LOGINลลิตราถูกตั้งแง่รังเกียจแค่เพราะแม่ของเธอแต่งงานใหม่กับมหาเศรษฐี -- เธอถูกลูกชายพ่อเลี้ยงที่ชื่อว่า "อธิป" เหยียดหยามต่างๆ นานา แต่กลับเป็นตัวเขาเองนั่นแหละที่หาเรื่องเข้าใกล้เธออยู่เรื่อย นิสัยไม่ดีแถมยังปากกับใจไม่ตรงกัน เกลียดแบบใดถึงได้เอะอะกอดเอะอะจูบ จนเธอตัวช้ำไปหมดแล้ว **พระเอกเหมือนจะธงแดงแต่จริงๆ เขียวคลั่งรัก** **นอกจากความรักพระนาง ก็ยังมีดราม่าครอบครัวเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคนที่ชอบนิยายโรมานซ์ดราม่านะคะ
View Moreคืนนั้นพายุฝนโหมกระหน่ำ
แม้แต่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่มั่นคงและแข็งแรง เสียงฝนฟ้าก็ยังคำรามลอดเข้ามาไม่ขาดสาย ลลิตรา...นอนตัวเย็นเฉียบอยู่บนเตียงกว้าง น้ำตาไหลเปียกหมอน ผ้าปูเตียงสีขาวปรากฏร่องรอยสีเข้ม... เมื่อสติกลับมา เธอก็รู้สึกอดสูจนไม่กล้าแม้แต่จะสะอื้น กระทั่งมือร้อนผ่าวของใครคนหนึ่งแตะตัวเธออีกครั้ง ลลิตราหรือลูกอมก็สะดุ้งเบา ๆ "ไปตายซะ" เสียงแหบเครือแข็งกร้าว แต่เจ้าของร่างสูงใหญ่ที่แน่นตึงไปด้วยมัดกล้ามก็ไม่สะทกสะท้าน เขายังคงดึงร่างบางไปกอดแนบตัว เธอพยายามออกจากวงแขนแข็งแรงแต่ไร้ผล หนำซ้ำยิ่งดิ้นรนยิ่งเสียดสี ก็ยิ่งกระตุ้นให้อะไร ๆ ที่เพิ่งสลดกลับลุกโลดขึ้นมาอีก “ครั้งแรกอาจเป็นเพราะฉัน แต่ครั้งที่สองนี่เธอหาเรื่องเองนะ” อธิปกระซิบเสียงแตกพร่า แค่คิดถึงสัมผัสรัดรึงที่แสนอ่อนนุ่มเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาก็ทำให้เขาร้อนวูบขึ้นมาอีกครั้ง “ไม่นะ หยุดเถอะ พอได้แล้ว” “จะพออะไร ฉันยังเหลือแรงสะสางกับเธออีกทั้งคืนนั่นแหละ” “ไม่นะ ฉันไม่...” หญิงสาวขอร้องเสียงสั่น ส่ายหน้าไปมา น้ำตาและเรือนผมสีน้ำตาลเข้มกระจายแผ่บนหมอน พยายามทุบถองจิกตีเพื่อไม่ให้ผู้ชายสารเลวคนนี้ทำอะไรได้ตามอำเภอใจอีก แต่อธิปไม่คิดจะหยุดยั้งแม้แต่น้อย ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยมีอะไรที่เขาอยากได้แล้วไม่ได้... และอย่างที่เขาเพิ่งประกาศกร้าวกับเธอไป... เขายังเหลือเรี่ยวแรงและเวลาที่จะ 'สะสาง' กับเธออีกทั้งคืน ห้าเดือนก่อนหน้า "อรรถ รชต" ประธานบริหารและเจ้าของสายการบินระดับลักซูรี่ 'ไซแอมเจ็ต(สยามเจ็ต)' ในวัยห้าสิบปลาย ๆ ยังคงหล่อเหลา แข็งแรง และดูหนุ่มกว่าวัย ใบหน้าคมเข้มเหมือนมีสายเลือดแขกเปอร์เซียผสมเชื้อสายตะวันตก และตอนนี้ใบหน้านั้นก็กำลังยิ้มกว้างด้วยความสุขที่ฉายชัดจนคนรอบข้างสัมผัสได้ "ยินดีต้อนรับสู่บ้านรชตนะลินดา หนูลูกอมด้วย... จากนี้ที่นี่คือบ้านของหนูกับแม่แล้วนะ" อรรถหันไปเอ่ยกับหญิงสาวต่างวัยสองคนที่เดินตามเข้ามา คนหนึ่งอายุใกล้เคียงกับเขาคือห้าสิบกว่า ๆ ส่วนอีกคนนั้นอายุประมาณยี่สิบต้น ๆ หญิงทั้งคู่มีดวงตาหวานซึ้งสีน้ำตาลเข้ม สีเดียวกับเรือนผมหยักศก และจมูกโด่งปลายโค้งมนนิด ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ มองดูปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นแม่ลูกกัน "บ้านของคุณค่ะอรรถ ฉันกับลูกแค่มาอาศัยอยู่" ลินดาเอ่ยเบา ๆ อย่างเกรงใจ แต่อรรถส่ายหน้า "เราจดทะเบียนกันแล้ว ถึงคุณจะไม่ยอมให้ผมจัดงานเลี้ยง แต่เราก็เป็นสามีภรรยากันแล้วอย่างถูกต้อง..." อรรถบอกก่อนจะยืดตัวขึ้นแล้วหันไปประกาศกับเหล่าแม่บ้าน คนสวน คนขับรถ คนงานทุกคนที่ทำงานที่บ้านหลังนั้น "อย่างที่ฉันเคยบอกไปแล้วว่าคุณลินดาจะมาเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้ และนี่คือคุณหนูลูกอม ลูกสาวของคุณลินดา เธอก็จะเป็นลูกสาวของฉันอีกคนเหมือนกัน... ฝากดูแลลูกกับเมียของฉันด้วยนะ" "ค่ะ/ครับ" มีเสียงตอบรับงึมงำจากเหล่าลูกจ้าง บางสายตาแสดงความสนอกสนใจ บางสายตาก็ก้มหรือแกล้งมองไปทางอื่น แต่ก็มีคนที่ค่อนข้างสูงวัยสองสามคนที่มองมาอย่างตื่นเต้น ลลิตรารู้ว่าพวกเขาไม่ได้สนใจเธอ เป็นมารดาของเธอต่างหากที่พวกเขาจดจำได้... ใครก็ตามที่ตอนนี้อายุสี่สิบห้าสิบขึ้นไปล้วนจดจำ "ลินดา เมธานันท์" ได้ทั้งนั้น แม่ของลลิตราเคยเป็นทั้งรองนางสาวไทย เป็นอดีตนางเอกภาพยนตร์ที่ได้ฉายไปทั่วทั้งเอเชีย ครั้งหนึ่งแม่ของเธอเคยมีชื่อเสียงโด่งดังถึงเพียงนั้นนั่นแหละ "ป้าอ้อม จัดห้องใหม่ให้คุณหนูแล้วใช่ไหม" 'คุณหนู' ที่ว่า อรรถหมายถึงลูกเลี้ยงของเขา แม่บ้านที่ท่าทางแข็งขันที่สุดคนหนึ่งพยักหน้าแล้วรีบเอ่ยอย่างเอาอกเอาใจ "เรียบร้อยแล้วค่ะ ป้าให้เด็กทำความสะอาด เปลี่ยนเครื่องนอนใหม่หมด ตอนนี้ห้องหอมฟุ้ง รับรองว่าคุณหนูจะต้องชอบแน่ ๆ ค่ะ" "ขอบคุณนะคะ" ลลิตรารีบเอ่ยกับป้าอ้อม ท่าทางยังไม่คุ้นชินกับการเป็น 'นาย' อรรถกำลังจะบอกให้แม่บ้านพาเด็กสาวขึ้นไปชมห้องใหม่ ก็มีเสียงรถเร่งเครื่องดังทะยานมาจอดหน้ามุกประตู รถสปอร์ตสีเหลืองสดที่คนขับจงใจเร่งเครื่องให้ดังราวกับอยู่ในสนามแข่ง ลลิตราดวงตาเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจะบังเอิญอะไรขนาดนี้ เธอปราดไปยืนข้างลินดา จับมือคนเป็นแม่ไว้ด้วยท่าทีปกป้องตามสัญชาตญาณ ลินดาเงยหน้ามองลูกสาวที่สูงกว่าตัวเองอย่างแปลกใจ "มีอะไรหรือลูก" "รถคันนี้ไงคะที่เฉี่ยวหนูเมื่อสองสามวันก่อน แล้วก็แค่เปิดกระจกรถโยนเงินมาให้" ลลิตรากัดฟันกระซิบเพราะไม่อยากให้อรรถได้ยิน เธอไม่อยากให้พ่อเลี้ยงมีเรื่องไม่สบายใจตั้งแต่วันแรกที่เธอกับแม่เข้าบ้าน ลินดาสีหน้าไม่แน่ใจ "มันจะใช่หรือลูก" "รถแบบนี้ ในกรุงเทพฯ คงมีไม่กี่คันหรอกค่ะ และถ้าคนขับคือหมอนั่น มันก็คงจะใช่" หญิงสาวเอ่ย ดวงตาเปล่งประกายเอาเรื่อง แผลถลอกปอกเปิกตามเนื้อตัวยังปรากฎชัดหลายแผล รวมถึงที่บนใบหน้าสวย ๆ ของเธอด้วย "ถ้าใช่ แม่ขอนะลูกอม" ลินดารีบกระซิบตอบ เห็นชัดว่ากลัวลูกสาวจะเอาเรื่องใครก็ตามที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถคันนั้น คนเป็นลูกเม้มปากกัดกรามแน่นยอมพยักหน้าแกน ๆ อรรถกำลังรอคอยเจ้าของรถคันนั้นอยู่เช่นกัน เขาจึงไม่ทันได้สังเกตอากัปกิริยาของสองแม่ลูก สีหน้าของอรรถดีใจ แม้จะแอบหวั่นใจอยู่บ้างนิด ๆ ใครบางคนดับเครื่องยนต์แล้วก้าวลงจากรถ ก่อนพาร่างสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซ็นติเมตรก้าวยาว ๆ เข้ามาสมทบกับทุกคนที่ยืนอยู่ ใบหน้าขาว ๆ มีแว่นกันแดดสีดำอำพรางไว้ และเมื่อเขาถอดแว่นออกลลิตราก็จดจำได้ทันที 'นี่คุณ ลงจากรถมาเลยนะ ในซอยแคบแค่นี้ขับรถทุเรศ ๆ แบบนี้ได้ยังไง' ลลิตราที่เนื้อตัวเปรอะเลอะไปด้วยน้ำโคลนกำลังโต้เถียงกับคนบนรถสปอร์ตหรู กระจกฝั่งข้างคนขับลดลงเพียงเล็กน้อย แต่ก็มากพอให้เธอเห็นว่าคนขับเป็นผู้ชายและคนนั่งข้างเป็นผู้หญิงสาวสวยเสียด้วย 'ลงมาคุยกันเดี๋ยวนี้เลย เรียกประกันของคุณมา แล้วพาพี่เขาไปโรงพยาบาล' 'ไม่เป็นไรพี่ ผมไม่เป็นอะไร' วินมอเตอร์ไซค์ที่ยังเป็นวัยรุ่นรีบบอก ท่าทางเหมือนเกรงใจรถหรูคันนี้อยู่มาก คงกลัวว่าจะโดนคนรวย ๆ เรียกค่าสีรถสินะ ลลิตราเข้าใจอย่างนั้น และทั้งที่ตัวเองก็เจ็บมีแผลเลือดออก แต่เธอยังหันไปแหวใส่คนบนรถ 'ลงมาสิ ฉันบอกให้ลงมาตกลงกัน' 'อาร์ต เอาไงดี เรียกตำรวจเลยมั้ย' สาวสวยที่นั่งข้างคนขับสีหน้ายุ่งยากรำคาญใจ แต่ชายหนุ่มที่นั่งหลังพวงมาลัยกลับสีหน้าเย็นชาเรียบเฉย ก้มหยิบอะไรบางอย่างก่อนจะชะโงกตัวข้ามสาวสวย แล้วโปรยบางอย่างลงมา ลลิตรากำลังงุนงงตอนที่รถหรูสีเหลืองสดคันนั้นแล่นจากไป ทิ้งไว้เพียงธนบัตรสีเทาหลายสิบใบที่ลอยเกลื่อนอยู่บนแอ่งน้ำขัง หญิงสาวกำลังนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปส่งขนมให้ลูกค้าตอนที่รถหรูคันนั้นขับเบียดมาอย่างเร็วและแรงจนน้ำที่เอ่อขังหลังฝนตกสาดกระเซ็นใส่มอเตอร์ไซค์ รถเล็กเสียหลักล้มไถล เธอกับวินมอเตอร์ไซค์กลิ้งไปหลายตลบ กล่องขนมไทยที่เธอนั่งทำหลังขดหลังแข็งมาทั้งคืนเละเทะทั้งหมด แต่คนบนรถนั่นไม่มีแม้แต่คำว่าขอโทษ... ลลิตราจ้องหน้าเขาเขม็ง เธอพอจะรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร เพราะพ่อเลี้ยงของเธอเคยบอกไว้ว่าท่านมีลูกชายสองคน "กลับมาพอดีเลยนะ สวัสดีคุณน้าลินดาสิ นี่น้าลินดาเขาจะมาอยู่กับเราตั้งแต่วันนี้ไป และนี่น้องลูกอม ลูกสาวของน้าลินดา เขาอายุน้อยกว่าอาร์ตสักสามสี่ปีนี่แหละ..." อรรถแนะนำสมาชิกใหม่ก่อน และหันมาบอกลินดากับลูกสาวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ "คุณลิน...หนูลูกอม... นี่ลูกชายคนโตของลุงเอง ชื่ออาร์ต หนูเรียกพี่เขาว่าพี่อาร์ตได้เลยนะ" "ผมไม่มีน้องสาว""ไม่! ฉันคบกับพี่ต้นแล้ว นายจะมาทำแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว!" คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างหงุดหงิด "ใครอีกล่ะ คราวนี้เธอให้ใครมาเล่นละครอีก" "ครั้งนี้ไม่ใช่ คราวก่อนฉันยอมรับว่าฉันโกหกนาย แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แล้ว" "งั้นเหรอ งั้นคราวนี้มันเป็นใครล่ะ" เขาถามอย่างอดทน ทั้งที่อยากกดเธอลงบนเตียงเต็มทีแล้ว ลลิตราขยุ้มคอเสื้อแน่นโดยอัตโนมัติ ราวกับว่าแค่สายตาของเขาก็จะทำให้เสื้อผ้าเธอหลุดรุ่ยล่อนจ้อนได้ "เขาเป็นรุ่นพี่ของฉันสมัยเรียน ฉันเคยชอบเขามาก่อนแต่ตอนนั้นเราเด็กเกินไปเลยไม่ได้คบกัน ฉันเพิ่งกลับไปเจอพี่ต้นที่ตราด...ใช่ฉันเพิ่งไปเที่ยวทะเลที่ตราดมา โรงแรมนั่นเป็นของพี่ต้น และฉันกับเขาก็...ตกลงเป็นแฟนกัน" อธิปหัวเราะพรืดทั้งที่แววตาไม่ขำด้วยสักนิด ก็เธอเล่นบอกเขาเหมือนท่องเตรียมมาแล้ว "เลิกตั้งแง่ใส่กันเถอะนะลูกอม เราทั้งคู่ก็รู้อยู่แล้วว่าเรารู้สึกยังไงกัน โชติรสไม่ใช่ปัญหาเลย โชก็อยากถอนหมั้นพอ ๆ กับฉันนั่นแหละ แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้เพราะ..." อธิปหยุดไปเล็กน้อย ถอนหายใจ เขาสัญญากับโชติรสว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับ "เอาเป็นว่ามันเป็นเรื่องของธุรกิจ ที่ฉันกับโชยังไม่ถอนหมั้นเพราะมัน
"อาร์ต เมื่อไหร่แม่จะได้รู้จักคู่หมั้นของลูกล่ะ"ออเดรย์ถามขึ้นมาระหว่างที่มือกำลังหั่นสเต๊ก ลลิตราทำเหมือนไม่ได้ยินคำถามนั้น กินอาหารของเธอไปตามปกติแม้จะรู้สึกว่าสายตาของอธิปพุ่งตรงมาที่ตัวเองก็ตามอธิปแทบไม่ชะงักเลยเหมือนกันตอนที่ตอบ"ไม่จำเป็นหรอก เพราะอีกไม่นานผมกับเขาก็จะถอนหมั้นกัน"คราวนี้นายอรรถเงยหน้ามองทันที แม้แต่ลินดาก็ยังอดหันมาด้วยไม่ได้"หมายความว่ายังไง อาร์ต""ตามนั้นแหละครับ"อธิปตอบ ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างใจเย็น และเมื่อเห็นว่าพ่อยังคงจ้องเขาอยู่ เขาจึงขยายความ"ยังไม่เป็นทางการหรอกนะครับพ่อ และยังไม่ได้บอกใคร แต่ผมกับโช เราตกลงกันแล้วว่าถ้าผ่านเรื่องยุ่ง ๆ ไปสักระยะ เราค่อยถอนหมั้นกันเงียบ ๆ""เหตุผล?""เหตุผลก็คือ ผมกับโชไม่ได้รักกันตั้งแต่แรก เราแค่หมั้นกันด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่วันหนึ่งเมื่อทุกอย่างคลึ่คลาย เราก็จะคืนอิสรภาพให้กัน""ตอนลูกมาขอให้พ่อไปสู่ขอเขา ลูกไม่ได้พูดแบบนี้นี่"อรรถอดตำหนิไม่ได้ อาจเพราะเขาเห็นว่าบนโต๊ะนี้ก็มีแต่คนกันเองจึงเผลอพูดออกมา"ผมทราบ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว...เอาเป็นว่าผมกับโชเราคิดตรงกัน ผมไม่ได้ทำร้ายใจเธอ ถ้าพ่อคิดว่าผม
ลลิตรากลับจากตราดพร้อมของฝากเกินสองมือจะถือได้ไหว เมื่อรถแท็กซี่มาจอด คมสันต์ต้องวิ่งลงมาช่วยหิ้วด้วยหลายถุง เธอยอมรับกับตัวเองว่าถ้าเป็นเมื่อก่อน คงไม่สามารถจับจ่ายอะไรได้มือเติบแบบนี้"ฉันซื้อขนมของกินมาฝาก เดี๋ยวคมสันต์แบ่งไปได้เลยนะจ๊ะ"ลลิตราบอก รปภ. หนุ่มรุ่นน้อง คมสันต์ตะเบ๊ะแข็งขัน"ครับผม ขอบคุณครับ""แม่อยู่บ้านใช่ไหมจ๊ะ"เธอถามทั้งที่ก็รู้ว่าลินดาคงไม่ได้มีธุระที่ไหน แม่ของลลิตราไม่ใช่คนชอบเที่ยว แม้อรรถจะคะยั้นคะยอให้ออกไปใช้เงินบ้างแต่ลินดาก็พอใจจะนั่งดูโทรทัศน์อยู่บ้าน และเดี๋ยวนี้หล่อนกลับมาถักไหมพรมอีกครั้งอย่างที่จิตแพทย์เคยแนะนำ เวลาเดียวที่ลินดาจะออกไปห้างสรรพสินค้าก็คือตอนที่จะไปซื้อไหมพรมเซ็ตใหม่ ๆ นั่นแหละ"ครับผม คุณผู้ชายก็อยู่ครับ""คุณอรรถอยู่บ้านงั้นหรือ"ลลิตราแปลกใจเพราะนี่ไม่ใช่วันหยุด ปกติอรรถยังไม่กลับจากบริษัทเลยไม่ใช่หรือ คมสันต์รีบอธิบายต่อ"ตอนแรกมีแขกมาหาคุณผู้หญิงครับ แล้วสักพักคุณผู้ชายก็รีบกลับมา""แขก? มาหาแม่เหรอ""ครับ มาหาคุณลินดาครับ คุณผู้ชายโทรบอกผมเองว่าให้เข้าไปได้"คมสันต์รีบบอกเพราะกลัวจะโดนตำหนิว่าปล่อยคนแปลกหน้าเข้าบ้านโดยพลการลลิต
เดินทางมาถึงตอนที่ 109 แล้ว สำหรับเรื่องพาล แต่ตลอดร้อยกว่าตอนมานี้ ไรต์ยังไม่เคยได้อ่านคอมเมนต์นักอ่านเลยนะเชื่อปะ เป็นไปได้ว่าไม่มีใครอ่าน ๕๕ และยอดวิวก็คงเป็นของไรต์เองนี่แหละที่คลิกเข้ามาอ่านนิยายตัวเองไรต์จะพยายามเขียนให้จบ ถึงมีคนอ่านแค่คนเดียวก็ตาม (แต่อาจช้าหน่อยเพราะต้องไปหาค่าน้ำค่าไฟด้วย) ถ้าได้เจอกันในภายภาคหน้า ฝากนิยายของไรต์ด้วยเช่นเคยนะคะ ขอบคุณค่ะ แวมไพร์ปีกดำ(ลีขิตา).







![เด็กเลี้ยงประธานร้าย [Set Toxic love]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)




reviews