Beranda / โรแมนติก / ข้าคือหัวหน้าสำนักคุ้มภัยอันดับหนึ่ง / บทที่ 3 จุดพลิกผันสู่เจ้าสำนักน้อย

Share

บทที่ 3 จุดพลิกผันสู่เจ้าสำนักน้อย

last update Terakhir Diperbarui: 2024-09-28 20:00:55

บทที่สาม

จุดพลิกผันสู่เจ้าสำนักน้อย

 

เมื่อจัดการพิธีศพเรียบร้อยแล้วก็ไม่มีเวลาให้พวกเขาได้โศกเศร้าเสียใจมากนักเนื่องจากมีงานคั่งค้างที่ต้องสะสางอีกมากมาย ทั้งเรื่องเงินชดเชยที่จะต้องมอบให้กับบิดามารดาของพี่น้องที่เสียชีวิตไปและเรื่องงานที่รับจ้างไว้ก่อนหน้าที่หลี่ฟางตวนจะเสียชีวิต ทำเอาหลี่รุ่ยหลินวุ่นวายไปหมด

"พี่ซีหยาง…นี่พวกเราถูกยกเลิกเลิกงานมากมายถึงเพียงนี้เลยหรือ" หลี่รุ่ยหลินถามอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นบัญชีรายชื่อลูกค้าที่จ้างงานถูกขีดฆ่าชื่ออกไปมากมาย

ซีหยางยิ้มแหย ๆ ให้กับนางเพราะไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดีให้กระทบกระเทือนจิตใจของหัวหน้าสำนักน้อยผู้นี้ให้น้อยที่สุด "เอ่อ…คือว่าลูกค้าของพวกเราหายไปราว ๆ เจ็ดส่วนขอรับคุณหนู เอ้ย…ขอรับนายหญิง"

ด้วยความที่ยังไม่เคยชินที่จะเรียกหลีรุ่ยหลินว่านายหญิงพี่น้องสำนักคุ้มภัยต่างก็ยังติดปากเรียนนางว่าคุณหนูอยู่ เพราะการเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและอีกอย่างนางก็ยังดูเด็กเกินไปที่จะเรียกว่านายหญิง

หลี่รุ่ยหลินได้ฟังแล้วก็ต้องทอดถอนใจออกมาแล้วกล่าวด้วยความเศร้าใจว่า "คงเป็นเพราะพวกเขาไม่วางใจในฝีมือของข้าใช่หรือไม่ถึงได้ยกเลิกสัญญากันหมด"

ข้อนี้เป็นเรื่องที่นางเข้าใจดีเพราะอย่างไรตนเองก็เป็นเพียงหญิงสาวคนหนึ่ง นางยังไม่เคยแสดงฝีมือให้ผู้ใดเห็น อีกทั้งยังประสบการณ์ในงานคุ้มภัยก็ยังไม่มากนัก จะมีก็แต่การจัดการบัญชีกับเรื่องภายในสำนักเท่านั้น ส่วนการได้ออกไปทำงานคุ้มภัยจริง ๆ ก็เพียงแค่ติดตามบิดากับพี่ชายไปไม่กี่ครั้ง จึงไม่แปลกที่ลูกค้าทั้งหลายจะไม่วางใจ

"นายหญิงอย่าได้เป็นกังวลไปเลยขอรับ อย่างน้อยเราก็ยังเหลืองานอีกสามส่วนให้ทำ ลูกค้าพวกนี้ก็ยังคงสนับสนุนนายหญิงอยู่ ส่วนมากแล้วเป็นลูกค้าเก่าแก่ที่อยู่กับเรามายาวนานทั้งนั้น ท่านคหบดีเจียงก็ยังจ้างงานพวกเราอยู่นะขอรับ ท่านลองดูที่บรรทัดนี้" ซีหยางพยายามยามพูดให้กำลังใจนายหญิงของตนเองอย่างเต็มที่ พี่น้องคนอื่น ๆ ที่อยู่ตรงนั้นด้วยก็พยักหน้าเช่นกัน ต่างพากันกล่าวว่าถึงแม้จะมีงานน้อยแต่พวกเขาก็จะพยายามทำอย่างเต็มที่

ทว่าหลี่รุ่ยหลินก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี เพราะการมีงานน้อยไม่ได้หมายความแค่ว่าชื่อเสียงของสำนักคุ้มภัยต้าอันฉวนจะตกต่ำลง แต่หมายถึงเงินที่พวกเขาได้รับก็จะน้อยลงด้วย

"แต่งานน้อยถึงเพียงนี้เราจะมีเงินมาเลี้ยงปากท้องพี่น้องของเราทุกคนได้อย่างไร ไหนที่จะต้องจ่ายให้กับบิดามารดาของคนที่เสียชีวิตไปอีก" หลี่รุ่ยหลินกล่าว

"เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ พวกเราจะกินใช้กันอย่างประหยัด หากว่าเงินไม่พอเดี๋ยวพวกเราจะออกไปรับจ้างทำอย่างอื่นเพื่อหาเงินมา" ซีหยางตอบ

ที่บรรทัดแรกของสมุดรายชื่อนั้นมีอยู่งานหนึ่งที่จะต้องเดินทางในอีกสิบวันข้างหน้า เจ้าของงานนี้ไม่ได้ยกเลิกแต่อย่างใดทั้งยังกำหนดวันเดินทางไว้ตามเดิม เมื่อหลี่รุ่ยหลินอ่านอย่างละเอียดก็เห็นว่าเป็นงานคุ้มกันอดีตอัครเสนาบดีกลับบ้านเกิด กระดาษที่แนบมาเป็นรายการสิ่งของคร่าว ๆ ที่เขาจะนำกลับไปบ้านเกิดด้วยซึ่งมีมากมายพอสมควร

"งานนี้ไม่ได้ถูกยกเลิกอย่างนั้นหรือ" หลี่รุ่ยหลินเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างงุนงง เพราะคนจ้างเป็นถึงอดีตอัครเสนาบดีเหตุใดถึงยังกล้าจ้างสำนักคุ้มภัยที่มีหญิงสาวเช่นนางเป็นหัวหน้าทำงานให้อยู่

ซีหยางยืดตัวตรงแล้วกล่าวอย่างดีใจว่า "เมื่อเช้าคนของท่านอัครเสนาบดีมายันยันว่าจะจ้างพวกเราตามเดิม เขาอยากสนับสนุนนายหญิงขอรับ

"อย่างนั้นก็ดี พวกเรามาทำงานนี้กันให้เต็มที่เถอะ ท่านอัครเสนาบดีจะได้ไม่ผิดหวัง ทั้งยังเป็นการกอบกู้ชื่อเสียงของสำนักคุ้มภัยต้าอันฉวนของพวกเรากลับคืนมาด้วย" หลี่รุ่ยหลินกล่าวอย่างมุ่งมั่น

พูดจบนางก็เรียกพี่น้องทุกคนมาประชุมในทันที สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือแจ้งข่าวเรื่องที่สำนักคุ้มภัยถูกยกเลิกงานให้กับทุกคนได้รู้โดยทั่วกัน เหล่าพี่น้องชาวต้าอันฉวนรักใคร่ปรองดองกันยิ่งนักมีอาสาสมัครก้าวออกมาจะไปทำงานรับจ้างเพื่อหาเงินมาเป็นเงินสำรองให้กับสำนักมากมาย หลี่รุ่ยหลินซาบซึ้งในน้ำใจของพวกเขามาก 

อย่างที่สองคือนางแจ้งข่าวเรื่องงานต่อไปที่ต้องทำซึ่งก็คือการคุ้มกันอดีตอัครเสนาบดีกลับบ้านเกิด ถึงแม้ว่างานนี้จะได้เงินไม่มากแต่ทว่าอย่างน้อยหากทำสำเร็จก็จะได้กอบกกู้ชื่อเสียงของสำนัก ลูกค้าคนอื่นจะได้เชื่อมั่นในตัวนางและสำนักคุ้มภัยต้าอันฉวน และหลังจากนั้นพวกเขาจะได้มีงานมากมายล้มหลามเหมือนเมื่อก่อน หลี่รุ่ยหลินคัดเลือกพี่น้องที่เป็นยอดฝีมือมาสามสิบคนและครั้งนี้นางจะเป็นผู้นำคณะเดินทางคุ้มภัยด้วยตัวเอง

"เรื่องงานต่าง ๆ ที่สำนักช่วงที่ข้าไม่อยู่จะให้พี่ซีหยางเป็นคนจัดการ ทุกคนต้องเชื่อฟังคำสั่งของพี่ซีหยางเข้าใจหรือไม่" หลี่รุ่ยหลินถาม น้ำเสียงของนางดูมีอำนาจราวกับว่าไม่ใช้หญิงสาววัยปักปิ่นอีกแล้ว

"เข้าใจขอรับนายหญิง" เหล่าพี่น้องต้าอันฉวนตอบพร้อมกัน

เหลือระยะเวลาอีกไม่ถึงสิบวันก่อนเดินทาง หลี่รุ่ยหลินฝึกวรยุทธ์อย่างหนักรวมทั้งพี่น้องอีกสามสิบคนที่จะเดินทางไปกับนางด้วย การเดินทางครั้งนี้อันตรายหรือไม่ไม่มีผู้ใดสามารถตอบได้ ที่สำคัญคือพวกจงเหยียนที่สังหารบิดากับพี่ชายของนางยังไม่ตาย หากว่านางมีโอกาสได้พวกพบมันในระหว่างทางแล้วละก็นางจะใช้ความสามารถทั้งหมดที่มีแก้แค้นให้กับบิดาและพี่ชายให้จงได้ 

พวกที่ฝึกวรยุทธ์ก็ฝึกไป พวกที่ไปทำงานหาเงินก็ทำไป เพื่อสำนักคุ้มภัยต้าอันฉวนนั้นพวกเขาสามารถทำทุกอย่างได้ เพราะที่นี่เปรียบเสมือนบ้านของพวกเขา ที่ได้มีกินมีใช้มีเงินส่งให้บิดามารดาในทุกวันนี้ก็เป็นเพราะสำนักคุ้มภัยต้าอันฉวนทั้งนั้น

เมื่อถึงวันเดินทางหลี่รุ่ยหลินก็ร่ำลามารดา พี่น้องที่พร้อมเดินทางทั้งสามสิบคนสะพายดาบยืนอยู่ด้านหลังนางด้วยสีหน้าที่มุ่งมั่น

"ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ ท่านแม่อยู่ที่สำนักดูแลตนเองให้ดี อย่าได้โศกเศร้ามากเกินไป" หลี่รุ่ยหลินสวมกอดมารดาอย่างอบอุ่นก่อนจะผละออกแต่ทว่าหลี่ฮูหยินไม่อยากให้นางออกจากอ้อมแขน

"แม่ไม่อยากให้เจ้าไป แม่ไม่อยาก…ไม่อยากให้ซ้ำรอยเดิมอีก" หลี่ฮูหยินกล่าว น้ำตาไหลพรากอาบแก้มทั้งสองข้าง

หลี่รุ่ยหลินดึงมารดาเข้ามากอดอีกครั้งและกล่าวปลอบ "ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ครั้งนี้ไม่ได้คุ้มกันข้าวของมากมายอะไร มีเพียงแต่ท่านอัครเสนาบดีกับของใช้ของเขาเท่านั้น ไม่เป็นเป้าสายตาแก่พวกโจรหรอก อีกอย่างเพื่อความเชื่อมั่นของลูกค้าข้าในฐานะหัวหน้าสำนักจำเป็นต้องแสดงฝีมือด้วยตัวเอง"

จากนั้นจึงหันไปหาซีหยาง "พี่ซีหยาง ฝากท่านดูแลท่านแม่ด้วย"

คราวนี้นางผละออกจากอ้อมกอดของมารดาไปจริง ๆ หลี่ฮูหยินได้แต่ร้องไห้เรียกรั้งบุตรสาวของตนเองไว้ แต่ด้วยภาระหน้าที่หลี่รุ่ยหลินไม่สามารถทำตามที่มารดาร้องขอได้จริง ๆ

หัวหน้าสำนักน้อยนำเหล่าพี่น้องมุ่งหน้าสู่จวนอัครเสนาบดี เมื่อไปถึงหน้าจวนทางนั้นก็จัดเตรียมข้าวของขึ้นรถม้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เดิมทีหลี่รุ่ยหลินไม่คิดว่าการเดินทางกลับบ้านเกิดนั้นจะต้องนำข้าวของไปมากมายถึงเพียงนี้ แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วก็ไม่แปลกใจเพราะผู้เดินทางเป็นถึงอดีตอัครเสนาบดี ขบวนทรัพย์สมบัติจำนวนห้าคันรถจึงไม่ได้ถือว่ามากไปแต่อย่างใด

อัครเสนาบดีหวังเดินออกมาพร้อมบุตรชาย หลี่รุ่ยหลินเห็นแล้วเข้าไปทักทายในทันที "คารวะท่านอัครเสนาบดี คารวะคุณชาย ผู้น้อยหลี่รุ่ยหลินหัวหน้าสำนักคุ้มภัยต้าอันฉวนเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วหรือไม่"

"เตรียมพร้อมหมดแล้ว เจ้าเองก็จัดขบวนเดินทางเถอะ" อัครเสนาบดีหวังกล่าวกับนางอย่างเอ็นดู 

ทว่าคุณชายผู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้นกลับมีสีหน้าที่บอกบุญไม่รับ เขามองนางอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหันไปกล่าวกับบิดา "ท่านพ่อวางใจจริงหรือขอรับ พวกเราเอาคนไปเพิ่มอีกหน่อยดีหรือไม่"

เดิมทีที่เขาไม่วางใจในตัวนางอยู่แล้วและเมื่อเห็นนางใกล้ ๆ ก็ยิ่งไม่วางใจขึ้นไปอีก หญิงสาวที่มีใบหน้างดงาม ผิวพรรรผุดผ่องถึงเพียงนี้จะไปอยู่ร่วมกับพวกเขา หลับนอนกลางป่า กินอาหารไม่ถูกปากได้อย่างนั้นหรือ ยิ่งเรื่องวรยุทธ์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง นางรักสวยรักงามถึงเพียงนี้จะฝึกวรยุทธ์อะไรได้

หลี่รุ่ยหลินได้ยินที่หวังข่ายกล่าวกับบิดาแล้วก็โกรธขึ้นมาในใจแต่ต้องสูดลมหายใจข่มกลั้นความโกรธไว้ เพราะผู้ที่กล่าววาจานั้นคือลูกค้าของนาง เมื่อสองพ่อลูกเดินไปขึ้นรถม้าแล้วนางถึงได้กล่าวพึมพำออกมาอย่างเคียดแค้นว่า "คอยดูเถอะคุณชายหน้าขาว แล้วท่านจะได้เห็นฝีมือของข้า" 

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ข้าคือหัวหน้าสำนักคุ้มภัยอันดับหนึ่ง   บทที่ 15 เต็มไปด้วยความรัก (จบ)

    บทที่สิบห้าเต็มไปด้วยความรัก เมื่อทุกอย่างถูกจัดการเรียบร้อย หวังข่ายรู้สึกถึงความโล่งใจที่ไม่ต้องกังวลเรื่องหลิวผิงผิงอีกต่อไป แต่ด้วยความเป็นห่วงที่ยังอยูในใจกลัวว่านอกจากหลิวผิงผิงแล้วจะยังมีเรื่องอื่นมาทำให้หลี่รุ่ยหลินคนรักของเขาไม่สบายใจอีก เขาจึงได้ตัดสินใจทำสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตในช่วงเช้าของวันหนึ่งท้องฟ้าแจ่มใสและมีแสงแดดอ่อน ๆ อาบลานหน้าสำนักคุ้มภัย หวังข่ายตัดสินใจที่จะไม่รอช้าอีกต่อไป เขารู้ว่าเขาอยากจะใช้ชีวิตร่วมกับหลี่รุ่ยหลินไปตลอดและไม่ต้องการให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาถูกชะงักอีกหวังข่ายเดินทางไปยังสำนักคุ้มภัยต้าอันฉวน เมื่อเขามาถึงบรรยากาศที่สำนักคุ้มภัยเต็มไปด้วยพี่น้องในสำนักที่ต่างกำลังฝึกซ้อมและเตรียมตัวสำหรับงานต่าง ๆ ที่พวกเขาจะต้องทำ แต่เมื่อเห็นหว

  • ข้าคือหัวหน้าสำนักคุ้มภัยอันดับหนึ่ง   บทที่ 14 เจ้าแย่งเขาไปจากข้า

    บทที่สิบสี่เจ้าแย่งเขาไปจากข้า หลิวผิงผิงกลับไปที่จวนของตัวเองด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความอิจฉาและความแค้น ความคิดที่ว่าหลี่รุ่ยหลินได้แย่งหวังข่ายไปจากนางทำให้รู้สึกโกรธเคืองจนแทบจะระงับอารมณ์ไม่อยู่ นางคิดถึงทุกสิ่งที่นางทำเพื่อพยายามเข้าหาหวังข่าย ตั้งแต่การเป็นสหายที่ดี การทำให้เขาเห็นถึงความทุ่มเทและการแสดงออกถึงความรักความเอาใจใส่ แต่ทุกอย่างก็กลับถูกทำลายลงเพราะการปรากฏตัวของหลี่รุ่ยหลินนางยืนมองตัวเองในกระจก มองรูปลักษณ์ที่งดงามและถูกอบรมมารยาทอย่างดีจากตระกูลผู้ดี ทุกคนล้วนกล่าวว่านางเป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อม แต่เหตุใดหวังข่ายถึงไม่เห็นค่านาง เหตุใดหัวใจของเขาถึงเลือกหลี่รุ่ยหลินแทนที่จะเป็นนางความคิดนี้ยิ่งทำให้รู้สึกโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดความคิดที่จะทำร้ายหลี่รุ่ยหลินก็เริ่มก่อตัวขึ้นใ

  • ข้าคือหัวหน้าสำนักคุ้มภัยอันดับหนึ่ง   บทที่ 13 ความสัมพันธ์วัยเด็ก

    บทที่สิบสามความสัมพันธ์วัยเด็กไม่นาหลังจากที่หวังข่ายกลับมาเขาก็พบว่าบุตรสาวของเจ้ากรมการคลังหลิวผิงผิงมารอพบเขาเขาอยู่ที่หน้าประตูจวน เมื่อพ่อบ้านเปิดประตูให้นางก็วิ่งเข้ามาหาเขาทันทีพร้อมด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น"หวังข่าย…เจ้ากลับมาแล้ว" หลิวผิงผิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หวานหยดย้อยพลางยิ้มอย่างสดใส "ข้าเห็นว่าเจ้ากลับมาเหนื่อย ๆ เลยรีบมาหาทันที ข้าเตรียมอาหารไว้ให้เจ้าแล้ว""ผิงผิง…ขอบคุณที่เป็นห่วงข้า" หวังข่ายตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพ"ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปกินข้าวกันเถอะ" หลิวผิงผิงชวน"อืม" หวังข่ายตอบรับอย่างยินดีเมื่อเห็นว่าหวังข่ายยอมรับความปรารถนาดีของนางหลิวผิงผิงก็ยิ้มอย่างปลื้มปิติ นางรีบนำเข้าไปที่ห้องรับแขกและจัดอาหารที่เต

  • ข้าคือหัวหน้าสำนักคุ้มภัยอันดับหนึ่ง   บทที่ 12 บังเกิดเป็นความรัก

    บทที่สิบสองบังเกิดเป็นความรักหลังจากการต่อสู้ที่ยากลำบากและการเดินทางที่เต็มไปด้วยอันตรายพวกเขาก็สามารถกำจัดพวกโจรที่ก่อความเดือดร้อนได้หมดสิ้นแล้ว การเดินทางกลับไปยังเมืองหลวงจึงดำเนินไปด้วยความราบรื่นและสบายใจเมื่อเดินทางออกจาเมืองเสวียนเทียนทุกคนก็รู้สึกโล่งใจราวกับว่าพายุร้ายได้ถูกพัดหายไปแล้ว หลี่รุ่ยหลินและพี่น้องสำนักคุ้มภัยต่างก็เต็มไปด้วยความพอใจที่สามารถทำภารกิจสำเร็จ ทั้งที่เจออุปสรรคมากมาย แต่พวกเขาก็ยังคงสามารถพิชิตชัยเหนือศัตรูได้ระหว่างการเดินทางกลับสู่เมืองหลวงหวังข่ายและหลี่รุ่ยหลินเริ่มมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ความใกล้ชิดที่เริ่มงอกเงยทำให้พวกเขาเริ่มรู้จักกันมากขึ้น และการพูดคุยระหว่างของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเข้าใจและความไว้วางใจที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแต่ละวันบนเส้นทางกลับหลี่รุ่ย

  • ข้าคือหัวหน้าสำนักคุ้มภัยอันดับหนึ่ง   บทที่ 11 ข้าต้องช่วยเจ้าให้ได้

    บทที่สิบเอ็ดข้าต้องช่วยเจ้าให้ได้หวังข่ายซึ่งยืนอยู่ในมุมมืดหลังกระโจมส่งสัญญาณให้กับพี่น้องสำนักคุ้มภัยที่ซุ่มรออยู่ด้านนอก เขารู้ดีว่าการบุกเข้าไปช่วยหลี่รุ่ยหลินในครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญ หากพลาดไปพวกเขาอาจไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกเมื่อพี่น้องสำนักคุ้มภัยเห็นสัญญาณจากหวังข่ายพวกเขาก็ไม่รอช้ารีบพุ่งตัวเข้าไปในค่ายของพวกโจรทันที พวกโจรที่อยู่ภายในค่ายไม่ทันได้ตั้งตัวจากการบุกโจมตีที่รวดเร็วและรุนแรง พวกมันต่างตื่นตระหนกและวิ่งหนีเป็นกันอยางแตกกระจายเพื่อหาที่หลบภัยเสียงโลหะกระทบกันดังก้องไปทั่วค่าย ความโกลาหลที่เกิดขึ้นทำให้พวกโจรที่อยู่ในค่ายตกใจและหันไปดู เมื่อเห็นพวกพ้องถูกโจมตีพวกมันก็รีบชักดาบออกมาเตรียมต่อสู้ แต่ก็สายเกินไปแล้วพวกพี่น้องสำนักคุ้มภัยที่บุกเข้ามาอย่างดุดันทำให้พวกมันไม่สามารถตั้งรับได้ทัน พวกโจรถูกฟันล้มลงทีละคนอย่างรวดเร็ว

  • ข้าคือหัวหน้าสำนักคุ้มภัยอันดับหนึ่ง   บทที่ 10 ศัตรูคู่อาฆาต

    บทที่สิบศัตรูคู่อาฆาต การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด เสียงอาวุธปะทะกันดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ จงเหยียนมุ่งตรงเข้าหาหลี่รุ่ยหลินอย่างไม่รอช้า มันมีฝีมือที่รวดเร็วและดุดันกว่าคนอื่นๆ ที่เคยเผชิญหน้ามาก่อนทำให้หลี่รุ่ยหลินต้องโต้ตอบอย่างเต็มกำลัง แม้ว่านางจะเก่งกาจแต่จงเหยียนก็ไม่ใช่ศัตรูที่ประมือได้ง่าย หากว่ามันไม่มีฝีมือจริงก็ไม่สามารถสังหารบิดาและพี่ชายของนางได้หรอกขณะที่ทั้งสองต่อสู้กันนั้นจงเหยียนฉวยโอกาสในจังหวะที่หลี่รุ่ยหลินเผลอชักเอาขวดเล็กๆ ออกมาจากอกเสื้อ คลายจุกออกอย่างรวดเร็วแล้วสาดผงควันสีขาวนวลพุ่งเข้าหานางโดยไม่ให้ทันตั้งตัว“ควันสลบ” หลี่รุ่ยหลินรู้ทันทีว่าตนกำลังเผชิญกับอะไร นางพยายามหลบแต่ไม่ทัน ควันสีขาวปกคลุมร่างของนางในทันที เมื่อสูดเข้าไปแล้วก็ทำให้หัวเริ่มมึนงงและรู้สึ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status