ชั้นห้าของบ้าน
พี่เลี้ยงยืนหอบอยู่หน้าประตู เพราะวิ่งขึ้นมาแทนการเสียเวลายืนรอลิฟต์ เมื่อปรับการหายใจให้เป็นปกติแล้ว ก็ยกมือขึ้นเคาะประตู ยืนรออยู่นานก็ไม่มีเสียงตอบรับ จึงถือวิสาสะเปิดประตูห้องส่วนตัวของคุณหนูออก เดินไปหยุดยืนอยู่ข้างเตียงนอนสีหวาน
“คุณหนูตื่นเถอะค่ะ คุณมู่กับคุณนายใกล้จะมาถึงแล้ว”
เปลือกตาหนักอึ้งปรือขึ้น ชื่อที่หลุดมาจากริมฝีปากของพี่เลี้ยง ส่งผลให้แอลกอฮอล์ที่ยังหลงเหลืออยู่ในร่างถูก ถูกดึงออกไปจนหมด สติกลับมาอยู่ในสภาพเดิม เหลือบมองนาฬิกาก่อนจะถอนหายใจ
“บอกคุณแม่ไปซะว่าฉันไม่ว่าง”
“ท่านบอกว่าถึงไม่ชอบแค่ไหน ก็ต้องฝืนใจลงไปค่ะ”
ถ้อยคำของคุณนายถูกแจ้งกับคุณหนูแบบไม่มีผิดเพี้ยน คนฟังเม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่อยากพัวพันกับคนตระกูลนี้เลย แต่มันดันเลี่ยงไม่ได้ ตระกูลมู่ผู้นำด้านการขนส่ง และมีรายได้ติดหนึ่งในสิบของประเทศ ต้องการผูกสัมพันธ์กับครอบครัวเธอ หลังจากที่ครั้งหนึ่ง พวกเขาเป็นฝ่ายปฎิเสธการผูกสัมพันธ์กับครอบครัวเธอแบบไม่ไว้หน้า
เมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เธอเพิ่งจะอายุได้สิบแปดปี พ่อกับแม่ของเธอหวังให้เธอแต่งกับลูกชายของตระกูลนั้น แต่ความต่างชนชั้นทั้งที่เป็นเพื่อนกัน ทำให้ผู้นำตระกูลมู่ปฎิเสธครอบครัวเธอแบบไม่ไว้หน้า ความบาดหมางนั้นทำให้สองตระกูลตัดขาดกันไป แต่เมื่อปลายปีก่อนผู้นำตระกูลมู่ได้มาทาบทามเธออีกครั้ง พูดคุยเรื่องแต่งงานที่ตัวเองเคยปฎิเสธมันอย่างน่าไม่อาย หวังให้เธอกับลูกชายเขาเกี่ยวดองกัน โดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าเธอนั้น ไม่ได้ถูกปฎิเสธแค่จากผู้ใหญ่เพียงฝ่ายเดียว เธอถูกมู่เฟยหลงปฎิเสธความรัก จนเสียหลักต้องหนีไปรักษาแผลใจที่ต่างประเทศ
‘ผู้หญิงอย่างเธอเนี่ยนะจะมาเป็นภรรยาของฉัน เจียมตัวหน่อยสิ ใครจะไปแต่งกับคนอย่างเธอ’
‘ฉันมีคนรักแล้ว แน่นอนว่ามันไม่ใช่เธอ’
‘ทำดีกับเธองั้นเหรอ … มันก็แค่เกมส์ เธอไม่เคยเล่นเกมส์ลงโทษเหรอ ฮ่าๆ’
เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน ลี่หมิงสลัดศรีษะไปมา มองหน้าพี่เลี้ยงที่น้ำตาคลอเหมือนจะร้องไห้ ถ้าไม่ลงไปผู้หญิงคนนี้อาจจะมีความผิด เมื่อคิดได้ดังนั้นก็บอกพี่เลี้ยง
“บอกท่านว่าอีกครึ่งชั่วโมงฉันจะลงไป”
“ชุดของคุณหนู/ ฉันจะเลือกแบบที่ฉันชอบ!”
“ค่ะ
รับคำเสร็จก็เดินออกไปจากห้อง ร่างบอบบางในชุดนอนผ้าเนื้อดีดีดตัวขึ้นจากเตียง ขยับลงก้าวเดินอย่างรีบร้อนไปเปิดตู้ เหยียดริมฝีปากออกกว้างเมื่อเจอชุดที่ถูกใจ คว้ามันติดมือไปด้วย เสียเวลาในห้องน้ำไม่นาน ก็ออกมาแต่งหน้าทำผม
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ถิงลี่หมิงเดินลงมาชั้นล่าง ก็พบว่าแขกของบ้านมาถึงพอดี ร่างสมส่วนในชุดเดรสยาวสีดำ เยื่องย่างไปยืนอยู่ข้างๆมารดา ก้มศรีษะลงทักทายคนอายุมากกว่าทั้งสอง ความอ่อนช้อยและความสวยงามของใบหน้า ถูกใจแขกที่มาเยือนจนยิ้มไม่หุบ
“นี่คือหนูลี่หมิงจริงๆเหรอ?”
“ค่ะ”
ลี่หมิงตอบรับด้วยตัวเอง ไม่แปลกหรอกที่พวกเขาจะจำเธอไม่ได้ เธอคนก่อนไม่ได้มีรูปลักษณ์แบบนี้นี่นา เธอถูกเรียกว่ายัยอัปลักษณ์เลยล่ะ ทั้งๆที่เธอก็แค่อ้วนเท่านั้น
“สวยเหมือนคุณลี่อันเลยนะครับ”
“ค่ะ”
คนถูกพาดพิงตอบรับเสียงเรียบ ความไม่พอใจในอดีตไม่เคยจางหาย มันยังคุกรุ่นอยู่ในใจ แม้จะได้รับการขอโทษจากคนตระกูลมู่แล้วหลายครั้ง แต่มันเทียบกับความเสียใจที่ลูกสาวแสนรักได้รับไม่ได้หรอก ถ้าหากมู่เฟยหลงไม่ทำแบบนั้นกับลูกสาวท่าน ท่านจะไม่เกลียดคนตระกูลนี้เลย
“เชิญข้างในเถอะครับ”
ถิงซีหยวนผายมือเชิญแขกเข้าไปด้านใน คู่สามีภรรยาตระกูลมู่ มองรอบตัวขณะก้าวเดินอย่างชื่นชม ไม่คิดเลยว่าถิงซีหยวนจะมาได้ไกลขนาดนี้ สามารถผลักดันตัวเองจนขึ้นมาเป็นผู้นำอันดับต้นๆของประเทศได้ ทั้งที่ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่ปี ตอนนั้นไม่น่าปฎิเสธการแต่งงานเลย แม้จะรู้สึกเสียหน้าสุดๆ ที่ต้องมาพูดเรื่องแต่งงานอีกครั้ง แต่ก็ต้องฝืนใจทำ เพราะการแต่งงานกับตระกูลถิงในตอนนี้ จะนำพาตระกูลมู่ไปสู่ความมั่งคั่งที่ไม่มีอะไรมาสั่นคลอนได้
“เชิญนั่งครับ”
“ไม่ต้องมากพิธีหรอกคุณถิง คนกันเองทั้งนั้น”
มู่ตงหยางพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นั่งลงบนเก้าอี้บุนวมชั้นดีที่หญิงรับใช้ของตระกูลถิงดึงออกมาให้ เมื่อสามีนั่งแล้วคุณนายมู่ก็นั่งตาม หลังจากนั้นฝ่ายเจ้าบ้านก็ทยอยกันนั่ง ไม่นานอาหารที่ถูกรังสรรค์โดยพ่อครัวฝีมือดีก็ถูกยกออกมาเสริฟ
“เราไม่ได้นั่งทานข้าวกันแบบนี้นานแค่ไหนแล้วนะ”
ถิงซีหยวนยิ้ม ไม่อยากพูดตอบกลับไป เพราะถึงจะมีเรื่องบาดหมางกันอยู่แล้ว ก็ไม่ได้อยากบาดหมางเพิ่ม การเป็นศัตรูกับตระกูลใหญ่อย่างตระกูลมู่ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่หรอก
“น่าจะตั้งแต่ที่ทางนั้นยกเลิกการแต่งงานมั้งคะ”
ลี่หมิงแย้มยิ้มหวาน เป็นรอยยิ้มที่ทำให้แขกทั้งสองรู้สึกร้อน และนั่งอยู่ไม่สุข กาลเวลาล่วงผ่านเลยไป เด็กหญิงใสซื่อบริสุทธิ์คนนั้น ไม่มีให้เห็นเลยในตอนนี้ ดูเหมือนว่าการแต่งงานในครั้งนี้จะไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว
“ตอนนั้นเราไม่รู้เลยว่าหนูลี่หมิงชอบเฟยหลงของเรา”
“อ้อ ค่ะ”
“ตอนนี้หนูยังชอบพี่เขาอยู่ไหม ไม่สิ เราหวังว่าหนูจะยังชอบพี่เขาอยู่”
ใบหน้าสวยหวานแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง แย้มยิ้มไม่ต่างจากเดิม มีเพียงแค่หัวใจเท่านั้นที่ถูกไฟโทสะสุมจนแสบร้อนไปหมด
“แต่พี่เขาอาจจะไม่ชอบหนูเหมือนเดิม”
“ใครจะไม่ชอบหนูล่ะ หนูลี่หมิงสวยขนาดนี้ ชาติตระกูลก็ดี เฟยหลงจะต้องชอบหนูแน่”
ลี่หมิงหัวเราะเบาๆอย่างมีจริต คนที่อยากแต่งงานกับเธอ ไม่ใช่ผู้ชายคนนั้นหรอก เขามีคนรักอยู่แล้ว เรื่องนั้นเธอรู้ดีกว่าใคร และเธอเชื่อว่าพ่อแม่ของเขาก็รู้เรื่องนั้นดี
“ถ้าเขาลืมคนรักของเขาได้ หนูจะคิดเรื่องนั้นอีกครั้งแล้วกันค่ะ”
“หนูไปได้ยินเรื่องแบบนั้นมาจากที่ไหน?”
“พี่เฟยหลงเป็นคนดังนี่คะ หนูก็ได้ยินมาจากข่าวนั่นแหละค่ะ”
ซึ่งข่าวที่เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์ หรือสื่อออนไลน์ ส่วนใหญ่มักจะเป็นแค่ข่าวลือ แต่แหล่งข่าวของเธอมีความน่าเชื่อถือเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะคนที่ปล่อยข่าวให้เธอนั้น คือญาติของเธอเอง และเขาเป็นเพื่อนสนิทของผู้หญิงคนนั้น
“ข่าวพวกนั้นไม่เป็นความจริงเลย เฟยหลงกับผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่เพื่อนกัน เธอคนนั้นแต่งงานไปแล้วจ๊ะ”
ลี่หมิงยิ้ม ไม่ได้ตกใจกับประโยคที่ได้ยินเลย เธอรู้เรื่องพวกนั้นอยู่แล้ว และรู้ว่าที่เขากลายเป็นเพลย์บอย ทำตัวไร้หัวใจ มีอะไรกับผู้หญิงไปทั่ว เพราะผู้หญิงคนนั้นแต่งงานกับเพื่อนสนิทของเขาเอง
ก็สมน้ำหน้าอยู่หรอก แต่เขาต้องเจ็บมากกว่านี้