Share

ตอน 12 แม่ชี

last update Last Updated: 2025-06-23 17:13:10

"แม่ชีครับ มีคนมาหาครับ"

เด็กลูกวัดเข้ามาบอกจีรานุชอย่างสุภาพ หญิงวัยห้าสิบต้น ๆ กำลังนั่งพับดอกบัวอยู่กับแม่ชีและคนนุ่งขาวห่มขาวอีกหลายคน คงเป็นคนที่มาปฏิบัติธรรมเหมือนกัน

วัดแห่งนี้ค่อนข้างคึกคักด้วยนักท่องเที่ยว ไม่ได้เงียบเหงาอย่างที่อธิปนึกภาพไว้

กระนั้น เมื่อเขาเห็นหน้าจีรานุชที่ลุกเดินออกมาหา ก็ใจหาย...

จีรานุชดวงตาเบิกกว้างอย่างยินดี

"อาร์ต!"

ชายหนุ่มยกมือไหว้เก้ ๆ กัง ๆ 

"น้า...แม่ชี..."

"เรียกน้านุชเหมือนเดิมก็ได้จ้ะ"

จีรานุชบอกยิ้ม ๆ ถึงเธอจะโกนผมแต่ก็ถือศีลแปดข้อเหมือนเนกขัมมนารีทั่วไป จะเรียกว่าอะไรก็ไม่เป็นปัญหาหรอก

แม่ชีจีรานุชพาอธิปไปนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ด้านหลังอุโบสถ ที่พลุกพล่านน้อยกว่าบริเวณอื่น ๆ ของวัด

"กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่"

"สามเดือนแล้วครับ"

เขาหมายถึงกลับจากอังกฤษ เพราะแม้จะเรียนจบแล้วอธิปก็ยังแทบไม่กลับไทย เลือกจะใช้ชีวิตสุขสำราญอยู่ต่างประเทศ

"พ่อเขาคงดีใจนะ ที่ลูกชายคนโตกลับมาอยู่ใกล้ ๆ"

"น้านุช...สบายดีไหมครับ"

"ก็ดีจ้ะ สงบใจดี"

แม้จะพูดเช่นนั้น แต่อธิปก็ทันสังเกตเห็นแววหม่นหมองบางอย่างพาดผ่านดวงตาของจีรานุช

มันทำให้เขาคิดว่า ผู้หญิงตรงหน้าแค่กำลังพยายามจะมีความสุข พยายามจะสงบ เพื่อดิ้นรนหนีความเจ็บปวดบางอย่าง...

เขาจะไม่ถาม เพราะรู้ดีว่าความเจ็บปวดนั้นคงไม่พ้นเรื่องที่พ่อของเขาแต่งงานใหม่ กับยายรองนางสาวไทยนั่น!

"ได้เจอโอมบ้างไหมอาร์ต"

จู่ ๆ จีรานุชก็ถามถึงลูกชาย แววตาเปล่งประกายคาดหวังขึ้นมา

"เจอครับ ผมแวะไปชวนมันมาแต่มันบอกไม่ว่าง"

"อย่างนั้นหรือ"

แววตาจีรานุชดูเศร้าไปอีก...อธิปรู้สึกแปลบในใจ

"ถ้าน้าคิดถึงไอ้เจ้าโอม คราวหน้าอาร์ตจะบังคับพามันมาด้วยให้ได้ ต่อให้ต้องโปะยาสลบแล้วอุ้มมาก็จะทำ"

ท่าทีขึงขังของเขาทำให้จีรานุชหัวเราะออกมาได้เบา ๆ

"อย่างนั้นเลยหรือ อาร์ตยังใจดีกับน้าจริง ๆ ขอบใจนะจ๊ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก ถ้าโอมเขาอยากมาเขาก็คงจะมาเอง อาร์ตไม่ต้องไปบังคับน้องหรอกนะลูก เดี๋ยวอาร์ตจะหงุดหงิดเปล่า ๆ"

"น้านุชครับ... น้านุชอยากกลับกรุงเทพฯ มั้ย ไปอยู่กับผมก็ได้"

"ขอบใจมากนะลูก...น้าขอบใจมาก"

จีรานุชเอ่ยเสียงเบา แต่ซึ้งใจจนน้ำตาคลอ

เธอแทบไม่ได้เลี้ยงเขามาด้วยซ้ำ เพราะคุณอรรถส่งอธิปไปเรียนโรงเรียนประจำที่เมืองนอกตั้งแต่เริ่มเข้าวัยรุ่น ปีนึงจะได้กลับบ้านสักครั้ง

แต่แปลกที่เด็กชายอธิป ไม่เคยแสดงอาการต่อต้านหรือพยศต่อจีรานุช เขาค่อนข้างติดเธอมากด้วยซ้ำ กลับไทยหนไหนก็จะเรียกหาแต่น้านุช ๆ ทุกครั้งไป

ไม่เหมือนกับพ่อของเขา อธิปมักพยศและก่อเรื่องให้คนเป็นพ่อต้องบินตามไปแก้ไขปัญหาให้หลายครั้ง บ่อยครั้งเขาอรรถก็ส่งทนายไปแทน

'เจ้าอาร์ตมันไม่อยากเห็นหน้าผม เห็นหน้าพ่อมันทีไร ก็ทำหน้าเหมือนกำลังอมยาพิษ'

อรรถเคยบอกจีรานุชแบบนั้น

'ผมก็คิดถึงลูกนะ แต่ถ้าลูกไม่อยากเห็นหน้า ผมก็ไม่อยากเอาหน้าไปทำให้มันหงุดหงิด'

'ลูกที่ไหนจะไม่คิดถึงพ่อล่ะคะ คุณอรรถน่าจะคิดมากไปเองนะ'

'ไม่หรอกคุณนุช ผมว่าลูกคงกำลังโตเป็นหนุ่ม อยากมีอิสระ ถ้าผมไปหาเขาบ่อย ๆ คงคิดว่าผมไปจับผิด... อยู่ห่าง ๆ กันแบบนี้ก็ดีแล้ว'

อรรถยืนยันกับเธอ จีรานุชไม่ค่อยเห็นด้วยนัก แต่ก็ไม่มีอะไรจะไปโต้แย้งเขา อรรถเป็นคนฉลาด เก่ง ถ้าเขาเชื่อเช่นนั้น เธอก็ไม่มีอะไรจะไปแก้ไขความเชื่อได้

จีรานุชนึกถึงอดีตสามี และอดถามถึงเขาไม่ได้

"คุณพ่อสบายดีไหมอาร์ต"

"พ่อน่ะหรือครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ค่อยได้เจอเขา"

"โถ่ แล้วอาร์ตไม่ได้อยู่บ้านกับพ่อเขาหรือไง"

"อาร์ตอยู่คอนโดฮะ เจ้าโอมก็เหมือนกัน อยู่หอ ไม่มีใครอยากอยู่บ้านสักคน"

"น่าเศร้านะ บ้านออกจะใหญ่โตแบบนั้น...ไปอยู่บ้านกับพ่อเถอะนะอาร์ต น้ารู้ว่าพ่อเขาก็อยากให้อาร์ตอยู่บ้าน ถึงเขาจะทำงานหนัก ไม่ค่อยมีเวลา แต่เวลาที่เขากลับบ้่าน เขาก็อยากเจอหน้าลูกนะรู้ไหม"

ชายหนุ่มเกือบพูดออกไปด้วยอารมณ์พาลแล้วว่าพ่อเขาก็มีเมียใหม่แล้ว จะมาสนใจอะไรกับลูกชายที่เป็นไม้เบื้อไม้เมากัน...

แต่เขาไม่ได้พูด เพราะยังมีสติยั้งไว้ทันและเขาก็นึกขอบคุณตัวเอง เพราะไม่อย่างนั้นแววตาของจีรานุชคงจะเศร้ายิ่งกว่านี้

ไม่คิดเลยว่า จีรานุชกลับเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นมา

"คุณลินดากับลูกสาว...เขามาอยู่ที่บ้านแล้วใช่ไหม"

อธิปนิ่งไป ไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไร แต่สุดท้ายก็แค่พยักหน้า

จีรานุชยิ้มแต่แววตาแห้งผาก เธอเหม่อมองออกไปทางอื่นแล้วพูดต่อ

"ทำดีกับเธอนะอาร์ต ดูแลเธอกับลูกสาว...นึกเสียว่าทำแทนน้าก็ได้"

"ทำไมผมต้องดูแลพวกนั้นด้วยล่ะครับ ถ้าไม่มีสองแม่ลูกนั่น น้านุชก็อาจไม่ต้องหนีมาบวช"

"ไม่ใช่นะอาร์ต ไม่ใช่อย่างนั้น เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณลินดาหรือลูกสาวเขาเลย... มันเป็นการตัดสินใจของน้าเอง"

จีรานุชรีบบอก เหมือนกลัวเขาจะรู้สึกไม่ดีกับภรรยาใหม่ของพ่อ

ดวงตาของจีรานุชมีน้ำตาคลอหน่วย...

"สัญญากับน้าได้ไหมว่าจะดีกับเขา จะไม่โกรธไม่เกลียดเขา"

อธิปไม่ตอบ ยิ่งเห็นจีรานุชพยายามจะให้อภัยลินดา เขาก็ยิ่งหงุดหงิด

"ผมเข้าใจน้านุชนะครับ เข้าใจทุกอย่าง..."

"ไม่จริงหรอก อาร์ตไม่เข้าใจน้า เพราะถ้าอาร์ตเข้าใจ..."

จีรานุชพูดต่อไม่ออก น้ำตาร่วงหล่นเบา ๆ เธอหันหน้าหนีไปอีกทาง  หยิบชายผ้าพาดไหล่สีขาวมาซับน้ำตา 

น่าสงสาร...อธิปใจไหวไปด้วย

และเขายิ่งสงสารจีรานุชมากเท่าไหร่ 

เขาก็ยิ่งเกลียดลินดากับลูกสาวของเธอมากเท่านั้น

"ผมขอโทษ..."

"จะขอโทษอะไรน้าล่ะ น้าดีใจมากนะที่ได้เจออาร์ตอีก นึกว่าจะลืมน้าไปแล้ว"

"ใครจะลืมน้านุชได้ล่ะครับ"

อธิปยิ้ม ถ้าไม่เพราะจีรานุชอยู่ในรูปลักษณ์ของนักบวช เขาก็คงจะสวมกอดนางไปแล้ว

"น้าคงยังไม่กลับไปง่าย ๆ ยังไงฝากโอมด้วยนะอาร์ต...โอมเขารักอาร์ตนะ เขาบอกน้าเสมอว่าเขารักพี่ชายคนเดียวคนนี้ของเขามาก"

"ครับน้านุช ผมจะไม่ทิ้งน้องครับ"

ชายหนุ่มรับปากอย่างจริงใจ ถึงโอมจะทำปั้นปึ่งตามประสาวัยรุ่น แต่เขาก็ไม่มีวันรู้สึกไม่ดีกับน้องชาย

ก่อนลากลับ จีรานุชเอื้อมมือที่ผอมลงไปมากมาจับมืออธิปแล้วบีบไว้ เงยหน้าชายหนุ่มตัวสูงใหญ่อย่างปลาบปลื้มระคนอาทร... 

"ขอบใจมากที่มาหาน้า... น้าดีใจมากนะที่ได้เจออาร์ตอีก"

"ผมก็ดีใจครับ แล้วผมจะแวะมาหาอีก คราวหน้าจะลากไอ้โอมมาด้วยให้ได้แน่นอน"

ชายหนุ่มรับปาก

* * * * *

ตอนแรกอธิปตั้งใจจะกลับกรุงเทพฯ เย็นวันนั้นเลยเพราะเพื่อนสนิทอย่างบพิตรตามมาด้วยไม่ได้ แต่เขาก็เปลี่ยนใจเพราะได้แอร์โฮสเตสสาวสวยหุ่นนางแบบอย่างโชติรสมาอยู่เป็นเพื่อนแทน

ครั้งนี้เขาไม่ได้ตะกรุมตะกรามอย่างครั้งแรกที่เจอกัน ชายหนุ่มเปิดห้องพักที่โรงแรมหรูใกล้แม่น้ำปิงและจองโต๊ะดินเนอร์ให้เขากับเธอสองคน

เมื่อได้พิจารณากันใกล้ ๆ อย่างไม่ต้องรีบร้อน อธิปก็รู้สึกว่าโชติรสสวยและมีเสน่ห์ซุกซนที่ทำให้ไม่น่าเบื่อ

"มีอะไรหรือคะ มองหน้าโชทำไม"

โชติรสถามเขิน ๆ แต่แววตาพราวระยิบระยับ

"แค่อยากมองให้ชัด เพราะครั้งก่อนแทบไม่มีเวลาได้มอง...หน้าเลย"

ชายหนุ่มตอบเรียบ ๆ แต่ก็ทำให้หญิงสาวหน้าแดงซ่านมาได้ทันที

โชติรสกระแอม ก่อนชวนคุย

"คุณอาร์ตจะพักเชียงใหม่กี่วันหรือคะ"

"พรุ่งนี้ก็คงกลับแล้ว ถ้ามีตั๋วว่าง"

หญิงสาวหัวเราะเสียงใส

"ลูกชายแชร์แมนทั้งคนนะคะ จะไม่มีที่ว่างให้เชียวหรือ"

อธิปหมุนไวน์ในมือเบา ๆ พ่อของเขาพูดเสมอว่าสักวัน เขาในฐานะลูกชายคนโต จะต้องเข้าไปบริหารสยามเจ็ตต่อจากพ่อ ไม่ใช่แค่สายการบินนี้แต่หมายถึงทุกกิจการภายใต้บริษัทที่พ่อของเขาเป็นเจ้าของ

แต่วันนี้เขากลับทำในสิ่งที่อาจจะมีผลต่อการบริหารในอนาคต นั่นคือการหลับนอนกับพนักงานของตัวเอง

ชายหนุ่มคิดแล้วก็เผลอหัวเราะออกมา

โชติรสเลิกคิ้วเป็นคำถาม

และอธิปก็ไม่คิดจะปิดบัง เขาบอกเธอตามตรง

"พ่อคงไม่ยกบริษัทให้ผมแน่ ๆ ถ้ารู้ว่าผม...มีอะไรกับแอร์โฮสเตสสายการบินตัวเอง"

โชติรสหน้าเจื่อนไป

นั่นสิ สำหรับอธิป เธอก็คงเป็นแค่ลูกจ้าง แค่ความสัมพันธ์ชั่วครั้งชั่วคราวก็อาจส่งผลต่อธุรกิจของเขาได้

"ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คุณไม่พูด โชไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้ ทางที่ดีเราจบกันตรงนี้เลยก็น่าจะดีกว่า ขอตัวนะคะ"

โชติรสไม่ได้คิดจะเล่นละคร เธอรู้สึกเจ็บแปลบในใจขึ้นมาจริง ๆ 

แต่อธิปชะโงกตัวมาแตะแขนเธอไว้

"คุณ...โช..."

หญิงสาวชะงัก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยชื่อเธอ แค่เรียกชื่อน้ำเสียงของเขาก็ยังเซ็กซี่จนเธอใจสั่น

นี่มันผิดกฎวันไนต์สแตนด์ชัด ๆ!

"ช่างมันสิ ผมไม่แคร์นะ หรือคุณแคร์"

"โชก็...ไม่แคร์ค่ะ"

โชติรสหย่อนตัวนั่งลงตามเดิม เธอรู้ว่ากฎของคู่นอน ต้องไม่เอาใจลงไปเล่น แต่ก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้แล้ว...

เธอชอบและอยากได้ผู้ชายคนนี้เหลือเกิน!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 16 ความบังเอิญ...ไม่มีจริง

    อธิปหนีกลับไปนอนที่เพนท์เฮาส์จนได้ อย่างน้อยอยู่คนเดียวก็มั่นใจได้ว่าจะไม่ลุกออกไปปล้ำใครกลางดึก วันรุ่งขึ้นกว่าจะตื่นมาอาบน้ำอาบท่าก็ปาเข้าไปสิบโมงกว่า พ่อของเขาโทรศัพท์หาพอดี"ออกมากินข้าวเที่ยงกับพ่อที่บริษัทหน่อยสิ...พ่อให้สหัสสั่งอาหารจากภัตตาคารแถวนี้ไว้แล้ว"นายอรรถเอ่ยอย่างคาดหวังเขากับลูกชายไม่ได้สนิทกันมากนัก และเรื่องนี้เขาโทษตัวเอง เมื่ออธิปยอมกลับจากต่างประเทศ เขาก็อยากจะใช้เวลาอยู่กับลูกชายให้มากขึ้นกว่าที่เคย เพื่อชดเชยเวลาที่ผ่านมาอธิปตอบกลับไปอย่างเกียจคร้าน"สั่งอาหารไว้แล้ว? ก็แปลว่าผมต้องไป?""แปลว่าพ่ออยากให้ลูกมากินข้าวกับพ่อ แค่นั้นเอง"อรรถเผื่อใจไว้แล้วว่าลูกชายคงจะปฏิเสธ แต่อธิปกลับตอบตกลงและบอกสั้น ๆ แค่ว่าอีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน* * * * *สำนักงานใหญ่ของสยามเจ็ตแอร์ไลน์ตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ริมถนนบางนา-ตราด หลังคาอาคารทรงโค้งดูโดดเด่น ผนังเกือบทุกด้านคือกระจกนิรภัยตัดแสงยูวีจากภายนอกสมเป็นอาคารที่ได้รับรางวัลด้านการประหยัดพลังงานยอดเยี่ยมจากหลายสถาบันพื้นที่ชั้นสิบของอาคารสำนักงานใหญ่จัดเป็น Executive Lounge สงบหรูหราไม่ต่างจากห้องอาหารในโรง

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 15 ขึ้นเตียงกับฉันซะ!

    ลินดากับน้ำตาลเพิ่งกลับออกจากบ้านฝรั่งไปตอนสองทุ่ม หลังเห็นแล้วว่าลลิตราปลาบปลื้มกับที่พักหลังนี้แค่ไหน"พรุ่งนี้ลูกอมจะไปขอบคุณคุณลุงอรรถอีกครั้งงาม ๆ ค่ะแม่"หญิงสาวบอก หน้าตายังมอมแมมนิด ๆ เพราะเพิ่งเก็บข้าวของส่วนตัวให้เข้าที่"แม่ดีใจนะที่ลูกอมชอบ""เหมือนฝันเลยล่ะค่ะ แต่แม่...หนูไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ แม่โอเคใช่ไหมคะ"ลินดายิ้ม ลูบแก้มลูกสาวที่แม้จะมีบางส่วนคล้ายเธอแต่ถ้าใครได้เคยเจอไตรภพ ก็จะรู้ว่าลลิตราเหมือนพ่อมากกว่าแม่"คุณอรรถดูแลแม่ดีมาก น้ำตาลก็เหมือนกัน ใช่ไหมจ๊ะ""ใช่ค่ะคุณผู้หญิง" น้ำตาลยิ้มอยู่ใกล้ ๆเมื่อแน่ใจว่าลูกสาวชอบอกชอบใจบ้านเล็กหลังนี้ ลินดาจึงชวนน้ำตาลกลับเพื่อให้ลลิตราได้ใช้เวลาส่วนตัว แต่สักพักหญิงสาวที่อ่อนเพลียมาทั้งวันก็ผล็อยหลับบนเก้าอี้ยาวในห้องนั่งเล่นเธอฝันด้วย...เงาสีขาวร่างหนึ่งทาบทับลงมาบนตัวเธอหรือจะเป็นเจ้าบ้านเจ้าเรือน!!!พรุ่งนี้เธอคงต้องจุดธูปขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทางอย่างเป็นทางการเสียแล้วล่ะแต่ว่า...เจ้าที่ตัวหอมแบบนี้ทุกคนเลยหรือ...หอมเย้ายวน เซ็กซี่...บ้าน่า! เธอรู้สึกว่าผีเซ็กซี่ไม่ได้สิ!คิ้วเรียวสวยที่ไม่เคยผ่านการตกแต่งขมวดเข้าหากันนิด ๆ

  • พาล Blaming Her Sin   บท 14 บ้านฝรั่ง

    เช้านี้ลลิตราได้ของขวัญเซอร์ไพรส์หญิงสาวกำลังก้าวไปตามทางเดินหิน ที่ทอดยาวจากด้านข้างของคฤหาสน์ ผ่านแนวพุ่มไม้ตัดเรียบ เพียงแค่ไม่ถึงยี่สิบก้าวก็มาถึงบ้านชั้นเดียวหลังกะทัดรัดสีขาวที่สร้างอยู่ด้านหลังคฤหาสน์หลัก"พวกหนูเรียกบ้านนี้ว่าบ้านฝรั่งค่ะ"น้ำตาลที่เดินตามมาด้วยเอ่ย คงเพราะมันออกแบบให้เป็นสไตล์อิงลิชคอทเทจ ในอาณาเขตกว่าสี่ไร่ของบ้านรชต มีตั้งแต่เรือนกระจกปลูกต้นไม้ไปจนถึงสนามเทนนิส สนามพัตกอล์ฟ และบ้านรับรองแขกหลังเล็กอีกหลายหลัง บ้านเล็กหลังนี้ที่พ่อเลี้ยงของเธอเพิ่งให้กุญแจมาก็เป็นหนึ่งในนั้น"นี่คุณลุงจะให้ฉันอยู่ที่นี่จริง ๆ เหรอเนี่ย!""คุณลูกอมชอบหรือไม่ชอบคะ""โอ้โห ไม่ชอบได้ยังไงล่ะ บ้านสวยออกขนาดนี้!"ลลิตราพูดจากใจ น้ำตาลถอนหายใจโล่งอก"หนูนึกว่าคุณหนูจะน้อยใจที่ไม่ได้อยู่บ้านใหญ่ แต่ต้องมาอยู่ที่นี่คนเดียว"'คุณหนู' ของน้ำตาลหัวเราะ"โถ่ ใครจะไปคิดอย่างนั้น ฉันว่าคุณลุงอรรถใส่ใจมากต่างหากล่ะน้ำตาล ท่านคงเข้าใจว่าฉันคงไม่คุ้นชินกับการอยู่บ้านหลังใหญ่ที่ต้องอยู่รวมกันหลายคน..." หนึ่งในนั้นคือลูกชายของเขา "...แถมฉันก็ยังไปขอใช้ครัวทำขนม ไปเกะกะป้าเดือนอีก ก็เลยให้ฉัน

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 13 แค่เรียกชื่อหรือเสียงคราง

    ยิ่งใกล้วันแต่งงานของชลธิชากับกิตติทัศน์ ว่าที่เจ้าสาวก็ยิ่งดูหงุดหงิดง่าย อะไรไม่ถูกใจนิดหน่อยก็เอ็ดคนรอบข้างจนเด็กรับใช้เข้าหน้ากันแทบไม่ติดตรงข้ามกับน้องสาวอย่างโชติรส ที่ดูอารมณ์ดีชนิดที่วิภาเรียกว่า "กระดี๊กระด๊า""นี่ถ้าคนอื่นที่ไม่รู้จัก เขาคงคิดว่าคนที่จะมีผัวคือแก ไม่ใช่พี่แกนะยัยโช"วิภาพูดกับลูกสาวคนเล็กระหว่างที่รับประทานอาหารด้วยกัน เพราะหล่อนยังโกรธสามี ไม่ยอมกลับไปกรุงเทพฯ ลูกสาวคนเล็กจึงต้องบินไป ๆ มาๆ กรุงเทพ-เชียงใหม่ เพื่อเอาใจทั้งพ่อและแม่ให้เท่าเทียม"แล้วใครบอกว่าโชไม่มี ผ. ล่ะจ๊ะแม่"วิภาถลึงตาใส่ทันที"รู้ย่ะว่าสภาพนี้ไม่น่าเหลือ แต่ให้มันรู้จักกระมิดกระเมี้ยนหน่อยก็ดี แล้วคงไม่ต้องเตือนใช่มั้ยว่าถ้าจะมีจริง ๆ ก็ให้หาให้ดี ๆ ไม่ใช่พลาดท้องแล้วต้องแต่งแบบพี่สาวแก""แม่พูดแบบนั้นถ้าพี่ชลได้ยินก็กระอักเลือดตาย แค่นี้ก็อารมณ์เหวี่ยงอยู่แล้ว อ้อ แล้วพี่ชลเขาไม่ได้พลาดนะ โชว่าเขาตั้งใจ""จะตั้งใจบ้าอะไร...ไอ้คนนั้นมันร่ำรวยขนาดต้องปล่อยให้ท้องเลยเหรอ"วิภาโต้กลับเคือง ๆไม่เหมือนหล่อนกับสามีที่เป็นพ่อของสองสาวนี่สิ ตอนนั้นนายชาญเจ้าชู้มาก นอนกับหล่อนตั้งหลายครั้งแต่

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 12 แม่ชี

    "แม่ชีครับ มีคนมาหาครับ"เด็กลูกวัดเข้ามาบอกจีรานุชอย่างสุภาพ หญิงวัยห้าสิบต้น ๆ กำลังนั่งพับดอกบัวอยู่กับแม่ชีและคนนุ่งขาวห่มขาวอีกหลายคน คงเป็นคนที่มาปฏิบัติธรรมเหมือนกันวัดแห่งนี้ค่อนข้างคึกคักด้วยนักท่องเที่ยว ไม่ได้เงียบเหงาอย่างที่อธิปนึกภาพไว้กระนั้น เมื่อเขาเห็นหน้าจีรานุชที่ลุกเดินออกมาหา ก็ใจหาย...จีรานุชดวงตาเบิกกว้างอย่างยินดี"อาร์ต!"ชายหนุ่มยกมือไหว้เก้ ๆ กัง ๆ "น้า...แม่ชี...""เรียกน้านุชเหมือนเดิมก็ได้จ้ะ"จีรานุชบอกยิ้ม ๆ ถึงเธอจะโกนผมแต่ก็ถือศีลแปดข้อเหมือนเนกขัมมนารีทั่วไป จะเรียกว่าอะไรก็ไม่เป็นปัญหาหรอกแม่ชีจีรานุชพาอธิปไปนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ด้านหลังอุโบสถ ที่พลุกพล่านน้อยกว่าบริเวณอื่น ๆ ของวัด"กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่""สามเดือนแล้วครับ"เขาหมายถึงกลับจากอังกฤษ เพราะแม้จะเรียนจบแล้วอธิปก็ยังแทบไม่กลับไทย เลือกจะใช้ชีวิตสุขสำราญอยู่ต่างประเทศ"พ่อเขาคงดีใจนะ ที่ลูกชายคนโตกลับมาอยู่ใกล้ ๆ""น้านุช...สบายดีไหมครับ""ก็ดีจ้ะ สงบใจดี"แม้จะพูดเช่นนั้น แต่อธิปก็ทันสังเกตเห็นแววหม่นหมองบางอย่างพาดผ่านดวงตาของจีรานุชมันทำให้เขาคิดว่า ผู้หญิงตรงหน้าแค่กำลังพยายามจะมี

  • พาล Blaming Her Sin   ตอน 11 จิตใต้สำนึก

    เสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นกลางดึก อธิปที่อยู่ในชุดกางเกงนอนผ้าฝ้ายบาง ๆ ตัวเดียวยังไม่หลับ เขาขมวดคิ้วพลางเดินไปเปิดประตู...'เธอ?'ชายหนุ่มแปลกใจ เพราะคนที่ยืนเงยหน้าจ้องมองเขาอยู่คือลลิตรา'เรื่องขนม ฉันจัดการให้แล้วนะ''ฉันรู้แล้วค่ะ''ถ้ารู้แล้วมาเรียกฉันดึก ๆ ดื่น ๆ ทำไมอีก'ลลิตราเดินเข้ามาในห้องนอนของเขาโดยไม่รอให้อนุญาต อธิปที่เป็นเจ้าของห้องมองอย่างงุนงงแต่ก็ยอมหลีกทางให้โดยดี เนื้อตัวของเธอยังมีกลิ่นหอมของขนมอยู่เลย... หอมจนเขาอยากตวัดลิ้นชิมอีกสักหลาย ๆ ครั้ง'คุณทำแบบนั้นกับฉัน คุณต้องรับผิดชอบ'เขาสะดุ้ง เธอรู้ได้อย่างไรว่าเขาอยากจะทำอะไรยังไม่ทันได้ถามว่าเขาจะต้องรับผิดชอบอย่างไร ลลิตราก็โผเข้ามาหา อธิปกางแขนรับร่างนุ่มนิ่มนั้นไว้โดยไม่ทันรู้ตัว พริบตาเดียวเขาและเธอก็ล้มกลิ้งไปบนเตียง'ลูกอม...เธอจะทำอะไรน่ะ'เขาตั้งสติฝืนถามออกไปทั้งที่ใจยังเต้นแรง'คุณเลียแขนฉัน?''ก็ใช่...''คุณต้องรับผิดชอบ!'ชายหนุ่มไม่เข้าใจ แต่วินาทีต่อมาเขากับเธอก็แลกลิ้นกันอุตลุต อธิปบดเบียดความเป็นชายที่แข็งขึงเต็มที่เข้าหาร่างนุ่มนิ่ม มันลึกเข้าไป ลึกเข้าไป ลึกเข้าไป จน..."อ๊าาา..." เขาสะ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status