14:00น.
มหาลัยER… คณะวิศวกรรมศาสตร์…. ลานเกียร์ วิศวะ ยี่หวา หวันยิหวา…. พรึบ “นี่….” “หืม…?”ฉันหันไปมองยังต้นเสียงและแรงสะกิดไหล่ฉันจากคนที่นั่งอยู่ข้างๆตัวฉันแต่คนละแถวซึ่งเเถวเราอยู่ติดกัน ก็เจอเข้ากับผู้หญิงหน้าตาดีผิวขาวใสแก้มอมชมพูริมฝีปากสีชมพูระเรื่อมัดผมลอนสีน้ำตาลของเธอรวบไว้เป็นหางม้าพร้อมกับผูกโบว์สีขาวไว้ที่ยางมัดผม เธอจัดเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งน่ารักไปในตัว ลักยิ้มที่แก้มซ้ายของเธอยิ่งดูยิ่งมีเสน่ห์ “หวัดดี^_^”เธอยิ้มให้ฉันและยกมือขึ้นมาโบกทักทายฉัน ฉันนั่งที่ตรงนี้ประจำทุกครั้งที่ประชุมเชียร์ไม่เคยเห็นเธอเลยน่ะ “หวัดดี^_^”ฉันยกมือโบกทักทายเธอกลับไปพลางยิ้มให้เธอไปด้วย “เราชื่อใยไหมนะ…เรียกว่าไหมเฉยๆก็ได้^_^”เธอว่าพลางยกป้ายชื่อที่เธอแขวนคออยู่ให้ฉันดูด้วยท่าทางสดใส “จ้า…เราชื่อหวันยิหวานะ…เรียกว่ายี่หวาเฉยๆก็ได้^_^”ฉันเองก็เอ่ยบอกเธออย่างแนะนำตัวเองกลับไปให้เธอได้รู้จักกันแบบที่ฉันได้รู้จักเธอ “ยินดีที่ได้รู้จักนะ…ยี่หวา^_^”ใยไหมยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร ฉันก็พยักหน้าและยิ้มให้เธอกลับไป ก่อนที่เราทั้งคู่จะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ ก็มีผู้ชายในชุดเสื้อช็อปสีแดงออกเลือดหมูเดินเอามือไขว้หลังเข้ามาในลานกว้างของคณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งนี้ ทันใดนั้นเสียงพูดคุยของเด็กปีหนึ่งที่พูดคุยกันเสียงจ้อกแจ้กจอแจอยู่เมื่อครู่ก็พากันเงียบกริบลงทันทีเหมือนเราทั้งหมดได้ตกลงกันไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว พรึบ “สวัสดีครับ!”เสียงตะโกนของพี่ว๊ากเปิดฉากเอ่ยทักทายพวกเราขึ้น ทำให้ฉันกับใยไหมหันไปมองหน้ากันทันทีเธอก็ยิ้มแหยๆให้ฉัน ฉันก็ยิ้มบางๆให้เธอและหันกลับไปมองหน้าพี่ว๊ากปีสามต่อ “เป็นยังไงกันบ้าง….สำหรับการเปิดเรียนสองอาทิตย์ของคณะวิศวะ…”พี่ว๊ากเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข็งและแข็งกร้าว ฉันก็มองหน้าเขา เขาคือพี่ชายสุดหล่อของฉันเองแหละ พี่ปอน ฉันน่ะต้องเตรียมน้ำผึ้งผสมน้ำมะนาวให้พี่ปอนทุกเช้าอ่ะเวลาที่เขาต้องลงว๊าก ผิดกับเฮดว๊ากที่ยืนพิงเสาเอามือล้วงกระเป๋าใส่แว่นตาดำอยู่ด้านหลังของพี่ว๊ากทั้งสิบคนที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดานอยู่ด้านหน้าของพวกเราชาวปีหนึ่งช่างสบายจริงๆพ่อคูณพี่เฮดว๊ากน่ะ “และที่เราทุกคนรู้ดี….ว่าเราจะเข้าเชียร์กันอีกไม่กี่ครั้ง….เราก็จะจบสิ้นกิจกรรมเชียร์กันแล้ว…” “และอาทิตย์นี้….เราจะไปรับน้องและรับเกียร์ที่เปรียบเสมือนหัวใจของชาววิศวะที่ชลบุรี…” “ก่อนเลิกเชียร์ให้ประธานรุ่นไปรับใบขออนุญาตผู้ปกครองที่ปีสองด้วยครับ….” “วันนี้ผมมีธุระกับพวกคุณแค่นี้….”พี่ปอนพูดเสร็จก็ก้าวขาถอยหลังไปหนึ่งก้าวให้เสมอเทียบกับพี่ว๊ากคนอื่นๆก่อนจะค่อยๆหันซ้ายอย่างมีระเบียบแต่ก็ยังคงความขรึมและหน้าตึงอยู่ก่อนจะพากันเดินออกไปจากลานเกียร์แห่งนี้ ปีหนึ่งหลายๆคนต่างพากันถอนหายใจออกมารวมถึงผู้หญิงเพื่อนใหม่คนข้างๆฉันด้วยที่เธอผ่อนลมหายใจหนักกว่าคนอื่นๆเขา “คุยอะไรกัน!!!”และเราก็โล่งใจกันได้ไม่นานก็มีเสียงตวาดของพี่เฮดว๊ากดังขึ้นมาอีก คราวนี้บรรยากาศรอบๆลานเกียร์ได้เข้าสู่โหมดเงียบกว่าเดิมจากตอนที่พี่ว๊ากลงมาเมื่อกี้ซะอีก เพราะที่เรากำลังจะเจอต่อไปนี้คือ พี่เฮดว๊ากหัวหน้าพี่ว๊ากที่โคตรโหดและโคตรดุแถมหน้าตาดีทุกคนโดยเฉพาะพี่คนที่ลงว๊ากอยู่ตอนนี้ พี่พีเค ไตรนภพ “ไม่เห็นหัวพวกผมเลยใช่ไหม!”เสียงทุ้มต่ำที่ยังคงความดังอยู่เท่าเดิมเอ่ยขึ้น เฮดว๊ากคนที่กำลังพูดอยู่และอยู่ตรงกลางของพี่ว๊ากชุดนี้เขาชื่อพี่เค เป็นเพื่อนพี่ชายฉันเอง ปกติเขาก็เป็นคนนิ่งๆไม่พูดไม่ยิ้มอยู่แล้วพอมาเป็นเฮดว๊ากเลยดูน่ากลัวเพิ่มขึ้นไปอีก “เมื่อกี้ปีสองพูด….พวกคุณก็พูดแทรก!”พี่เคว่าพลางเดินไปเดินมาหน้าตาเข้มขรึมถึงเขาจะมีหน้าตาที่หล่อเหลามากแค่ไหนแต่ก็ดูน่ากลัวอยู่ดี ฉันก้มหน้าก้มตาไม่กล้าสบนัยน์ตาสีดำของเขา “พวกคุณพูดอะไรกัน!!!” “ดุจัง”ฉันพึมพำขึ้นเป็นเสียงที่คิดว่าเบาแล้วนะแต่ตรงนี้ในตอนนี้ถึงจะมีคนร่วมเชียร์อยู่เป็นร้อยกว่าคนแต่ทุกคนรวมใจกันเงียบแม้กระทั่งเสียงลมหายใจแทบจะไม่มีถ้าหยุดหายใจกันได้ทุกคนคงทำไปแล้ว เลยทำให้เสียงที่พึมพำของฉันมันดังมากขึ้นผิดปกติจนไปได้ยินถึงหูของพี่เคเข้าอย่างจัง “ใครพูด!”