ค่ำวันนั้น แสงไฟจากโคมหน้าร้านโรงเตี๊ยมยังคงส่องสว่าง ทว่าริมถนนเริ่มเงียบเสียงลง มีเพียงแมลงกลางคืนและเสียงกรอบแกรบจากเปลวไฟในตะเกียง ทว่าจู่ ๆ ก็กลับมีเสียงฝีเท้าหนักแน่นคู่หนึ่งหยุดอยู่หน้าประตูโรงเตี๊ยม ทำลายความสงบเหล่านั้นลงเสียดื้อ ๆ
ประตูไม้ถูกเลื่อนเปิดอย่างนุ่มนวล เฉินอี้ซึ่งกำลังจัดถ้วยชาให้แขกที่เหลืออยู่ในห้องโถงเงยหน้าขึ้น ชายผู้มาใหม่เป็นบุรุษร่างสูง ใบหน้าคมเข้มไร้รอยยิ้ม สวมเสื้อคลุมยาวสีหม่น ติดเข็มกลัดเป็นตราสำนักจอมยุทธ์คุ้มภัย ข้างหลังของเขาแบกกระบี่เล่มยาวที่หุ้มไว้ด้วยผ้าคลุมสีดำสนิท
“เจ้าคือเฉินอี้หรือไม่?” ชายผู้นั้นเอ่ยเสียงทุ้ม เฉินอี้มองอีกฝ่ายครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า
“ข้าเอง... มีอะไรหรือ?”
เมื่อเฉินอี้ตอบรับ ชายผู้นั้นก็ท่าคำนับเล็กน้อย พร้อมด้วยดวงตานิ่งสงบ
“ข้าคืออู๋เป่ย หัวหน้าหน่วยที่ห้าแห่งสำนักคุ้มภัย และเป็นอาจารย์ของจอมยุทธ์เสื้อขาวที่ก่อเรื่องในร้านเมื่อวันก่อน ข้ามาเพื่อกล่าวคำขอโทษแทนศิษย์ ขอโทษที่เขาขาดความสำรวม และทำให้เจ้าต้องเสียเวลาไกล่เกลี่ย”
“แค่ไม่เกิดเรื่องเสียเลือดก็ถือว่าดีแล้ว ข้าไม่ได้เก็บมาใส่ใจหรอก” เฉินอี้ตอบพลางยิ้มบาง ๆ
“เจ้ามี