แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดลงมายังลานหน้าร้านโรงเตี๊ยม ท่ามกลางความเงียบสงัดของหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ผู้คนเพิ่งเริ่มตื่น ข่าวการท้าประลองนั้นแพร่กระจายไปไวตั้งแต่เมื่อคืน ทำให้ผู้คนบางส่วนอยากจะชมฝีมือ หลายคนมารวมตัวกันอยู่ด้านหน้าโรงเตี๊ยม บ้างยืนริมถนน บ้างมองอยู่ผ่านหน้าต่างชั้นบน ทุกสายตาจับจ้องมายังกลางลานหน้าโรงเตี๊ยม ที่วันนี้กลายเป็นเวทีประลองอย่างไม่เป็นทางการ
เฉินอี้ยืนสงบนิ่งกลางลาน ฝ่ามือแนบข้างลำตัวอย่างผ่อนคลายแต่มั่นคง ผ้าคาดเอวถูกรัดแน่นกว่าปกติเล็กน้อย ดวงตาจับจ้องตรงหน้า ไม่ได้หวั่นไหวแม้จะรู้ว่าผู้ที่ตนจะประมือด้วยคือหัวหน้าหน่วยของสำนักคุ้มภัย
ฝั่งตรงข้ามคืออู๋เป่ย เขายืนสง่า ใบหน้าเรียบขรึม กระบี่ไม่ได้สะพายหลังเหมือนเมื่อคืน ชุดที่ใส่ไม่ได้สวมชุดคลุม มีเพียงเสื้อผ้ากระชับ เพื่อการต่อสู้ด้วยมือเปล่าโดยเฉพาะ แววตานิ่งสงบ จดจ้องร่างของหนุ่มบ่าวผู้ครั้งหนึ่งเคยเล่นงานศิษย์ของเขาลงด้วยมือเปล่า
“พร้อมหรือยัง?” อู๋เป่ยถามเรียบ ๆ
“ขอรับ” เฉินอี้พยักหน้า พร้อมกับพูดออกไป เสียงนั้นเพียงเบา ทว่าแน่นหนัก
“งั้นเริ่ม” อู๋เป่ยกล่าว จากนั้นเพียงชั่ววินาทีเดียว ร่างของอู๋เป่ยก็พุ่งเข้าหาเฉิ