เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นกลางดึก อธิปที่อยู่ในชุดกางเกงนอนผ้าฝ้ายบาง ๆ ตัวเดียวยังไม่หลับ เขาขมวดคิ้วพลางเดินไปเปิดประตู...
'เธอ?'
ชายหนุ่มแปลกใจ เพราะคนที่ยืนเงยหน้าจ้องมองเขาอยู่คือลลิตรา
'เรื่องขนม ฉันจัดการให้แล้วนะ'
'ฉันรู้แล้วค่ะ'
'ถ้ารู้แล้วมาเรียกฉันดึก ๆ ดื่น ๆ ทำไมอีก'
ลลิตราเดินเข้ามาในห้องนอนของเขาโดยไม่รอให้อนุญาต อธิปที่เป็นเจ้าของห้องมองอย่างงุนงงแต่ก็ยอมหลีกทางให้โดยดี เนื้อตัวของเธอยังมีกลิ่นหอมของขนมอยู่เลย... หอมจนเขาอยากตวัดลิ้นชิมอีกสักหลาย ๆ ครั้ง
'คุณทำแบบนั้นกับฉัน คุณต้องรับผิดชอบ'
เขาสะดุ้ง เธอรู้ได้อย่างไรว่าเขาอยากจะทำอะไร
ยังไม่ทันได้ถามว่าเขาจะต้องรับผิดชอบอย่างไร ลลิตราก็โผเข้ามาหา อธิปกางแขนรับร่างนุ่มนิ่มนั้นไว้โดยไม่ทันรู้ตัว พริบตาเดียวเขาและเธอก็ล้มกลิ้งไปบนเตียง
'ลูกอม...เธอจะทำอะไรน่ะ'
เขาตั้งสติฝืนถามออกไปทั้งที่ใจยังเต้นแรง
'คุณเลียแขนฉัน?'
'ก็ใช่...'
'คุณต้องรับผิดชอบ!'
ชายหนุ่มไม่เข้าใจ แต่วินาทีต่อมาเขากับเธอก็แลกลิ้นกันอุตลุต อธิปบดเบียดความเป็นชายที่แข็งขึงเต็มที่เข้าหาร่างนุ่มนิ่ม มันลึกเข้าไป ลึกเข้าไป ลึกเข้าไป จน...
"อ๊าาา..."
เขาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงคำรามของตัวเองที่ดังทะลุออกมาจากในความฝัน น้ำสีขาวอุ่นขุ่นเข้มกระฉูดจนเลอะกางเกงนอน หัวใจยังเต้นแรง หอบแฮ่กเหมือนเพิ่งผ่านสมรภูมิรักมาจริง ๆ
"เ-ชี่-ย-ไรวะนี่"
ชายหนุ่มครางออกมา ไอ้บ้าเอ๊ย! นี่เขาฝันงั้นหรือ...?!?
แถมในฝันยังเป็นยัยลูกอม ยัยลูกแม่เลี้ยงที่แสนจะไร้ราคาคนนั้น แค่เพราะเขานึกอยากจะแกล้งยัยบ้านั่นแค่นิดเดียว ถึงกับตามมาหลอกมาหลอนกันแบบนี้
อธิปก่นด่าตัวเองไม่เลิกตอนที่ลุกจากเตียง สลัดกางเกงออกแล้วรีบพาตัวเองไปอยู่ใต้ฝักบัวอาบน้ำ
เปิดน้ำราดรดตั้งแต่หัวลงมาเผื่อว่าน้ำเย็น ๆ จะดับความร้อนรุ่มและอารมณ์ติดค้างที่ตามออกมาจากความฝัน
* * * * *
"อ้าวอาร์ต นี่เพิ่งตื่นหรือเพิ่งกลับล่ะ"
นายอรรถ รชต ชายผู้ซึ่งตื่นตีห้ามาออกกำลังกายทุกวันเป็นเวลาหลายสิบปีมาแล้ว เอ่ยทักลูกชายที่เดินมาเจอกันหน้าโถงบันได ที่ถามอย่างนั้นเพราะลูกชายไม่ได้ใส่ชุดนอน แต่แต่งตัวเหมือนพร้อมจะออกจากบ้าน
อธิปสีหน้าไร้อารมณ์ เขาหลีกเลี่ยงที่จะเจอลลิตราจึงออกบ้านมาแต่เช้ามืด ลืมคิดไปว่านอกจากแม่บ้านกับคนงานแล้ว พ่อของเขาก็เป็นมนุษย์ตื่นเช้าด้วยเหมือนกัน
"ผมจะไปเชียงใหม่"
คนเป็นลูกตอบไม่ตรงคำถาม อรรถนิ่งไปนิดก่อนถามต่อ
"ไปยังไง สายการบินอะไร"
"โลว์คอสต์" ประโยคนี้จงใจกวนคนเป็นพ่อ แต่อรรถยิ้มออกมาได้
"ไปสยามเจ็ตสิ เดี๋ยวพ่อโทรบอกเลขาให้..."
"ผมไม่มีตังค์หรอกนะ สายการบินของพ่อน่ะมันสำหรับคนรวยนั่งไม่ใช่หรือ"
อรรถหัวเราะส่ายหน้า
"พ่อจะไม่ถามว่าแกไปเชียงใหม่ทำไม แต่อยากให้แกนั่งสนามเจ็ตไป... แกเป็นลูกชายเจ้าของสายการบิน ถึงจะไม่เต็มใจ แต่ก็ช่วยสร้างภาพให้พ่อหน่อยก็ดี"
อธิปใช้ลิ้นกระพุ้งแก้ม สีหน้าครุ่นคิด แต่อาจเพราะยังเช้าเกินไป สมองเขายังไม่ตื่นเต็มที่พอที่จะกวนโมโหคนเป็นพ่อได้ สุดท้ายเลยยอมพยักหน้าไปแกน ๆ
"ก็เอาสิ พ่อโทรบอกคนของพ่อก็แล้วกัน ผมจะให้น้าดาวไปส่งสนามบิน..."
อธิปพูดแล้วก็เดินตัวปลิวลงบันไดไป ไม่มีแม้กระเป๋าเดินทางหรือเป้สักใบติดตัวไปด้วย แต่อรรถไม่แปลกใจนักหรอก
วูบหนึ่งเขาอยากห้าม เพราะพอจะเดาได้ว่าลูกชายจะไปทำอะไรที่เชียงใหม่... แต่สุดท้ายก็ปล่อยเลยตามเลย
ครั้งหนึ่งเขาเคยยุ่มย่ามในชีวิตของภรรยาคนแรกมากเกินไป จนเธอทนไม่ได้และไปจากเขา อรรถไม่อยากทำผิดซ้ำอีก แม้หลายครั้งจะไม่พอใจการกระทำของอธิป แต่เขาก็เลือกจะให้อิสระให้ลูกชายได้คิด ตัดสินใจ และเรียนรู้ถูกผิดเอาเอง
ตอนนั้นอรรถไม่คิดเลยว่าการที่เขาเลือกเลี้ยงลูกแบบนี้ มันกลับกลายเป็นดาบสองคมที่ย้อนมาทำลายอีกหลาย ๆ คนโดยไม่ได้ตั้งใจ
* * * * *
โชติรสเพิ่งกลับมาทำงานหลังลาพักร้อนไปสองสัปดาห์ และเพื่อนสนิทคนหนึ่งก็ขอแลกไฟลท์ เที่ยวบินไปเชียงใหม่วันนี้จึงมีหญิงสาวมาเป็นพนักงานต้อนรับด้วยแทน
"ทำไมทุกคนดูตื่นเต้นกันจัง วันนี้มีอะไรหรือพี่มด"
โชติรสถามหัวหน้าพนักงานต้อนรับฯ ของเที่ยวบินนี้ มือก็จัดระเบียบสิ่งของต่าง ๆ ไปด้วย
"มีวีไอพีมาบินด้วย"
มดตอบยิ้ม ๆ
"ใครล่ะ"
"ลูกชายแชร์แมน"
มือบางเรียวสวยที่ตัดเล็บสั้นเป็นระเบียบชะงักไปเล็กน้อยแต่ใจเต้นแรงตึกตัก
"ลูกชายแชร์แมน? ลูกคุณอรรถเหรอ"
"ใช่จ้ะ พวกสาว ๆ ตบแป้งกันใหญ่ นี่พี่ก็ยังไม่เคยเจอตัวจริงหรอกนะ แต่เห็นในรูปแล้วหล่อเชียว หน้าเข้มคล้ายคุณอรรถ แต่ดูเหมือนลูกครึ่ง ภรรยาคุณอรรถท่านเป็นฝรั่งเหรอ"
"อืม โชก็ไม่ทราบเหมือนกัน..."
โชติรสตอบเหมือนไม่ใส่ใจและหันเหไปทำอะไรอย่างอื่นต่อทั้งที่ใจอยากจะกรี๊ดออกมา
'ผู้ชายคนนั้นน่ะ! ฉันกินมาแล้วนะยะ แค่คิดก็ยังจุกถึงคอเลยตอนนี้!!!
* * * * *
แอร์บัส เอ สามสองศูนย์ ลำสีขาวจอดเทียบบัสเกตเหมือนทุกเที่ยวบิน อธิปขึ้นเครื่องตามขั้นตอนเหมือนผู้โดยสารทั่วไป ต่างกันเพียงไม่มีใครมองเขาเป็น "ผู้โดยสารทั่วไป" ที่นั่ง 1A ในชั้นธุรกิจ ถูกจัดไว้ให้ล่วงหน้า เบาะหนังสีเทาอ่อนสะอาดสะอ้านหอมกรุ่น ปรับเอนได้ด้วยปุ่มควบคุม ด้านหน้าเป็นจอโทรทัศน์จอเล็กพร้อมหูฟัง
เมื่อเครื่องทะยานขึ้นจากสนามบินสุวรรณภูมิ หลังเสียงประกาศทักทายจากกัปตันและการสาธิตความปลอดภัยตามขั้นตอนมาตรฐาน พนักงานต้อนรับสาวสวยจึงเข้ามาเสิร์ฟเครื่องดื่มให้เขา...
อธิปที่สวมแว่นกันแดดสีดำกำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง หันกลับมาตั้งใจจะสั่งวิสกี้ใส่น้ำแข็งก้อนเดียว...
มันอยู่บนถาดต่อหน้าเขาแล้ว? อธิปแปลกใจ นี่พ่อก็สั่งให้เตรียมไว้ให้เขาด้วยเหรอ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองพนักงานต้อนรับทันที และพบว่าเธอยิ้มให้อย่างขัดเขินเล็กน้อย
"สวัสดีค่ะ จำได้ว่าคุณอาร์ตชอบแบบนี้ ถ้าไม่ใช่โชขออภัย จะไปเปลี่ยนมาให้ใหม่นะคะ"
"เดี๋ยวก่อน คุณ..."
อธิปพยายามนึกชื่อเธอ ให้ตายสิ! ลีลาหญิงสาวคืนนั้นเด็ดมาก ทำเอาหัวเขาขาวโพลนจนลืมชื่อแซ่ไปหมด
ถ้าเธอผิดหวังหรือเสียใจ ก็คงจะเก็บมันไว้แนบเนียน เพราะใบหน้าสวยมีเพียงรอยยิ้มอ่อน ๆ
"โชติรสค่ะ..."
"ใช่ ๆ ผมจำได้ ขอโทษนะเมื่อกี้แค่นึกไม่ทัน"
โชติรสยิ้มอีก หรุบตาต่ำลงเล็กน้อย ท่าทีสงบเสงี่ยมเรียบร้อยราวกับเป็นคนละคนกับคืนนั้น
"คุณอาร์ตสามารถเรียกใช้บริการได้ตลอดเวลานะคะ ดิฉันยินดีดูแลอย่างเต็มที่ค่ะ"
แอร์โฮสเตสเอ่ยอย่างเป็นการเป็นงานและกำลังจะเดินกลับไปประจำที่ของเธอ แต่มือร้อน ๆ ของชายหนุ่มแตะแขนเธอไว้เบา ๆ
"เดี๋ยวสิ..."
โชติรสหันกลับมา เลิกคิ้วน้อย ๆ
อธิปถอดแว่นกันแดดออก เงยหน้ามองเธอด้วยสายตาประเมิน
"เสร็จจากไฟลต์นี้ คุณกลับกรุงเทพเลยมั้ย"
"แล้วแต่ค่ะว่ามีธุระอะไรอีกหรือเปล่า"
โชติรสตอบ ไม่ยิ้ม แต่จ้องตาเขากลับอย่างท้าทาย
"ทิ้งเบอร์คุณไว้ แล้วผมจะโทรหา"
เขาพูดแค่นั้น สวมแว่นกลับตามเดิมแล้วหันออกไปมองนอกหน้าต่าง โชติรสเขียนเบอร์ใส่กระดาษที่ใกล้มือที่สุด ใช้แก้ววิสกี้วางทับไว้แล้วกลับไปบริการผู้โดยสารคนอื่นต่อ...ภายใต้ท่าทีสงบนิ่งเป็นมืออาชีพ หัวใจของแอร์โฮสเตสสาวสวยกำลังเต้นแรงร้อนผ่าวไปหมดทั้งตัว
นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าพรหมลิขิต!