากหลังที่มีเพลงสวดของโบสถ์ที่อยู่ห่างไกลและดอกไม้ไฟที่ถูกจุดเป็นครั้งคราวเหมือนเคย ทันใดนั้นเธอก็ตระหนักว่าอีสเตอร์ในปีนี้แตกต่างจากครั้งก่อนด้วยความเจ็บปวด เธอไม่สามารถระบุความแตกต่างที่แน่นอนได้แต่เธอสงสัยว่ามันเป็นเพราะเทศกาลนี้ได้ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนบ้านมากกว่าที่เคยเป็นหรือไม่หลังจากที่ตอบข้อความของเฮเลนแล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นและพิจารณามาร์ค “ฉันสงสัยว่าคุณย่าเป็นอย่างไรบ้าง” เธอสงสัยออกมา “ฉันไม่สามารถติดต่อเขาได้เป็นเวลานานจนฉันเริ่มกังวล ไม่มีทางที่ โซอี้และคนอื่น ๆ จะรักษาการกระทำนั้นได้นาน แต่ครั้งนี้พวกเขาทำมันได้นานเลยทีเดียว…”มันเป็นหนึ่งในสถานการณ์ที่น่ากลัวที่ส
ไม่นานหลังจากเทศกาลอีสเตอร์ มาร์คก็ตัดสินใจเดินทางไปต่างประเทศ มันเป็นการจากไปที่ค่อนข้างน่าแปลกใจสำหรับนิสัยปกติของเขา ปกติทุกธุรกิจในต่างประเทศจะถูกส่งต่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของมาร์คเสมอถ้าคนเหล่านั้นสามารถช่วยได้ อย่างไรก็ตาม คราวนี้เขาไม่มีทางเลือก ดังนั้นเขาจึงคาดว่าจะต้องแยกจากภรรยาของเขาเป็นเวลาประมาณครึ่งเดือนวันที่ต้องออกเดินทางของเขาเริ่มต้นด้วยการที่เขาทำรายการคำแนะนำอันยาวเหยียดให้แก่แมรี่และเฮนรี่ โดยครอบคลุมขอบเขตที่หลากหลายรวมถึงตารางชีวิตประจำวันของแอเรียนและแผนการรับประทานอาหารจนถึงชั่วโมงในการนอนและการออกกำลังกายของเธอ หลายคนคงเริ่มสงสัยว่าเหตุการณ์วันสิ้นโลกจะเกิดขึ้นกับเขาหรือไม่หลังจากที่เขาจากไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ใครคนหนึ่งมองดูความกังวลใจที่สัมผัสได้ทั่วใบหน้าของเขา หากเฮนรี่ไม่เตือนเขาว่าเครื่องบินกำลังจะออกในเร็ว ๆ นี้ การจู้จี้ไม่หยุดหย่อนของชายผู้นั้นอาจไม่มีวันหยุดนิ่งแอเรียนส่งเขาออกไปที่ประตู ซึ่งชายผู้น่าสงสารนั้นเดินไปที่รถได้โดยหันกลับมามองทุก ๆ สามก้าว“เอาล่ะ พอแล้ว อยู่ที่นี่นะ ใช่ เพราะที่นี่หนาว เธอรู้อะไรไหม? กลับเข้าไปในบ้านเดี๋
คนเดียวที่ต้องการจะเลิกรากันคือเธอ เธอเพียงผู้เดียวแถบการแจ้งเตือนด้านบนแสดงให้เห็นว่ามีสายเรียกเข้าพลางเลื่อนลงมาและบังใบหน้าของเธอจากมุมมองของแจ็คสัน เขารับสายนั้นอย่างเยือกเย็นด้วยความรู้สึกโกรธเล็กน้อย “ว่าไง?”เสียงหวานแหบพร่าและขี้ขลาดกระทบหูของเขา “สวัสดีค่ะคุณเวสต์ คืนนี้อยากมาเจอเพื่อนเก่าหน่อยไหม? ข่าว 'การเป็นอิสระ' ล่าสุดของคุณกำลังแพร่ระบาดไปทั่ว ดังนั้น ฮิ ๆ ยินดีด้วยค่ะ!”การตอบสนองอัตโนมัติของแจ็คสันคือ ไม่ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่คำพูดนั้นจะออกจากปากเขา เขาก็รั้งตัวเอง นี่เป็นอดีตของเขาที่ไล่ตามเขา ครั้งสุดท้ายที่เขายอมตามใจตัวเองคือเมื่อไหร่? เขาเกือบลืมไปแล้วว่าวิถีชีวิตแบบเก่าของเขามีอิสระมากเพียงใด“ได้สิ” เขาพูดผู้หญิงคนนั้นไม่ได้พยายามจะซ่อนความตื่นเต้นของเธอเลย "โอ้ พระเจ้า! เยี่ยมเลย! อย่าปล่อยให้เรารอนานนะสุดหล่อ”เนื่องจากแจ็คสันไม่ใช่คนประเภทที่จะมีความสุขในยามค่ำคืนโดยไม่พาเพื่อนสนิทของเขาไปด้วย เขาจึงส่งข้อความหาเอริกหลังจากที่สิ้นสุดการโทรนั้นทันที 'นาย ฉัน ปาร์ตี้คืนนี้'แค่นึกถึงแอลกอฮอล์ก็ทำให้เอริกรู้สึกไม่สบายแล้ว 'ฉันเลิกไปแล้ว เค? ดื่มเบียร์ไม
เอริกเองก็คิดว่ามันจะเสียเปล่าถ้าไม่ดื่ม "งั้นเหรอ? งั้นเทให้ผมเต็มแก้วเลย ผมจะหยุดดื่มเมื่อผมใกล้ตาย!”มุมปากของแจ็คสันโค้งงอ แม้ว่าจะถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้หญิงที่พยายามอย่างเต็มที่ ดวงตาของเขากลับสะท้อนถึงจิตใจที่มีสติสัมปชัญญะดี “เฮ้ อย่าตายนะ ได้โปรด อย่าให้ฉันต้องลากศพนายกลับ”เอริกกระดกเครื่องดื่มหมดในครั้งเดียวแล้ววางแก้วลงด้วยท่าทางที่ไม่พอใจ “ฉันไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์มานานแล้ว พระเจ้ารู้ดีว่ามันรู้สึกดีแค่ไหน! อย่าหงุดหงิดเลยแจ็คสัน ฉันจะไม่ตายหรอก ฉันกินบางอย่างระหว่างทางมาที่นี่แล้ว มันน่าจะช่วยลดฤทธิ์เบียร์บางส่วนได้ สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือนายต่างหาก! จู่ ๆ ก็เกิดอารมณ์อยากออกมาเล่นใช่ไหม? ฉันกลับคิดว่านายพอใจที่จะเป็นเด็กดีที่ไม่ออกไปซนแล้วเสียอีก”แจ็คสันไม่พูดอะไร แต่รอยยิ้มบนริมฝีปากของเขาจางลงผู้หญิงที่ยั่วยวนที่มีใบหน้าที่อาจได้รับการทำศัลยกรรมพลาสติกมากเกินไปก็ลุกขึ้นพร้อมกับโทรศัพท์ในมือ "คุณเวสต์ คืนนี้ฉันพาเพื่อนของฉันมาคนหนึ่งด้วย! เธอยังเป็นมือใหม่ ไม่สิ ฉันควรจะบอกว่าเธอไม่เคยโดนแตะต้องเลยด้วยซ้ำ เธอเพิ่งมาถึงและตอนนี้เธอกำลังถามว่าเธอจะเข้ามาทักทายได้ไหม คุณอย