"นั่นใคร?"
สวีเหม่ยเหรินเอ่ยถาม เสียงอ่อนแรง แถมยังแผ่วนัก
เฉียวเนี่ยนจึงก้าวไปข้างหน้า คำนับแล้วกล่าวว่า “ข้าน้อยเฉียวเนี่ยน เป็นหมอหญิงจากโรงหมอหลวง วันนี้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ให้มาดูอาการเหม่ยเหริน”
รับพระบัญชาจากฮ่องเต้?
ใบหน้าของสวีเหม่ยเหรินปรากฏแววสงสัย
นางค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นด้วยค้ำพนักเก้าอี้อย่างยากลำบาก
ทว่าเหมือนขาอ่อนแรง ยืนได้ไม่ทันไรก็เกือบล้ม
เห็นดังนั้น เฉียวเนี่ยนก็รีบเข้าไปพยุง
คิ้วขมวดเป็นปมในทันที
แขนของสวีเหม่ยเหรินนั้น อวบเกินไปหน่อยแล้ว
เมื่อครู่ที่นอนอยู่บนเก้าอี้โยก ยังไม่เห็นชัดเท่าไร แต่ตอนนี้นางยืนอยู่ข้างกายเฉียวเนี่ยน เฉียวเนี่ยนก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงขนาดร่างของอีกฝ่าย
เกรงว่าจะหนักเกือบสองร้อยชั่งเข้าให้แล้ว
สวีเหม่ยเหรินตกใจจนใจสั่น ไม่อาจห้ามไม่ให้ยกมือตบหน้าอกตนเบาๆ แล้วจึงชักมือกลับ หันไปกล่าวขอบคุณเฉียวเนี่ยน “ขอบคุณท่านหญิงเฉียวที่ช่วยข้าไว้”
น้ำเสียงยิ่งถ่อมตัวกว่าเสี่ยวฝูจื่อเสียอีก
เฉียวเนี่ยนกวาดตามองไปรอบๆ อดไม่ได้จะเอ่ยถามว่า “เหตุใดไม่มีผู้ใดดูแลเหม่ยเหรินเลย?”
พอฟังคำนี้ สวีเหม่ยเหรินก็เผยแววหวาดหวั่นในดวงตา “ขะ ข้าน้อยให้น