แชร์

บทที่ 743

ผู้เขียน: โม่เสียวชี่
จริงๆ แล้วลืมไปก็เป็นเรื่องปกติ นางก็แค่บ่าวรับใช้คนหนึ่งเท่านั้น มีคุณงามความดีหรือความสามารถอะไรถึงให้กุ้ยเฟยผู้สูงศักดิ์เช่นนั้นมาระลึกถึง?

วันที่นางช่วยชีวิตนางไว้ ก็ถือว่าเมตตายิ่งนักแล้ว

แต่ไม่คิดเลยว่า...

“จริงๆ แล้วข้าจำท่านได้” สวีเหม่ยเหรินสะอื้นพลางเอ่ยขึ้น “ท่านคือคุณหนูเฉียว คุณหนูใหญ่แห่งจวนโหว”

เมื่อก่อนเป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างเฉียวเนี่ยนกับหมิงอ๋อง เฉียวเนี่ยนจึงเคยมายังเรือนนอนของเต๋อกุ้ยเฟยหลายครั้ง นางจะไม่เคยเห็นได้อย่างไร?

ดังนั้นเมื่อครานี้เฉียวเนี่ยนบอกว่าเป็นเต๋อกุ้ยเฟยที่ส่งนางมา สวีเหม่ยเหรินจึงเชื่อ

เห็นสวีเหม่ยเหรินร้องไห้ เฉียวเนี่ยนก็รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาช่วยเช็ดน้ำตาให้นาง “เต๋อกุ้ยเฟยให้ข้าปกป้องให้เหม่ยเหรินกับลูกในท้องให้ปลอดภัย ข้าก็จะทำสุดความสามารถ เหม่ยเหรินวางใจเถิด เมื่อมีข้าอยู่ ย่อมจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

แต่ไม่คิดว่าสวีเหม่ยเหรินกลับสะอื้นพลางพูดว่า “อันที่จริงแล้ว ถึงข้าตายไปก็ไม่เป็นไร ต่อให้ไม่ตาย ต่อไปข้าก็แค่แก่ตายอยู่หลังกำแพงสูงนี้ ตายไปเสียเลยยังจะดีกว่า แต่... ต่อให้ต้องตาย ข้าก็ยังอยากคลอดลูกคนนี้ให้กุ้ยเฟย”

สถานการณ์ของเต
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทล่าสุด

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1436

    ความเจ็บปวดอันเยียบเย็นฉีกกระชากสติของเฉียวเนี่ยนในชั่วพริบตา!นางมิทันได้รู้สึกหวาดกลัวด้วยซ้ำ รับรู้เพียงขุมพลังมหาศาลอันป่าเถื่อนที่ทิ่มแทงเข้าสู่หน้าท้องอันบอบบางอย่างอำมหิต บดขยี้เรี่ยวแรงและความคิดอ่านทั้งหมดของนางจนแหลกสลาย“อึก…” เสียงครางต่ำสั้นกระชับด้วยความเจ็บปวดเล็ดลอดออกจากลำคอลึก สองมือของนางไขว่คว้ากำด้ามกริชที่ฝังลึกอยู่ในร่างของตนไว้แน่นตามสัญชาตญาณนางพยายามยับยั้งมิให้กริชรุกล้ำลึกเข้าไปกว่าเดิม ทว่ากล้ามเนื้อหน้าท้องกลับเกร็งกระตุก ทุกจังหวะการหายใจฉุดกระชากความเจ็บปวดเจียนขาดใจออกมา ทำให้การขัดขืนของนางดูสูญเปล่าเหลือเกินไม่นานโลหิตสีแดงฉานก็ไหลทะลักออกจากง่ามนิ้วหยดเลือดที่แดงสดจนบาดตาไหลรินอาบมือของนาง หยดลงสู่พื้นทีละหยดเฉียวเนี่ยนเบิกตากว้าง รูม่านตาหดเกร็งฉับพลันด้วยความเจ็บปวดและความตกตะลึงสุดขีด นัยน์ตาคู่นั้นสะท้อนภาพใบหน้าอันซีดเผือดทว่าเปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้นของเซียวเหิงไว้อย่างชัดเจนเหตุใดกัน?แววตาของนางเต็มไปด้วยความกังขาและความไม่เข้าใจเหตุใดเซียวเหิงจึงต้องฆ่านาง?เหตุใดเขาจึงเกลียดชังนางถึงเพียงนี้?มิใช่ว่าเขาความจำเสื่อมไปแล้วหร

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1435

    เสิ่นเยว่พยักหน้าช้า ๆ ดูเหมือนมิได้แปลกใจกับผลลัพธ์นี้เท่าใดนักทว่าเขากลับเอ่ยถามขึ้นอีกประโยค “เช่นนั้น ตำราแพทย์เล่า? เจ้าได้มาหรือไม่?”คำถามนี้ช่างเหมือนกับที่อิ๋งชีเคยถามมาราวกับถอดแบบกันมาไม่มีผิดเพี้ยนเฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วมุ่น “ตำราแพทย์นั่นสลักอยู่บนหน้าผาหินสูงใหญ่ มิอาจนำติดตัวกลับมาได้ และข้าก็มิได้คัดลอกเนื้อหาเหล่านั้นไว้”คิ้วของเสิ่นเยว่ขมวดเข้าหากันเป็นปมแน่นในทันที แววตาฉายรอยความผิดหวังออกมาวูบหนึ่งแต่เขาก็พยายามข่มกลั้นอารมณ์บางอย่างเอาไว้ ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงหันมามองเฉียวเนี่ยน น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความเด็ดเดี่ยว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้! เห็นทีข้าคงต้องกลับไปที่สำนักราชาโอสถด้วยตนเอง เพื่อนำหญ้าผลึกหยกม่วงกลับมาจากบ่อสมุนไพรแล้ว!”เฉียวเนี่ยนได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปทว่าเสิ่นเยว่ยังคงกล่าวต่อ “หนทางไปสำนักราชาโอสถนั้นห่างไกลนัก ต่อให้ข้าใช้วิชาตัวเบาเดินทางทั้งวันทั้งคืน ไปกลับรอบหนึ่งเกรงว่าต้องใช้เวลาร่วมเดือน!”เมื่อได้ฟังวาจาของเสิ่นเยว่ เฉียวเนี่ยนก็อดรู้สึกตื้นตันมิได้ นางรีบลุกขึ้นมองหน้าเขา “ศิษย์พี่วางใจเถิด ข้าจะทุ่มเทสุดความสามารถเพื่อยื้อลมหายใจของเซี

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1434

    หลังองครักษ์เข้าไปรายงาน เพียงครู่เดียวอวี่เหวินฮ่าวก็ปรากฏกายขึ้นหลังบานประตูวันนี้เขาสวมอาภรณ์ผ้าไหมสีม่วงเข้มดูสูงศักดิ์ ใบหน้าหล่อเหลานั้นแฝงแววอึมครึมและลึกล้ำยากจะคาดเดาสายตาของเขากวาดมองฉู่จืออี้อย่างพินิจพิเคราะห์และระแวดระวังโดยไม่ปิดบัง “แม่นางเฉียวจะทำการรักษาเซียวเหิง การให้เข้าจวนย่อมเป็นเรื่องสมควร ทว่า... ฐานะของท่านอ๋องนั้นพิเศษยิ่งนัก หากมีผู้ใดยัดข้อหาสมคบคิดศัตรูขายชาติให้ ข้าคงยากจะแก้ต่างได้”วาจานั้นมีความนัยชัดเจนว่าไม่อนุญาตให้ฉู่จืออี้เข้าไปคิ้วกระบี่ของฉู่จืออี้ขมวดมุ่น เขารู้ดีว่าอวี่เหวินฮ่าวจงใจกลั่นแกล้งจวนองค์ชายรองแห่งนี้ใช่ว่าเขาไม่เคยมาเสียเมื่อใด ก่อนหน้านี้อวี่เหวินฮ่าวไม่เห็นจะกังวลเรื่องข้อหากบฏขายชาติ ไฉนวันนี้จึงเพิ่งมานึกกลัวเอาได้?เฉียวเนี่ยนสัมผัสได้ถึงโทสะและความห่วงใยที่แทบจะระเบิดออกมาจากร่างของฉู่จืออี้ นางจึงเอื้อมมือไปกดทับหลังมือแกร่งที่กำลังกำด้ามกระบี่แน่นอย่างแผ่วเบาปลายนิ้วที่เย็นเฉียบสัมผัสลงบนผิวที่ร้อนผ่าวของเขา ถ่ายทอดคำปลอบโยนไร้เสียง “วางใจเถิด ข้าจะไม่เป็นอะไร”ยามนี้อาการของเซียวเหิงวิกฤตนัก นางจำต้องเร่งเข้าไป

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1433

    “ท่านปู่สาม!” เสียงของเฉียวเนี่ยนพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ ประหนึ่งไข่มุกน้ำแข็งร่วงกระทบจานหยก “ข้าวอาจกินส่งเดชได้ แต่วาจาจะกล่าวพล่อย ๆ มิได้! ท่านกล่าวหาว่าข้าวางยาพิษทำร้ายผู้คน มีหลักฐานหรือไม่? หากไร้ซึ่งพยานหลักฐาน นั่นคือการใส่ร้ายป้ายสี! ถึงอย่างไรข้าก็เป็นศิษย์ของเสิ่นม่อแห่งสำนักราชาโอสถ ท่านกล่าวหาว่าคนของสำนักราชาโอสถใช้พิษทำร้ายคน...” นางหรี่ตาลงเล็กน้อย แรงกดดันที่มองไม่เห็นพลันแผ่ซ่านออกมาในชั่วพริบตา “ทำลายชื่อเสียงนับร้อยปีของสำนักราชาโอสถ ผลลัพธ์เช่นนี้ ตระกูลมู่ของท่าน แบกรับไหวหรือ?!”ชื่อเสียงนับร้อยปี!คำนี้เปรียบดั่งค้อนเหล็กอันหนักอึ้ง ทุบลงกลางใจของคนตระกูลมู่เข้าอย่างจังพวกเขาแทบจะมั่นใจได้ในทันทีว่า พิษนี้ต้องเป็นฝีมือของเฉียวเนี่ยนอย่างแน่นอน!หาไม่แล้ว นางคงไม่หยิบยกคำนี้ขึ้นมาแก้เผ็ดเช่นนี้!ใช้ชื่อเสียงร้อยปีของสำนักราชาโอสถ เข้าแลกกับชื่อเสียงร้อยปีของตระกูลมู่…ดี! ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!นี่เป็นการบีบให้คนตระกูลมู่ต้องเลือกด้วยตนเอง ว่าแท้จริงแล้วพวกเขาต้องการปกป้องสิ่งใดกันแน่!ระหว่างชื่อเสียงอันเน่าเฟะป่นปี้ของตระกูลมู่ หรือชีวิตคนเป็น ๆ ที

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1432

    ขณะที่พูด สายตาก็ลอบชำเลืองมองเฉียวเนี่ยนแวบหนึ่ง ก่อนจะลดเสียงลงกระซิบถามอย่างใคร่รู้ว่า “อิ๋งชี คุณหนูของข้าใช้ให้ท่านไปทำอะไรมาหรือ ท่าทางลับลมคมในเชียว!”อิ๋งชีปรายตามองหนิงซวงแวบหนึ่ง รับถ้วยยามากระดกดื่มรวดเดียวจนหมด จากนั้นจึงทิ้งมือยืนสงบเสงี่ยมอยู่ด้านข้าง สำรวมกายใจประหนึ่งรูปปั้นหิน ราวกับไม่ได้ยินคำถามของหนิงซวงแม้แต่น้อยหนิงซวงรู้สึกขัดใจยิ่งนัก ทว่าก็รู้อยู่เต็มอกว่าคงง้างปากถามความอันใดไม่ได้ จึงได้แต่เบ้ปากแล้วถือถ้วยยาเปล่าถอยออกไปเวลาล่วงเลยไปทีละน้อย ดวงตะวันเคลื่อนคล้อยขึ้นสูง ยามอู่ใกล้เข้ามาทุกทีทันใดนั้น ด้านนอกเรือนปีกข้างพลันมีเสียงฝีเท้าเร่งรีบสับสนวุ่นวายดังขึ้น เคล้าไปกับเสียงตะโกนและเสียงครวญครางแผ่วเบาประตูเรือนที่ปิดสนิทถูกผลักออกอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง “โครม”ผู้ที่ปรากฏกายคือมู่ซ่างเสวี่ย มู่เจิ้นเจียง และพรรคพวกที่ย้อนกลับมา ทว่าบัดนี้บนใบหน้าของพวกเขาหาได้มีความแข็งกร้าวและมืดมนอำมหิตดังก่อนหน้า เหลือไว้เพียงความตื่นตระหนกและหวาดผวาอย่างถึงที่สุด!ใบหน้าของมู่ซ่างเสวี่ยซีดเผือด หน้าผากชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ ฝ่ายมู่เจิ้นเจียงนั้นอาการหนักหนายิ่ง

  • พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี   บทที่ 1431

    พี่ห้าแทบอยากจะพุ่งเข้าไปถีบพี่ชายของตนเสียให้รู้แล้วรู้รอด ส่งให้ถลาเข้าไปหาเฉียวเนี่ยนเสียตรงนั้นทว่าสองเท้าของฉู่จืออี้กลับราวกับถูกตรึงไว้ด้วยโซ่ตรวนที่มองไม่เห็น หนักอึ้งเสียจนไม่อาจขยับเขยื้อนได้เลยยิ่งปรารถนาจะกระทำสิ่งใด กลับยิ่งมืดแปดด้านไม่รู้ว่าควรทำสิ่งใดดีความรู้สึกพ่ายแพ้และโทสะที่เกรี้ยวกราดใส่ตนเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถาโถมเข้าเกาะกุมจิตใจราวกับเถาวัลย์ที่รัดพันร่างเขาไว้อย่างแน่นหนาแต่แล้วในยามนั้นเอง เฉียวเนี่ยนกลับเป็นฝ่ายสืบเท้าเดินเข้าไปหาฉู่จืออี้เสียเองแสงตะวันสาดส่องลอดผ่านกิ่งก้านใบไม้ที่โปร่งตา ทาบทอเป็นเงาสลัวรางบนเรือนร่างของนางเมื่อเห็นดังนั้น ผู้คนในลานเรือน ไม่ว่าจะเป็นหนิงซวงที่อยู่ใต้ระเบียงทางเดิน เกอซูอวิ๋น หรือเหล่าองครักษ์พยัคฆ์ ต่างก็รู้ความยิ่งนัก รีบถอยฉากกลับเข้าห้องของตนไปอย่างพร้อมเพรียง ลานเรือนอันกว้างใหญ่พลันว่างเปล่าเงียบสงัด เหลือเพียงคนสองคนที่ยืนตระหง่านเผชิญหน้ากัน และเสียงลมพัดผ่านใบไม้ดังสวบสาบเท่านั้นจนกระทั่งเฉียวเนี่ยนมายืนอยู่ตรงหน้า ใกล้เสียจนมองเห็นไรขนอ่อนบนใบหน้าซีดเผือดและความเหนื่อยล้าที่ซุกซ่อนอยู่ลึกในแว

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status