อาเสอพูดแทนจ่านเหยียนอีก “เซิ่งหมู่ฮองไทเฮา ทรงประทับอยู่วังหลังมาหลายปี เหตุใดจึงไม่ทรงทราบว่าข่าวลือของวังหลังเชื่อถือไม่ได้ที่สุด? ข่าวที่ยังไม่ได้พิสูจน์กลับออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ ช่างทำให้คนแปลกใจจริง ๆ นะเพคะ”
“หุบปาก!” ถงไทเฮาเห็นอาเสอสอดปากซ้ำแล้วซ้ำเล่าจึงอดระเบิดอารมณ์ไม่ได้
อาเสอยิ้มด้วยสีหน้าเย็นชา จากนั้นก็ถอยกลับไปอยู่ด้านข้างไม่ได้พูดอีก
ราชครูถงเดินไปถามต้าเหมย “เล่าชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้าในตำหนักหรูหลานมาสิ”
ต้าเหมยปากสั่นเล็กน้อย เอ่ยด้วยใบหน้าหม่นหมอง “คุณชายฮุ่ยอวิ๋นส่งบ่าวเข้าวัง คุณชายฮุ่ยอวิ่นบอกให้พวกบ่าวปรนนิบัติหมู่โฮ่วฮองไทเฮาอย่างดี พวกบ่าวจึงได้แต่ปรนนิบัติอย่างทุ่มเทใจ ตอนเข้าวังใหม่ ๆ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาเพียงให้พวกบ่าวบรรเลงเพลงให้ฟังเท่านั้น ถือว่ามีมารยาท แต่ภายหลังมีอยู่คืนหนึ่ง หมู่โฮ่วฮองไทเฮาเรียกบ่าวเข้าตำหนักบรรทม ตรัสกับบ่าวมากมาย บอกว่าทรงเหงามาก ให้บ่าวอยู่เป็นเพื่อน แล้วยัง...”
ในขณะที่ทุกคนกำลังฟังด้วยความตื่นเต้นก็ได้ยินเขาหยุด จึงพากันมองเขา
ราชครูถงเอ่ยเสียงแข็ง “พูดต่อ!”
ต้าเหมยตัวสั่นระริก ลังเลครู่หนึ่ง ขณะกำลังจะอ้าปากพูดต่อ จ