แสงแดดยามสายเริ่มทอลงมาปกคลุมลานหน้าโรงเตี๊ยมอย่างอ่อนโยน สายลมเอื่อยพัดให้เศษใบไม้แห้งปลิววนรอลานกว้างที่เคยเป็นเวทีประลองชั่วคราวของเฉินอี้ เสี่ยวซุ่ยนั่งรออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีรอยแตกจากท่าฝ่ามือคลื่นสวรรค์ไปวันก่อน มือทั้งสองของเสี่ยวซุ่ยกำชายเสื้อแน่น ใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ
จนกระทั่งเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นจากทางเดิน เงาของบุรุษผู้หนึ่งปรากฏขึ้นบนพื้นเบื้องหน้านาง ก่อนร่างจริงจะตามมา
“อ้าว เสี่ยวซุ่ย มาทำอะไรตรงนี้?” เฉินอี้ร้องขึ้นเบา ๆ เมื่อเห็นนางนั่งดักรออยู่หน้าร้าน แทนที่จะเป็นในร้าน ตอนนี้ชายหนุ่มสะพายตะกร้าใบโตที่มีของที่ได้จากการจ่ายตลาดไว้ข้างหลัง ใบหน้าเปื้อนเหงื่อเล็กน้อยจากแดดอ่อน แต่สายตายังเต็มไปด้วยความอาทร
“ท่านกลับมาแล้ว…” เสี่ยวซุ่ยลุกขึ้นยืน มือกำชายเสื้อแน่นขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะพูดอย่างรีบ ๆ “ข้ามีอะไรจะให้ดูเจ้าค่ะ... ก่อนที่ท่านจะเข้าไปในโรงเตี๊ยม”
“อะไรหรือ?” เฉินอี้เอียงคอเล็กน้อย มองนางอย่างสงสัย เสี่ยวซุ่ยไม่ตอบ แต่ถอยออกไปยืนกลางลาน หายใจเข้าเงียบ ๆ แล้วเริ่มขยับร่างกาย
ฝ่ามือซ้ายของเสี่ยวซุ่ยเหยียดออกเบื้องหน้า ฝ่ามือขวากางป้องปลายคาง เท้าซ้ายก้าวไปด้านหน