เสียงนกร้องคลอเคลียยามเช้า ลำแสงอ่อน ๆ จากท้องฟ้าสาดลงมากระทบผืนดินเบื้องล่าง ริมลำธารเบื้องหลังโรงเตี๊ยม น้ำเย็นเฉียบไหลผ่านปลายนิ้ว เสี่ยวซุ่ยที่ดูเหมือนตอนนี้จะได้ตำแหน่งบ่าวซักผ้าประจำโรงเตี๊ยม นั่งคุกเข่าลงตรงหินซักผ้า ถูชุดผ้าปปูเตียงของห้องพักในโรงเตี๊ยมอย่างตั้งใจ
พอแดดเริ่มแรงขึ้นเล็กน้อย นางก็ยกผ้าขึ้นตากเรียงราย แล้วเดินกลับเข้าโรงเตี๊ยม เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนขึ้นไปห้องของซูหรงเพื่อเข้ารับการฝึกอ่านเขียนในช่วงสาย
ซูหรงนั่งรอนางอยู่ริมหน้าต่าง โต๊ะไม้เตี้ย ๆ สำหรับนั่งพื้นเขียน มีสมุดกระดาษไผ่กางไว้ และพู่กันเรียงเป็นระเบียบ กลิ่นหมึกจาง ๆ ลอยคลออยู่ในอากาศ เสี่ยวซุ่ยกราบคารวะอาจารย์ครั้งหนึ่ง ก่อนที่ซูหรงจะอนุญาตให้นั่งท่าปกติที่โต๊ะ
“เจ้ามาตรงเวลา... น่าชื่นชม” ซูหรงเอ่ยเรียบ ๆ แต่น้ำเสียงแฝงด้วยความพึงใจเล็กน้อย
“ศิษย์ขอขอบคุณท่านอาจารย์เจ้าค่ะ” เสี่ยวซุ่ยตอบเสียงเบา ตอนนี้นางเริ่มพูดคำว่าศิษย์และอาจารย์ ได้อย่างลื่นไหล ไม่ติดขัดอีกต่อไป และแม้จะรู้ว่านั่นคือคำที่ถูกบังคับให้นางใช้ แต่มันกลับไม่รู้สึกแปลกเท่าไรนักแล้ว นางเลิกฝืนที่จะพูดคำอื่นให้ร่างกายทรมานอีกต่