กินเด็กเขาว่าเป็นอมตะ มาลองกินหมอเด็กดูไหมล่ะจะได้เป็นนิรันดร์ ********* เพราะผิดหวังจากรักแรกที่เป็นหมอปณิชาเลยไม่อยากมีแฟนเปนหมออีก แต่ตุลธรหมอสุดหล่อจากแผนกเด็กสุดหล่อก็เข้ามาทำลายกำแพงที่หญิงสาวตั้งขึ้น เธอคิดว่ารักครั้งนี้จะได้สวยแต่เขาก็เงียบหายไปเหมือนกับรักแรก
View Moreโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่กำลังวุ่นวายกับการต้อนรับผู้ป่วยที่พากันมาใช้บริการในบ่ายวันอาทิตย์ ซึ่งมีทั้งผู้ป่วยธรรมดา ที่เดินมาเองได้ ผู้ป่วยที่ต้องนั่งรถเข็นและผู้ป่วยวิกฤตที่ต้องเข้ารับการช่วยเหลือย่างเร่งด่วน
ทั้งหมอและพยาบาลกำลังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มความสามารถ แต่ละแผนกก็มีจำนวนผู้ป่วยมากมายจนไม่มีใครได้นั่งพัก
แผนกกุมารเวชก็ไม่ต่างกัน วันนี้มีทั้งเด็กที่มีอาการเจ็บป่วยและเด็กที่มารับวัคซีน พยาบาลและผู้ช่วยต่างพากันวิ่งวุ่นเพราะเด็กบางคนก็วิ่งหนีออกจากห้องทั้งๆ ที่กุมารแพทย์ยังไม่ทันได้ตรวจด้วยซ้ำ ในจำนวนเด็กสิบคน ก็คงจะมีสักสองคนที่นั่งให้ตรวจอย่างเรียบร้อย แต่นั่นก็ต้องแลกมากับของเล่นชิ้นเล็ก หรือไม่ก็สติ๊กเกอร์ลายการ์ตูนที่หมอเด็กทุกคนต้องมีติดห้องตรวจไว้
“แม่จ๋า หนูไม่อยากฉีดยาฮือ ฮือ” เด็กหญิงวัย 4 ขวบคนหนึ่งกอดมารดาของเธอแน่น
“น้องข้าวคนสวยคะ มาให้พี่เหมยฉีดยานะคะ เจ็บนิดเดียวเองค่ะ”
“ไม่เอา หนูไม่อยากฉีดยา”
“ถ้าหนูไม่ฉัดหนูจะแข็งแรงได้ยังไงล่ะลูก ให้พี่พยาบาลฉีดหน่อยนะ เดี๋ยวฉีดเสร็จแล้วแม่จะพากินไอติมนะคะ” มารดาของเด็กพยายามต่อรองกับลูกสาว
“น้องข้าวคะ พี่เหมยไม่ฉีดก็ได้ งั้นเรามาคุยกันนะคะ”
“หนูไม่อยากคุย”
“ไม่อยากคุยก็ได้ค่ะ แต่พี่ขอถามได้ไหมคะว่าที่โรงเรียนน้องข้าวมีเพื่อนเยอะไหม”
“เยอะสิ ข้าวมีเพื่อนตั้ง 5 คนแหนะ” เด็กหญิงตัวน้อยอวดอย่างภาคภูมิใจ
“เพื่อนเยอะจังนะคะ เพราะน้องข้าวจะเป็นเด็กน่ารักเลยมีเพื่อนเยอะใช่ไหมคะ” ปณิชาเอ่ยชม
“ใช่ค่ะ คุณครูก็ชมว่าน้องข้าวน่ารักค่ะ”
“เหรอคะ พี่ก็ชอบนะคะเด็กน่ารัก ถ้าน้องข้าวไม่ได้ไปโรงเรียนน้องข้าวจะคิดถึงเพื่อนไหมคะ”
“คิดถึงค่ะ”
“พี่ว่าเพื่อนๆ ก็คงคิดถึงน้องข้าวเหมือนกัน แต่ถ้าเราไม่สบายเราก็ต้องหยุดเรียนหลายวันเลยนะคะ เพื่อนๆ คงคิดถึงมากๆ แน่เลยใช่ไหมคะ”
“น้องข้าวแข็งแรงค่ะ ดูกล้ามน้องข้าวนะคะ” เด็กหญิงทำท่าเบ่งกล้ามให้กับปณิชาอย่างภาคิภูมิใจ
“ใช่ค่ะ ตอนนี้น้องข้างแข็งแรง แต่พอถ้าวันนี้ไม่ยอมฉีดยาเชื้อโรคที่มีอยู่รอบตัวก็จะเข้าไปในตัวน้องข้าวทีละนิดๆ พอหลายๆ วันน้องข้าวก็จะป่วยและต้องหยุดเรียน”
“น้องข้าวไม่อยากหยุดเรียน น้องข้าวอยากไปหาเพื่อน”
“ถ้างั้นให้พี่เหมยช่วยนะคะ ฉีดยาเจ็บนิดเดียวแต่มันจะทำให้น้องข้าวแข็งแรงและต่อสู้กับเชื้อโรคได้ค่ะ”
“เหรอคะ แต่หนูกลัวเจ็บ”
“มันจะเจ็บนิดเดียวค่ะ พี่จะให้น้องข้าวกอดคุณแม่ไว้ดีไหมคะ”
“ดีค่ะ”
“น้องข้าวเลือกสติ๊กเกอร์ได้หนึ่งชิ้นนะคะ เดี๋ยวพี่เหมยจะแปะที่หน้าขาให้ค่ะ”
บทสนทนาอันยาวเหยียดของพยาบาลสาวทำให้คนที่เดินผ่านห้องฉีดวัคซีนสำหรับเด็กต้องหยุดฟังแล้วยิ้มตาม
ตุลธรเพิ่งเคยมาทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้วันแรก เขารู้สึกประทับใจจนอยากจะรู้ว่านอกจากเสียงที่ไพเราะแล้วหน้าตาของเธอจะเป็นยังไง
ชายหนุ่มยืนรอจนกระทั่งเธอเดินออกมาหลังจากฉีดวัคซีนให้กับเด็กคนเมื่อครู่เสร็จแล้ว
“หมอมีอะไรหรือเปล่าคะ” ปณิชาถามคุณหมอคนใหม่ที่วันนี้เขามาตรวจแทนคุณหมอประจำซึ่งตอนนี้เธอกำลังอยู่ในช่วงลาคลอด
“คือผมยังไม่ค่อยคุ้นกับระบบที่นี่เท่าไหร่ ถ้ามีตรงไหนที่ผมทำไม่ถูกคุณพยาบาลบอกได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ค่ะ ถ้าคุณหมอไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามเหมยหรือน้องคนอื่นๆ ได้ค่ะ”
“ครับคุณเหมย”
“เดี๋ยวเหมยเรียกคนไข้คนต่อไปเลยนะคะ น่าจะเหลืออีกไม่กี่คนหมอจะได้พักแล้วค่ะ”
“ได้ครับ”
ตุลธรกลับเข้ามายังห้องตรวจของตัวเองอีกครั้ง จากนั้นผู้ช่วยพยาบาลก็พาคนได้คนต่อไปเข้ามา
คุณหมอคนใหม่ตรวจคนไข้เด็กจนกระทั่งถึงเวลาห้าโมงเย็นถึงได้พัก
“อาหารว่างค่ะคุณหมอ” แม่บ้านประจำแผนกผู้ป่วยนอกเอากล่องอาหารว่างซึ่งมีขนมน้ำผลไม้รวมถึงน้ำเปล่าอีกหนึ่งขวดมาวางบนเคาน์เตอร์ที่อยู่หลังโต๊ะทำงาน
“ที่นี่แจกอาหารว่างให้หมอด้วยเหรอครับ”
“ค่ะ ที่นี่จะแจกอาหารว่าง 3 รอบค่ะ เช้า บ่ายแล้วก็ช่วงเย็นค่ะ แต่ถ้าคุณหมออยากจะทานข้าวแล้วไม่มีเวลาออกไปข้างนอกก็โทรสั่งกับห้องอาหารได้ค่ะ เดี๋ยวเขาจะเอามาส่งที่ห้องพักแพทย์ค่ะ”
“ขอบคุณคะครับ ผมเพิ่งมาทำงานวันแรกเลยยังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร”
“คุณหมอมาแทนหมอปิ่นใช่ไหมคะ ป้าจำได้ว่าบ่ายวันอาทิตย์เป็นเวรของหมอปิ่น”
“ครับ ผมมาทำแทนหมอปิ่นระหว่างที่เธอลาคลอด”
“นานๆ ทีแผนกนี้จะมีคุณหมอหล่อๆ ป้าอยากให้มาทำนี่นี่นานๆ จังเลยค่ะ”
“ผมก็คงทำจนหมอปิ่นกลับมานั่นล่ะครับ”
“ก็ยังดีนะคะได้มองคนหล่อ ตั้งสามเดือน”
“ป้าชมผมอีกแล้ว ผมชักเขินแล้วนะครับ”
“แหม ก็คุณหมอน่ะหลอจริงๆ นี่ เอาล่ะ ป้าไปก่อนนะคะ ยังเหลืออีกหลายห้องเลยที่ต้องเขาของว่างไปให้”
“ขอบคุณนะครับป้า”
ปกติแล้วตุลธรทำงานที่โรงพยาบาลรัฐบาลที่นั่นไม่มีของว่างมาส่งถึงห้องแบบนี้ ทุกอย่างหมอต้องบริการตัวเองอยากทานอะไรก็ซื้อเข้ามาที่ห้องทำงานตั้งแต่ตอนเช้า เพราะถ้าเข้ามาแล้วไม่ค่อยมีเวลาออกไปข้างนอกถึงแม้จะมีเวลาพักกลางวันแต่เขาก็ต้องแบ่งเวลาตรงนั้นไปตรวจผู้ป่วนที่นอนโรงพยาบาล บางครั้งตุลธรก็ต้องนั่งทานอาหารในห้องตรวจ
ชายหนุ่มชักชอบที่นี่เข้าแล้วเพราะนอกจากอาหารว่างแล้วเขายังมีอาหารตาที่เขาชอบมองอีกด้วย
แล้วก็ถึงวันที่ปณิชาจะต้องเดินทางไปเที่ยวคนเดียวตามลำพังเธอตื่นเต้นกับการเดินทางครั้งนี้มาก ถึงแม้ว่าก่อนการเดินทางเธอจะเตรียมพร้อมเรื่องภาษามาอย่างดีแต่ก็ยังกังวลว่าจะสื่อสารให้คนอื่นฟังไม่รู้เรื่องตั๋วเครื่องบินที่พี่ชายให้มาเป็นตัวบินตรงจากกรุงเทพมายังสนามบินปรากวาคลาฟฮาเวลซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองปรากไม่ถึง 20 กิโลเมตร พี่ชายของเธอบอกว่าพอลงจากเครื่องก็จะมีรถของโรงแรมมารับให้เธอคอยสังเกตเพราะเขาจะถือป้ายชื่อมาคอยต้อนรับปณิชามองหาคนจากโรงแรมที่พี่ชายบอกว่าจะมารัก แต่มองเท่าไหร่ก็ยังไม่เจอป้ายชื่อของตัวเอง หญิงสาวยิ้มกว้างเมื่อเห็นป้ายหนึ่งเขียนว่า Will you marry me? เธอรู้สึกว่าไม่มันเป็นอะไรที่โรแมนติกมากที่ขอแต่งงานกลางสนามบินแบบ ปณิชา รู้สึกอิจฉาผู้หญิงคนนั้นเหลือเกินที่มีคนทำเรื่องเซอร์ไพรซ์แบบนี้หญิงสาวกำลังเดินมาใกล้จุดที่คนถือป้ายเรื่อยๆ และพอเดินเข้าใกล้ด้านหน้าหน้าก็มีอีกป้ายหนึ่งปรากฏขึ้นซึ่งมันเขียนด้วยภาษาไทยตัวโตๆ ว่า “เหมย” หญิงสาวเลยรีบเดินเข้าไปเพราะคิดว่าเป็นคนจากโรงแรมและบังเอิญมายืนผิดตำแหน่ง“เหมยแต่งงานกันนะ” เสียงที่พูดขึ้นมาทำให้หญิงสาวหยุดชะงักแล
ปณิชาไม่ต้องไปทำงานที่คลินิกของหมอตุลธรแล้วเย็นนี้เธอจึงมีเวลาออกมาเดินซื้อของใช้จำเป็นที่ห้างสรรพสินค้า ระหว่างที่ปณิชากำลังเดินเอาของมาเก็บที่รถก็ได้รับสายจากศุภกิจพอดี “สวัสดีค่ะพี่ใหญ่”“สวัสดีจ้ะเหมย ตอนนี้อยู่ที่ไหนทำไมเสียงดังจังเลย”“เหมยออกมาซื้อของที่ห้างค่ะ พี่ใหญ่มีธุระอะไรกับเหมยหรือเปล่าหรืออยากให้เหมยช่วยอะไรไหมคะ”“อยู่ห้างแถวไหนล่ะ”ปณิชาบอกชื่อห้างสรรพสินค้าที่ตนเองกำลังเดินอยู่ให้กับพี่ชายฟังอีกฝ่ายก็ถามกลับ“รีบไปไหนหรือเปล่า”“ไม่หรอกค่ะ พี่ใหญ่จะให้เหมยทำอะไรหรือเปล่า”“เปล่าหรอกพี่เพิ่งเลิกงาน เรานัดเจอกันหน่อยดีไหม พี่กำลังอยากหาเพื่อนกินข้าวอยู่พอดีเลย”“ได้ค่ะเดี๋ยวเหมยเอาของไปเก็บที่รถถ้าพี่ใหญ่มาถึงก็โทรบอกนะคะเดี๋ยวมเหมยจะไปหาพี่เองค่ะ”“ได้ครับ เหมยรอพี่ไม่น่าจะเกิน 20 นาทีนะ”“แล้วพี่ใหญ่จะมายังไงคะ”“พี่นั่งวินหน้าโรงพยาบาลไปก็ได้”“ให้เหมยไปรับดีกว่าไหมคะ”“ไม่เป็นไรหรอกพี่ไปเองแบบนี้มันน่าจะสะดวกกว่า”“ก็ได้ค่ะพี่ใหญ่”ปณิชาเดินเอาของไปเก็บที่รถจากนั้นก็เดินไปเตร็ดเตร่อยู่แถวหน้าห้างพอศุภกิจลงจากวินมอเตอร์ไซด์เธอก็รีบเข้าไปทักทายทั
ตุลธรมองนาฬิกาข้อมือซึ่งขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงตรง วันนี้เป็นวันอาทิตย์ซึ่งเขาจะต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนที่ปณิชาทำงานอยู่ ชายหนุ่มไม่อยากไปเลยแต่วันนี้หมอปรียาภัทรไม่ว่างจึงไปออกตรวจแทนเขาไม่ได้ตั้งแต่คุยกับปณิชาเมื่อเย็นวันพุธเขากับเธอก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย และนี่เป็นครั้งแรกที่จะเผชิญหน้ากับหญิงสาว ตุลธรไม่รู้ว่าตัวเองจะมองหน้าเธอได้หรือเปล่าเนื่องจากเขากลัวว่าตัวเองจะใจอ่อนและกลับไปรักเธออีกครั้งเมื่อมาถึงโรงพยาบาลตุลธรก็เห็นว่าปณิชานั้นยิ้มแย้มแจ่มใสกับคนไข้อย่างเคย หัวใจเขากระตุกวูบและรู้สึกหวั่นไหวจนต้องเบือนหน้าหนี“สวัสดีค่ะหมอตุลย์” ปณิชากล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มอย่างเคย หากแต่แววตาที่มองนั้นมันว่างเปล่าไม่มีความรักหลงเหลืออยู่ในนั้นอีกแล้ว ตุลธรรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เขาเป็นคนตัดสัมพันธ์กับเธอเองแต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าตนเองนั้นทำผิดพลาด“สวัสดีครับ”“หมอมีคนไข้รออยู่ 4 คนนะคะ เดี๋ยวเหมยจะให้แพรวาเรียกไปรอหน้าห้องตรวจค่ะ”“ขอบคุณครับ” ตลอดทั้งบ่ายอาทิตย์ชายหนุ่มมักจะมองออกไปยังห้องตรงข้ามซึ่งเป็นห้องสำหรับฉีดวัคซีนเขาเห็นปณิชาทำงานด้วยรอยยิ้มก็เผลอมองอยู่นาน ตุลธ
ปณิชานั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถจนกระทั่งถึงเวลาสองทุ่ม เมื่อเห็นตุลธรเดินออกมาจากคลินิกเธอก็รีบเปิดประตูออกแล้วเดินเข้าไปหาเขาทันที“หมอตุลย์คะ เหมยว่าเราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”“ผมเหนื่อยมากนะเหมยเอาไว้คุยกันวันหลังได้ไหม”“หมอจะบ่ายเบี่ยงไปถึงไหนมีอะไรก็พูดมาตรงๆ”“คุณอยากให้ผมพูดตรงๆ กับคุณมากใช่ไหม”หญิงสาวรู้สึกแปลกเพราะสรรพนามที่เขาใช้เรียกเธอนั้นมันเปลี่ยนไปแต่ก่อนเขาเรียกชื่อเล่นแต่ตอนนี้เขาแทนชื่อเธอด้วยคำว่าคุณซึ่งมันแสดงออกถึงความห่างเหิน“ค่ะ เหมยอยากรู้ว่าระหว่างเรามันเกิดอะไรขึ้นทำไมหมอถึงเปลี่ยนไปแบบนี้”“ผมก็เป็นของผมแบบนี้แหละ”“แล้วที่ผ่านมาคืออะไรคะ หมอหลอกเหมยมาตลอดเหรอคะว่ารักเหมย”“มันก็แค่คำพูดของผู้ชายน่ะเจ้าชู้” ตุลธรยิ้มมุมปากแววตาที่มองเธอวันนี้มันต่างไป มันไม่หลงเหลือความรู้สึกอะไรในนั้นเลย“เหมยไม่คิดเลยนะคะว่าหมอที่จิตใจดีและอ่อนโยนจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนี้”“แล้วคุณคาดหวังจะให้ผมเป็นยังไงล่ะ”“เหมยก็คิดว่าคุณแตกต่างจากผู้ชายคนอื่นแต่จริงๆ แล้วก็ไม่เลยสักนิด”“คุณอย่าเอาผมไปเปรียบเทียบกับคนรักเก่าของคุณ”“ทำไมจะเปรียบเทียบไม่ได้ล่ะคะ ในเมื่อคุณก็ไ
ระหว่างที่ตุลธรไปประชุมที่สิงคโปร์ปณิชาก็มีเรื่องวุ่นเกิดขึ้นเพราะลูกชายของลุงสุพจน์ย้ายมาทำงานที่เมืองไทยเขาอยากได้คอนโดมิเนียมที่เธออาศัยอยู่ในตอนนี้เนื่องจากชายหนุ่มยังไม่ชินกับถนนเมืองไทยจึงอยากย้ายมาอยู่คอนโดมิเนียมที่อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าการเดินทางมาทำงานก็สะดวกกว่าคอนโดมิเนียมของตนเองศุภกิจหรือพี่ใหญ่จึงยื่นข้อเสนอให้ปณิชาย้ายไปอยู่ที่คอนโดมิเนียมของตัวเอง โดยจะซื้อรถยนต์คันใหม่ให้เธอพร้อมกับให้เงินเธออีกก้อนหนึ่งเป็นค่าน้ำมันที่ต้องเพิ่มขึ้นเนื่องจากคอนโดที่จะต้องย้ายไปนั้นอยู่ไกลกว่าที่เดิมประมาณ 5 กิโลเมตรปณิชาคิดว่ามันไม่ได้ลำบากอะไรถ้าหากหญิงสาวจะต้องตื่นเช้าอีกสักนิดเพื่อจะขับรถมาทำงานเพราะเธอเองก็คุ้นเคยกับถนนเส้นนี้ดีต่างจากศุภกิจที่ไปอยู่อเมริกานานนับสิบปี เธอจึงตอบตกลงโดยไม่คิดอะไรมากปณิชาไม่ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับตุลธรเพราะมันเรื่องภายในครอบครัวอีกทั้งตอนนี้เขาก็กำลังยุ่งอยู่กับการประชุมเธอคิดจะบอกคนรักในวันที่เขากลับมาถึงเมืองไทยแล้วปณิชาใช้เวลาไม่นานก็ย้ายของทั้งหมดของตัวเองไปยังคอนโดมิเนียมแห่งใหม่โดยครั้งนี้มีอารดาและพาขวัญมาช่วย“ที่นี่น่าอยู่ไม่แพ้ที่เ
หลังจากส่งคนรักถึงขอบสวรรค์ไปแล้วตุลธรก็พลิกให้เธอลงมาอยู่ด้านล่าง เขามองหน้าเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ก่อนจะบดจูบลงบนริมฝปากบางอยางดูดดื่ม ฝ่ามือร้อนคลึงเคลาสองปทุมอวบอิ่มอย่างมันมือ ปลายนิ้วสะกิดยอดปทุมถันปลุกเร้าจนเสียงหวานครางระงม“อื้อ....หมอตุลย์”จูบจนพอใจเขาก็ลากไล้ความเปียกชื้นไปตามซอกคอหอมกรุ่น ขบเม้มดูดดึงไปตามแรงอารมณ์ที่กำลังพุ่งสูง ผิวเนียนนุ่มขึ้นรอยแดงไปทั่วทุกจุดที่ปากร้อนเลื่อนผ่านและมาหยุดที่ยอดถันสีสวย ตุลธรไม่รอช้าที่จะดูดกินอย่างหิวกระหายขณะที่ท่อนเอ็นร้อนก็กำลังกดเข้าหาความอุ่นของโพรงสวาทอีกครั้ง“อ๊ะ....”“เจ็บเหรอ”ปณิชาส่ายหน้า เธอมองหน้าคนรักแล้วยิ้มยั่วขณะขมิบช่องทางรักทักทายท่อนเอ็นของเขาเป็นจังหวะ“อ้าห์.....จะฆ่าผมให้ตายคาอกเลยใช่ไหม” ตุลธรกัดกรามแน่นแล้วเขาก็เริ่มขยับสะโพกเป็นจังหวะอีกครั้งเพราะถ้ายังอยู่นิ่งปณิชาคงใช้ความอ่อนนุ่มรัดเขาจนแตกเร็วแน่ๆ “อื้ม...หมอขาเหมยเสียว” เธอครางหวานร่างกายสั่นสะท้านเมื่อเขากระแทกกระทั้นตัวเข้าหา ท่อนเอ็นแข็งร้อนเคลื่อนเข้าออกโพรงอุ่นสุดความยาวครั้งแล้วครั้งเล่า เสี
ตุลธรจูบลงไปบนไรผมที่ชื้นไปด้วยเหงื่อ ก่อนที่ปากร้อนจะลากไปบนลำตัวของคนรัก ชายหนุ่มดันเรียวขาให้กว้างขึ้น ตาคมมองดอกเหมยสีสวยที่ฉ่ำเยิ้มแล้วกดความเป็นชายลากขึ้นลงจนส่วนปลายชุ่มไปด้วยน้ำหวาน “อื้อ...หมอตุลย์” หญิงสาวส่ายสะโพกเข้าหาอย่างลืมตัว ร่างกายของเธอร้อนรุ่มความต้องการฉายชัดในแววตาอย่างปิดไม่มิด“ใจเย็นที่รักเดี๋ยวคุณจะเจ็บเอานะ”“ก็ของหมอตุลย์ใหญ่”“เหมยชอบของใหญ่ไหม”“เหมยไม่ชอบของใหญ่แต่เหมยชอบของหมอ เข้ามานะคะเข้าในตัวเหมย เข้ามาลึกๆ เลยค่ะ”เพราะความต้องการที่มากล้นปณิชาเลยร้องขออย่างลืมอายแต่นั้นก็ทำให้ตุลธรพอใจเป็นอย่างมากที่ผู้หญิงของเขาเร่าร้อนแบบนี้“ผมรับรองเลยว่ามันจะลึกสุดและเสียวที่สุดเท่าที่เหมยจะรู้สึก”พูดจบชายหนุ่มก็จูบลงมาอีกครั้งขณะที่ท่อนเอ็นร้อนกดเข้าหาความอ่อนนุ่มทีละนิด ตุลธรกัดกรามแน่นเมื่อเขาโดนความคับแน่ของปณิชาตอดรัดตั้งแต่เข้าได้เพียงครึ่งทาง“อื้อ...หมอขา...”“อีกนิดครับที่รัก ของเหมยแน่นมาก”ในที่สุดตุลธรก็พาตัวตนเข้าไปจนลึกสุดความยาว เขาพ่นลมหายใจออกทางปากเพื่อระบายความเสียวซ่านเนื่องจากท่อนเอ็นร้อนโดนตอดรัดทุกทิ
การคบกันของปณิชาและหมอตุลธรมีคนรู้เพียงไม่กี่คนเพราะทั้งสองไม่ได้เปิดตัวอย่างโจ่งแจ้ง แต่ถ้ามีใครถามก็จะบอกออกไปตามตรงว่ากำลังคบกันอยู่ การออกไปไหนด้วยกันก็เป็นไปตามปกติไม่มีการหลบซ่อนเพราะทั้งสองคนมั่นใจแล้วว่าทุกอย่างมันสมบูรณ์แบบที่สุด วันนี้หลังจากปิดคลินิกแล้วตุลธรกกับปณิชาก็กลับไปอาบน้ำที่คอนโดมิเนียมก่อนจะพากันออกมานั่งฟังเพลงที่บาร์แห่งหนึ่งเพื่อเป็นการผ่อนคลายหลังจากทำงานหนักติดๆ กันมาหลายวัน และพรุ่งนี้คุณหมอหนุ่มก็จะต้องเดินทางไปประชุมที่ประเทศสิงคโปร์ถึงสามวัน “ผมไม่อยากไปเลยนะเหมย” “ไม่อยากไปก็ต้องไปค่ะ มันเป็นหน้าที่นะคะ” “อยากให้เหมยไปด้วย” “เดือนหน้าเราก็จะได้ไปเที่ยวด้วยกันแล้วนะคะ” “ผมอยากข้ามไปเดือนหน้าเลยอยากไปเที่ยวกับเหมย” “เหมยก็เหมือนกันค่ะ แต่ความจริงมันทำแบบนั้นไม่ได้นี่คะ” “ผมคงคิดถึงเหมยมากแน่ๆ แล้วกลางคืนผมจะนอนกอดใคร” “เหมยอนุญาตให้กอดหมอนข้างได้ค่ะ แต่ห้ามพาผู้หญิงคนไหนเข้าห้องนอนเด็ดขาดถ้าเหมยรู้เหมยจะเลิกกับหมอทันที” “แล้วพนักงานทำความสะอ
“หมอคะ เดือนหน้าหมอจะตรวจแทนหมอปิ่นอย่างเดิมไหมคะ”“พี่ปิ่นอยากให้ผมทำต่อนะผมว่าจะลองคุยดู อาจจะรับแค่ช่วงบ่ายวันอาทิตย์ เหมยว่าดีไหม” เมื่อรับหญิงสาวเข้ามาในชีวิตแล้วตุลธรก็อยากให้ปณิชามีส่วนร่วมในการตัดสินใจไปกับตนเองบ้าง“ถามเหมยเหรอคะ”“ครับ ผมอยากฟังความคิดเห็นของเหมย”“ถ้าหมอไม่เหนื่อยก็ตามใจหมอเลยค่ะ บ่ายวันอาทิตย์คนไข้เยอะมากถ้าหมอสั่งแอดมิทก็ยังต้องมาราวน์ตอนเช้าอีก แต่ปกติคนไข้ที่โรงพยาบาลเดิมหมอก็ไม่ค่อยราวน์เช้าวันจันทร์อยู่แล้วนี่คะ” เพราะเขามักจะเล่าเรื่องการทำงานให้ฟังบ่อยๆ ปณิชาก็เลยพอจะรู้ว่าแต่ละวันเขาทำอะไรบ้าง“ผมคิดว่าตอนนี้ตัวเองยังไหวนะ เอาไว้หลังแต่งงานค่อยออกตรวจให้น้อยลง ถ้าเหมยไม่อยากให้ผมเหนื่อยก็ต้องรีบแต่งงานนะครับ”“อย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างเลยค่ะ เหมยรู้ว่าหมอมีความสุขที่ได้ออกตรวจและได้เจอคนไข้เด็กๆ” ปณิชาเห็นแววตาของเขาเวลาที่ตรวจคนไข้ก็รู้ว่าเขามีความสุขที่ได้ทำงานกับเด็กๆ มาก“ผมชอบเด็กครับ ถ้าได้มีลูกกับเหมยผมคงมีความสุขมาก”“ใครจะมีลูกกับหมอตุลย์กันคะ เหมยยังไม่อยากท้องโย้ตอนนี้หรอกค่ะ”“เหมยไม่เคยคิดเรื่องนี้เลยเหรอครับ” เขามีสีหน้าเปลี่ยนไปเ
Comments