LOGIN"แม่ชีครับ มีคนมาหาครับ"
เด็กลูกวัดเข้ามาบอกจีรานุชอย่างสุภาพ หญิงวัยห้าสิบต้น ๆ กำลังนั่งพับดอกบัวอยู่กับแม่ชีและคนนุ่งขาวห่มขาวอีกหลายคน คงเป็นคนที่มาปฏิบัติธรรมเหมือนกัน
วัดแห่งนี้ค่อนข้างคึกคักด้วยนักท่องเที่ยว ไม่ได้เงียบเหงาอย่างที่อธิปนึกภาพไว้
กระนั้น เมื่อเขาเห็นหน้าจีรานุชที่ลุกเดินออกมาหา ก็ใจหาย...
จีรานุชดวงตาเบิกกว้างอย่างยินดี
"อาร์ต!"
ชายหนุ่มยกมือไหว้เก้ ๆ กัง ๆ
"น้า...แม่ชี..."
"เรียกน้านุชเหมือนเดิมก็ได้จ้ะ"
จีรานุชบอกยิ้ม ๆ ถึงเธอจะโกนผมแต่ก็ถือศีลแปดข้อเหมือนเนกขัมมนารีทั่วไป จะเรียกว่าอะไรก็ไม่เป็นปัญหาหรอก
แม่ชีจีรานุชพาอธิปไปนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ด้านหลังอุโบสถ ที่พลุกพล่านน้อยกว่าบริเวณอื่น ๆ ของวัด
"กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่"
"สามเดือนแล้วครับ"
เขาหมายถึงกลับจากอังกฤษ เพราะแม้จะเรียนจบแล้วอธิปก็ยังแทบไม่กลับไทย เลือกจะใช้ชีวิตสุขสำราญอยู่ต่างประเทศ
"พ่อเขาคงดีใจนะ ที่ลูกชายคนโตกลับมาอยู่ใกล้ ๆ"
"น้านุช...สบายดีไหมครับ"
"ก็ดีจ้ะ สงบใจดี"
แม้จะพูดเช่นนั้น แต่อธิปก็ทันสังเกตเห็นแววหม่นหมองบางอย่างพาดผ่านดวงตาของจีรานุช
มันทำให้เขาคิดว่า ผู้หญิงตรงหน้าแค่กำลังพยายามจะมีความสุข พยายามจะสงบ เพื่อดิ้นรนหนีความเจ็บปวดบางอย่าง...
เขาจะไม่ถาม เพราะรู้ดีว่าความเจ็บปวดนั้นคงไม่พ้นเรื่องที่พ่อของเขาแต่งงานใหม่ กับยายรองนางสาวไทยนั่น!
"ได้เจอโอมบ้างไหมอาร์ต"
จู่ ๆ จีรานุชก็ถามถึงลูกชาย แววตาเปล่งประกายคาดหวังขึ้นมา
"เจอครับ ผมแวะไปชวนมันมาแต่มันบอกไม่ว่าง"
"อย่างนั้นหรือ"
แววตาจีรานุชดูเศร้าไปอีก...อธิปรู้สึกแปลบในใจ
"ถ้าน้าคิดถึงไอ้เจ้าโอม คราวหน้าอาร์ตจะบังคับพามันมาด้วยให้ได้ ต่อให้ต้องโปะยาสลบแล้วอุ้มมาก็จะทำ"
ท่าทีขึงขังของเขาทำให้จีรานุชหัวเราะออกมาได้เบา ๆ
"อย่างนั้นเลยหรือ อาร์ตยังใจดีกับน้าจริง ๆ ขอบใจนะจ๊ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก ถ้าโอมเขาอยากมาเขาก็คงจะมาเอง อาร์ตไม่ต้องไปบังคับน้องหรอกนะลูก เดี๋ยวอาร์ตจะหงุดหงิดเปล่า ๆ"
"น้านุชครับ... น้านุชอยากกลับกรุงเทพฯ มั้ย ไปอยู่กับผมก็ได้"
"ขอบใจมากนะลูก...น้าขอบใจมาก"
จีรานุชเอ่ยเสียงเบา แต่ซึ้งใจจนน้ำตาคลอ
เธอแทบไม่ได้เลี้ยงเขามาด้วยซ้ำ เพราะคุณอรรถส่งอธิปไปเรียนโรงเรียนประจำที่เมืองนอกตั้งแต่เริ่มเข้าวัยรุ่น ปีนึงจะได้กลับบ้านสักครั้ง
แต่แปลกที่เด็กชายอธิป ไม่เคยแสดงอาการต่อต้านหรือพยศต่อจีรานุช เขาค่อนข้างติดเธอมากด้วยซ้ำ กลับไทยหนไหนก็จะเรียกหาแต่น้านุช ๆ ทุกครั้งไป
ไม่เหมือนกับพ่อของเขา อธิปมักพยศและก่อเรื่องให้คนเป็นพ่อต้องบินตามไปแก้ไขปัญหาให้หลายครั้ง บ่อยครั้งเขาอรรถก็ส่งทนายไปแทน
'เจ้าอาร์ตมันไม่อยากเห็นหน้าผม เห็นหน้าพ่อมันทีไร ก็ทำหน้าเหมือนกำลังอมยาพิษ'
อรรถเคยบอกจีรานุชแบบนั้น
'ผมก็คิดถึงลูกนะ แต่ถ้าลูกไม่อยากเห็นหน้า ผมก็ไม่อยากเอาหน้าไปทำให้มันหงุดหงิด'
'ลูกที่ไหนจะไม่คิดถึงพ่อล่ะคะ คุณอรรถน่าจะคิดมากไปเองนะ'
'ไม่หรอกคุณนุช ผมว่าลูกคงกำลังโตเป็นหนุ่ม อยากมีอิสระ ถ้าผมไปหาเขาบ่อย ๆ คงคิดว่าผมไปจับผิด... อยู่ห่าง ๆ กันแบบนี้ก็ดีแล้ว'
อรรถยืนยันกับเธอ จีรานุชไม่ค่อยเห็นด้วยนัก แต่ก็ไม่มีอะไรจะไปโต้แย้งเขา อรรถเป็นคนฉลาด เก่ง ถ้าเขาเชื่อเช่นนั้น เธอก็ไม่มีอะไรจะไปแก้ไขความเชื่อได้
จีรานุชนึกถึงอดีตสามี และอดถามถึงเขาไม่ได้
"คุณพ่อสบายดีไหมอาร์ต"
"พ่อน่ะหรือครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ค่อยได้เจอเขา"
"โถ่ แล้วอาร์ตไม่ได้อยู่บ้านกับพ่อเขาหรือไง"
"อาร์ตอยู่คอนโดฮะ เจ้าโอมก็เหมือนกัน อยู่หอ ไม่มีใครอยากอยู่บ้านสักคน"
"น่าเศร้านะ บ้านออกจะใหญ่โตแบบนั้น...ไปอยู่บ้านกับพ่อเถอะนะอาร์ต น้ารู้ว่าพ่อเขาก็อยากให้อาร์ตอยู่บ้าน ถึงเขาจะทำงานหนัก ไม่ค่อยมีเวลา แต่เวลาที่เขากลับบ้่าน เขาก็อยากเจอหน้าลูกนะรู้ไหม"
ชายหนุ่มเกือบพูดออกไปด้วยอารมณ์พาลแล้วว่าพ่อเขาก็มีเมียใหม่แล้ว จะมาสนใจอะไรกับลูกชายที่เป็นไม้เบื้อไม้เมากัน...
แต่เขาไม่ได้พูด เพราะยังมีสติยั้งไว้ทันและเขาก็นึกขอบคุณตัวเอง เพราะไม่อย่างนั้นแววตาของจีรานุชคงจะเศร้ายิ่งกว่านี้
ไม่คิดเลยว่า จีรานุชกลับเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นมา
"คุณลินดากับลูกสาว...เขามาอยู่ที่บ้านแล้วใช่ไหม"
อธิปนิ่งไป ไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไร แต่สุดท้ายก็แค่พยักหน้า
จีรานุชยิ้มแต่แววตาแห้งผาก เธอเหม่อมองออกไปทางอื่นแล้วพูดต่อ
"ทำดีกับเธอนะอาร์ต ดูแลเธอกับลูกสาว...นึกเสียว่าทำแทนน้าก็ได้"
"ทำไมผมต้องดูแลพวกนั้นด้วยล่ะครับ ถ้าไม่มีสองแม่ลูกนั่น น้านุชก็อาจไม่ต้องหนีมาบวช"
"ไม่ใช่นะอาร์ต ไม่ใช่อย่างนั้น เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณลินดาหรือลูกสาวเขาเลย... มันเป็นการตัดสินใจของน้าเอง"
จีรานุชรีบบอก เหมือนกลัวเขาจะรู้สึกไม่ดีกับภรรยาใหม่ของพ่อ
ดวงตาของจีรานุชมีน้ำตาคลอหน่วย...
"สัญญากับน้าได้ไหมว่าจะดีกับเขา จะไม่โกรธไม่เกลียดเขา"
อธิปไม่ตอบ ยิ่งเห็นจีรานุชพยายามจะให้อภัยลินดา เขาก็ยิ่งหงุดหงิด
"ผมเข้าใจน้านุชนะครับ เข้าใจทุกอย่าง..."
"ไม่จริงหรอก อาร์ตไม่เข้าใจน้า เพราะถ้าอาร์ตเข้าใจ..."
จีรานุชพูดต่อไม่ออก น้ำตาร่วงหล่นเบา ๆ เธอหันหน้าหนีไปอีกทาง หยิบชายผ้าพาดไหล่สีขาวมาซับน้ำตา
น่าสงสาร...อธิปใจไหวไปด้วย
และเขายิ่งสงสารจีรานุชมากเท่าไหร่
เขาก็ยิ่งเกลียดลินดากับลูกสาวของเธอมากเท่านั้น
"ผมขอโทษ..."
"จะขอโทษอะไรน้าล่ะ น้าดีใจมากนะที่ได้เจออาร์ตอีก นึกว่าจะลืมน้าไปแล้ว"
"ใครจะลืมน้านุชได้ล่ะครับ"
อธิปยิ้ม ถ้าไม่เพราะจีรานุชอยู่ในรูปลักษณ์ของนักบวช เขาก็คงจะสวมกอดนางไปแล้ว
"น้าคงยังไม่กลับไปง่าย ๆ ยังไงฝากโอมด้วยนะอาร์ต...โอมเขารักอาร์ตนะ เขาบอกน้าเสมอว่าเขารักพี่ชายคนเดียวคนนี้ของเขามาก"
"ครับน้านุช ผมจะไม่ทิ้งน้องครับ"
ชายหนุ่มรับปากอย่างจริงใจ ถึงโอมจะทำปั้นปึ่งตามประสาวัยรุ่น แต่เขาก็ไม่มีวันรู้สึกไม่ดีกับน้องชาย
ก่อนลากลับ จีรานุชเอื้อมมือที่ผอมลงไปมากมาจับมืออธิปแล้วบีบไว้ เงยหน้าชายหนุ่มตัวสูงใหญ่อย่างปลาบปลื้มระคนอาทร...
"ขอบใจมากที่มาหาน้า... น้าดีใจมากนะที่ได้เจออาร์ตอีก"
"ผมก็ดีใจครับ แล้วผมจะแวะมาหาอีก คราวหน้าจะลากไอ้โอมมาด้วยให้ได้แน่นอน"
ชายหนุ่มรับปาก
* * * * *
ตอนแรกอธิปตั้งใจจะกลับกรุงเทพฯ เย็นวันนั้นเลยเพราะเพื่อนสนิทอย่างบพิตรตามมาด้วยไม่ได้ แต่เขาก็เปลี่ยนใจเพราะได้แอร์โฮสเตสสาวสวยหุ่นนางแบบอย่างโชติรสมาอยู่เป็นเพื่อนแทน
ครั้งนี้เขาไม่ได้ตะกรุมตะกรามอย่างครั้งแรกที่เจอกัน ชายหนุ่มเปิดห้องพักที่โรงแรมหรูใกล้แม่น้ำปิงและจองโต๊ะดินเนอร์ให้เขากับเธอสองคน
เมื่อได้พิจารณากันใกล้ ๆ อย่างไม่ต้องรีบร้อน อธิปก็รู้สึกว่าโชติรสสวยและมีเสน่ห์ซุกซนที่ทำให้ไม่น่าเบื่อ
"มีอะไรหรือคะ มองหน้าโชทำไม"
โชติรสถามเขิน ๆ แต่แววตาพราวระยิบระยับ
"แค่อยากมองให้ชัด เพราะครั้งก่อนแทบไม่มีเวลาได้มอง...หน้าเลย"
ชายหนุ่มตอบเรียบ ๆ แต่ก็ทำให้หญิงสาวหน้าแดงซ่านมาได้ทันที
โชติรสกระแอม ก่อนชวนคุย
"คุณอาร์ตจะพักเชียงใหม่กี่วันหรือคะ"
"พรุ่งนี้ก็คงกลับแล้ว ถ้ามีตั๋วว่าง"
หญิงสาวหัวเราะเสียงใส
"ลูกชายแชร์แมนทั้งคนนะคะ จะไม่มีที่ว่างให้เชียวหรือ"
อธิปหมุนไวน์ในมือเบา ๆ พ่อของเขาพูดเสมอว่าสักวัน เขาในฐานะลูกชายคนโต จะต้องเข้าไปบริหารสยามเจ็ตต่อจากพ่อ ไม่ใช่แค่สายการบินนี้แต่หมายถึงทุกกิจการภายใต้บริษัทที่พ่อของเขาเป็นเจ้าของ
แต่วันนี้เขากลับทำในสิ่งที่อาจจะมีผลต่อการบริหารในอนาคต นั่นคือการหลับนอนกับพนักงานของตัวเอง
ชายหนุ่มคิดแล้วก็เผลอหัวเราะออกมา
โชติรสเลิกคิ้วเป็นคำถาม
และอธิปก็ไม่คิดจะปิดบัง เขาบอกเธอตามตรง
"พ่อคงไม่ยกบริษัทให้ผมแน่ ๆ ถ้ารู้ว่าผม...มีอะไรกับแอร์โฮสเตสสายการบินตัวเอง"
โชติรสหน้าเจื่อนไป
นั่นสิ สำหรับอธิป เธอก็คงเป็นแค่ลูกจ้าง แค่ความสัมพันธ์ชั่วครั้งชั่วคราวก็อาจส่งผลต่อธุรกิจของเขาได้
"ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณไม่พูด โชไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้ ทางที่ดีเราจบกันตรงนี้เลยก็น่าจะดีกว่า ขอตัวนะคะ"
โชติรสไม่ได้คิดจะเล่นละคร เธอรู้สึกเจ็บแปลบในใจขึ้นมาจริง ๆ
แต่อธิปชะโงกตัวมาแตะแขนเธอไว้
"คุณ...โช..."
หญิงสาวชะงัก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยชื่อเธอ แค่เรียกชื่อน้ำเสียงของเขาก็ยังเซ็กซี่จนเธอใจสั่น
นี่มันผิดกฎวันไนต์สแตนด์ชัด ๆ!
"ช่างมันสิ ผมไม่แคร์นะ หรือคุณแคร์"
"โชก็...ไม่แคร์ค่ะ"
โชติรสหย่อนตัวนั่งลงตามเดิม เธอรู้ว่ากฎของคู่นอน ต้องไม่เอาใจลงไปเล่น แต่ก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้แล้ว...
เธอชอบและอยากได้ผู้ชายคนนี้เหลือเกิน!
"ไม่! ฉันคบกับพี่ต้นแล้ว นายจะมาทำแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว!" คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างหงุดหงิด "ใครอีกล่ะ คราวนี้เธอให้ใครมาเล่นละครอีก" "ครั้งนี้ไม่ใช่ คราวก่อนฉันยอมรับว่าฉันโกหกนาย แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แล้ว" "งั้นเหรอ งั้นคราวนี้มันเป็นใครล่ะ" เขาถามอย่างอดทน ทั้งที่อยากกดเธอลงบนเตียงเต็มทีแล้ว ลลิตราขยุ้มคอเสื้อแน่นโดยอัตโนมัติ ราวกับว่าแค่สายตาของเขาก็จะทำให้เสื้อผ้าเธอหลุดรุ่ยล่อนจ้อนได้ "เขาเป็นรุ่นพี่ของฉันสมัยเรียน ฉันเคยชอบเขามาก่อนแต่ตอนนั้นเราเด็กเกินไปเลยไม่ได้คบกัน ฉันเพิ่งกลับไปเจอพี่ต้นที่ตราด...ใช่ฉันเพิ่งไปเที่ยวทะเลที่ตราดมา โรงแรมนั่นเป็นของพี่ต้น และฉันกับเขาก็...ตกลงเป็นแฟนกัน" อธิปหัวเราะพรืดทั้งที่แววตาไม่ขำด้วยสักนิด ก็เธอเล่นบอกเขาเหมือนท่องเตรียมมาแล้ว "เลิกตั้งแง่ใส่กันเถอะนะลูกอม เราทั้งคู่ก็รู้อยู่แล้วว่าเรารู้สึกยังไงกัน โชติรสไม่ใช่ปัญหาเลย โชก็อยากถอนหมั้นพอ ๆ กับฉันนั่นแหละ แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้เพราะ..." อธิปหยุดไปเล็กน้อย ถอนหายใจ เขาสัญญากับโชติรสว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับ "เอาเป็นว่ามันเป็นเรื่องของธุรกิจ ที่ฉันกับโชยังไม่ถอนหมั้นเพราะมัน
"อาร์ต เมื่อไหร่แม่จะได้รู้จักคู่หมั้นของลูกล่ะ"ออเดรย์ถามขึ้นมาระหว่างที่มือกำลังหั่นสเต๊ก ลลิตราทำเหมือนไม่ได้ยินคำถามนั้น กินอาหารของเธอไปตามปกติแม้จะรู้สึกว่าสายตาของอธิปพุ่งตรงมาที่ตัวเองก็ตามอธิปแทบไม่ชะงักเลยเหมือนกันตอนที่ตอบ"ไม่จำเป็นหรอก เพราะอีกไม่นานผมกับเขาก็จะถอนหมั้นกัน"คราวนี้นายอรรถเงยหน้ามองทันที แม้แต่ลินดาก็ยังอดหันมาด้วยไม่ได้"หมายความว่ายังไง อาร์ต""ตามนั้นแหละครับ"อธิปตอบ ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างใจเย็น และเมื่อเห็นว่าพ่อยังคงจ้องเขาอยู่ เขาจึงขยายความ"ยังไม่เป็นทางการหรอกนะครับพ่อ และยังไม่ได้บอกใคร แต่ผมกับโช เราตกลงกันแล้วว่าถ้าผ่านเรื่องยุ่ง ๆ ไปสักระยะ เราค่อยถอนหมั้นกันเงียบ ๆ""เหตุผล?""เหตุผลก็คือ ผมกับโชไม่ได้รักกันตั้งแต่แรก เราแค่หมั้นกันด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่วันหนึ่งเมื่อทุกอย่างคลึ่คลาย เราก็จะคืนอิสรภาพให้กัน""ตอนลูกมาขอให้พ่อไปสู่ขอเขา ลูกไม่ได้พูดแบบนี้นี่"อรรถอดตำหนิไม่ได้ อาจเพราะเขาเห็นว่าบนโต๊ะนี้ก็มีแต่คนกันเองจึงเผลอพูดออกมา"ผมทราบ แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว...เอาเป็นว่าผมกับโชเราคิดตรงกัน ผมไม่ได้ทำร้ายใจเธอ ถ้าพ่อคิดว่าผม
ลลิตรากลับจากตราดพร้อมของฝากเกินสองมือจะถือได้ไหว เมื่อรถแท็กซี่มาจอด คมสันต์ต้องวิ่งลงมาช่วยหิ้วด้วยหลายถุง เธอยอมรับกับตัวเองว่าถ้าเป็นเมื่อก่อน คงไม่สามารถจับจ่ายอะไรได้มือเติบแบบนี้"ฉันซื้อขนมของกินมาฝาก เดี๋ยวคมสันต์แบ่งไปได้เลยนะจ๊ะ"ลลิตราบอก รปภ. หนุ่มรุ่นน้อง คมสันต์ตะเบ๊ะแข็งขัน"ครับผม ขอบคุณครับ""แม่อยู่บ้านใช่ไหมจ๊ะ"เธอถามทั้งที่ก็รู้ว่าลินดาคงไม่ได้มีธุระที่ไหน แม่ของลลิตราไม่ใช่คนชอบเที่ยว แม้อรรถจะคะยั้นคะยอให้ออกไปใช้เงินบ้างแต่ลินดาก็พอใจจะนั่งดูโทรทัศน์อยู่บ้าน และเดี๋ยวนี้หล่อนกลับมาถักไหมพรมอีกครั้งอย่างที่จิตแพทย์เคยแนะนำ เวลาเดียวที่ลินดาจะออกไปห้างสรรพสินค้าก็คือตอนที่จะไปซื้อไหมพรมเซ็ตใหม่ ๆ นั่นแหละ"ครับผม คุณผู้ชายก็อยู่ครับ""คุณอรรถอยู่บ้านงั้นหรือ"ลลิตราแปลกใจเพราะนี่ไม่ใช่วันหยุด ปกติอรรถยังไม่กลับจากบริษัทเลยไม่ใช่หรือ คมสันต์รีบอธิบายต่อ"ตอนแรกมีแขกมาหาคุณผู้หญิงครับ แล้วสักพักคุณผู้ชายก็รีบกลับมา""แขก? มาหาแม่เหรอ""ครับ มาหาคุณลินดาครับ คุณผู้ชายโทรบอกผมเองว่าให้เข้าไปได้"คมสันต์รีบบอกเพราะกลัวจะโดนตำหนิว่าปล่อยคนแปลกหน้าเข้าบ้านโดยพลการลลิต
เดินทางมาถึงตอนที่ 109 แล้ว สำหรับเรื่องพาล แต่ตลอดร้อยกว่าตอนมานี้ ไรต์ยังไม่เคยได้อ่านคอมเมนต์นักอ่านเลยนะเชื่อปะ เป็นไปได้ว่าไม่มีใครอ่าน ๕๕ และยอดวิวก็คงเป็นของไรต์เองนี่แหละที่คลิกเข้ามาอ่านนิยายตัวเองไรต์จะพยายามเขียนให้จบ ถึงมีคนอ่านแค่คนเดียวก็ตาม (แต่อาจช้าหน่อยเพราะต้องไปหาค่าน้ำค่าไฟด้วย) ถ้าได้เจอกันในภายภาคหน้า ฝากนิยายของไรต์ด้วยเช่นเคยนะคะ ขอบคุณค่ะ แวมไพร์ปีกดำ(ลีขิตา).
"พี่ต้น!""ลูกอมจริง ๆ ด้วย! ไม่อยากจะเชื่อเลย"ตระการยิ้มกว้าง ดวงตาสีดำส่องประกายสดใสอย่างคนที่ดีใจและคาดไม่ถึง ลลิตราจำเขาได้แทบจะทันทีเพราะแม้ผู้ชายที่เธอเห็นตรงหน้าตอนนี้จะไม่ใช่เด็กหนุ่มรูปร่างผอมสูงใส่แว่นเหมือนอย่างแต่ก่อน แต่แววตาและรอยยิ้มแบบนี้ก็มีแค่ตระการคนเดียว"โอ้โห กี่ปีแล้วนี่ที่ไม่ได้เจอกัน พี่แทบจะจำลูกอมไม่ได้เลย""ก็ตั้งแต่พี่ต้นจบม.หกไงคะ แล้วก็ไม่เคยได้เจอกันอีกเลย"ลลิตราตอบยิ้ม ๆ ตระการคือรุ่นพี่สมัยเรียนมัธยมฯ เคยติวหนังสือให้เธอและกลุ่มเพื่อนจนกระทั่งเขาเรียนจบออกไป"ลูกอมมาเที่ยวเหรอ แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่ที่ไหน""มาเที่ยวค่ะ กับอุ๋มไง พี่ต้นจำอุ๋มได้ไหม อมาวสี..."ดวงตาของตระการกว้างขึ้นอีกรอบ พยักหน้าหงึก ๆ ดูเหมือนความทรงจำของชายหนุ่มเมื่อครั้งยังเป็นนักเรียนขาสั้น ยังแจ่มชัดดีทุกรายละเอียด จำได้กระทั่งชื่อเล่นและความแก่นแก้วของแต่ละคนที่เป็นไปตามวัย"แต่อุ๋มของีบก่อนเพราะเพิ่งมาถึงเมื่อเที่ยงนี้เองค่ะ นี่ลูกอมโชคดีจังเลยที่ลงมาเดินเล่น ไม่งั้นคงไม่ได้เจอพี่ต้น พี่ต้นก็มาเที่ยวหรือเปล่าคะ แล้วจะกลับวันไหน พักที่นี่ใช่ไหม...""ก็ไม่เชิงหรอกครับ บ้านพี่ห่าง
แม้อาหารมื้อนั้นจะผ่านไปด้วยดีตามประสาคนที่ไม่ได้เจอกันมายี่สิบกว่าปี แต่อธิปกลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูก อรรถก็คงไม่ต่างกัน สองพ่อลูกกลับมาบ้านแล้วก็แยกกันเข้าห้องส่วนตัวโดยไม่คุยอะไรกันอีกเลยเกี่ยวกับผู้หญิงที่เกี่ยวพันกับคนทั้งคู่คนนั้นแต่อธิปอยากลงไปเจอลลิตรา เขาส่งข้อความไปหาเธอว่าขอลงไปหาเธอได้ไหม เจอกันที่สนามหญ้าก็ได้ถ้าเธอไม่สะดวกให้เขาเข้าไปหาในบ้าน- ฉันไม่ได้อยู่บ้าน ออกมาอยู่บ้านเพื่อน -หญิงสาวพิมพ์ตอบกลับมาอธิปห้ามใจตัวเองไม่ไหว ต้องพิมพ์บอกไปว่า- คิดถึง -- ไปบอกคู่หมั้นนายเถอะ -เธอพิมพ์ตอบมารวดเร็วเช่นกันเพราะไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียง จึงไม่รู้ว่าเธอประชด หรือจริงจัง อธิปกดโทรหาเธอแทนที่จะส่งเป็นข้อความกลับไป"โทรมาทำไม ฉันไม่สะดวกคุยนะ"หญิงสาวกดรับสายทันทีและเปิดฉากพูดก่อนโดยไม่รอให้เขาทัก"ก็อยากได้ยินเสียงไง""อย่าพูดแบบนี้กับฉันอีก ฉันขอร้อง มันไม่เหมาะสม""ระหว่างฉันกับเธอยังมีอะไรไม่เหมาะสมอีกหรือ"เขาตั้งใจจะยั่วหยอกเธอเล่น ๆ แต่ลลิตราตอบกลับมาน้ำเสียงกรุ่นโกรธ"พอทีเถอะคุณอธิป ฉันไม่อยากอยู่แบบนี้อีกแล้ว""แบบไหน""ก็แบบที่..."เขาได้ยินเสียงห







