LOGINลิ้นสาก ๆ ของชายหนุ่มจงใจลากผ่านแอ่งชีพจรบนข้อมือของลลิตรา เธอชาวาบเหมือนโดนไฟช็อต ดึงมือออกอย่างแรงแต่อธิปก็จับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ปล่อยนะ! ปล่อย!”
เธอกัดฟันบอก ไม่ได้กลัวเขามากเท่ากลัวคนอื่นเดินเข้ามาเห็น
ไม่กี่นาทีก่อน ทุกคนยังสลอนกันอยู่ในครัว เธอเองที่ออกปากให้ทุกคนกลับไปพักเพราะเกรงใจที่ทำงานกันมาทั้งวันยังมาช่วยเธอทำขนม
แต่ตอนนี้เธออยากตะโกนเรียกให้ทุกคนกลับมาจริง ๆ
หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้า
ปกติเวลาหลังอาหารมื้อเย็น เมื่ออรรถกับลินดารับประทานอาหารเสร็จแล้ว คนในครัวก็จะช่วยกันเก็บล้างทำความสะอาดและแยกย้ายกันไปพักผ่อนห้องใครห้องมัน ถือว่างานวันนั้นได้เสร็จสิ้น
แต่วันนี้ ทั้งแม่ครัว แม่บ้าน และคนงานทุกคนที่พักอยู่ที่เรือนเล็กด้านหลัง มาออกันอยู่ในครัวเพื่อช่วยลลิตราทำขนม
“ป้าเดือนคะ ไม่ต้องช่วยลูกอมจริง ๆ ลูกอมทำเองได้”
ลลิตราพยายามบอก
“ปกติลูกอมก็ทำเองนะคะ แล้วป้ากับคนอื่น ๆ ก็ทำงานกันมาทั้งวันแล้ว ลูกอมไม่รบกวนหรอกค่ะ นี่พูดจริง ๆ นะคะนี่”
ป้าเดือนกำลังจะอ้าปากตอบ แต่หลานสาวที่เป็นผู้ช่วยแม่ครัวนามว่าน้ำค้างพูดขึ้นมาก่อน
“คุณเขาก็พูดถูกนะป้า เขาจ้างเรามาทำอาหารให้คุณท่าน ไม่ได้จ้างให้มาช่วยใครทำขนม แทนที่จะได้พัก...”
“ก็ถ้าเอ็งอยากพักก็กลับไปพักสิ ใครว่าอะไรล่ะ”
ป้าเดือนตอบหลานสาวเสียงดุ
“พวกเอ็งทุกคนก็เหมือนกัน ข้าไม่ได้เกณฑ์ให้มาช่วยคุณหนู วันนี้ข้าแค่ว่าง ๆ แล้วก็ยังไม่ง่วงไม่เหนื่อย ก็เลยอยากอยู่ดูว่าคุณหนูเค้าจะทำอะไรยังไง ใครไม่อยากอยู่ก็กลับไปสิวะ ใครจะห้าม”
“งั้นฉันไป”
น้ำค้างบอกก่อนจะเดินออกจากครัว ไม่สนใจอะไรใครทั้งนั้น
ป้าเดือนก็ไม่สนใจหลานสาวแท้ ๆ คนนี้เหมือนกัน หันมาช่วยลลิตราเช็ดและเจียนใบตองต่อ
“ป้าไม่ได้ทำขนมกินแบบนี้มานานแล้ว เมื่อก่อนสมัยอยู่บ้านล่ะทำบ่อย”
“หมายถึงบ้านที่ไหนหรือคะ”
ลลิตราชวนคุย แม่ครัวคนอื่น ๆ ที่อาบน้ำอาบท่าแล้วก็นั่งพับเพียบแปล้คอยช่วยอยู่ใกล้ ๆ ไปด้วย
“ลำพูนจ้ะ นี่ก็คนลำพูนกันเกือบทั้งหมดเลยนะ ป้าก็คนลำพูน ไอ้ดาวนั่นก็น้องชายป้ามาด้วยกัน ไอ้น้ำค้างนั่นก็หลาน ลูกพี่ชาย ส่วนน้ำตาลนี่ก็ญาติ...”
ป้าเดือนแนะนำทุกคนที่อยู่ในครัวตอนนั้นอีกรอบ น้ำตาลส่งยิ้มมาให้ ไม่กี่วันที่เจ้านายคนใหม่มาอยู่ที่นี่ ก็มีน้ำตาลนี่แหละที่กลายเป็นคนสนิทที่สุดของคุณลินดาไปเสียแล้ว
“สาว ๆ ป้าเคยทำขนมขาย ทำได้แทบทุกอย่างเลยนะ ดีจริงไม่คิดว่าสาว ๆ อย่างคุณหนูก็จะทำขนมขายเหมือนกันด้วย”
“หนูขายทางออนไลน์ค่ะ”
หญิงสาวบอก น้ำตาลจึงหันไปบอกคนเป็นป้าว่าหมายถึงสั่งซื้อได้ทางโทรศัพท์ อย่างที่ป้าฝากให้เธอทำอยู่ทุกเดือนนั่นแหละ
“แล้วใครมาซื้อหรือคะ”
เด็กสาวถามอย่างสงสัย
“ส่วนใหญ่ก็เป็นโรงเรียน บริษัท หน่วยงานราชการอะไรพวกนี้จ้ะ เขาสั่งทีละร้อย ๆ ชุดอย่างที่เห็นนี่แหละ เอาไปเป็นขนมกินตอนเบรกประชุมอะไรแบบนี้”
ลลิตราตอบพลางมือก็พับกระทงใบตองไปพลาง
กลิ่นหอมของกะทิกับเผือกข้าวโพดนึ่งหอมตลบอบอวลไปทั้งครัว ออเดอร์วันพรุ่งนี้คือตะโก้เผือกและตะโก้ข้าวโพด ส่วนน้ำอัญชันมะนาวและน้ำตะไคร้ก็ต้มเสร็จแล้วแค่รอให้เย็นแล้วค่อยกรอกลงขวดใบเล็กขนาดน่ารัก
“แล้วป้าเดือนยังจำสูตรขนมได้ไหมล่ะคะ”
“จำได้สิคะคุณหนู ไม่มีลืมหรอก ถ้าให้ทำอีกก็ทำได้”
“ดีจัง” ลลิตรายิ้มดีใจ “คราวหน้าถ้าลูกอมคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรใหม่ ๆ ก็มาถามป้าดีกว่า สูตรที่ลูกอมทำก็จำ ๆ ดู ๆ มาจากในอินเทอร์เน็ต ถ้าได้สูตรจากคนรุ่นเก่า ๆ น่าจะอร่อยกว่าเยอะ”
“เขาบอกว่าพี่แก่แน่ะ”
น้าเดือนที่นั่งกินข้าวอยู่ด้านหลังเพราะมาทีหลังคนอื่นเอ่ยขึ้นมา เลยโดนพี่สาวแท้ ๆ ที่เป็นหัวหน้าแม่ครัวด่ากลับไปหนึ่งทีเป็นภาษาเหนือ
เสียงหัวเราะในครัวฟังแล้วครื้นเครง ลลิตราทำขนมเผื่อทุกคนในบ้านด้วยเพราะถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็ไม่ต้องห่วงเรื่องค่ายาของแม่ สามารถทำเกิน ๆ เพื่อแบ่งคนที่บ้านกินได้
แต่จู่ ๆ เสียงหัวเราะก็หยุดชะงักเมื่อใครบางคนเดินเข้ามาในครัว คนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยลงมาเหยียบที่นี่
“คุณอาร์ต...จะรับอะไรหรือคะ”
ป้าเดือนรีบเอ่ยถาม ลลิตราที่นั่งหันหลังให้ตัวแข็งขึ้นมาทันที สักพักก็ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มตอบ
“มาหาป้าเดือน ไม่อยู่เหรอ”
“ป้าเดือนแกลากลับสุโขทัยไปเมื่อเช้านี้ค่ะ ไปช่วยงานบวชหลาน อีกสองสามวันถึงจะกลับ คุณหนูจะให้ป้าทำอะไรให้ทานไหมคะ”
หัวหน้าแม่ครัวถามอย่างใส่ใจเพราะคิดว่าที่เจ้านายลงมาถึงที่นี่คงเพราะหิว เพราะเมื่อมื้อเย็นอธิปยังไม่กลับบ้าน
ชายหนุ่มยังไม่ตอบ แต่เดินเข้ามาในครัวช้า ๆ ทุกคนนิ่งเงียบและก้มหน้าก้มตา นอกจากป้าอ้อม น้าดาว กับป้าเดือนที่อยู่ที่นี่มานานกว่าใคร ก็ไม่มีใครคุ้นเคยกับชายหนุ่มนัก
ยิ่งสามเดือนที่อธิปเพิ่งกลับมา ก็ปะทะคารมกับคุณอรรถไปแล้วไม่รู้กี่ครั้ง พวกเด็ก ๆ แม่บ้านแม่ครัวจึงค่อนข้างหวาด ๆ คุณอาร์ต แม้ว่าตอนแรก ๆ จะตกตะลึงในความหล่อของเจ้านายหนุ่มลูกครึ่งก็ตามที
“แล้วนี่ทำอะไรกันอยู่ ที่บ้านจะมีงานหรือไง”
“เปล่าหรอกค่ะ กำลังช่วยคุณหนูลูกอมทำขนมค่ะ”
“ทำไปทำไม”
อธิปถามเรียบ ๆ แต่น้ำเสียงไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
“ทำขาย” หนนี้ลลิตราเป็นฝ่ายตอบเอง ห้วน ๆ และไม่มองหน้าเขา
“แล้วไง เธอจ่ายเงินจ้างแม่ครัวของบ้านฉันให้มาช่วยเธองั้นเหรอ”
“เปล่า พวกเขามาช่วยด้วยน้ำใจ”
หนนี้เธอเงยหน้าขึ้นมองตอบเขา แววตาเริ่มจะเอาเรื่อง
“อ้างคำว่าน้ำใจ แต่ความจริงคือขูดรีดแรงงาน ใช้งานฟรี พวกนี้เขาทำงานกันมาทั้งวันแล้วยังต้องมาช่วยเธอทำงานส่วนตัวอีกสินะ”
“พวกป้าอาสาเองค่ะคุณอาร์ต ป้าอาสาเอง”
ป้าเดือนรีบบอกก่อนสองคนจะเถียงกันไปมากกว่านี้ แต่อธิปไม่ยอมด้วย
“ผมรู้ป้ามีน้ำใจ แต่วันนี้ถือว่าผมขอ... ให้ลูกสาวคนใหม่ของพ่อผมเขาได้เรียนรู้ซะบ้างว่า แค่มาอยู่ที่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขามีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ เพราะเขาไม่ได้เป็นคนจ่ายเงินเดือน”
“ค่ะ ค่ะ คุณลูกอมไม่ได้ขอหรอกค่ะ ป้าดื้อจะช่วยเอง...”
ป้าเดือนยังพยายามจะอธิบายต่อ แต่น้าดาวที่รีบอิ่มข้าวทันทีค่อย ๆ ย่อตัวเข้ามาสะกิดพี่สาว
คนอื่น ๆ ที่เหลือก็เริ่มเลิกลั่ก ไม่รู้จะทำตัวยังไงให้ถูกใจลูกชายคนจ่ายเงินเดือน
“ทุกคนกลับไปพักได้แล้ว เดี๋ยวตรงนี้ผมจะอยู่ช่วยน้องสาวผมเอง”
“เอ่อ...”
ป้าเดือนยังลังเล แต่เมื่อน้องชายสะกิดอีกรอบบวกกับเริ่มรับรู้ถึงสีหน้าบึ้งตึงของนายจ้างอย่างอธิป หนึ่งนาทีต่อมาทุกคนก็หายหน้ากลับเรือนพักไปจนหมด
เหลือเพียงชายหนุ่มกับหญิงสาวอยู่ในครัวกันตามลำพัง
ลลิตราไม่แลเขา กระทงพับเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว เหลือแค่ตักเนื้อข้าวโพดที่กวนรอไว้แล้วใส่ไปในกระทงแล้วค่อยหยอดกะทิปิดท้ายเท่านั้น เธอลุกขึ้นไปที่เตา เปิดหม้อข้าวโพดกวนที่ยังระอุอยู่
“เอ๊ะ!”
หญิงสาวอุทานเมื่อจู่ ๆ เงาดำ ๆ สูง ๆ ปราดมาใกล้ ลลิตราสะบัดทัพพีออกไปด้วยสัญชาติญาณ เสียงโลหะกระทบพื้นดังแกร๊ง เนื้อข้าวโพดอุ่นจัดเปรอะเลอะแขนข้างหนึ่ง เธอรีบตรงไปที่ก๊อกน้ำแล้วเปิดล้างทันที
อธิปขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูจากไออุ่น ๆ ที่ลอยจากหม้อก็พอเดาอุณหภูมิได้ เขาก้าวยาว ๆ แค่สองก้าวก็ไปยืนอยู่ข้าง ๆ เธอที่อ่างล้างมือ
ลลิตราผงะหนีเขาอีกรอบ แต่หนนี้เขาจับข้อมือเธอไว้ทันและไม่ยอมปล่อยโดยง่าย
“นาย! ปล่อยนะ”
“ไม่ต้องโอเวอร์แอ็กติ้ง ฉันแค่จะดูแขน มันร้อนไม่ใช่หรือไง”
“เรื่องของฉัน!”
“ประเดี๋ยวเธอก็จะตีหน้าเศร้าเล่าให้พ่อฉันฟังอีกว่าเจ็บตัวเพราะฉันอีกแล้ว เพราะงั้นเอามือมานี่ มาให้ฉันดูเดี๋ยวนี้”
เขาสั่งด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดและเริ่มโมโห ลลิตรายื้อยุดแต่แค่มือข้างเดียวของเขาก็มีกำลังมากกว่าเธอพยายามออกแรงทั้งตัวเสียอีก
“แขนเธอโดนลวกนี่”
คิ้วเข้ม ๆ ของอธิปขมวดยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นเนื้อขาวผ่องเริ่มมีรอยปื้นแดงจาง ๆ ลลิตรากำลังจะสั่งให้เขาปล่อยแขนเธออีกครั้งแต่ก็พลันชาวาบเหมือนโดนไฟช็อต... เร็วเหมือนโดนตัวอะไรฉก เมื่ออธิปดึงแขนเธอขึ้นไปจรดริมฝีปากเขา แล้วแลบเลียข้อมือแดง ๆ นั้นอย่างอ้อยอิ่ง
ลลิตราช็อกตาตั้ง
“ไอ้บ้า! ปล่อยนะ”
“ฉันปฐมพยาบาลเธออยู่นะ”
เขาเอ่ยอีก และครั้งนี้จงใจตวัดลิ้นสากลากผ่านข้อมือบางอย่างเน้น ๆ
ลลิตราทนไม่ไหวแล้ว เธอเต้นเร่า ๆ เพื่อให้เขาปล่อยมือจากแขนเธอ
แต่อธิปออกแรงอีกเพียงนิดเดียว เธอก็ไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว และก่อนจะทันรู้ตัว จมูกโด่งแหลมก็ก้มลงมาเฉียดขมับ เสียงกระซิบของเขาดังชัดอยู่ข้างหู
“ตัวเธอหอมขนม...น่ากินดีจัง”
ลลิตราหูอื้อไปหมดแล้ว เธอรวบรวมกำลังใจเฮือกสุดท้าย ยกเท้าขึ้นแล้วกระทืบเท้าเขาไปเต็มแรง มันได้ผลเพราะอธิปยอมปล่อยมือทันที... เมื่อเป็นอิสระลลิตราก็วิ่งออกจากห้องครัว เรื่องขนมเอาไว้ก่อน ตอนนี้คือเธอต้องเอาตัวออกมาให้ห่างไอ้คนลามกจกเปรตนี่ นี่เธอต้องตัดแขนทิ้งเลยมั้ย มันจะติดเชื้อหรือเปล่า...ลลิตราโวยวายในใจระหว่างที่วิ่งเตลิดหนีหายไป
ในห้องครัว อธิปเผลอเลียริมฝีปาก หัวเราะหึ ๆ เขาสูดหายใจลึกตั้งสติอยู่สองสามนาทีก่อนจะเดินไปเคาะประตูเรียกหาป้าเดือนอีกรอบ
“คะคุณอาร์ต?”
ป้าเดือนที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่กับน้ำตาลรีบเปิดประตูออกมาทันที
“คุณหนูลูกอมของป้าคงปวดหัวหรือไม่ก็ปวดท้อง ปวดฟัน วิ่งกลับเข้าบ้านไปหายาแล้ว...”
“อ้าวแล้ว...”
“ป้ากับเด็ก ๆ ไปช่วยกันทำที่เหลือให้เสร็จได้ไหม ไม่งั้นยัยนั่นไม่มีของไปส่งลูกค้าโดนฟ้องตายเลย ป้าทำเป็นใช่ไหม”
“เป็นค่ะ ทำได้ค่ะ เอ...แกเป็นอะไรไปนะเมื่อกี้ยังดี ๆ แท้ๆ”
อธิปไม่ตอบ ตายังเป็นประกายรื่นเริงมุมปากเผลอยกยิ้มเล็กน้อยตอนที่ล้วงกระเป๋าเสื้อและกางเกง ได้แบงค์ยู่ยี่กับเหรียญมากำนึงส่งใส่มือป้าเดือน
“ช่วยหน่อยก็แล้วกันนะครับ เดี๋ยวผมจ่ายทิปพิเศษให้...ทำไงก็ได้ให้มีของส่งลูกค้าพรุ่งนี้”
“ได้ค่ะคุณอาร์ต ป้าทำได้ ไม่ต้องให้เงิน...”
“รับไปเถอะครับ ผมมีติดตัวแค่นี้ เดี๋ยวผมเอามาให้อีก...ขอบคุณนะครับป้า”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่มไพเราะเป็นครั้งแรกกับป้าเดือน ผู้สูงวัยถึงกับงงงันไปครู่ เพิ่งรู้ว่าคนเย่อหยิ่งอย่างคุณอาร์ตคนนี้ก็ทำเสียงอ่อนเสียงหวานแบบนี้ก็เป็น
"ไม่! ฉันคบกับพี่ต้นแล้ว นายจะมาทำแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว!" คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างหงุดหงิด "ใครอีกล่ะ คราวนี้เธอให้ใครมาเล่นละครอีก" "ครั้งนี้ไม่ใช่ คราวก่อนฉันยอมรับว่าฉันโกหกนาย แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แล้ว" "งั้นเหรอ งั้นคราวนี้มันเป็นใครล่ะ" เขาถามอย่างอดทน ทั้งที่อยากกดเธอลงบนเตียงเต็มทีแล้ว ลลิตราขยุ้มคอเสื้อแน่นโดยอัตโนมัติ ราวกับว่าแค่สายตาของเขาก็จะทำให้เสื้อผ้าเธอหลุดรุ่ยล่อนจ้อนได้ "เขาเป็นรุ่นพี่ของฉันสมัยเรียน ฉันเคยชอบเขามาก่อนแต่ตอนนั้นเราเด็กเกินไปเลยไม่ได้คบกัน ฉันเพิ่งกลับไปเจอพี่ต้นที่ตราด...ใช่ฉันเพิ่งไปเที่ยวทะเลที่ตราดมา โรงแรมนั่นเป็นของพี่ต้น และฉันกับเขาก็...ตกลงเป็นแฟนกัน" อธิปหัวเราะพรืดทั้งที่แววตาไม่ขำด้วยสักนิด ก็เธอเล่นบอกเขาเหมือนท่องเตรียมมาแล้ว "เลิกตั้งแง่ใส่กันเถอะนะลูกอม เราทั้งคู่ก็รู้อยู่แล้วว่าเรารู้สึกยังไงกัน โชติรสไม่ใช่ปัญหาเลย โชก็อยากถอนหมั้นพอ ๆ กับฉันนั่นแหละ แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้เพราะ..." อธิปหยุดไปเล็กน้อย ถอนหายใจ เขาสัญญากับโชติรสว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับ "เอาเป็นว่ามันเป็นเรื่องของธุรกิจ ที่ฉันกับโชยังไม่ถอนหมั้นเพราะมัน
"อาร์ต เมื่อไหร่แม่จะได้รู้จักคู่หมั้นของลูกล่ะ"ออเดรย์ถามขึ้นมาระหว่างที่มือกำลังหั่นสเต๊ก ลลิตราทำเหมือนไม่ได้ยินคำถามนั้น กินอาหารของเธอไปตามปกติแม้จะรู้สึกว่าสายตาของอธิปพุ่งตรงมาที่ตัวเองก็ตามอธิปแทบไม่ชะงักเลยเหมือนกันตอนที่ตอบ"ไม่จำเป็นหรอก เพราะอีกไม่นานผมกับเขาก็จะถอนหมั้นกัน"คราวนี้นายอรรถเงยหน้ามองทันที แม้แต่ลินดาก็ยังอดหันมาด้วยไม่ได้"หมายความว่ายังไง อาร์ต""ตามนั้นแหละครับ"อธิปตอบ ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างใจเย็น และเมื่อเห็นว่าพ่อยังคงจ้องเขาอยู่ เขาจึงขยายความ"ยังไม่เป็นทางการหรอกนะครับพ่อ และยังไม่ได้บอกใคร แต่ผมกับโช เราตกลงกันแล้วว่าถ้าผ่านเรื่องยุ่ง ๆ ไปสักระยะ เราค่อยถอนหมั้นกันเงียบ ๆ""เหตุผล?""เหตุผลก็คือ ผมกับโชไม่ได้รักกันตั้งแต่แรก เราแค่หมั้นกันด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่วันหนึ่งเมื่อทุกอย่างคลึ่คลาย เราก็จะคืนอิสรภาพให้กัน""ตอนลูกมาขอให้พ่อไปสู่ขอเขา ลูกไม่ได้พูดแบบนี้นี่"อรรถอดตำหนิไม่ได้ อาจเพราะเขาเห็นว่าบนโต๊ะนี้ก็มีแต่คนกันเองจึงเผลอพูดออกมา"ผมทราบ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว...เอาเป็นว่าผมกับโชเราคิดตรงกัน ผมไม่ได้ทำร้ายใจเธอ ถ้าพ่อคิดว่าผม
ลลิตรากลับจากตราดพร้อมของฝากเกินสองมือจะถือได้ไหว เมื่อรถแท็กซี่มาจอด คมสันต์ต้องวิ่งลงมาช่วยหิ้วด้วยหลายถุง เธอยอมรับกับตัวเองว่าถ้าเป็นเมื่อก่อน คงไม่สามารถจับจ่ายอะไรได้มือเติบแบบนี้"ฉันซื้อขนมของกินมาฝาก เดี๋ยวคมสันต์แบ่งไปได้เลยนะจ๊ะ"ลลิตราบอก รปภ. หนุ่มรุ่นน้อง คมสันต์ตะเบ๊ะแข็งขัน"ครับผม ขอบคุณครับ""แม่อยู่บ้านใช่ไหมจ๊ะ"เธอถามทั้งที่ก็รู้ว่าลินดาคงไม่ได้มีธุระที่ไหน แม่ของลลิตราไม่ใช่คนชอบเที่ยว แม้อรรถจะคะยั้นคะยอให้ออกไปใช้เงินบ้างแต่ลินดาก็พอใจจะนั่งดูโทรทัศน์อยู่บ้าน และเดี๋ยวนี้หล่อนกลับมาถักไหมพรมอีกครั้งอย่างที่จิตแพทย์เคยแนะนำ เวลาเดียวที่ลินดาจะออกไปห้างสรรพสินค้าก็คือตอนที่จะไปซื้อไหมพรมเซ็ตใหม่ ๆ นั่นแหละ"ครับผม คุณผู้ชายก็อยู่ครับ""คุณอรรถอยู่บ้านงั้นหรือ"ลลิตราแปลกใจเพราะนี่ไม่ใช่วันหยุด ปกติอรรถยังไม่กลับจากบริษัทเลยไม่ใช่หรือ คมสันต์รีบอธิบายต่อ"ตอนแรกมีแขกมาหาคุณผู้หญิงครับ แล้วสักพักคุณผู้ชายก็รีบกลับมา""แขก? มาหาแม่เหรอ""ครับ มาหาคุณลินดาครับ คุณผู้ชายโทรบอกผมเองว่าให้เข้าไปได้"คมสันต์รีบบอกเพราะกลัวจะโดนตำหนิว่าปล่อยคนแปลกหน้าเข้าบ้านโดยพลการลลิต
เดินทางมาถึงตอนที่ 109 แล้ว สำหรับเรื่องพาล แต่ตลอดร้อยกว่าตอนมานี้ ไรต์ยังไม่เคยได้อ่านคอมเมนต์นักอ่านเลยนะเชื่อปะ เป็นไปได้ว่าไม่มีใครอ่าน ๕๕ และยอดวิวก็คงเป็นของไรต์เองนี่แหละที่คลิกเข้ามาอ่านนิยายตัวเองไรต์จะพยายามเขียนให้จบ ถึงมีคนอ่านแค่คนเดียวก็ตาม (แต่อาจช้าหน่อยเพราะต้องไปหาค่าน้ำค่าไฟด้วย) ถ้าได้เจอกันในภายภาคหน้า ฝากนิยายของไรต์ด้วยเช่นเคยนะคะ ขอบคุณค่ะ แวมไพร์ปีกดำ(ลีขิตา).
"พี่ต้น!""ลูกอมจริง ๆ ด้วย! ไม่อยากจะเชื่อเลย"ตระการยิ้มกว้าง ดวงตาสีดำส่องประกายสดใสอย่างคนที่ดีใจและคาดไม่ถึง ลลิตราจำเขาได้แทบจะทันทีเพราะแม้ผู้ชายที่เธอเห็นตรงหน้าตอนนี้จะไม่ใช่เด็กหนุ่มรูปร่างผอมสูงใส่แว่นเหมือนอย่างแต่ก่อน แต่แววตาและรอยยิ้มแบบนี้ก็มีแค่ตระการคนเดียว"โอ้โห กี่ปีแล้วนี่ที่ไม่ได้เจอกัน พี่แทบจะจำลูกอมไม่ได้เลย""ก็ตั้งแต่พี่ต้นจบม.หกไงคะ แล้วก็ไม่เคยได้เจอกันอีกเลย"ลลิตราตอบยิ้ม ๆ ตระการคือรุ่นพี่สมัยเรียนมัธยมฯ เคยติวหนังสือให้เธอและกลุ่มเพื่อนจนกระทั่งเขาเรียนจบออกไป"ลูกอมมาเที่ยวเหรอ แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่ที่ไหน""มาเที่ยวค่ะ กับอุ๋มไง พี่ต้นจำอุ๋มได้ไหม อมาวสี..."ดวงตาของตระการกว้างขึ้นอีกรอบ พยักหน้าหงึก ๆ ดูเหมือนความทรงจำของชายหนุ่มเมื่อครั้งยังเป็นนักเรียนขาสั้น ยังแจ่มชัดดีทุกรายละเอียด จำได้กระทั่งชื่อเล่นและความแก่นแก้วของแต่ละคนที่เป็นไปตามวัย"แต่อุ๋มของีบก่อนเพราะเพิ่งมาถึงเมื่อเที่ยงนี้เองค่ะ นี่ลูกอมโชคดีจังเลยที่ลงมาเดินเล่น ไม่งั้นคงไม่ได้เจอพี่ต้น พี่ต้นก็มาเที่ยวหรือเปล่าคะ แล้วจะกลับวันไหน พักที่นี่ใช่ไหม...""ก็ไม่เชิงหรอกครับ บ้านพี่ห่าง
แม้อาหารมื้อนั้นจะผ่านไปด้วยดีตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันมายี่สิบกว่าปี แต่อธิปกลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูก อรรถก็คงไม่ต่างกัน สองพ่อลูกกลับมาบ้านแล้วก็แยกกันเข้าห้องส่วนตัวโดยไม่คุยอะไรกันอีกเลยเกี่ยวกับผู้หญิงที่เกี่ยวพันกับคนทั้งคู่คนนั้นแต่อธิปอยากลงไปเจอลลิตรา เขาส่งข้อความไปหาเธอว่าขอลงไปหาเธอได้ไหม เจอกันที่สนามหญ้าก็ได้ถ้าเธอไม่สะดวกให้เขาเข้าไปหาในบ้าน- ฉันไม่ได้อยู่บ้าน ออกมาอยู่บ้านเพื่อน -หญิงสาวพิมพ์ตอบกลับมาอธิปห้ามใจตัวเองไม่ไหว ต้องพิมพ์บอกไปว่า- คิดถึง -- ไปบอกคู่หมั้นนายเถอะ -เธอพิมพ์ตอบมารวดเร็วเช่นกันเพราะไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียง จึงไม่รู้ว่าเธอประชด หรือจริงจัง อธิปกดโทรหาเธอแทนที่จะส่งเป็นข้อความกลับไป"โทรมาทำไม ฉันไม่สะดวกคุยนะ"หญิงสาวกดรับสายทันทีและเปิดฉากพูดก่อนโดยไม่รอให้เขาทัก"ก็อยากได้ยินเสียงไง""อย่าพูดแบบนี้กับฉันอีก ฉันขอร้อง มันไม่เหมาะสม""ระหว่างฉันกับเธอยังมีอะไรไม่เหมาะสมอีกหรือ"เขาตั้งใจจะยั่วหยอกเธอเล่น ๆ แต่ลลิตราตอบกลับมาน้ำเสียงกรุ่นโกรธ"พอทีเถอะคุณอธิป ฉันไม่อยากอยู่แบบนี้อีกแล้ว""แบบไหน""ก็แบบที่..."เขาได้ยินเสียงห







