"เธอไม่มีสิทธิ์นอนที่ตึกใหญ่ อย่าเก่งให้มันมากข้าวแกง เพราะเธอไม่มีคุณแม่คุ้มกะลาหัวแล้วจำใส่สมองไว้"
"จำได้ค่ะ เพราะฉะนั้นฉันเลยต้องใช้สิทธิ์ของฉันคุ้มกะลาหัวตัวเอง"
"หึ! สิทธิ์อะไร? อ้อสิทธิ์เมียของฉันใช่ไหม เกือบลืมไปเลยว่ะว่าฉันมีเมียอยู่ทั้งคน เมียที่ไต่เต้าจากขยะมาเป็นเพชรด้วยการเอาของสกปรกให้ฉันกินเพื่อจับทำผัว!"
ฉัน...เกลียดเขา!
"ขนาดเกือบลืมแต่ก็ยังไม่ลืม ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าคุณจะจำได้เพราะฉันเองลืมไปแล้วว่ามีคุณเป็นสามี" ถึงจะโกรธแต่การเต้นเป็นเจ้าเข้าหรือนั่งหงอยให้เขาจิกหัวด่าเหมือนเมื่อก่อนมันไม่ได้ช่วยให้ชีวิตฉันดีขึ้นเลย มันมีแต่จะทำให้คน ๆ นี้ได้ใจแล้วก็เหยียบฉันไปเรื่อย ๆ จนฉันตายต่างหาก
"ถ้าจำได้ก็ดีจะได้ไปหย่า!"
"ได้ค่ะ ด้วยความยินดีค่ะ" ฉันยิ้มให้เขา เอาสิอย่าคิดว่ามีอำนาจบาทใหญ่มาจากไหน ไม่มีคุณป้าแล้วฉันก็ไม่มีความจำเป็นต้องเกรงใจใครเหมือนกัน อย่าคิดว่าข้าวแกงคนนี้จะยังเป็นคนเดิมที่อยากจิกหัวด่าด้วยคำพูดต่ำ ๆ ยังไงก็ได้
"เธอ!" คนมันเคยกดหัวคนอื่นอยู่ตลอดเวลาพอเจอแข็งข้อเข้าหน่อยเส้นเลือดทุกเส้นในร่างกายก็เลยปูดขึ้น
"คะ? แล้วนี่คุณแม็คไม่ Jet lag บ้างเหรอคะขนาดฉันแค่จัดการงานวันนี้ยังเหนื่อยเลย หรือว่ามีอาการแต่ยอมทนเพราะอยากคุยกับฉัน คิดถึงกันขนาดนั้นเชียว"
"ข้าวแกง!" หึ ๆๆ เอาเลยโกรธให้หนักกว่านี้ เส้นเลือดขึ้นให้มากกว่านี้ เอาให้เส้นเลือดแตกตายตรงนี้เลยยิ่งดี เดี๋ยวจะเป็นเจ้าภาพงานศพให้ด้วยความยินดี สวดให้เจ็ดวันเจ็ดคืนไปเลย
"ถ้ายังเยื้อฉันเอาไว้ด้วยคำพูดหยาบ ๆ ฉันจะเข้าใจไปเองว่าเป็นอาการอยากคุยกับภรรยาของผู้ชายปากแข็งนะคะ"
"...โว้ย!" เขาจ้องหน้าฉันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อก่อนที่จะตะโกนลั่นเพราะหัวเสียแล้วก็ทิ่งตัวนั่งกร่างที่โซฟา นั่งลงแล้วหายใจรุนแรงจ้องฉันเหมือนจะกินหัว
"ราตรีสวัสดิ์ค่ะ" ฉันยิ้มให้แล้วก็หันหลังเดินออกมาเลย
"สักวันฉันจะฆ่าเธอ!" แล้วแต่~
แอด~
"ฟู่ว~ นึกว่าจะโดนบีบคอให้ตายซะแล้วค่ะคุณข้าว" เสียงพี่ขวัญใจที่เข้ามารอในห้องนอนของฉันถอนหายใจด้วยท่าทางโล่งอก
"แค่นี้จิ๊บ ๆ ค่ะพี่ขวัญใจ เมื่อก่อนหนักกว่านี้อีก ไปนอนได้แล้วค่ะข้าวโอเค"
"เมื่อก่อนคุณข้าวไม่มีปากมีเสียงนี่คะ"
"คนเราก็ต้องพัฒนาบ้างสิคะ ย่ำอยู่กับที่ได้ที่ไหนกัน" ฉันยิ้มล้อให้พี่ขวัญใจ ก็เลยโดนมองค้อน
"ค่ะพี่ไม่เถียงแต่อย่าลืมว่าเมื่อก่อนคุณแม็คไม่เคยโมโหหนักขนาดนี้ ยิ่งเถียงก็ยิ่งเหมือนเอาน้ำมันไปราดกองไฟนะคะ"
"ค่าข้าวรู้ค่ะ ไปพักผ่อนเถอะค่ะ"
"ค่ะพี่ไม่กวนคุณแล้ว ล็อกห้องดี ๆ นะคะ หรือจะให้พี่มานอนเป็นเพื่อนดีคะคุณข้าว"
"ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงเขาก็ไม่เข้ามาในห้องนี้หรอกค่ะเชื่อข้าวเถอะ" อย่างน้อยในวันที่ไม่มีคุณป้าอยู่ฉันก็ยังมีคนในบ้านนี้ที่ยังเสมอต้นเสมอปลาย คอยห่วงฉันอยู่ตั้งหลายคน
"ไว้ใจได้เหรอคะ คุณข้าวของพวกเรายิ่งสวย แล้วตอนนี้ก็โตเป็นสาวสะพรั่งขนาดนี้"
"ไว้ใจได้ค่ะเพราะคุณแม็คเองก็คงมีสาว ๆ สวย ๆ แล้วก็แซบกว่าข้าวหลายเท่าอยู่ข้างตัวไม่ขาด เขาไม่หน้ามืดมาทำอะไรคนที่เกลียดหรอก" ฉันได้ข่าวมาตลอดว่าเขาควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าตอนที่อยู่อเมริกา
"ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามีอะไรเรียกพี่เลยนะคะคุณข้าว"
"ค่า ขอบคุณนะคะ" ฉันยืนมองพี่ขวัญใจที่เดินออกไปแล้วก็ตามไปล็อกประตูห้อง ไม่ได้กลัวคน ๆ นั้นมาปล้ำแต่กลัวบุกเข้ามาฆ่าต่างหาก
-วันต่อมา-
"คุณข้าวจะรับอาหารเช้าไหมคะ"
"ค่ะพี่ขวัญ เดี๋ยวข้าวลงไปแล้วค่ะ" วันนี้ฉันต้องรีบออกไปจัดการอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับงานศพของคุณป้า แล้วก็อยากรีบออกไปแต่เช้าเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะที่น่าเบื่อหน่าย คนอะไรโผล่หน้ามาไม่ถึงสิบสองชั่วโมงก็ทำคนอื่นเอือมระอาได้แล้ว ไม่เบื่อบ้างรึไงใช้แต่อารมณ์อยู่ได้
ฉันลงมาข้างล่างรีบกินข้าวแล้วก็รีบออกไปดีกว่า ต้องไปธุระเรื่องงานศพแล้วอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือไปหาที่อยู่ใหม่ เสร็จงานศพคุณป้าฉันจะย้ายออกทันที ไม่อยู่ให้ใครคอยหาเรื่องหรอก
"ตื่นสายดีนี่"
ลงมาถึงห้องทานข้าวเสียงที่ไม่อยากได้ยินก็ทักทายขึ้นทันที เจ้าของเสียงก็นั่งวางมาดเป็นคุณชายอยู่ที่หัวโต๊ะ คุณชายซาตานน่ะค่ะ
"หกนาฬิกาห้าสิบห้านาที ไม่สายนะคะเวลาทานข้าวของบ้านนี้เจ็ดโมงครึ่ง" ฉันแกล้งทำเป็นยกข้อมือดูนาฬิกาเอื่อย ๆ แล้วก็เงยหน้ายิ้มตอบเขา ก่อนที่จะนั่งลงที่นั่งด้านข้างเขานั่นแหละ โต๊ะยาวนั่งได้ประมาณยี่สิบสี่คน แต่ฉันจะนั่งตรงนี้เพราะมันที่นั่งประจำของฉัน
"พลอยใสตักข้าวเลยจ้ะ"
"ก็ยังสายอยู่ดี ฉันอยู่เมืองนอกแท้ ๆ แถมยังเป็นเจ้าของบ้านยังลงมาเช้ากว่าคนอาศัยอีก" หาเรื่องเก่ง
"ตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่งค่ะ อาบน้ำแต่งหน้าแต่งตัวทำผมอยู่ก็เลยลงมาช้ากว่าเจ้าของบ้านที่ไม่ต้องทำอะไร ว่าง ๆ คุณแม็คลองแต่งหน้าทำผมบ้างสิคะจะได้รู้ว่ามันต้องใช้เวลา" ยิ้ม~ ยิ้มสวยใส่ด้วย
"จะลองดีกับฉันเหรอข้าวแกง"
"แค่อธิบายเท่านั้นค่ะ ขอบใจจ้ะ" ฉันตอบเขาด้วยรอยยิ้มหวานแล้วหันไปขอบใจแม่บ้านที่ตักข้าวให้เสร็จแล้วจะต้องหันกลับไปคุยกับคนที่ทำให้อาหารเช้ามือนี้มันไม่น่ากินที่สุดเท่าที่เคยมีชีวิตมาไหม บอกเลยว่าไม่ค่ะ ฉันลงมือละเลียดอาหารทันที ไม่ค่อยอร่อยแต่กินให้มันดูอร่อยเพราะเห็นอีกคนหน้าบึ้งแล้วมันก็รู้สึกมีความสุขดี
"พลอยใส!"
"คะคุณแม็ค"
"เก็บจาน!" อยู่แค่นี้ทำไมต้องตะคอกไม่เข้าใจ ไม่อยากกินก็แค่เดินออกไปก็จบ
"คุณแม็คยังไม่ได้ทานเลยนี่คะ" พลอยใสเอ้ยจะถามทำไมเดี๋ยวก็โดนอาละวาด
"พลอยใสจ้ะ เก็บจานของคุณแม็คไปได้เลย คุณแม็คไม่ทานแล้ว" ฉันหันไปสั่งงานแม่บ้านแทน จะมาทำใส่ฉันว่ากินข้าวไม่ลงงั้นเหรอ ไม่กินก็อดค่ะ ปากท้องของเขาไม่ใช่ปากท้องของฉัน อย่าคิดว่าแค่นี้จะทำอะไรข้าวแกงได้
"ค่ะ" พลอยใสรีบมาเก็บจานของเขาไปทันที
"เก็บไปให้หมดทุกจาน!" ...ปัญญาอ่อน
"เอ่อแต่คุณข้าวยัง..." ก็ฉันยังนั่งกินอยู่ตรงนี้ เด็กมันจะกล้าเก็บได้ยังไง
"ฉันเป็นเจ้าของบ้าน ฉันสั่งให้เก็บ!" เขาตะคอกสั่งอีกรอบ ไม่ได้ดูหน้าแม่บ้านเลยสักนิดว่ากำลังร้องไห้อยู่แล้ว
"เก็บไปเลยจ้ะพลอยใส เอาที่เจ้าของบ้านเขาสบายใจ" ฉันหันไปสั่งพลอยใสเสียงหวาน ไม่รู้สึกสะท้านหรอกกับเรื่องแค่นี้
"หึ!"
เพล้ง!
"..." ฉันนั่งหลับตาสูดลมหายใจพยายามข่มอารมณ์ไม่ให้เป็นบ้าไปกับการที่เขาลุกขึ้นยืนแล้วหยิบจานข้าวปาลงลงที่โต๊ะอาหาร มันไม่ได้แตกแค่จานข้าวของเขา แต่มันโดนจานอาหารจานอื่นจนเลอะเทอะไปหมด
อย่าถือคนบ้าข้าวแกง คนแบบนี้ไม่ต่างจากคนบ้าหรอก เอ๊ะ! แต่นอกจากจะเกรี้ยวกราดแล้วยังกัดเก่ง เรียกหมาบ้าดีกว่า เหมาะกว่าเยอะ
...คุณแม็ค หมาบ้าที่อิมพอร์ตจากแอลเอ!