[ทรมานก่อนแล้วค่อยสะใจ] เฉียวเนี่ยนเป็นแก้วตาดวงใจของจวนโหวมาสิบห้าปี แต่วันนั้นจู่ๆ ก็ได้รับแจ้งว่าตัวเองเป็นแค่บุตรสาวตัวปลอม ตั้งแต่นั้นมา พ่อแม่ที่รักและทะนุถนอมนางก็กลายเป็นของหลินยวน พี่ชายที่รักและทะนุถนอมนางก็ผลักนางลงจากเรือนเพื่อหลินยวน แม้แต่คู่หมั้นของนาง แม่ทัพเซียว ที่ถูกแต่งตั้งเพราะผลงานก็ยังเลือกที่จะยืนอยู่ข้างหลินยวน เพื่อหลินยวน พวกเขาได้แต่มองดูนางถูกใส่ร้ายอย่างไม่สะทกสะท้าน ปล่อยให้นางถูกปรับให้เป็นทาสในกรมซักล้างเป็นเวลาสามปีเต็ม ไม่ถามไม่ไถ่เลย ใครจะคิดว่าวันหนึ่งหลังจากสามปีผ่านไป ท่านโหวและภรรยาของเขากลับร้องไห้ต่อหน้านาง “เนี่ยนเนี่ยน พ่อกับแม่ทำผิดแล้ว กลับบ้านกับพ่อและแม่เถอะนะ” ท่านโหวน้อยที่หยิ่งผยองมาตลอดคุกเข่าอยู่นอกประตูของนางทั้งคืน "เนี่ยนเนี่ยน เจ้าให้อภัยพี่ได้ไหม?" แม่ทัพเซียวผู้มีผลงานยอดเยี่ยมทางด้านรบยิ่งเดินมาหานางพร้อมกับบาดแผลที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด “เนี่ยนเนี่ยน เจ้าสงสารข้าหน่อย มองข้าอีกสักครั้งจะได้ไหม?” แต่หัวใจของนางได้ตายไปในวันและคืนที่นับไม่ถ้วนในช่วงสามปีที่ผ่านมาแล้ว ปวดใจหรือ? เฮอะ ตายเป็นขี้เถ้าสิถึงจะดี! หลังจากนั้น เฉียวเนี่ยนก็ได้พบกับผู้ชายที่ดวงตาเต็มไปด้วยนาง มองท่าทางที่มีความสุขของนาง แต่คนรู้จักเก่าเหล่านั้นกลับไม่กล้าเข้าใกล้แม้แต่ก้าวเดียว เพราะกลัวว่าในอนาคต พวกเขาจะไม่ได้เห็นหน้านางแม้กระทั้งยืนมองจากที่ไกลๆ ...
View Moreบาดแผลของลุงเกิ่งไม่อาจปล่อยไว้ได้ ต้องรีมห้ามเลือดและใส่ยาให้เร็วที่สุด!เฉียวเนี่ยนแทบไม่ต้องคิด รีบพยุงลุงเกิ่งออกไปทันทีเห็นเฉียวเนี่ยนจะจากไป เหล่านักลอบสังหารก็กรูกันเข้ามาทันทีหลินเย่ว์รีบออกไปขวางไว้เสียงดาบกระทบกันดังขึ้นกลางสายฝนอันพรั่งพรู ยิ่งฟังยิ่งบาดหูหนิงซวงก็ลงจากหลังม้าแล้ววิ่งตรงเข้ามาเดิมทีนางตั้งใจจะช่วยเฉียวเนี่ยนพยุงลุงเกิ่งหนี แต่ไม่คิดว่าเฉียวเนี่ยนกลับผลักลุงเกิ่งให้นางแทน“พาลุงเกิ่งขึ้นม้าแล้วหนี! ขวดฝาสีน้ำเงินเข้มคือน้ำยารักษา รีบหาที่พักแล้วจัดการรักษาแผลให้ลุงเกิ่งซะ!”เฉียวเนี่ยนพูดพลางจะหันกลับไปแต่หนิงซวงคว้าข้อมือนางไว้ทันที “คุณหนู!”ใบหน้าหนิงซวงเต็มไปด้วยความร้อนรน ไม่รู้ว่าบนหน้านั้นคือหยาดน้ำตาหรือหยาดฝนกันแน่เฉียวเนี่ยนรู้ดีว่าหนิงซวงเป็นห่วงนางแต่...“ข้าทิ้งเขาไว้ไม่ได้”พูดจบ เฉียวเนี่ยนก็สะบัดมือหนิงซวงออก แล้ววิ่งกลับไปหาหลินเย่ว์วรยุทธ์ของหลินเย่ว์ไม่เก่งเท่าลุงเกิ่ง ยามเผชิญหน้ากับเหล่านักลอบสังหารจึงยิ่งลำบากเพียงประมือไม่กี่กระบวนท่า หลินเย่ว์ก็ถูกเตะกระเด็นล้มลงกับพื้นและนักลอบสังหารไม่เปิดโอกาสให้แม้แต่น้อ
“เจ้าหากอยู่ต่อ เจ้าก็ต้องตายเหมือนกัน!”หลินเย่ว์เสียงต่ำหนักแน่น เต็มไปด้วยความเด็ดขาดที่ไม่เปิดโอกาสให้โต้แย้ง“ไม่! ข้าไม่ยอมทิ้งลุงเกิ่งไว้คนเดียวแน่!” เฉียวเนี่ยนยังพยายามดิ้นรนแต่หลินเย่ว์กลับโกรธขึ้นมา “เขาเป็นคนที่ฉู่จืออี้ฝากไว้ให้ปกป้องเจ้า เดิมทีก็ต้องยอมตายเพื่อเจ้าอยู่แล้ว!”เฉียวเนี่ยนไม่คาดคิดว่าหลินเย่ว์จะพูดถ้อยคำเยี่ยงนี้ออกมาได้ลุงเกิ่งกับฉู่จืออี้เป็นคนประเภทเดียวกัน ไม่พูดมาก แต่ทำงานรอบคอบน่าเชื่อถือตลอดทางที่ผ่านมา ลุงเกิ่งดูแลนางอย่างดี และยังคอยเกื้อหนุนหลินเย่ว์อยู่เสมอแต่ในตอนนี้ หลินเย่ว์กลับพูดว่าลุงเกิ่งสมควรตาย?บางทีอาจเพราะนางเคยชินที่ถูกคนอื่นไม่เห็นค่าชีวิตของนาง ดังนั้นคำพูดของหลินเย่ว์จึงเหมือนกระตุกเส้นลึกในใจของเฉียวเนี่ยนเข้าอย่างจังนางไม่สนอะไรอีกต่อไป ยอมเสี่ยงกลิ้งตกจากหลังม้าเพื่อลงมาให้ได้หลินเย่ว์ตกใจ รีบรั้งม้าให้หยุดหนิงซวงที่อยู่ไม่ไกล เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ก็ชะงัก หยุดม้าตามไปด้วยนางมองหลินเย่ว์กับเฉียวเนี่ยนด้วยความไม่รู้จะทำเช่นไรเพียงเห็นเฉียวเนี่ยนเงยหน้าขึ้นมองหลินเย่ว์สายฝนเทลงมาไม่หยุด ทำให้ใบหน้าของเฉียวเ
ได้ยินดังนั้น หลินเย่ว์ก็เผลอยื่นมือไปแตะดาบที่เอวโดยไม่รู้ตัวแต่เฉียวเนี่ยนกลับกดมือเขาไว้หนิงซวงเองก็ถูกคำพูดนี้ทำให้ตกใจ สายตาอดไม่ได้ที่จะมองไปยังกองไฟตรงหน้า คิดเพียงว่า หากอีกฝ่ายลงมือจริงๆ ตนจะคว้าฟืนที่ลุกไหม้พวกนั้นขว้างใส่นักลอบสังหารพวกนั้นให้หมดจะเผาพวกมันให้วอด!ลุงเกิ่งก็ลดมือลงช้าๆ เตรียมพร้อมจะลงมือเช่นกันขณะที่นักลอบสังหารพวกนั้นต่างก็แววตาแข็งกร้าว หากเฉียวเนี่ยนพูดผิดเพียงประโยคเดียว ก็พร้อมจะพุ่งเข้าไปทันทีเฉียวเนี่ยนรู้สึกเหมือนแม้แต่ลมหายใจก็หยุดชะงักแต่บนใบหน้ากลับยังฝืนทำใจเย็น ขมวดคิ้วแน่นเป็นปม มองไปที่นักลอบสังหารแล้วพูดว่า “เจ้า เจ้าคนนี้ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก ถึงกับแอบมองติ่งหูของสตรี!”นักลอบสังหารผงะไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนจะกลับเป็นฝ่ายเปิดฉากด่าตนแม้แต่พวกนักลอบสังหารอีกกว่าสิบคนที่อยู่รอบข้าง พอฟังแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมาเฉียวเนี่ยนกล่าวต่อ “ดูแล้วทุกท่านก็เป็นคนในยุทธภพ สมควรจะรู้ดีว่าหญิงสาวออกเดินทางนั้นอันตรายเพียงใด ข้ากับสาวใช้ถึงได้ปลอมตัวเป็นบุรุษ เพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวายเท่านั้น ไม่ได้สร้างคว
เฉียวเนี่ยนเพียงอยากจะรีบตัดบทนักลอบสังหารผู้นี้แล้วไล่ไปให้พ้นๆ จึงพยักหน้าเล็กน้อยหลินเย่ว์ถึงได้ลุกขึ้น ยื่นขนมแป้งนึ่งไปให้พลางยิ้ม “ออกเดินทางนอกบ้านก็ต้องช่วยเหลือกัน ท่านมีกันตั้งหลายคน แค่สองชิ้นจะพอหรือ?”“รองท้องได้ก็พอแล้ว ขอบคุณสหายมาก”นักลอบสังหารผู้นั้นรับแป้งนึ่งไป พลางคารวะหลินเย่ว์หนึ่งครั้งหลินเย่ว์ก็คารวะกลับ แต่ทว่า เมื่อนักลอบสังหารคนนั้นรับแป้งนึ่งไว้แล้วกลับไม่จากไป ทั้งยังถามขึ้นด้วยความแปลกใจ “นี่มันขนมแป้งนึ่งร้านนายเฉิน ไม่ทราบว่าพวกท่านก็เดินทางมาจากเมืองหลวงหรือ?”เฉียวเนี่ยนไม่เคยคาดคิดว่านักลอบสังหารคนนี้จะดูออกว่าเป็นของร้านนายเฉินเพียงแค่มองขนมแป้งนึ่ง หัวใจนางพลันสะท้านหลินเย่ว์ก็ตกใจเล็กน้อย สีหน้าก็เปลี่ยนไปแต่ก็ยังยิ้มตอบ “ใช่ พวกเรามาจากเมืองหลวง”ได้ยินดังนั้น นักลอบสังหารคนนั้นก็ยิ้มขึ้นมา “ข้าก็ว่าแล้ว สำเนียงของท่านคล้ายชาวเมืองหลวงอยู่”ระหว่างที่พูด ดวงตาอันคมกริบของนักลอบสังหารก็ไล่มองพวกเขาทีละคน “ในเมื่อพวกท่านมาจากเมืองหลวง แล้วเหตุใดจึงมาอยู่ในที่แบบนี้กันเล่า?”หลินเย่ว์แสร้งถอนหายใจยาว “ที่บ้านเกิดเหตุร้ายกะทันหัน ต้องขา
เวลาเลยผ่านไปอีกครึ่งเดือนแล้วยามนี้เข้าสู่ปลายฤดูใบไม้ร่วง ความเย็นในอากาศยิ่งหนักหนา บังเอิญว่าวันนี้ฝนตกหนัก จึงยิ่งหนาวไปกันใหญ่เฉียวเนี่ยนยืนอยู่ใต้ชายคาของวัดร้าง มองสายฝนที่ตกลงมา พลางขมวดคิ้ว “ไม่รู้ว่าจะหยุดเมื่อไหร่”หลินเย่ว์จุดกองไฟไว้ข้างๆ พลางมองร่างบางของเฉียวเนี่ยน สีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อย “มาผิงไฟอบอุ่นร่างกายก่อนเถอะ ฝนนี้เกรงว่าจะตกไปถึงพรุ่งนี้”“คุณหนู อย่าให้เป็นหวัดเชียวนะเจ้าคะ”หนิงซวงค้นผ้าคลุมจากห่อสัมภาระ นำมาคลุมให้เฉียวเนี่ยน แล้วประคองนางเดินเข้าไปข้างใน “คืนนี้พวกเราคงต้องพักที่นี่ เดี๋ยวบ่าวจะปูที่นอนให้อย่างดี รับรองว่าคุณหนูจะหลับสบายแน่ๆ เจ้าค่ะ!”ลุงเกิ่งก็หยิบเสบียงออกจากห่อ แบ่งให้แต่ละคนทั้งสี่คนจึงนั่งล้อมรอบกองไฟอย่างเงียบๆ กินข้าวกันใครจะคิดว่าในป่าที่เงียบสงบอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าม้ามุ่งมาทางวัดร้างทั้งสี่คนพลันตึงเครียด หันมองออกไปนอกวัดก็เห็นกลุ่มคนราวสิบกว่าคนควบม้ามาหยุดอยู่หน้าวัดร้าง ดูท่าก็เป็นผู้ที่เข้ามาหลบฝนเช่นกัน“อยู่ดีๆ ฝนดันตกหนักเช่นนี้ได้อย่างไรนะ!”หลายคนบ่นไปพลาง เดินเข้าวัดร้างพลาง แล้วก็สบตากับเฉี
และแน่นอนว่าไม่มีทางคาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนจะควบม้า ผ่านเฉียดกับพวกนักลอบสังหารที่ค้นหาตรงปากทางเข้าเมืองไปได้อย่างหวุดหวิดอีกสามวันต่อมาที่ถนนใหญ่หนิงซวงควบม้าสีแดงเข้ม พลางอดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องในหอนางโลมอีก“คุณชายของข้าช่างเก่งเหลือเกิน เจอพวกนั้นเข้าแท้ๆ ก็ยังไม่ตื่นตระหนก ใจเย็นมั่นคง! ข้าเห็นจังหวะดีอยากจะฉวยโอกาสหนี คุณชายก็รั้งข้าไว้ ไม่อย่างนั้น ป่านนี้คงถูกพวกมันจับได้แล้ว!”พูดแล้วก็ยังรู้สึกว่าหวาดเสียว พวกนักลอบสังหารอยู่ตรงหน้า อยู่ใกล้กันเพียงนิดเดียว แต่กลับไม่ทันสังเกตเห็นนางกับคุณหนู!เฉียวเนี่ยนเห็นหนิงซวงพูดชมตนเองก็อดหัวเราะไม่ได้ “ก็เพราะในกลุ่มนั้นไม่มีใครรู้จักพวกเรา ไม่อย่างนั้นคงไม่รอดง่ายๆ เช่นนั้นหรอก”หากมีคนเคยพบหน้าพวกตนมาก่อน ถึงแม้จะปลอมเป็นชายก็คงยังสังเกตได้อยู่ดีหลินเย่ว์ควบม้าตามหลังเฉียวเนี่ยนมา พอได้ยินก็รู้สึกเห็นด้วย “ข้าก็คิดแบบเดียวกัน ตอนนี้พวกมันคงมีภาพวาดของพวกเจ้าแล้ว อีกหน่อยอาจจะตามมาถึงก็เป็นได้”ทันใดนั้นหนิงซวงก็ตื่นตระหนก “แล้วจะทำอย่างไรดี? กว่าจะถึงชายแดนก็ยังอีกตั้งสองเดือน! พวกเราคงไม่ถูกไล่ล่าแบบนี้ตลอดหรอกใช่ไหมเจ
Comments