หลี่เฟิ่งเซียนเดินออกจากห้องของลู่มู่เฉิน นางกลับห้องของตัวเอง ตรงไปปลุกยู่ยี่ให้เตรียมน้ำให้นางอาบ ถึงยู่ยี่จะทั้งโมโหและก่นด่านาง แต่สุดท้ายก็ยังลงไปสั่งให้โรงเตี๊ยมเตรียมน้ำอุ่นให้นางอาบอยู่ดี
วันนี้นางพบเจอหลายเรื่องมากเกินไป บางเรื่องทำให้นางคิดสิ่งใดไม่ออก เรื่องที่นางถูกสั่งสอนมาทั้งชีวิตคล้ายจะไม่ใช่ความจริง นางยังต้องหาคำตอบ แต่บางเรื่อง แม้นางจะรู้คำตอบชัดเจน แต่ให้ลงมือทำก็ยังแอบหวาดกลัว นางไม่เข้าใจหญิงขายตัวผู้นั้นว่าเหตุใดถึงเกลียดนางนัก นางต้องหาคำตอบ เช่นกันนางรู้ดีว่านางชอบลู่มู่เฉินมาก ต้องการครอบครองเขา แต่ยังไม่รู้วิธีว่าต้องทำเช่นไรถึงจะครอบครองเขาได้
หลี่เฟิ่งเซียนแช่น้ำร้อนไปครุ่นคิดไป ผ่านไปครึ่งชั่วยามจนน้ำเริ่มเย็นนางจึงลุกออกจากถังอาบน้ำ เรียกยู่ยี่สองสามครั้งนางไม่ยอมตอบ สุดท้ายแม้หลี่เฟิ่งเซียนจะรำคาญแต่ก็ต้องจำใจจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งเช็ดผม ใส่เสื้อผ้าและหาถุงเท้าอุ่นๆ มาใส่
มองดูยู่ยี่ที่นอนหลับบนเตียงของนางอย่าสุขสบายแล้ว นางรู้สึกมีความอบอุ่นสายหนึ่งวิ่งผ่านในใจ ถึงยู่ยี่จะไม่มีมารยาทเท่าสาวใช้ที่จวนแม่ทัพ แต่ยู่ยี่จริงใจ คิดอย่างไรก็แสดงออกมาเช่นนั้น เป็นสิ่งที่หลี่เฟิ่งเซียนไม่ค่อยได้สัมผัส ดังนั้นแม้ยู่ยี่จะน่ารำคาญอยู่มาก แต่อย่างไรหลี่เฟิ่งเซียนก็ยังอยากให้เดินทางไปเมืองหลวงที่แสนโดดเดี่ยวด้วยกัน
หลี่เฟิ่งเซียนเดินออกจากห้องของตัวเอง ตรงไปทางห้องของจ้าวเหลียง นางสั่งให้เขาพาหญิงคณิกาไปมัดเอาไว้ที่นั่น แม้จะค่อนข้างดึกแล้ว แต่อย่างไรนางก็นอนไม่หลับ ไม่สู้ไปคุยกับหญิงขายตัวคนนั้นให้รู้เรื่อง
แต่ครั้งหลี่เฟิ่งเซียนเดินไปใกล้ห้องของจ้าวเหลียง นางกลับได้ยินเสียงของผู้ชายที่หอบต่ำอย่างเหน็ดเหนื่อย และเสียงบางอย่างกระทบกัน
“อุก อ่า.. อ้า.. ..อึก แรงเยอะจริง ซี๊ด..” เสียงของผู้หญิงดังขึ้น
เพี๊ยะ! ตามมาด้วยเสียงเนื้อถูกตีและเสียงหอบหายใจหนักหน่วง
“โอ๊ย อ๊ะ..อ๊ะ บะ เบาหน่อย อ๊า..อ้า” เป็นเสียงของหญิงขายตัว หลี่เฟิ่งเซียนจำได้แม่น แต่ไม่กล้าคิดว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในห้อง หรือใครเป็นคนทำเช่นนั้นกับหญิงขายตัว เพราะคนที่อยู่ในห้องนี้ก็มีเพียงจ้าวเหลียง
“อ้า อ้า อ๊าง อ๊ะ แรงไปแล้ว.. อา อั๊ก! อึก” หญิงคนนั้นยังคงส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดเช่นเดิม แต่ครั้งนี้หลี่เฟิ่งเซียนได้ยินเสียงคล้ายผิวเนื้อกระทบเนื้อ และเสียงเตียงไม้ดัง กึกๆ กักๆ ผสมมากับเสียงร้อง จ้าวเหลียงคงทำบางอย่างแรงมากถึงได้เกิดเสียงเช่นนั้น
หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกหน้าชา นางพึ่งช่วยคนจากการทำเรื่องเช่นนี้ ไม่ใช่เพื่อให้เขาทำกับนางรุนแรงยิ่งกว่า
ปัง!! โครมมม! ประตูถูกหลี่เฟิ่งเซียนถีบอย่างแรงจนประตูหลุดกระเด็นเข้าไปด้านใน จ้าวเหลียงตกใจมองประตูที่แตกหักอย่างน่ากลัว
หลี่เฟิ่งเซียนเห็นภาพจ้าวเหลียงที่กำลังจับก้นขาวเนียนของหญิงคณิกา ช่วงล่างของเขาติดกับก้นของนาง หญิงคนนั้นถูกจัดให้คุกเข่าโก้งโค้งหน้าแนบกับพื้น มืออีกข้างของจ้าวเหลียงยังบีบแน่นอยู่ที่หน้าอกใหญ่โตของนาง
“ข้าให้เจ้าทำกับนางเช่นนี้หรือ!!!” หลี่เฟิ่งเซียนโกรธจัด มือไม้สั่น
“คุ คุ คุณหนูใหญ่!!” จ้าวเหลียงเองก็ไม่คิดว่าหลี่เฟิ่งเซียนจะโผล่มาเช่นนี้
หลี่เฟิ่งเซียนเห็นจ้าวเหลียงรีบลุกขึ้น ผลักหญิงขายตัวจนล้มกับพื้นไม่คิดจะสนใจ จ้าวเหลียงใช้สองมือกุมท่อนเนื้อท่อนหนึ่งที่ติดอยู่กลางร่างของเขา แม้เขาจะใช้ทั้งสองมือกุม พยายามหันหน้าไปทางอื่น แต่มันใหญ่มากจนหลี่เฟิ่งเซียนไม่ต้องเพ่งมองก็ยังเห็น
จ้าวเหลียงรีบหยิบเสื้อคลุมมาคลุมส่วนล่างของเขาเอาไว้ ทั้งใบหูใบหน้าแดงก่ำจนใกล้เขียวคล้ำเพราะความอับอาย รีบร้อนจะออกไปจากห้องนี้
“หยุดนะ เจ้าห้ามไป” หลี่เฟิ่งเซียนตะคอก
จ้าวเหลียงได้แต่หยุดตามที่นางสั่ง ยามอยู่ต่อหน้านาง จ้าวเหลียงยังคงเชื่อฟัง เป็นทหารกล้าที่แม่ทัพหลี่ไว้ใจ เป็นชายหนุ่มที่น่าเคารพยกย่อง เขาให้เกียรติหญิงสาวเสมอ แม้แต่กับสาวใช้อย่างยู่ยี่เขาก็ไม่เคยมองนาน แต่เหตุใดพออยู่ต่อหน้าหญิงคณิกาไร้ทางสู้ผู้หนึ่ง เหตุใดเขาจึงกลายเป็นคนน่ารังเกียจ อัปลักษณ์ทั้งทางกายและทางใจเช่นนั้นไปได้ หลี่เฟิ่งเซียนไม่เข้าใจสักนิด
“หึ หึ ฮ่าๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะของหญิงคนนั้นดังจนทั้งสองคนต้องหันไปมอง
“ฮ่าๆๆๆ ข้าสะใจเสียจริง ฮ่าๆๆๆๆ” นางยังหัวเราะต่อไป
“เจ้าหัวเราะอะไร!!” หลี่เฟิ่งเซียนตะคอก
“ฮ่าๆๆ ข้าก็หัวเราะคุณหนูใหญ่ผู้ไม่รู้อะไรเลยเช่นเจ้าอย่างไรเล่า ฮ่าๆๆๆ”
“หยุด!! ข้าบอกให้เจ้าหยุด!!” จ้าวเหลียงตะคอกใส่นางบ้าง
หญิงขายตัวหยุดหัวเราะ ค่อยๆ ชันตัวนั่ง อ้าขาออกเปิดเผยถ้ำหวงแหนที่หญิงสาวไม่ควรเปิดให้ใครดูอย่างไม่รู้สึกต้องเคอะเขินผิดบาป จ้าวเหลียงหลับตาหันไปทางอื่น ไม่อยากมองภาพนั้น หลี่เฟิ่งเซียนทนมองไม่ได้จึงไปหยิบผ้าห่มมาคลุมนางไว้
“เจ้าไปใส่เสื้อผ้าแล้วค่อยมารับโทษ” หลี่เฟิ่งเซียนสั่งจ้าวเหลียง
เขารีบร้อนออกไป
“เจ้าเจ็บหรือไม่” หลี่เฟิ่งเซียนถามหญิงคนนั้นหลังจ้าวเหลียงไปแล้ว
“หึ เจ้าเสแสร้งหรือโง่จริงๆ” นางย้อนถาม
“ได้ งั้นเปลี่ยนคำถาม เจ้าชื่ออะไร”
“ข้าชื่ออะไรสำคัญตรงไหน อย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
“ตอบมา!!” หลี่เฟิ่งเซียนไม่มีอารมณ์ต่อล้อต่อเถียง นางเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนแม่ทัพ เคยออกไปล่าโจร เคยฆ่าคน แน่นอนว่าเวลาเอาจริงย่อมแตกต่างจากผู้อื่น หญิงขายตัวก็รู้สึกได้
“ชื่อข้าคืออาหง แต่ใครๆ ก็เรียกข้าว่า ต้าเซิง เพราะเวลาที่พวกผู้ชายกระแทกแรงๆ ข้าชอบทำเสียงดัง” ต้าเซิงรู้สึกกลัวหลี่เฟิ่งเซียน แต่ยังคงเกลียดนาง จึงพูดถากถางประชดออกไป
“เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว”
“35..”
“อาหง ข้ามั่นใจว่าไม่เคยพบเจ้ามาก่อน เหตุใดเจ้าจึงเกลียดข้าถึงขั้นอยากจะฆ่าให้ได้” หลี่เฟิ่งเซียนตรงเข้าประเด็นไม่คิดสนใจคำประชดของนาง
“หึ ทำท่าใหญ่โต ข้าเกลียดหญิงสาวเช่นเจ้ามากจริงๆ”
“ตอบข้ามา!!” หลี่เฟิ่งเซียนไม่มีอารมณ์ล้อเล่น
“ข้าเป็นผู้ชายเหตุใดจะมองไม่ออกว่าเขาหวั่นไหวกับท่านแทบแย่ แต่พยายามเก็บอาการ ข้าไม่รู้ว่าท่านกับเขาผิดใจอันใดกัน แต่ลองพูดคุยกับเขาตรงๆ เขาย่อมต้องเข้าใจท่านอยู่แล้ว” จ้าวเหลียงให้คำแนะนำหลี่เฟิ่งเซียนหัวใจระส่ำไม่เป็นจังหวะ นางทำเรื่องเลวร้ายไปมากมายเช่นนั้น ยังจะมีเรื่องเข้าใจผิดอันใดอีก แต่หากเป็นดั่งที่จ้าวเหลียงพูดจริง นางควรทำเช่นไรดี อยากลองพูดคุยจริงจังกับเขาสักครั้ง แต่ก็กลัวว่าหากเขาตอบว่าชื่นชอบหญิงในชุดขาวผู้นั้น นางควรทำอย่างไร แต่หากเขาชอบนางอย่างที่จ้าวเหลียงพูดจริงๆ และนางปล่อยไปเช่นนี้ ดีแล้วแน่หรือ“ข้าต้องไปก่อนนะ” พูดแล้วหลี่เฟิ่งเซียนก็เดินออกจากห้องพักของจ้าวเหลียงทันที อยากรีบไปหาสามีของตัวเองเพื่อพูดคุยให้รู้เรื่องนางไปรอเขาที่หน้าประตูจวน เพียงไม่นานก็เห็นรถม้ากำลังใกล้เข้ามา นางรอจนกระทั่งรถม้าจอด เขาเปิดประตูออกมา นางคล้ายว่าไม่ได้เห็นเขามาหลายวันมาก คิดถึงเขาจนอยากวิ่งเข้าไปกอด แต่นางไม่กล้าหลี่เฟิ่งเซียนพบว่าเขากำลังมองมาที่นางเช่นกัน คล้ายว่าเขาจะขมวดคิ้วและทำหน้าโกรธ จู่ๆ นางก็กลัวที่จะเข้าไปหาเขา จึงเลือกที่จะหนีออกมาอย่างรวดเร็วลู่มู่เฉินรู้สึกเจ็
หลี่เฟิ่งเซียนเดินออกไปจากห้องนานแล้ว แต่เขายังคงนั่งมองมือซ้ายของเขา เขาเริ่มรู้สึกเสียใจที่วันนั้นตัดสินใจหักมือข้างนั้น คิดอีกที หากเขาไม่ทำเช่นนั้นคงไม่สามารถรอดมามีความสุขเช่นนี้ได้ แต่ความสุขเช่นนี้ดีแน่แล้วหรือ เขาคิดกลับไปกลับมาอยู่เช่นนั้นทั้งคืน บ่าวชายที่มาช่วยเขาเช็ดตัว เขาก็จำหน้าไม่ได้หลังจากเรื่องวันนั้น หลี่เฟิ่งเซียนก็หลบหน้าเขา แต่มีหยวนหยวนส่งน้ำแกงปลาและน้ำแกงไก่มาให้เขาทุกเช้า เขาเองแม้จะเริ่มคิดถึงนางมากแต่ไม่กล้าไปหานางที่ห้อง เพราะความอับอายที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งต้องถูกจู่โจมอย่างสิ้นท่า ไร้การต่อต้านแม้นางจะพูดว่านางเป็นคนผิด แต่เขารู้ดีว่าไม่ใช่ หากวันนั้นเขาไม่ยินยอมจริงๆ นางตัวเล็กเพียงนั้นจะถึงขั้นขืนใจเขาได้หรือ เขาประเมินความต้องการของเขาผิดไป ไม่นึกว่าจะต้องการนางมากถึงขั้นขาดสติ ปล่อยให้เรื่องราวเช่นนั้นเกิดขึ้นต่อมาลู่มู่เฉินยังได้ยินพ่อบ้านพูดว่านายหญิงผู้เฒ่าร้อนใจจนทำอะไรไม่ถูก เพราะจู่ๆ หลี่เฟิ่งเซียนก็กลับไปเที่ยวหอเข่อซินอีกแล้ว ท่านพ่อบ้านขอให้เขาช่วยพูดกับคุณหนูใหญ่ว่าไม่ควรไปเที่ยวสถานที่เช่นนั้นอีกเพราะนางแต่งงานแล้วแต่เมื่อเขาเดินไปถึงหน้า
หลี่เฟิ่งเซียนหันไปมองแท่งหยกที่นางกำไม่มิดนั้น กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ตัดสินใจยกก้นขึ้นและจับท่อนหยกร้อนของเขาถูไปมา ยามนี้ผลท้อของนางเต็มไปด้วยน้ำแห่งความสุขแล้ว‘เพียงลูบคลำเจ้านี่ ข้าก็สามารถหลั่งน้ำแห่งความสุขได้แล้วหรือ’ นางสงสัย จำได้อาหงบอกว่าเช่นนี้นางจะเจ็บน้อยลงลู่มู่เฉินรู้ทันทีว่านางคิดจะทำอะไร ถึงเขาจะอยากให้นางทำ และต้องการมากเพียงใด แต่มโนสำนึกของเขาและความตั้งใจของเขายังคงทำให้เขามีแรงจะดึงสติกลับมาได้“อย่า อย่าทำเช่นนี้” เขาขอร้องอย่างร้อนรน“เจ้าไม่อยากเสียใจภายหลังหรอกนะ เชื่อข้าเถิด เฟิ่งเอ๋อร์” เขาอ้อนวอนนาง แต่หลี่เฟิ่งเซียนใช้มือข้างหนึ่งยันเขาไว้ บังคับไม่ให้เขาลุกขึ้นหนีไปไหน มืออีกข้างของนางก็จับแท่งหยกร้อนนั่นถูไปมาที่ร่องกลีบดอกไม้ของนาง ก่อนที่นางจะออกแรงดันตัวเองลงไป หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกได้ถึงความดุดันของท่อนหยางร้อนลวกของเขาที่กำลังดุนดันเข้าไปในร่องกลีบดอกท้อ“พอแล้ว ขอร้อง อย่าทำเช่นนี้ อย่า” เสียงต่ำแหบพร่าของเขาขอร้องให้นางหยุด ในขณะที่อีกใจหนึ่งของเขากำลังรอให้นางดันตัวลงมากอดรัดเอ็นอุ่นนั้นไว้ เพียงแค่นางถูไถโลมเล้าเคล้าคลึงไปมา ความนุ่มลื่
เขาพลิกตัวอยากจะกระโดดหนีลงไปด้านล่าง แต่เพียงแค่เขาเอียงตัวนางก็ใช้เท้าเล็กๆของนางเหยียบลงมาที่ไหล่ของเขา ดันให้เขาพลิกตัวประชันหน้ากับนางตรงๆ เขาอยากมีแรงมากกว่านี้เพื่อดันเท้านั้นให้หลุด น่าเสียดายที่วันนี้เขาอ่อนแอมากกว่าทุกที เขายังได้รับบาดเจ็บจากการทดลองยาอยู่ และภาพภรรยาตัวเปลือยเปล่า งดงามจนเขาตกตะลึง ลืมว่าต้องหนีสองมือถูกมัดไว้พ่ายหลัง ยิ่งดันให้ช่วงสะโพกแอ่นขึ้น ท่อนหยกร้อนของเขาชูชันแสดงตัวอย่างกับต้องการบอกให้นางรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร มันชูชันสูงใหญ่ดั่งเสาค้ำสวรรค์ก็ไม่ปาน หลี่เฟิ่งเซียนตาโต จ้องมองหัวใจสั่นไหว ลู่มู่เฉินงอขาและพยายามหนีบเจ้านั่นเอาไว้ แต่ยามนี้มันขยายใหญ่จนปิดไม่มิด ภาพที่นางอ้าขาเหยียบไหล่เขาเอาไว้ แม้งดงามจนเขาถอนสายตาไม่ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในฐานะบุรุษผู้หนึ่ง อย่างไรเขาก็ไม่อาจรับตัวเองได้ เขาอ้าปากเพื่อหายใจ หลับตาแน่นเพื่อลดทอนความอับอายในใจหลี่เฟิ่งเซียนมองดูเจ้าสิ่งนั้นแล้วตกใจไม่น้อย ในใจนางนึกถึงตอนเขาป่วยและนางเช็ดตัวให้เขา มันยังเล็กมากเท่านิ้วเท้าหัวแม่โป้ง แต่ยามนี้มันชูชันจนแทบจะใหญ่เท่าข้อมือของนาง! หลี่เฟิ่งเซียนเริ่มหายใจไม
แต่ครั้งเข้าไปในห้องของตัวเองและเห็นพวกรูปต่างๆ ที่อาหงวาดขึ้นเพื่อการเรียนรู้เหล่านั้น ในใจนางเกิดความรู้สึกหึงหวงอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่ว่าเขาไม่ยอมเข้าหอกับนาง เพราะหญิงแพศยานั่น!!...พวกเขาไปถึงไหนกันแล้ว!! มิน่าเขาถึงได้เชี่ยวชาญมาก เพียงจูบก็ทำให้นางสามารถหลั่งน้ำแห่งความสุขได้ เขาอาจจะเคยทำกับผู้อื่นมาก่อน เขาถึงทำเช่นนั้นได้อย่างเชี่ยวชาญ นางยอมไม่ได้ นางต้องรีบรวบหัวรวบหางเขา!! ทนรอให้เขายินยอมด้วยตัวเองไม่ได้แล้ว!!หลี่เฟิ่งเซียนวิ่งไปถึงหน้าห้องของเขา เห็นว่าด้านในยังมีแสงไฟอยู่ นางผลักประตูเข้าไปไม่บอกกล่าวไม่เคาะประตู“เจ้า เจ้าเข้ามาได้อย่างไร” ลู่มู่เฉินเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เขากำลังใส่เสื้อผ้า นางก็ผลีผลามเข้ามา เขาตกใจ รีบร้อนใส่เสื้อให้เรียบร้อย แต่เชือกผูกเอวอยู่บนโต๊ะ เขายืนอยู่ใกล้เตียงนอน จึงทำได้เพียงใช้มือจับสาบเสื้อคลุมตัวยาวเอาไว้หลี่เฟิ่งเซียนเห็นว่าเขายังแต่งตัวไม่เรียบร้อย แผนในใจของนางผุดขึ้นมาเป็นร้อยแผน คำพูดของอาหงดังก้องอยู่ในหู‘หากเจ้าทำให้เขาภูมิใจมากพอ เขาจะเอ็นดูเจ้ามากขึ้น’นางหันไปปิดประตูลงกลอน ยังเดินไปปิดหน้าต่างที่เขาแง้มเอาไว้รับลมด้วย“เจ้า เจ้า
เรื่องราวในคืนนั้น ความหอมหวานที่เขากอดกกนาง รสจูบ ความนุ่มนิ่มนุ่มนวล ทุกอย่างทำให้เขาไม่กล้าเดินไปที่เตียงนั่น แม้บนเตียงนั้นจะเปลี่ยนผ้าปูผ้าห่มใหม่ทั้งหมดแล้วก็ตาม เขายังคงรู้สึกว่ากลิ่นหอมหวานจากตัวนางยังคงติดอยู่ที่จมูก'ตัวเจ้าหอมมาก' คำพูดของหลี่เฟิ่งเซียนลอยมา นางเคยพูดชมเขาเช่นนั้นหลายครั้งแล้ว เขาไม่แน่ใจว่านางได้กลิ่นอันใดทั้งที่บนตัวเขามีแต่กลิ่นยา เขาเองก็อยากจะบอกกับนางว่า 'ตัวเจ้าหอมน่ากินมาก' เพราะบนตัวของนางมีกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายดอกไม้ผสมกลิ่นบางอย่างคล้ายหนิวหน่าย[1] ต้มผสมน้ำผึ้ง เป็นอาหารของชาวอิ่นตู้ที่เขาเคยได้ลิ้มลองเมื่อครั้งยังท่องเที่ยวไปทั่ว มันอร่อยและหอมติดจมูก ดังนั้นเมื่อเขาได้กลิ่นนี้จากตัวนาง เขาจึงรู้สึกน้ำลายสอ อยากจะกลืนกินครั้งแล้วครั้งเล่า เสียดายก็แต่เขาพูดออกไปเช่นนั้นไม่ได้ ในที่สุดลู่มู่เฉินก็ดึงผ้าห่มจากเตียงและลงไปนอนบนพื้นแทน เขาไม่รังเกียจที่จะนอนบนพื้นเพราะเขาเคยนอนในที่ที่ลำบากมากกว่านี้ พื้นแข็งๆที่ทำจากไม้ขัดมันอย่างดี ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการนอนหลับของเขาลู่มู่เฉินนอนหลับด้วยความยากเย็นเพราะมัวแต่คิดถึงนาง ในขณะที่หลี่เฟิ่งเซียนแทบ