มาร์คไม่ได้พูดอะไร แต่เมื่อเห็นการยืนกรานในดวงตาของเขา แอเรียนก็ไม่อยากหาเรื่องระหว่างทางไปโรงพยาบาลเธออดที่จะถามไม่ได้ “ครอบครัวของเอริกมีพี่น้องกี่คนเหรอคะ? ทำไมพวกเขาถึงมาถึงขั้นนี้ได้?”มาร์คดึงเน็คไทของเขา “พี่สาวหนึ่งคนและพี่ชายสองคน เขาเป็นคนสุดท้ายของครอบครัว...จากภรรยาคนที่สามของพ่อเขา เขามีพี่ชายต่างแม่ มันค่อนข้างซับซ้อน ผู้ชายแก่คนนี้เขาไม่ได้นับถือมากนัก จริง ๆ แล้วไม่ใช่ความผิดของเอริก ถ้าเป็นผม ผมคงจะทำได้แย่กว่าเขามาก”แอเรียนยังคิดว่าเรื่องต่าง ๆ จะไม่หยุดอยู่แค่นี้หากเป็นมาร์คเมื่อมาถึงโรงพยาบาล แพทย์ได้ทำการดึงหนามที่ฝ่ามือของแอเรียนออก เมื่อเธอเห็นว่าฝ่ามือเปื้อนเลือด เธอเพิ่งรู้สึกว่าเธอเจ็บแค่ไหน หลังจากรักษาฝ่ามือและพันผ้าพันแผลแล้ว มาร์คขมวดคิ้วและมองมาที่ผ้าพันแผลที่มือของเธอ “ไม่ต้องกลับไปที่ออฟฟิศแล้ว ผมจะไปส่งคุณที่บ้าน”แอเรียนไม่เต็มใจ “ฉันไม่เป็นไรค่ะ ฉันยังมีงานที่ยังทำไม่เสร็จและฉันยังต้องทำงานล่วงเวลาในคืนนี้ จะไม่กลับไปทำงานได้อย่างไรคะ? บาดแผลไม่ได้ส่งผลกระทบต่องานของฉันหรอกค่ะ”มาร์คไม่สนใจความคิดเห็นของเธอและลากเธอไปขึ้นรถเพื่อไปส่งเธอที่ค
แจ็คสันกระเดาะลิ้น “ใบหน้าของนายพังหมดเลย เขารุนแรงเกินไป”แอเรียนไม่คุ้นเคยกับโต๊ะที่เต็มไปด้วยผู้ชายแบบนี้และด้วยความที่เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวเธอจึงไม่สามารถตามบทสนทนาได้ด้วย แอเรียนจึงทานไปไม่กี่คำและลุกขึ้น "ฉันอิ่มแล้ว พวกคุณทานให้อร่อยนะคะ”มาร์คพยักหน้ารับ เธอเดินไปนั่งบนโซฟาที่ห้องนั่งเล่นพร้อมกับข้าวปั้นที่เข้ามาคลอเคลียในอ้อมกอดเธออย่างเป็นธรรมชาติแจ็คสันเมื่อเห็นอย่างนั้นก็ตกใจเล็กน้อย “แมวตัวนั้นอ้วนจังเลยนะ…”มาร์คถอนหายใจโดยไม่พูดอะไร แต่แจ็คสันรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ “โถ่ โถ่ ไม่คิดไม่ฝันเลยนะเนี่ย แต่ก่อนนายเป็นคนที่กลัวสัตว์ขนมากที่สุด แต่ตอนนี้กลับเลี้ยงเองซะงั้น ดูเหมือนว่าใครบางคนจะมีอิทธิพลต่อนายค่อนข้างมากเลยสินะ?”มาร์คยังคงไม่พูดอะไร แต่สายตาเขาจ้องไปที่แจ็คสันพร้อมกับยิ้มที่มุมปากก่อนที่สายตาเขาจะกวาดไปที่ห้องนั่งเล่นอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อพวกเขาทานอาหารเสร้จก็เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่ม แจ็คสันและเอริกกลับไปด้วยสภาพที่โซเซ และมาร์คก็ไม่ได้สภาพดีกว่าพวกเขาเลย นี้เป็นครั้งแรกที่แอเรียนรู้สึกว่าคฤหาสน์เทรมอนต์ที่เคยเงียบดั่งป่าช้าได้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง ในความประทั
อยู่ ๆ โทรศัพท์ของแอเรียนก็ดังขึ้น เธอหลบหนีจากการอ้อมแขนมาร์คและหยิบมือถือบนเตียงขึ้นมาดู บนหน้าจอแสดงผลให้เห็นว่าทิฟฟานี่โทรมา แอเรียนจำเป็นที่จะต้องรับสายนี้เพราะเธอมั่นใจว่ามาร์คจะต้องหยุดการกระทำของเขาไว้จนกว่าเธอจะคุยโทรศัพท์เสร็จเธอกดรับสายปราศจากความกังวล ทันทีที่มาร์คได้ยินเสียงทิฟฟานี่เขาก็กัดคอเธอเบา ๆ แอเรียนตัวแข็งก่อนที่ร่างกายเธอจะอ่อนย้วยดั่งเยลลี่ เธอพูดด้วยความยากลำบากว่า “ทิฟฟ์...ตอนนี้ฉันไม่สะดวกคุย เดี๋ยวฉันโทรกลับนะ” ทิฟฟานี่ถามอย่างงง ๆ ว่า “เธอเป็นอะไรหรอแอริ? ทำไมตอนนี้ถึงไม่สะดวกคุยละ? ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกเธอนะ เรื่องของคุณ---” แอเรียนวางสายทันทีก่อนที่ทิฟฟานี่จะพูดจบ หัวใจเธอเต้นเร็วมาก ทิฟฟานี่เกือบเอ่ยชื่อ ‘คุณสโลน’ แล้ว ก่อนที่เธอจะรู้ความจริง เธอจะให้มาร์ครู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด ตอนนี้เขาใกล้ชิดเธอมาก เขาได้ยินทิฟฟานี่แน่ ๆโชคดีที่มาร์คเมาและไม่ได้ถามอะไร สิ่งเดียวที่เขาสนใจตอนนี้คือ แอเรียน เขาคว้ามือถือเธอและโยนมันทิ้งโดยไม่สนใจว่าจะโยนไปที่ใดเมื่อเสื้อผ้าพวกเขาถูกถอดหมดแล้ว มาร์คไม่ได้ลงมือทันที แต่เขากลับนำทางมือแอเรียนไปยังส่วนล่างของร่างก
ทิฟฟานี่ดันแก้วน้ำไปที่ริมฝีปากของแจ็คสันอย่างเร่งรีบ “ดื่มซะ ฉันยังเหลืองานต้องทำอีกเยอะและไม่มีเวลามาคุยด้วยหรอก นายแค่ขอให้ฉันมาทำความสะอาดบ้านและเตรียมอาหารให้ นายไม่ได้บอกว่าฉันต้องมารับใช้นาย ถ้าต้องการแบบนั้นนายต้องขึ้นค่าจ้างฉัน!”แจ็คสันดื่มน้ำจนหมดแก้วและหยิบธนบัตรออกจากกระเป๋าสตางค์เขามาปึกนึง “ได้สิ...เท่าที่คุณต้องการ แต่ฉันมีข้อแม้ นอน...กับฉัน คุณเสนอราคามาเลย”ทิฟฟานี่เกือบจะระเบิดด้วยความโมโห นี้มันเรื่องบ้าอะไรกัน? “แจ็คสัน เวสต์ เมื่อกี้นายพูดว่าอย่างไรนะ?”แจ็คสันปลดกระดุมเสื้อตนเองเผยให้เห็นหน้าอกที่ล่ำของเขา “นอนกับฉัน…”ทิฟฟานี่ดันตัวเองไปด้านหน้าและตบหน้าแจ็คสันอย่างไม่สามารถหยุดยั้งตัวเองได้ “ไปตายซะ! ถ้าขืนนายยังทำตัวแบบนี้อยู่ฉันจะตีนายให้ตายแน่!”แต่เธอไม่ได้โมโหร้ายแรงขนาดนั้น ทิฟฟานี่รักในความสวยงาม ตอนแจ็คสันปลดกระดุมเสื้อเธอเกือบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำ หากแจ็คสันไม่ได้หล่อขนาดนี้เธอคงจะทำร้ายเขาจนเขาพิการไปแล้ว! แต่เพราะความมึนเมาของแจ็คสันเธอจึงไม่ได้ถือสาเขาแจ็คสันที่เพิ่งจะโดนตบไปสีหน้าและสายตาเปลี่ยนเป็นดุดัน ทิฟฟานี่เสียใจกับการกระทำเมื่อ
ไม่นานนักแจ็คสันก็ยอมที่จะลงมาจากตัวเธอโดยดี ทิฟฟานี่ลุกขึ้นจัดระเบียบเสื้อผ้าของเธอด้วยอาการหอบนิด ๆ “เอ่อ...นี้ก็ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้เช้าฉันค่อยกลับทำความสะอาดต่อนะ นายไปนอนเถอะ ฉันกลับละ!”แจ็คสันนั่งหันหลังให้เธออยู่ที่ขอบเตียง เธอจึงไม่เห็นสีหน้าของเขา พอเขาไม่ตอบอะไร เธอจึงรับความเงียบนั้นเป็นคำตอบและรีบออกจากห้องเขาโดยเร็ว เธอไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าเธอจะต้องมาเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ระหว่างรับงานพาร์ทไทม์ แต่อย่างไรสิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นสิ่งที่เข้าใจได้ง่าย เพราะผู้ชายอย่างแจ็คสันคงจะคุ้นเคยกับอะไรแบบนี้อยู่แล้ว เพลอ ๆ พอเธอกลับบ้านไปอาจจะมีผู้หญิงคนอื่นมาหาเขาแทนก็ได้วันต่อมาที่คฤหาสน์เทรมอนต์...แอเรียนตื่นตั้งแต่เช้า มาร์คและนีน่ายังคงหลับอยู่ เธอจึงตัดสินใจที่จะโทรกลับหาทิฟฟานี่ที่ยังคงสะลึมสะลืออยู่ เรื่องก็มีอยู่ว่า คนที่พวกเขาจ้างให้ไปสืบได้ความมาว่าคุณสโลนถูกลักพาตัวด้วยใครสักคนตามที่อยู่ของจดหมายนั้นและได้ล้มป่วยระหว่างนั้นด้วย ทั้งหมดก็มีอยู่เท่านี้แต่พวกเขาทราบข้อมูลเหล่านั้นตั้งแต่แรกแล้ว เพราะฉะนั้นข้อมูลนี้จึงไม่ได้ช่วยอะไรเลย พวกเขาดีใจเสียเปล่ามาร์คลงมาด้านล่
พอทุกคนไปหมดแล้ว วิลก็เดินมาที่ห้องนั่งเล่นแล้วเรียก “แอริ”แอเรียนลุกขึ้นแล้วหันไปยิ้มให้เขา “บังเอิญจังเลย ฉันไม่รู้ว่านายจะมาร่วมประชุมด้วย ฉันมากับมาร์คเพื่อแก้เบื่อ... ขานายเป็นอย่างไรบ้าง?”วิลไม่ถือสาความกังวลของเธอแล้วยิ้มอย่างอบอุ่น “ดีขึ้นแล้ว เวลาเดินจะรู้สึกตลกนิดหน่อย คงจะใช้เวลาในการรักษาอีกนิด ฉันเห็นแล้วว่ามาร์คเขาดูแลเธอดี แต่ฉันหวังว่าเขาไม่ได้ทำพฤติกรรมเช่นนั้นเพียงเพราะอยากแสดงต่อหน้าคนอื่น”แอเรียนเลือกที่จะไม่ตอบในประเด็นนั้นและเปลี่ยนเรื่องคุยทันที “อืม... นายจะดื่มอะไรไหม? ฉันชงกาแฟได้นะ”วิลไตร่ตรองพักนึงแล้วตอบว่า “ได้สิ รบกวนด้วยนะ”แอเรียนยิ้มก่อนที่จะเดินเข้าไปที่ห้องทำงานของมาร์คเพื่อชงกาแฟสองแก้วเพราะว่าห้องทำงานเขามีอุปกรณ์ที่หลากหลายกว่าห้องนั่งเล่น สองนาทีหลังจากที่เธอกลับมาที่ห้องนั่งเล่นพร้อมกับกาแฟประตูห้องประชุมก็เปิดออกพร้อมกับมาร์คที่เดินออกมา “แอริ นั้นเธอทำอะไร?”แอเรียนพยายามที่จะพูดให้เย็นที่สุด “ฉันแค่พูดคุยกับวิล คุณประชุมอยู่ไม่ใช่หรอ? ออกมาทำอะไร?”“พักเข้าห้องน้ำ” มาร์คตอบพร้อมกับมองสำรวจมาที่แอเรียนกับวิลก่อนที่จะเดินไปเข้าห้องน้
แอเรียนคิดว่าเธอจะวิ่งว่องไวดั่งกับสายลม แต่มาร์คกลับจับเธอได้ก่อนที่เธอจะวิ่งพ้นลอบบี้เสียอีก “นี่เธอใจถึงมากเลยนะ ถึงกับกล้าเยียบเท้าผม ดี เดี๋ยวผมจะสั่งสอนคุณเอง”เธอยอมแพ้และปล่อยให้เขาพาเธอกลับไปที่รถแต่โดยดี ไบรอันสังเกดเห็นว่าทั้งคู่นั้นดูหอบ ๆ เหนื่อย ๆ ราวกับเพิ่งออกกำลังกายกันเสร็จ เขาจึงหยุดตัวเองไม่ได้ที่จะแซวว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? พวกคุณไปวิ่งเร็ว 100 เมตรมาหรือ?”มาร์คดูเหมือนจะอารมณ์ดีและตอบคำถามเขาไปว่า “อะไรประมาณนั้น เพียงแต่มันจบลงก่อนที่จะถึง 100 เมตร ไปที่ไวท์ วอเตอร์ เบย์ คาเฟ่ กันเถอะ”ไวท์ วอเตอร์ เบย์ คาเฟ่...แอเรียนนึกถึงครั้งล่าสุดที่เธอไปที่นั้นกับมาร์ค แน่นอนว่ามันเป็นความทรงจำที่ไม่ดี เธอยังคงไม่เข้าใจตัวเอง แทนที่เธอจะรู้สึกว่าพวกเขาเข้ากันได้ดีเพราะต่างคนต่างปรับเข้าหากัน เธอกลับรู้สึกว่าเธอนั้นได้ยอมแพ้ไปและเรียนรู้ที่จะเอาตัวรอดมากกว่าพอถึงที่ร้านอาหาร มาร์คอนุญาตให้แอเรียนเป็นคนเลือกที่นั่ง ตอนนี้ใกล้ได้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว ผู้คนในร้านยังไม่มากนักจึงทำให้มีโต๊ะว่างเยอะแต่ส่วนใหญ่ก็ถูกจองไว้แล้ว เพราะฉะนั้นที่นี้คงจะเต็มในอีกไม่นานแอเรียนเลือ
มาร์คหันหน้ามามองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสน “ถ้าผมบอกคุณว่าอดีตมันไม่สำคัญละ? ผมไม่ได้…” เขาถูกขัดจังหวะก่อนที่เขาจะพูดจบประโยคโดยแอรี่และครอบครัวของเธอ วันนี้เธอไม่ได้มาเพียงกับคุณแม่ของเธอ แต่แม้กระทั่งคุณพ่อของเธอ ฌอง คินซีย์ ก็มาด้วย“พี่มาร์คที่รัก บังเอิญจังเลย! ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี้ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คุณสบายดีไหม?” แอรี่ทำเหมือนกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นและยังคงคุยกับมาร์คด้วยน้ำเสียงที่แอ๊บแบ๊วของเธอมาร์คผู้ที่ไม่ชอบโดนขัดจังหวะจึงมีสีหน้าที่แสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน “ดี” เขาตอบอย่างสั้น ๆแอรี่รู้ดีว่าสถานการณ์เช่นนี้ควรต้องทำตัวอย่างไรเธอจึงเลือกที่จะหยุดพูดแล้วเปลี่ยนมาส่งสายตาพิฆาดให้แอเรียนแทน ฌองและเฮเลนทำตัวเป็นมิตรต่อหน้ามาร์คเสมอ ถ้าให้พูดถึงความร้ายกาจของสองคนนั้นแขาคงจะอยู่ในระดับที่ต่างกัน พวกเขาเรียกมาร์คว่า ‘มาร์ค’ แทนที่จะเรียก ‘คุณเทรมอนต์’ เหมือนกับคนอื่นด้วยซ้ำ “วันนี้อากาศดีนะมาร์ค ดีแล้วที่คุณพาแอริออกมาข้างนอกบ้าง ลูกสุขภาพไม่ค่อยดีตั้งแต่เล็ก แม่รู้สึกโล่งใจที่ได้เห็นว่าหลายปีที่ผ่านมาลูกอยู่กับครอบครัวเทรมอนต์อย่างสุขสบาย”แอเรี