มู่ชิงซานทำคอตกและเดินไปอยู่ในมุมเหงาๆ ของตน แม้แต่ตือเมี่ยวเขาก็ไม่อยากเย้าหยอกมัน กระทั่งถึงอาหารมื้อคำ เขาหิวโซจนตัวสั่น น้ำลายสอ แต่ฟ่านรั่วเจี๋ยไม่ต้องการให้เขาร่วมโต๊ะด้วย อีกทั้งมีท่าทางมึนตึงใส่เขาตลอด
“นั่นส่วนของเจ้า จงกินที่พื้น ยามนี้ชาย-หญิงไม่ควรเข้าใกล้กัน อีกทั้งเจ้ายังก่อความผิดใหญ่หลวงต่อแม่ทัพเกา”
“แต่ท่านเป็นมารดา สั่งสอนแล้วก็ต้องให้อภัยข้าจึงจะนับว่าประเสริฐ!”มู่ชิงซานเอ่ยด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
“ใช่ ข้าคือมารดาเจ้า แต่เจ้าก่อเรื่องไม่เว้นวัน เช่นนี้ควรตัดหัวแล้วส่งไปให้พวกคนเลวต้าหลาง!”
ฟ่านรั่วเจี๋ยเอ่ยไปด้วยความโกรธจึงไม่ทันยั้งคิด แต่วาบนั้นเหมือนมู่ชิงซานจะได้สติกลับคืน ดวงตาคมมีประกายวาววาม สีหน้าบึ้งตึงชวนให้ประหวั่นใจ
“ต้าหลาง...” เขาเอ่ยเสียบเรียบๆ แต่ไม่รู้เหตุใดมันชวนให้ฟ่านรั่วเจี๋ยขนลุกซู่ราวกับมียมทูตมายืนอยู่เบื้องหน้านาง
หญิงสาวขวัญหนีดีฝ่อ อย่างไรเสียเรือนกายสูงใหญ่นี้ก็คืออ๋องปีศาจ!
“ขะ...ข้าหมายถึงพวกศัตรูที่อยากครอบครองบ้านเมืองเรา และเจ้าก็ซุกซนจนทำให้ข้าโมโห เลยพลั้งปากกล่าวถ้อยคำเหลวไหล”
“ละ...แล้วทำไมต้องตัดหัวข้าด้วย”
ฟ่า