“ชิ เจ้าคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มากสินะ ข้าจะบอกให้ เพราะเจ้าชี้นิ้วคิดแทนผู้อื่น ข้าและพี่น้องอีกหลายคนถึงต้องไร้บ้านอยู่ ทั้งยังต้องมาถูกผู้คนดูแคลน ทำอาชีพอะไรก็ไม่ได้อีก บางคนที่ทนทำเช่นข้าไม่ไหวก็ทำได้เพียงขอทาน คุณหนูใหญ่เช่นเจ้าจะไปเข้าใจอะไร” อาหงลุกขึ้นชี้หน้าด่าหลี่เฟิ่งเซียน
“คุณหนูใหญ่เช่นข้า ข้าไม่ได้เผาบ้านของเจ้า” หลี่เฟิ่งเซียนก็ไม่ยินยอม
“หึ คุณหนูใหญ่ก็ยังเป็นคุณหนูใหญ่ ไม่เคยเข้าใจชีวิตมดปลวกเช่นพวกข้า ท่านโดนจับ หนีกลับไปได้ก็ยังเป็นคุณหนูใหญ่ แต่ชาวบ้านตัวเล็กๆ เช่นข้า โดนจับ ถูกย่ำยี ถูกขายครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่อาจกลับไปเป็นลูกสาวของพ่อแม่ได้อีก
เจ้าทลายโรงน้ำชาแล้วอย่างไร ชีวิตของข้าก็กลับไปเป็นคนเช่นเดิมอีกไม่ได้แล้ว พ่อแม่ญาติพี่น้องต่างรังเกียจ ปลูกบ้านสักหลังก็ไม่ได้ ไปขอรับจ้างทำสวนให้ใครเขาก็ไม่ต้องการ มือของข้าก็ไม่ได้สกปรก แต่พวกเจ้ามีใครบ้างไม่รังเกียจ ที่เดียวที่พวกข้าจะอยู่จนแก่ได้คือโรงน้ำชา งานที่เดียวที่พวกข้าทำได้คือนอนกับผู้ชาย
เจ้าช่วยหรือ เจ้าส่งคนมาทลายโรงน้ำชา อ้างว่าปล่อยพวกข้ากลับบ้าน แต่ไหนเล่าบ้านของพวกข้า! คนใจแข็งก็ต้องไปขอทานหรือไม่ก็ยอมขายตัวข้างถนน เพื่อที่พรุ่งนี้จะได้มีกิน ใครทนไม่ได้ก็ต้องกลับไปโดดน้ำตาย หรือไม่ก็ถูกครอบครัวแท้ๆ จับใส่กรงไปทิ้งน้ำอยู่ดี
ข้าไม่มีอะไรตกถึงท้องมาทั้งวัน สุดท้ายมีคนชั่วสามคนยื่นข้อเสนอ ข้ายินดีกระโดดเข้าไปในน้ำโคลน เจ้าคิดว่าข้าไม่รังเกียจหรือ แต่ความหิวมันน่ากลัวกว่านัก เจ้าเคยไม่มีอะไรกินเลยหรือไม่ คุณหนูใหญ่เช่นเจ้าจะเข้าใจอะไร!!
คำสอนของกุลสตรี คุณค่าของสตรี ศักดิ์ศรีหรือ เพ้ย!!”
อาหงถ่มน้ำลายลงบนพื้น
หลี่เฟิ่งเซียนตกตะลึงกับเรื่องที่ได้ฟัง นางไม่เคยรับรู้ว่าพวกนางต้องเจอสิ่งใดบ้าง คิดเพียงว่าจะทลายโรงน้ำชาให้สาสมแก่ความโกรธของนาง นางคิดเพียงทำลายหอนางโลมเถื่อน หญิงสาวพวกนั้นที่ถูกบังคับมาอย่างไม่เต็มใจก็จะได้กลับบ้าน แต่ไม่เคยคิดว่าคนที่บ้านจะยังยินดีรับหญิงที่เคยอยู่ในหอนางโลมกลับเข้าบ้านหรือไม่
ท่านพ่อของนางรักนางมาก ไม่เคยแสดงความรังเกียจที่นางถูกจับไป แต่ใช่ว่าชาวบ้านทั่วไปจะเป็นเช่นนั้น ตัวนางเอง หากกลับไปที่เมืองหลวงก็ไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับคำนินทามากมายเพียงใด แม้นางจะไม่ใส่ใจ แต่นางอยู่ในฐานะที่ไม่ใส่ใจก็มีข้าวกิน ไม่เหมือนอาหงหรือหญิงขอทานคนอื่นๆ
“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าใส่เสื้อผ้าเถิด” หลี่เฟิ่งเซียนพูด
จับเสื้อผ้าของจ้าวเหลียงโยนให้อาหง และเดินออกจากห้องนั้น นางอาจไม่รู้เรื่องอื่นๆ แต่เรื่องที่หิวจนยอมทำเรื่องน่ารังเกียจ เรื่องที่รักชีวิตจนต้องทำทุกทางเพื่ออยู่รอด นางก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง หากไม่ได้มู่เฉินคอยให้ความช่วยเหลือ ไม่แน่นางอาจต้องมีชีวิตอยู่ไม่ต่างจากอาหง
การที่มีลู่มู่เฉินเข้ามาในชีวิตของนางเช่นนี้ ช่างดียิ่ง ไม่ว่าอย่างไรนางก็ตัดสินใจว่าจะไม่ปล่อยมือจากเขา ยิ่งได้รับรู้เรื่องของอาหงนางยิ่งแน่ใจ
หลี่เฟิ่งเซียนเดินลงไปด้านล่าง โยนถุงเงินให้เสี่ยวเอ้อ สั่งให้ทำอาหารอุ่นยกขึ้นไปที่ห้องของจ้าวเหลียงชุดหนึ่ง และบอกให้เสี่ยวเอ้อหาช่างไปซ่อมประตูห้องด้วย
ส่วนนางตรงไปที่ห้องของทหารคนอื่นๆ ตั้งใจจะไปลงโทษจ้าวเหลียง แต่ไปถึงที่นั่นกลับเห็นเพียงทหารคนเดียว ครั้งนางถามจึงได้ความว่าคนอื่นๆ ไปเฝ้ายามบ้าง ตรวจตรารอบๆ บ้าง ตัวเขาพึ่งออกจากเวรเฝ้ายาม ยามนี้ต้องรีบนอนเอาแรง ส่วนจ้าวเหลียงออกไปรอรับโทษอยู่ที่หลังสวน
หลี่เฟิ่งเซียนจึงเดินไปหลังสวนของโรงเตี๊ยม เห็นจ้าวเหลียงนั่งคุกเข่ารออยู่ นางเดินเข้าไปใกล้ แต่ก็ยืนอยู่นานก็ไม่อาจพูดสิ่งใดออกไปได้ ครั้งนี้หลี่เฟิ่งเซียนได้รับรู้สิ่งต่างๆ มากมาย นางจึงตัดสินใจว่าจะถามก่อนค่อยลงโทษ
“เจ้า เหตุใดถึงทำเช่นนั้น”
“ข้าคิดว่าท่านอาจเหนื่อยและหลับไปแล้ว ในห้องของท่านเขย” จ้าวเหลียงตอบ
“ข้าหมายถึง เหตุใดถึงทำเช่นนั้นกับอาหง นางขอร้องเจ้า นางยั่วยวนเจ้า หรือเพราะเจ้าชอบนาง ข้าบอกให้เจ้ามัดนางไว้ เหตุใดถึงไม่หาอะไรให้นางใส่ หรือหาอะไรให้นางกิน เจ้ารู้หรือไม่ นางไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวันแล้ว”
“นางบอกข้าแล้ว แต่นางเป็นนักโทษ ข้าไม่ได้มีหน้าที่ดูแลนาง” เขาตอบสั้นๆ
“เจ้าไม่ได้มีหน้าที่ดูแลนาง แล้วเจ้าเป็นสามีของนางหรือถึงทำเช่นนั้นกับนางได้” หลี่เฟิ่งเซียนตะคอกด้วยความไม่พอใจ
“คุณหนูใหญ่ นางเป็นหญิงคณิกา นางทำเรื่องพวกนั้นเป็นปกติ” เขาเงยหน้าพูดกับนาง คล้ายว่าเขาไม่ได้ทำเรื่องผิด
คำตอบของจ้าวเหลียงจะว่าผิดก็ไม่ผิด แต่จะว่าถูกต้องก็คล้ายไม่ใช่ ในใจหลี่เฟิ่งเซียนสับสน
“ข้าไม่เข้าใจ ข้าคิดว่าคนเราจะทำเช่นนั้นกับคนที่เราชอบเท่านั้น เจ้าไม่รังเกียจนางหรือ เจ้าชอบนางเข้าแล้วงั้นหรือ” นางถามอย่างสงสัย
“ข้า...” แต่เขากลับพูดออกมาไม่ได้
“ตอบข้าตามจริง! ตามที่เจ้าคิด ข้าต้องการรู้ความจริง”
จ้าวเหลียงถอนหายใจ
“คุณหนูใหญ่ ในโลกนี้มีคู่สามีภรรยาที่แต่งงานโดยไม่เคยพบหน้า ไม่เคยรักกัน แต่พวกเขาก็ทำเรื่องเช่นนี้ได้ ข้าเป็นผู้ชาย ขอเพียงแก้ผ้าอยู่ใกล้ๆ ข้า ไม่ว่านางเป็นใคร ข้าก็ต้องอยากทำ ไม่อาจห้ามได้”
จ้าวเหลียงเงยหน้าสบตาคุณหนูใหญ่ พูดไปตามตรง
“ห้ามไม่ได้ เพียงเพราะเป็นชายหรือ?” นางถาม
“ขอรับ”
“แต่เจ้าเป็นคนที่ให้เกียรติหญิงสาวมาก ขนาดยู่ยี่เจ้ายังไม่จ้องมองนานๆ เพื่อให้นางรู้สึกไม่ดีไม่ใช่หรือ” หลี่เฟิ่งเซียนไม่เข้าใจ
“หยวนหยวนเป็นสตรีที่ดี ไม่ใช่หญิงคณิกา”
“แต่อาหงก็เคยเป็นสตรีที่ดี เคยมีพ่อแม่ เคยมีศักดิ์ศรีไม่ต่างจากยู่ยี่”
“แต่ตอนนี้นางเป็นหญิงคณิกาแล้ว! ผ่านชายนับไม่ถ้วน ท่านก็เห็นสิ่งที่นางทำในตรอกไม่ใช่หรือคุณหนูใหญ่” เขาไม่เข้าใจ นางต้องปกป้องหญิงขายตัวคนหนึ่งไปเพื่ออะไร!