อาทิตย์ที่สองของการนอนโรงพยาบาล นิ้วมือของเหมียวเหมี่ยวถึงฟืนคืนความรู้สึก
เรื่องแรกที่เธอทำคือแจ้งตำรวจ
ไม่รอให้ตำรวจมาถึง เหมียวเหมี่ยวก็ดึงมือฉัน เอ่ยเสียงสั่นเทา
เธอเอ่ยว่า”แม่คะ ในซอยนั่นมี...กล้องวงจรปิด”
หายใจลำบาก ฉันรู้ว่าลูกสาวต้องใช้ความกล้าหาญมากเพียงในการเอ่ยประโยคนี้ออกมา
ไม่กล้ารีรอ หลังปลอบประโลมไปหลายประโยค ฉันก็เรียกรถไปที่นั่นทันที
แต่รอจนถึงสถานที่แห่งนี้ พนักงานรักษาความปลอดภัยไม่อาศัยข้ออ้างว่าไม่สะดวก ก็ปิดประตูไม่พบหน้า
จนกระทั่งฉันนำเงินที่เหลือแค่สองพันหยวนในกระเป๋ายัดใส่มือเขา ถึงสามารถเดินเข้าไปในห้องควบคุมกล้องวงจรปิดได้
พนักงานรักษาความปลอดภัยจ้องการกระทำของฉันอย่างใกล้ชิด ราวกับกลัวว่าจะเกิดข้อผิดพลาดอะไรจากความประมาท
กล้องวงจรปิดระยะหนึ่งเดือนนี้ ล้วนมือทุกวัน แต่ดันขาดคืนวันที่เกิดเรื่องขึ้นกับเหมียวเหมี่ยวไป!
ในตรอกซอยสะอาดราวกับเคยถูกทำความสะอาดไป หาร่องรอยและคราบเลือดการฉีกทิ้งไม่เจอเลยสักนิดเดียว
ฉันทรุดตัวนั่งลงบนพื้น ”คลิปกล้องวงจรปิดล่ะ คลิปกล้องวงจรปิดในคืนวันนั้นล่ะ!”
“พี่สาว วันนั้นกล้องวงจรปิดบังเอิญเสียพอดี คุณดูสิ ผมก็ให้คุณดูแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผมยังต้องทำงานนะครับ”
บังเอิญขนาดนั้นจริงๆ หรือ...
นึกถึงดวงหน้าเปราะบางของเหมียวเหมี่ยว ฉันก็หลับตาลงอย่างทุกข์ใจ
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ บีบให้พวกเราเดินไปสู่ทางตันทีละก้าวๆ
เวลาห้าทุ่ม ฉันฝืนยิ้มกลับไปถึงห้องพักผู้ป่วย
เมื่อเข้าประตูไป ก็เห็นเหมียวเหมี่ยวขดตัวอยู่บนเตียงด้วยความตกใจ นัยน์ตาจ้องหลังบานประตูเขม็ง
ด้านหลังประตูพลันมีเสียงแผ่วเบาดังลอยมากะทันหัน ตามการเคลื่อนฝีเท้าฉัน
เหมือนเสื้อผ้าเสียดสีกับผนังจนเกิดเสียงกรอบแกรบ
ตอนแรกฉันนึกว่าเป็นภาพหลอนที่เกิดจากสภาพจิตใจตึงเครียด
แต่ตอนมาเห็นได้ชัดว่าเป็นเสียงถอนหายใจของผู้ชายดังลอยเข้ามาในหูฉัน
ภายในห้องพักผู้ป่วยที่เงียบสงัดนั้น ได้ยินชัดเจนผิดปกติ
เสี้ยววินาทีที่หนังศีรษะชาวาบ เหมียวเหมี่ยวก็ตัวสั่นชัดเจนกว่าเดิม
เธอกำลังกลัว กลัวผู้ชายแปลกหน้าคนนี้
ศีรษะแข็งทื่อค่อยๆ หันไปด้านหลัง อาศัยแสงไฟสลัวที่ส่องมา ฉันเห็นบริเวณเปิดปิดตรงช่องประตู ฉายเงาร่างคนคนหนึ่งออกมา
สูงใหญ่ กำยำ
ชายคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่หลังประตู คนที่สามารถเอาชีวิตพวกเราไปได้ตลอดเวลา