ลิ้นสาก ๆ ของชายหนุ่มจงใจลากผ่านแอ่งชีพจรบนข้อมือของลลิตรา เธอชาวาบเหมือนโดนไฟช็อต ดึงมือออกอย่างแรงแต่อธิปก็จับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ปล่อยนะ! ปล่อย!”
เธอกัดฟันบอก ไม่ได้กลัวเขามากเท่ากลัวคนอื่นเดินเข้ามาเห็น
ไม่กี่นาทีก่อน ทุกคนยังสลอนกันอยู่ในครัว เธอเองที่ออกปากให้ทุกคนกลับไปพักเพราะเกรงใจที่ทำงานกันมาทั้งวันยังมาช่วยเธอทำขนม
แต่ตอนนี้เธออยากตะโกนเรียกให้ทุกคนกลับมาจริง ๆ
หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้า
ปกติเวลาหลังอาหารมื้อเย็น เมื่ออรรถกับลินดารับประทานอาหารเสร็จแล้ว คนในครัวก็จะช่วยกันเก็บล้างทำความสะอาดและแยกย้ายกันไปพักผ่อนห้องใครห้องมัน ถือว่างานวันนั้นได้เสร็จสิ้น
แต่วันนี้ ทั้งแม่ครัว แม่บ้าน และคนงานทุกคนที่พักอยู่ที่เรือนเล็กด้านหลัง มาออกันอยู่ในครัวเพื่อช่วยลลิตราทำขนม
“ป้าเดือนคะ ไม่ต้องช่วยลูกอมจริง ๆ ลูกอมทำเองได้”
ลลิตราพยายามบอก
“ปกติลูกอมก็ทำเองนะคะ แล้วป้ากับคนอื่น ๆ ก็ทำงานกันมาทั้งวันแล้ว ลูกอมไม่รบกวนหรอกค่ะ นี่พูดจริง ๆ นะคะนี่”
ป้าเดือนกำลังจะอ้าปากตอบ แต่หลานสาวที่เป็นผู้ช่วยแม่ครัวนามว่าน้ำค้างพูดขึ้นมาก่อน
“คุณเขาก็พูดถูกนะป้า เขาจ้างเรามาทำอาหารให้คุณท่าน ไม่ได้จ้างให้มาช่วยใครทำขนม แทนที่จะได้พัก...”
“ก็ถ้าเอ็งอยากพักก็กลับไปพักสิ ใครว่าอะไรล่ะ”
ป้าเดือนตอบหลานสาวเสียงดุ
“พวกเอ็งทุกคนก็เหมือนกัน ข้าไม่ได้เกณฑ์ให้มาช่วยคุณหนู วันนี้ข้าแค่ว่าง ๆ แล้วก็ยังไม่ง่วงไม่เหนื่อย ก็เลยอยากอยู่ดูว่าคุณหนูเค้าจะทำอะไรยังไง ใครไม่อยากอยู่ก็กลับไปสิวะ ใครจะห้าม”
“งั้นฉันไป”
น้ำค้างบอกก่อนจะเดินออกจากครัว ไม่สนใจอะไรใครทั้งนั้น
ป้าเดือนก็ไม่สนใจหลานสาวแท้ ๆ คนนี้เหมือนกัน หันมาช่วยลลิตราเช็ดและเจียนใบตองต่อ
“ป้าไม่ได้ทำขนมกินแบบนี้มานานแล้ว เมื่อก่อนสมัยอยู่บ้านล่ะทำบ่อย”
“หมายถึงบ้านที่ไหนหรือคะ”
ลลิตราชวนคุย แม่ครัวคนอื่น ๆ ที่อาบน้ำอาบท่าแล้วก็นั่งพับเพียบแปล้คอยช่วยอยู่ใกล้ ๆ ไปด้วย
“ลำพูนจ้ะ นี่ก็คนลำพูนกันเกือบทั้งหมดเลยนะ ป้าก็คนลำพูน ไอ้ดาวนั่นก็น้องชายป้ามาด้วยกัน ไอ้น้ำค้างนั่นก็หลาน ลูกพี่ชาย ส่วนน้ำตาลนี่ก็ญาติ...”
ป้าเดือนแนะนำทุกคนที่อยู่ในครัวตอนนั้นอีกรอบ น้ำตาลส่งยิ้มมาให้ ไม่กี่วันที่เจ้านายคนใหม่มาอยู่ที่นี่ ก็มีน้ำตาลนี่แหละที่กลายเป็นคนสนิทที่สุดของคุณลินดาไปเสียแล้ว
“สาว ๆ ป้าเคยทำขนมขาย ทำได้แทบทุกอย่างเลยนะ ดีจริงไม่คิดว่าสาว ๆ อย่างคุณหนูก็จะทำขนมขายเหมือนกันด้วย”
“หนูขายทางออนไลน์ค่ะ”
หญิงสาวบอก น้ำตาลจึงหันไปบอกคนเป็นป้าว่าหมายถึงสั่งซื้อได้ทางโทรศัพท์ อย่างที่ป้าฝากให้เธอทำอยู่ทุกเดือนนั่นแหละ
“แล้วใครมาซื้อหรือคะ”
เด็กสาวถามอย่างสงสัย
“ส่วนใหญ่ก็เป็นโรงเรียน บริษัท หน่วยงานราชการอะไรพวกนี้จ้ะ เขาสั่งทีละร้อย ๆ ชุดอย่างที่เห็นนี่แหละ เอาไปเป็นขนมกินตอนเบรกประชุมอะไรแบบนี้”
ลลิตราตอบพลางมือก็พับกระทงใบตองไปพลาง
กลิ่นหอมของกะทิกับเผือกข้าวโพดนึ่งหอมตลบอบอวลไปทั้งครัว ออเดอร์วันพรุ่งนี้คือตะโก้เผือกและตะโก้ข้าวโพด ส่วนน้ำอัญชันมะนาวและน้ำตะไคร้ก็ต้มเสร็จแล้วแค่รอให้เย็นแล้วค่อยกรอกลงขวดใบเล็กขนาดน่ารัก
“แล้วป้าเดือนยังจำสูตรขนมได้ไหมล่ะคะ”
“จำได้สิคะคุณหนู ไม่มีลืมหรอก ถ้าให้ทำอีกก็ทำได้”
“ดีจัง” ลลิตรายิ้มดีใจ “คราวหน้าถ้าลูกอมคิดไม่ออกว่าจะทำอะไรใหม่ ๆ ก็มาถามป้าดีกว่า สูตรที่ลูกอมทำก็จำ ๆ ดู ๆ มาจากในอินเทอร์เน็ต ถ้าได้สูตรจากคนรุ่นเก่า ๆ น่าจะอร่อยกว่าเยอะ”
“เขาบอกว่าพี่แก่แน่ะ”
น้าเดือนที่นั่งกินข้าวอยู่ด้านหลังเพราะมาทีหลังคนอื่นเอ่ยขึ้นมา เลยโดนพี่สาวแท้ ๆ ที่เป็นหัวหน้าแม่ครัวด่ากลับไปหนึ่งทีเป็นภาษาเหนือ
เสียงหัวเราะในครัวฟังแล้วครื้นเครง ลลิตราทำขนมเผื่อทุกคนในบ้านด้วยเพราะถึงอย่างไรตอนนี้เธอก็ไม่ต้องห่วงเรื่องค่ายาของแม่ สามารถทำเกิน ๆ เพื่อแบ่งคนที่บ้านกินได้
แต่จู่ ๆ เสียงหัวเราะก็หยุดชะงักเมื่อใครบางคนเดินเข้ามาในครัว คนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยลงมาเหยียบที่นี่
“คุณอาร์ต...จะรับอะไรหรือคะ”
ป้าเดือนรีบเอ่ยถาม ลลิตราที่นั่งหันหลังให้ตัวแข็งขึ้นมาทันที สักพักก็ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มตอบ
“มาหาป้าเดือน ไม่อยู่เหรอ”
“ป้าเดือนแกลากลับสุโขทัยไปเมื่อเช้านี้ค่ะ ไปช่วยงานบวชหลาน อีกสองสามวันถึงจะกลับ คุณหนูจะให้ป้าทำอะไรให้ทานไหมคะ”
หัวหน้าแม่ครัวถามอย่างใส่ใจเพราะคิดว่าที่เจ้านายลงมาถึงที่นี่คงเพราะหิว เพราะเมื่อมื้อเย็นอธิปยังไม่กลับบ้าน
ชายหนุ่มยังไม่ตอบ แต่เดินเข้ามาในครัวช้า ๆ ทุกคนนิ่งเงียบและก้มหน้าก้มตา นอกจากป้าอ้อม น้าดาว กับป้าเดือนที่อยู่ที่นี่มานานกว่าใคร ก็ไม่มีใครคุ้นเคยกับชายหนุ่มนัก
ยิ่งสามเดือนที่อธิปเพิ่งกลับมา ก็ปะทะคารมกับคุณอรรถไปแล้วไม่รู้กี่ครั้ง พวกเด็ก ๆ แม่บ้านแม่ครัวจึงค่อนข้างหวาด ๆ คุณอาร์ต แม้ว่าตอนแรก ๆ จะตกตะลึงในความหล่อของเจ้านายหนุ่มลูกครึ่งก็ตามที
“แล้วนี่ทำอะไรกันอยู่ ที่บ้านจะมีงานหรือไง”
“เปล่าหรอกค่ะ กำลังช่วยคุณหนูลูกอมทำขนมค่ะ”
“ทำไปทำไม”
อธิปถามเรียบ ๆ แต่น้ำเสียงไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย
“ทำขาย” หนนี้ลลิตราเป็นฝ่ายตอบเอง ห้วน ๆ และไม่มองหน้าเขา
“แล้วไง เธอจ่ายเงินจ้างแม่ครัวของบ้านฉันให้มาช่วยเธองั้นเหรอ”
“เปล่า พวกเขามาช่วยด้วยน้ำใจ”
หนนี้เธอเงยหน้าขึ้นมองตอบเขา แววตาเริ่มจะเอาเรื่อง
“อ้างคำว่าน้ำใจ แต่ความจริงคือขูดรีดแรงงาน ใช้งานฟรี พวกนี้เขาทำงานกันมาทั้งวันแล้วยังต้องมาช่วยเธอทำงานส่วนตัวอีกสินะ”
“พวกป้าอาสาเองค่ะคุณอาร์ต ป้าอาสาเอง”
ป้าเดือนรีบบอกก่อนสองคนจะเถียงกันไปมากกว่านี้ แต่อธิปไม่ยอมด้วย
“ผมรู้ป้ามีน้ำใจ แต่วันนี้ถือว่าผมขอ... ให้ลูกสาวคนใหม่ของพ่อผมเขาได้เรียนรู้ซะบ้างว่า แค่มาอยู่ที่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขามีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ เพราะเขาไม่ได้เป็นคนจ่ายเงินเดือน”
“ค่ะ ค่ะ คุณลูกอมไม่ได้ขอหรอกค่ะ ป้าดื้อจะช่วยเอง...”
ป้าเดือนยังพยายามจะอธิบายต่อ แต่น้าดาวที่รีบอิ่มข้าวทันทีค่อย ๆ ย่อตัวเข้ามาสะกิดพี่สาว
คนอื่น ๆ ที่เหลือก็เริ่มเลิกลั่ก ไม่รู้จะทำตัวยังไงให้ถูกใจลูกชายคนจ่ายเงินเดือน
“ทุกคนกลับไปพักได้แล้ว เดี๋ยวตรงนี้ผมจะอยู่ช่วยน้องสาวผมเอง”
“เอ่อ...”
ป้าเดือนยังลังเล แต่เมื่อน้องชายสะกิดอีกรอบบวกกับเริ่มรับรู้ถึงสีหน้าบึ้งตึงของนายจ้างอย่างอธิป หนึ่งนาทีต่อมาทุกคนก็หายหน้ากลับเรือนพักไปจนหมด
เหลือเพียงชายหนุ่มกับหญิงสาวอยู่ในครัวกันตามลำพัง
ลลิตราไม่แลเขา กระทงพับเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว เหลือแค่ตักเนื้อข้าวโพดที่กวนรอไว้แล้วใส่ไปในกระทงแล้วค่อยหยอดกะทิปิดท้ายเท่านั้น เธอลุกขึ้นไปที่เตา เปิดหม้อข้าวโพดกวนที่ยังระอุอยู่
“เอ๊ะ!”
หญิงสาวอุทานเมื่อจู่ ๆ เงาดำ ๆ สูง ๆ ปราดมาใกล้ ลลิตราสะบัดทัพพีออกไปด้วยสัญชาติญาณ เสียงโลหะกระทบพื้นดังแกร๊ง เนื้อข้าวโพดอุ่นจัดเปรอะเลอะแขนข้างหนึ่ง เธอรีบตรงไปที่ก๊อกน้ำแล้วเปิดล้างทันที
อธิปขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูจากไออุ่น ๆ ที่ลอยจากหม้อก็พอเดาอุณหภูมิได้ เขาก้าวยาว ๆ แค่สองก้าวก็ไปยืนอยู่ข้าง ๆ เธอที่อ่างล้างมือ
ลลิตราผงะหนีเขาอีกรอบ แต่หนนี้เขาจับข้อมือเธอไว้ทันและไม่ยอมปล่อยโดยง่าย
“นาย! ปล่อยนะ”
“ไม่ต้องโอเวอร์แอ็กติ้ง ฉันแค่จะดูแขน มันร้อนไม่ใช่หรือไง”
“เรื่องของฉัน!”
“ประเดี๋ยวเธอก็จะตีหน้าเศร้าเล่าให้พ่อฉันฟังอีกว่าเจ็บตัวเพราะฉันอีกแล้ว เพราะงั้นเอามือมานี่ มาให้ฉันดูเดี๋ยวนี้”
เขาสั่งด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดและเริ่มโมโห ลลิตรายื้อยุดแต่แค่มือข้างเดียวของเขาก็มีกำลังมากกว่าเธอพยายามออกแรงทั้งตัวเสียอีก
“แขนเธอโดนลวกนี่”
คิ้วเข้ม ๆ ของอธิปขมวดยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นเนื้อขาวผ่องเริ่มมีรอยปื้นแดงจาง ๆ ลลิตรากำลังจะสั่งให้เขาปล่อยแขนเธออีกครั้งแต่ก็พลันชาวาบเหมือนโดนไฟช็อต... เร็วเหมือนโดนตัวอะไรฉก เมื่ออธิปดึงแขนเธอขึ้นไปจรดริมฝีปากเขา แล้วแลบเลียข้อมือแดง ๆ นั้นอย่างอ้อยอิ่ง
ลลิตราช็อกตาตั้ง
“ไอ้บ้า! ปล่อยนะ”
“ฉันปฐมพยาบาลเธออยู่นะ”
เขาเอ่ยอีก และครั้งนี้จงใจตวัดลิ้นสากลากผ่านข้อมือบางอย่างเน้น ๆ
ลลิตราทนไม่ไหวแล้ว เธอเต้นเร่า ๆ เพื่อให้เขาปล่อยมือจากแขนเธอ
แต่อธิปออกแรงอีกเพียงนิดเดียว เธอก็ไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว และก่อนจะทันรู้ตัว จมูกโด่งแหลมก็ก้มลงมาเฉียดขมับ เสียงกระซิบของเขาดังชัดอยู่ข้างหู
“ตัวเธอหอมขนม...น่ากินดีจัง”
ลลิตราหูอื้อไปหมดแล้ว เธอรวบรวมกำลังใจเฮือกสุดท้าย ยกเท้าขึ้นแล้วกระทืบเท้าเขาไปเต็มแรง มันได้ผลเพราะอธิปยอมปล่อยมือทันที... เมื่อเป็นอิสระลลิตราก็วิ่งออกจากห้องครัว เรื่องขนมเอาไว้ก่อน ตอนนี้คือเธอต้องเอาตัวออกมาให้ห่างไอ้คนลามกจกเปรตนี่ นี่เธอต้องตัดแขนทิ้งเลยมั้ย มันจะติดเชื้อหรือเปล่า...ลลิตราโวยวายในใจระหว่างที่วิ่งเตลิดหนีหายไป
ในห้องครัว อธิปเผลอเลียริมฝีปาก หัวเราะหึ ๆ เขาสูดหายใจลึกตั้งสติอยู่สองสามนาทีก่อนจะเดินไปเคาะประตูเรียกหาป้าเดือนอีกรอบ
“คะคุณอาร์ต?”
ป้าเดือนที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่กับน้ำตาลรีบเปิดประตูออกมาทันที
“คุณหนูลูกอมของป้าคงปวดหัวหรือไม่ก็ปวดท้อง ปวดฟัน วิ่งกลับเข้าบ้านไปหายาแล้ว...”
“อ้าวแล้ว...”
“ป้ากับเด็ก ๆ ไปช่วยกันทำที่เหลือให้เสร็จได้ไหม ไม่งั้นยัยนั่นไม่มีของไปส่งลูกค้าโดนฟ้องตายเลย ป้าทำเป็นใช่ไหม”
“เป็นค่ะ ทำได้ค่ะ เอ...แกเป็นอะไรไปนะเมื่อกี้ยังดี ๆ แท้ๆ”
อธิปไม่ตอบ ตายังเป็นประกายรื่นเริงมุมปากเผลอยกยิ้มเล็กน้อยตอนที่ล้วงกระเป๋าเสื้อและกางเกง ได้แบงค์ยู่ยี่กับเหรียญมากำนึงส่งใส่มือป้าเดือน
“ช่วยหน่อยก็แล้วกันนะครับ เดี๋ยวผมจ่ายทิปพิเศษให้...ทำไงก็ได้ให้มีของส่งลูกค้าพรุ่งนี้”
“ได้ค่ะคุณอาร์ต ป้าทำได้ ไม่ต้องให้เงิน...”
“รับไปเถอะครับ ผมมีติดตัวแค่นี้ เดี๋ยวผมเอามาให้อีก...ขอบคุณนะครับป้า”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่มไพเราะเป็นครั้งแรกกับป้าเดือน ผู้สูงวัยถึงกับงงงันไปครู่ เพิ่งรู้ว่าคนเย่อหยิ่งอย่างคุณอาร์ตคนนี้ก็ทำเสียงอ่อนเสียงหวานแบบนี้ก็เป็น
กิตติทัศน์มาหาจริงๆ แต่กะเวลาไว้พอดีคือตอนที่งานเลี้ยงเลิกแล้ว เพราะตั้งใจจะอาสาไปส่งสามสาวที่บ้าน อมาวสีที่ทนมองหน้ารุ่นพี่คนที่เคยนอกใจเพื่อนของเธอไม่ได้ จึงขอตัวนั่งรถเมล์กลับก่อนกันตายอมขึ้นรถกิตติทัศน์เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นญาติ มีศักดิ์เป็นพี่ชาย และเขาบอกว่าจะแวะไปหาพ่อกับแม่ของเธอด้วย"ลูกอม ไปเถอะ พี่ไปส่ง ฝนทำท่าจะตกแล้ว ขึ้นแท็กซี่ถ้าฝนไปตกกลางทาง รถติดอีก"ชายหนุ่มเอ่ยเป็นการเป็นงาน กันตามองหน้าเพื่อนตาปรอยๆ สุดท้ายลลิตราจึงจำใจยอมขึ้นรถไปด้วยแต่เมื่อคาดเข็มขัดนิรภัยและรถเคลื่อนตัวแล้ว เธอก็พูดออกมาตรงๆ"เกี๊ยวบอกว่าพี่ติจะมาขอโทษ?"กิตติทัศน์หันหน้ามาแวบนึง ท่าทางตกใจและแปลกใจ กันตาที่นั่งเบาะหลังมองออกไปนอกหน้าต่าง ทำไม่รู้ไม่ชี้อึกอักอยู่ครู่ ชายหนุ่มจึงยอมรับ"ใช่...ใช่ครับ""ก็ขอโทษไปแล้ว จะขอโทษอะไรกันบ่อย ๆ คะ"น้ำเสียงไม่ถึงกับกระด้าง แต่คนฟังก็ย่อมรู้ตัวว่าคนพูดไม่พึงพอใจนักกิตติทัศน์กลืนน้ำลาย"ที่จริง พี่อยากคุยกับลูกอมสองคน"กันตาหันขวับมาทันที หน้าเหวอ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ลลิตราก็พูดขึ้นมาก่อน"เกี๊ยวมันก็เพื่อนหนู น้องสาวพี่ ไม่มีอะไรที่พี่ติพูดกับลูก
พายุยังไม่เคลื่อนผ่าน พยากรณ์อากาศบอกว่าฝนยังจะตกหนักอีกหลายวัน แต่ในความมืดมนของท้องฟ้านั้น ครอบครัววรเศรษฐกุลกลับสว่างไสวด้วยข่าวดีเพราะชลธิชาให้กำเนิดบุตรสาวคนแรกอย่างปลอดภัยในโรงพยาบาลเอกชนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง"เป็นตาคนแล้วนะ แถมยังได้หลานสาวด้วย เลิกเจ้าชู้ได้แล้ว"วิภาเอ่ยลอยๆ ชาญหัวเราะเบาๆ ไม่ตอบว่ากระไร อาจเพราะมัวแต่ปลื้มอกปลื้มใจหลานตาคนแรกนี้คนนี้กิตติทัศน์ก็ดีใจไม่น้อย ความรู้สึกของการเป็นพ่อคนที่เขาเพิ่งเคยได้สัมผัส ทว่าเพราะลูกสาวของเขาเกิดในตระกูลมหาเศรษฐี แทบจะมีพี่เลี้ยงคอยรับใช้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ลืมตาดูโลก ไหนจะแม่ยายอย่างวิภาที่คอยประกบทั้งลูกและหลานไม่ห่าง จนเหมือนทุกคนลืมเว้นพื้นที่ให้กิตติทัศน์ได้แสดงบทบาทความเป็นพ่อและสามี...ชายหนุ่มออกมาหากาแฟดื่มแก้เซ็ง ชลธิชาเพิ่งให้นมลูกและหลับไปแล้วด้วยความอ่อนเพลีย อีกหลายชั่วโมงกว่าเธอจะตื่น แม่ยายเขาไล่ให้เขากลับไปอาบน้ำอาบท่าที่บ้านทั้งที่เขาก็อยากอยู่ใกล้ๆ ยัยหนูลูกสาวของเขาเหมือนกัน..."เฮ้อ..."เซลล์หนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้ตัว อดคิดไม่ได้ว่าในเมื่อชลธิชาก็ไม่จำเป็นต้องมีเขาอยู่ข้างๆ เธอก็ได้...ถ้าในอนาคตจะหย
ณ ประเทศสิงคโปร์โชติรสสวมแว่นตาดำปิดบังเกือบครึ่งของใบหน้า เดินมาที่ห้องพักชั้นบนของโรงแรมหรูแห่งหนึ่งย่านมารีน่าเบย์ แม้ค่อนข้างแน่ใจว่าจะไม่เจอคนรู้จักที่นี่ แต่เธอก็อดใจเต้นแรงไม่ได้อยู่ดี...เมื่อกดกริ่งเรียกคนด้านใน อึดใจเดียวประตูก็แง้มออก หญิงสาวก้าวเข้าไปเพียงสองก้าว ประตูก็ปิดตามหลังและโดยไม่ทันตั้งตัวใครที่รออยู่ก็ผลักเธอเข้ากับผนังห้องแล้วระดมจูบอย่างหิวกระหายโชติรสชะงักไปเพียงเสี้ยววินาที แต่วินาทีต่อมาเธอก็ยกแขนโอบรอบคอเขาแล้วจูบตอบอย่างร้อนแรงพอกัน...ก็ทั้งคู่นัดกันเพื่อสิ่งนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง...จังหวะหนึ่งที่บานกระจกในห้องสะท้อนเงาสองร่าง เผยให้เห็นว่าผู้ชายที่กำลังโรมรันพันตูอยู่กับโชติรสนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เขาคือซีอีโอคนใหม่ของสยามเจ็ต...ภพธร...* * * * "พ่อจะไม่อยู่ตั้งสามอาทิตย์ แกแวะมาดูบ้านบ้างสิอาร์ต"อรรถเอ่ยกับลูกชายคนโตทางโทรศัพท์ เกือบสองสัปดาห์แล้วที่ไม่เห็นหน้าอธิปเลย อีกไม่กี่วันเขาจะเดินทางไปยุโรปกับลินดา จึงโทรไปบอกลูกชายให้รับทราบไว้"ให้ป้าอ้อมดูแลไปสิฮะ หรือไม่ก็...ลูกสาวของพ่อไง หรือว่ายัยลูกอมก็ไปด้วย""เปล่า ลูกอมไม่ได้ไป พ่อกับน้าลินดาไปก
"โอม! กูมึงชอบมึงไงเข้าใจปะ กูชอบมึงตั้งแต่วันรับน้องแล้ว กูไม่สนแล้วว่ามึงจะคิดยังไงเพราะกูแค่อยากบอกว่ากูชอบมึง กูโคตรชอบมึงเลย จบนะ!"พูดจบก็ลุกพรวดจะเดินหนีไป แต่โอมคว้าแขนไว้ก่อน และเขาหัวเราะออกมาจริงๆ เป็นเสียงหัวเราะแบบที่น้ำแข็งจำไม่ได้เลยว่าเคยเห็นเขาหัวเราะแบบนี้เธอหันไปมองเขาอย่างโกรธๆ แต่สีหน้าของโอมตอนนี้กลับยิ้มเต็มหน้าและดวงตา"นี่ถึงกับพูดมึงกูเลยเหรอ นี่ชอบจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย""เออ! ชอบ! และกูก็จะไม่พูดเพราะๆ กับมึงแล้ว กูเหนื่อย กูขี้เกียจเก๊ก""ก็ไม่เห็นต้องเก๊กเลย น่าจะพูดแบบนี้มาตั้งนานแล้ว""พูดแบบไหน?""ก็แบบที่เป็นตัวของตัวเอง แล้วก็..."โอมปล่อยมือ กระแอมแล้วมองไปทางอื่น เหมือนหูเขาจะแดงขึ้นมาเล็กน้อย"แล้วก็อะไร?""แล้วก็...น่าจะบอกออกมาตั้งนานแล้วปะ""อ้าว...แล้วแกไม่รู้รึไง?""รู้ ใครจะไม่รู้วะ แต่แค่อยากได้ยินปะ"โอมพูดออกไปแล้วก็กระแอมอีกรอบ คราวนี้ไม่ใช่แค่หูที่แดงแต่ลามมาที่หน้าและคอ เขาเหลือบมองหน้าน้ำแข็งนิดๆ น้ำแข็งอ้าปากเหมือนจะพูดแต่พูดไม่ออก หน้าตายังงงมากกว่าจะเขิน "เออ ความรู้สึกช้าแบบนี้นี่ไง ถึงได้ไม่รู้อะไรสักที"พูดจบเขาก็เดินกลับเข้าโรงยิม
พนักงานสยามเจ็ตตื่นเต้นกับว่าที่ซีอีโอคนใหม่มาก เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีใครรู้เลยว่าใครจะมานั่งเก้าอี้นี้แทนอรรถ...หนึ่งในคนที่ตื่นเต้นและแปลกใจที่สุดคงไม่พ้นโชติรสและพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่เคยได้ให้บริการ "คุณเจย์" ภพธร มาก่อนโดยที่ตอนนั้น"เจอกันอีกแล้วนะครับ"บรรดาแอร์โฮสเตสสาวยิ้มปลื้มที่ซีอีโอคนใหม่จดจำพวกเธอได้"เสียดายเนาะที่มีเมียแล้ว" อีกคนพูดเพราะไปสืบมาแล้วว่าภพธรหรือคุณเจย์แต่งงานแล้ว แม้ไม่รู้ว่าใครคือผู้หญิงหรือผุ้ชายผู้โชคดีคนนั้นก็ตามโชติรสก็เผลอนึกเสียดายเหมือนกัน ทั้งที่เธอไม่มีเหตุผลให้คิดแบบนั้นเลย แต่ไม่ว่าจะรู้สึกกับซีอีโอคนใหม่อย่างไร หญิงสาวก็เก็บมันไว้ในใจอย่างแนบเนียน* * * * *"โอม ช่วงนี้ได้เจอพี่อาร์ตเขาบ้างหรือเปล่า"อรรถถามลูกชายระหว่างกินอาหารเช้าด้วยกันก่อนที่โอมจะไปมหาวิทยาลัย เด็กหนุ่มส่ายหน้า"ไม่เลยครับ""อืม เห็นช่วงก่อนกลับมากินข้าวที่บ้านบ่อยๆ จู่ๆ ก็หายไปอีก...คงแล้วแต่อารมณ์เขาล่ะมั้ง"อรรถถามเองตอบเอง เขาเข้าใจว่าลูกชายคนโตเป็นคนอารมณ์แปรปรวน นึกจะมาจะไปก็คงเอาแน่เอานอนไม่ได้...นี่ถ้าฝากฝังให้ดูแลบริษัทจริงๆ จะทำปั่นป่วนไหมนะ..."โอม...
"นายก็ไม่ได้ดีไปกว่าแฟนเก่าฉันหรอก เห็นแก่ตัวเหมือนกัน คิดเข้าข้างตัวเองเหมือนกัน และก็...ตอแยฉันไม่เลิกเหมือนกัน""ฉันไม่ได้..."อธิปนึกอยากจะเถียง แต่จำนนด้วยหลักฐาน เขายอมปล่อยมือออกจากเอวบางอย่างเสียดายแต่ยังไม่ยอมก้าวห่างไปไหน "ฉันไม่เหมือนแฟนเก่าเธอ เพราะฉันยังไม่มีพันธะอะไรกับใคร""คุณโชติรสได้ยินแบบนี้เธอคงยิ้มดีใจสินะ""ฉันกับโช เราไม่ได้จริงจังอะไรขนาดนั้น"อธิปแก้ตัว แล้วเขาก็รู้สึกรังเกียจตัวเองขึ้นมานิดๆ ทันทียังไม่นับว่าตอนนี้ลลิตราก็มองมาด้วยความรู้สึกเดียวกัน...เขามันทุเรศจริงๆ"ช่างฉันเถอะ ฉันมาคุยเรื่องของเรา...อย่าบอกนะว่าเธอไม่เคยรู้สึกกับฉันเลยสักครั้ง..."อธิปยังดื้อดึง ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นแตะริมฝีปากคนตรงหน้ารวดเร็วจนเธอผงะหนีแทบไม่ทัน"เธอรู้สึก ฉันดูออก... ไม่ต้องอายหรอกเพราะฉันก็รู้สึก ฉันแทบบ้าที่รู้ว่าเธออยู่ใกล้แค่นี้แต่ทำอะไรไม่ได้...และฉันไม่คิดจะอดทนอีกต่อไป เธอ...ลูกอม...แฟนเก่าเธอมันแต่งงานไปแล้ว แต่ฉันยังว่าง ฉันให้เธอได้ทุกอย่างขอแค่เธอ..."อธิปละไว้ในฐานที่เข้าใจ ลลิตราแค่นหัวเราะ "นายนี่มันเหลือเชื่อจริงๆ""แล้วมันแปลว่าอะไรล่ะ เยส หรือ โน""แป