ปณิชามาทำงานที่คลินิกของหมอตุลธรได้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว แม้ว่าหญิงสาวจะไม่ได้เข้ามาทำงานทุกวันแต่ความสนิทสนมที่มีให้กับคุณหมอหนุ่มก็มีมากขึ้นกว่าเดิม
การทำงานที่นี่ก็คล้ายๆ กับที่โรงพยาบาลผู้มารับบริการก็มีทั้งเด็กป่วยและเด็กที่เข้ามารับวัคซีน การตรวจทุกครั้งปณิชาก็จะเขาไปในห้องกับเขาเพราะที่นี่ไม่มีผู้ช่วยพยาบาลเหมือนกับที่โรงพยาบาล
แม้จะทำงานเข้าขากันดีแต่มันก็เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ปณิชารู้สึกไม่สนิทใจเวลาอยู่กับเขาตามลำพัง
“วันนี้พี่รัตน์ขอกลับก่อนเหมยอาจจะยุ่งหน่อยนะ” ตุลธรบอกกับปณิชา
พี่รัตน์ที่ชายหนุ่มพูดถึงคือป้าแม่บ้านที่คอยช่วยทำความสะอาดและดูแลความเรียบร้อยทั่วๆ ไปของคลินิก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะวันนี้คนไข้ไม่เยอะเท่าไหร่”
“ประวัติผู้ป่วยพวกนั้นถ้าคุณทำไม่ไหวก็วางไว้ตรงนั้นก่อนเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่รัตน์ก็จะมาจัดการเอง”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะเหลืออีกนิดเดียวเหมยว่าทำอีกแป๊บเดียวก็เสร็จแล้วค่ะ”
“ตอนนี้มันตอนนี้ก็ใกล้จะสองทุ่มแล้วคุณหิวไหม”
“ไม่เท่าไหร่ค่ะ หมอล่ะคะหิวไหมจะรับคนไข้เพิ่มอีกหรือเปล่า”
“อีกแค่ 10 นาทีเองผมว่าปิดไฟหน้าคลินิกเลยก็ได้นะ”
“ค่ะ”
ปณิชาปิดไฟที่หน้าคลินิกจากนั้นก็นั่งบันทึกประวัติผู้ป่วยลงคอมพิวเตอร์ไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อย
“เสร็จแล้วใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ”
“เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า วันนี้คุณไม่ได้เอารถมาใช่ไหม”
“ค่ะ เหมยนั่งแท็กซี่มา”
“รถคุณไปไหนล่ะ” มีหลายครั้งที่ตุลธรจะแวะไปรับหญิงสาวที่โรงพยาบาลเพื่อมาทำงานพร้อมกันแต่ปณิชาก็ปฏิเสธมาโดยตลอด
“รถเหมยมีปัญหานิดหน่อยค่ะ ให้ช่างมาเอาไปซ่อมแล้วค่ะ”
“ช่วงนี้คุณก็ให้ผมรับส่งไปก่อนนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เหมยไม่อยากรบกวนหมอ”
“รบกวนที่ไหนล่ะ ทางไปโรงพยาบาลผมก็ผ่านโรงพยาบาลของคุณนะ”
“เหมยเกรงใจ”
“เราเป็นเพื่อนกันนะจะต้องเกรงใจทำไมล่ะ ไปกันเถอะผมชักจะหิวแล้ว”
ตุลธรพาปณิชามาทานอาหารที่ร้านแห่งหนึ่งที่อยู่ระหว่างทางกลับคอนโดมิเนียม
“เป็นยังไงบ้างรสชาติดีไหม”
“อร่อยดีค่ะ”
“พอจะสู้กับร้านประจำของเราได้หรือเปล่าล่ะ”
“ได้นะคะ ที่นี่มีอาหารให้เลือกเยอะกว่าด้วยค่ะ อาหารทะเลก็สดมาก”
“เหมยชอบกินอาหารทะเลเหรอครับ”
“ค่ะเหมยชอบมากๆ เลยล่ะคะ หมอล่ะชอบไหม”
“ชอบเหมือนกันครับ เอาไว้ถ้าวันไหนเรามีโอกาสได้หยุดพร้อมกันเราไปหาอาหารทะเลกินกันดีไหมได้ล่ะ”
“ก็ดีเหมือนกันนะคะ แต่เหมยว่าคงยากค่ะ”
“ทำไมถึงคิดว่ายากล่ะครับ”
“ก็หมอทำงานหนักนี่คะ ตรวจทั้งที่โรงพยาบาลและที่คลินิก”
“ที่ตรวจเยอะก็เพราะไม่รู้จะเอาเวลาว่างช่วงเย็นไปทำอะไร แต่ถ้ามีอย่างอื่นให้ทำผมก็ไม่เปิดคลิกทุกวันหรอก”
“แบบนี้คนไข้ก็มาเก้อสิคะ”
“ถ้าจะไม่เปิดทุกวันจริงๆ ก็ต้องค่อยๆ บอกคนไข้ครับ แต่ส่วนใหญ่ก็อย่างที่เห็นแหละครับ เขาจะโทรศัพท์เข้ามาถามก่อน”
“ค่ะ” เพราะได้มาทำงานกับเขาได้ระยะหนึ่งแล้วจึงพอจะรู้ว่าคนไข้ที่คลินิกมักจะโทรศัพท์มาถามและจองคิวก่อนจะมาตรวจทุกครั้ง
ระหว่างเริ่มทานอาหารก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านในจังหวะที่ปณิชาเงยหน้าขึ้นพอดี หญิงสาวใจเต้นแรงเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้เจอกับผู้ชายที่เป็นรักแรกของตนเองอีกครั้ง เธอรีบก้มหน้าทานอาหารในขณะที่เขากำลังจะเดินผ่าน
“หมอเอก ไม่ได้เจอกันนานเลยนะสบายดีไหม” เสียงทักทายของตุลธรทำให้คนที่กำลังจะเดินผ่านหยุดเดิน
“ก็เรื่อยๆ ครับพี่ตุลย์ล่ะเป็นไงบ้างไม่ได้เจอกันนานเลย”
“พี่สบายดี แล้วเอกมากับใครนั่งกินข้าวกับพี่ก่อนไหม”
“เอาไว้โอกาสหน้านะครับ วันนี้ผมมากับลูก”
“ตอนนี้ลูกกี่ขวบแล้วล่ะ ตั้งแต่คลอดพี่ก็ยังไม่เคยเจอหลานเลย”
“ลูกผม 3 ขวบแล้วครับพี่ตอนนี้อยู่กับพี่เลี้ยง พรุ่งนี้พี่เปิดคลินิกไหมผมว่าจะพาลูกไปรับวัคซีนสักหน่อย”
“ได้สิ พรุ่งนี้เจอกันตอนเย็นนะ”
ปณิชาภาวนาให้หมอตุลธรรีบคุยกันให้จบแต่ดูเหมือนคำภาวนาจะไม่เป็นผม
“พี่ตุลย์มากับใครครับ”
“โทษที พี่เห็นว่ารีบก็เลยลืมแนะนำให้รู้จักกัน”
“ผมก็ไม่ได้รีบมากขนาดนั้นสักหน่อยครับพี่”
“เหมย เงยหน้าขึ้นมาหน่อยผมจะแนะนำเพื่อนรุ่นน้องให้รู้จัก นี่รุ่นน้องผมชื่อหมอเอกเป็นหมออายุรกรรมน่ะ”
ปณิชาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดอย่างเต็มที่ก่อนเงยหน้าขึ้นและกล่าวคำทักทายด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยไร้อารมณ์
“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ” เอกวิทย์กล่าวทักทายจากนั้นเขาก็ขอตัวกลับไปที่โต๊ะของตนเองซึ่งอยู่ด้านในสุด
“เหมยอิ่มแล้วเหรอครับ” ตุลธรเห็นว่าเธอเงียบและนั่งเขี่ยอาหารเล่นทั้งที่เพิ่งทานไปได้นิดเดียว
“ค่ะ”
“อาหารไม่อร่อยเหรอครับ”
“อร่อยค่ะ”
“ผมรู้สึกว่าคุณมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ เล่าให้ผมฟังได้นะ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว”
“แต่ท่าทางคุณไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยนะ เรื่องบางเรื่องพูดออกมามันก็จะรู้สึกดีขึ้นนะ ไหนลองเล่ามาสิเผื่อผมจะช่วยคุณได้”
“ไม่มีใครย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้หรอกค่ะ”
“เหมยครับ คุณลองมองว่าผมเป็นเพื่อนคนหนึ่งสิ แล้วเล่าให้ผมฟังว่าในอดีตมันเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้ว่าเราจะแก้ไขไม่ได้ แต่เราอาจป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกได้นี่”
“ถ้าเหมยพร้อมเหมยจะเล่าให้หมอฟังนะคะ”
ปณิชาคิดว่าตัวเองลืมเรื่องราวความรักครั้งแรกของตัวเองไปแล้ว แต่พอได้เจอหน้าเขาอีกครั้งมันก็ทำให้เธอรู้สึกแย่ ความรู้สึกที่เธอมีให้เขาในตอนนี้มันไม่หลงเหลือความรักอีกต่อไปแต่มันไปด้วยความสงสัยว่าตนเองผิดอะไร ทำไมเมื่อสองปีก่อนเขาถึงทิ้งเธอไปและทำเหมือนเรื่องระหว่างเธอกับเขาไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ขากลับจากร้านอาหารปณิชาก็เอาแต่นั่งเงียบจนตุลธรรู้สึกเป็นห่วงเขาไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อน
“ถ้าเหมยพร้อมจะเล่าตอนไหนก็บอกนะ โทรหาผมได้ตลอดหรือจะไปหาที่ห้องก็ได้นะ 0902 คือรหัสเข้าห้องผมนะ” ตุลธรบอกก่อนที่หญิงสาวขณะที่เธอจะเดินออกมาจากลิฟต์
ตุลธรไม่รู้ว่าทำไมปณิชาถึงได้เป็นแบบนี้ เขาคิดว่ามันน่าจะมีอะไรบางอย่างทำให้อารมณ์ของหญิงสาวจมดิ่งทั้งๆ ที่ตอนแรกหญิงสาวก็นั่งทานข้าวตามปกติ
อาการนั่งเงียบเหมือนคนใช้ความคิดอยู่ตลอดเวลามันเริ่มจากที่เขาทักทายกับเพื่อนรุ่นน้องหรือเธอจะไม่ค่อยชอบหมออย่างที่แพรวาเคยพูดไว้ ตุลธรคิดว่ามันไม่ยุติธรรมเลยที่จู่ๆ ก็ถูกคนไม่ชอบทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย