“เราคงต้องขอตัวกลับวังก่อนนะครับ”
ท่านชายหันไปพูดกับคุณชายเล็กพร้อมกับจับมือพุดเดินออกไปโดยไม่สนเลยว่าพุดจะอยากกลับหรือไม่
“ขะ...ขอรับกระหม่อม”
คุณชายเล็กถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้า การเข้าหาพุดเป็นเรื่องที่ยากเย็นเสียเหลือเกิน
“ฝ่าบาท!...ฝ่าบาท!!...พี่ชายพัฒน์!!! เป็นอะไรไป?”
พุดเอ่ยถามท่านชายที่เดินลากแขนตัวเองออกมาจากงานโดยไม่พูดไม่จา
“ถ้าวันนี้ไม่พูด ก็ไม่ต้องมาพูดกันอีกเลย!!!”
พุดพูดออกไปด้วยอารมณ์โมโห และไม่เข้าใจว่าท่านชายพัฒน์ไปกินรังแตนที่ไหนมา ทำไมต้องมาลงที่เขาแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองมัวแต่เต้นรำสนุกสนาน และทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวแท้ ๆ เขาไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย
แต่ตลอดทางจนขับรถกลับมาถึงบ้าน ท่านชายก็ไม่พูดอะไรเลยสักคำ เพียงแค่ส่งพุดเข้าห้องนอนแล้วตัวเองก็กลับห้องไป ต่างคนต่างอาบน้ำและเข้านอน
ภายในห้องนอนของท่านชาย เขานอนเอามือก่ายหน้าผาก เพราะนอนไม่หลับ รู้สึกหงุดหงิด มันร้อนรุ่มในหัวใจ เขานอนพลิกไปพลิกมาหลายตลบจนสุดท้าย…
“เป็นไงเป็นกัน!!!”
ท่านชายตัดสินใจเดินออกจากห้องไปยังจุดหมายด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว
ก๊อกๆๆๆ ก๊อกๆๆๆ
พุดที่กำลังจะเคลิ้ม ๆ หลับก็สะดุ้งตื่น เดินงัวเงียไปเปิดประตู
“พี่ชายพัฒน์!!! มีอะไรหรือ?”
พุดงุนงงที่จู่ ๆ ท่านชายก็มาหาดึก ๆ ดื่น ๆ เช่นนี้ ท่านชายผลักพุดเข้าไปในห้องพร้อมกับปิดประตูลงกลอน
“???”
ตอนนี้ท่านชายเริ่มมั่นใจแล้วว่าพุดคิดอย่างไรกับเขา เพราะในงานวันนี้เขาแกล้งคุยกับคุณหญิงวิลาโดยทำเป็นไม่สนใจพุด แล้วพุดก็แสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจ แม้จะไม่ได้โวยวาย แต่อาการชอบเอาของกินเข้าปากรัว ๆ นั้น แสดงว่าพุดกำลังรู้สึกไม่ดีมาก ๆ มันไม่ใช่แค่อาการน้องหวงพี่ชายแน่ ๆ เขาขอเข้าข้างตัวเองก่อนก็แล้วกัน และวันนี้เขาก็รู้สึกหงุดหงิดที่มีชายหนุ่มมาคุยสนิทสนมกับพุด แถมนิสัยดี หน้าตาหล่อเหลาอย่างคุณชายเล็ก แล้วคุณชายเล็กนี่กล้าดียังไงเอามือมาสัมผัสริมฝีปากของพ่อพุด ลางสังหรของเขามันบอกว่าคุณชายเล็กคนนั้นคิดเกินเลยกับพุดแน่นอน ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ไหนจะบรรดาคุณหญิงคุณชายที่เข้าหาพุดวันนี้ แต่ละคนมีจุดประสงค์อะไร ทำไมเขาจะดูไม่ออก เขากลัวเหลือเกิน กลัวว่าเจ้าเด็กดื้อคนนี้จะหวั่นไหวไปกับคนอื่น เขายอมรับว่าไม่พอใจมาก ๆ ความหึงมันขึ้นหน้า เลยรีบพาพุดกลับบ้านเพราะไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนมาวุ่นวายใกล้ชิดกับพุดอีก และขืนปล่อยไว้แบบนี้เขาต้องอกแตกตายเสียก่อน เพราะอีกไม่นานเขาต้องห่างพุดไปศึกษาต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ ในวันนี้คงต้องคุยกันให้กระจ่างแจ้ง ไม่เช่นนั้นเขาคงไปด้วยความไม่สบายใจเป็นแน่
“อ๊ะ!!! พี่ชายพัฒน์!!!”
พุดร้องตกใจที่จู่ ๆ ท่านชายก็ดันตนเองชิดผนังห้องแล้วเอาแขนค้ำไว้
“ตอนนี้...พ่อพุด...รู้สึกเช่นไร?”
ท่านชายเอ่ยพร้อมจ้องมองใบหน้าของพุดด้วยแววตาที่ลึกซึ้งเกินกว่าพี่ชายมองน้องชาย โดยไม่ปิดบังความรู้สึกใด ๆ อีก ใบหน้าของเขาโน้มลงมาใกล้จนพุดเริ่มประหม่า
“ระ...รู้สึกอะไรกระหม่อม?”
พุดถามพร้อมกับหลบสายตาคนตรงหน้า ทั้งงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ได้ใกล้ชิดกันมากขนาดนี้ กลัวเหลือเกิน กลัวว่าท่านพี่ของเขาจะได้ยินเสียงหัวใจที่มันกำลังเต้นดังขึ้นเรื่อย ๆ แล้วความลับที่เก็บมานานจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป
“พ่อพุดเขินอายพี่หรือ?”
“ทะ...ท่านพี่ ไยจึงตรัสเช่นนั้นออกมา”
“รู้สึกหวงพี่...รักพี่...ใช่หรือไม่?”
พุดตกใจกับคำถามของท่านชาย ถามคำถามอุกอาจเกินไปแล้ว และในสถานการณ์เช่นนี้ เขาต้องตอบว่าอย่างไรกัน
“ระ...รักสิ ก็ท่านพี่เป็นพี่”
“แล้วถ้าพี่ไม่เป็นพี่ เจ้าจะรักพี่หรือไม่?”
“...”
พุดหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ ใจเต้นแรงจนจะทะลุออกมานอกอก ใช่แล้ว...เขารู้ตัวว่าแอบหลงรักพี่ชายใจดีคนนี้มาตั้งนานแล้ว แม้เสด็จท่านจะรักและเอ็นดู ส่งเสียเลี้ยงดูพุดดุจลูกชายอีกคน แต่กับพระญาติคนอื่น ๆ ล้วนมองพุดด้วยสายตาที่อยู่สูงกว่า เพราะพุดไม่ได้มีสายเลือดของชนชั้นสูงเลย มีเพียงท่านชายที่คอยดูแลปกป้องเขาอย่างใกล้ชิด ทำให้เขาเติบโตมาในสังคมชนชั้นสูงโดยที่ไม่มีใครกล้ารังแกหรือแสดงความเหยียดหยามออกมา แต่ความรู้สึกผูกพันแบบพี่น้อง แปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกที่เกินเลยตั้งแต่เขาเริ่มเติบโตพอที่จะเข้าใจและได้สัมผัสความรักในหลาย ๆ รูปแบบ และเขาก็รับรู้ได้ว่าความรู้สึกที่ท่านชายมีให้เขามันมากกว่าความเป็นพี่ชายน้องชาย เขาไม่ใช่คนโง่ เพียงแต่เขาคิดว่ามันคือรักต้องห้าม เป็นไปไม่ได้ จึงไม่กล้าคิดเกินเลยกว่านั้น แต่แม้จะทำใจไว้แล้วว่าสักวันท่านชายจะต้องแต่งงานมีครอบครัวก็อดปวดใจไม่ได้อยู่ดี ที่เห็นท่านชายเข้าใกล้ผู้หญิงคนอื่น
“อีกไม่นานพี่จะต้องไปเรียนต่อต่างประเทศแล้ว พี่จะไม่ยอมไปทั้ง ๆ ที่เรายังเป็นแบบนี้กัน”
“เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ...”
“พ่อพุดคิดว่าดีแล้วจริง ๆ หรือ?”
ท่านชายหงุดหงิดกับคนปากแข็ง แกล้งก้มหน้าลงไปแนบชิดจนลมหายใจร้อนปะทะเข้าที่พวงแก้มของคนที่พยายามหันหน้าหนี
“ดะ...ดีสิครับ”
พุดตอบด้วยเสียงเบาที่ไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด
“งั้น...มาพิสูจน์กัน”
“พิสูจน์อย่างไ...”
พุดยังเอ่ยถามไม่ทันเสร็จ ท่านชายก็ช้อนท้ายทอยของพุดขึ้นมาจูบอย่างแผ่วเบา ริมฝีปากหนาค่อย ๆ บดริมฝีปากคนน้องด้วยความเนิบช้า พุดเบิกตากว้างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ใบหน้าเห่อร้อน ใบหูแดงก่ำ สมองขาวโพลนคิดอะไรไม่ออก ถึงจะแอบรักพี่ชายนอกสายเลือดคนนี้มาแสนนาน แต่นี่คือจูบแรกของเขา และมันมาแบบไม่ทันตั้งตัว อาการมือไม้อ่อนไร้การขัดขืนใด ๆ ของพุด ยิ่งทำให้ท่านชายได้ใจสอดเรียวลิ้นเข้าไปพัวพันลิ้นของอีกฝ่ายจนน้ำลายใสชุ่มฉ่ำไหลย้อยลงมาตามมุมปาก ท่านชายไม่รังเกียจใด ๆ กลับไล่โลมเลียจนเกลี้ยง และขบเม้มริมฝีปากบางด้วยความเสน่หา ก่อนที่จะถอนปากออกด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ไหนว่าเป็นพี่น้องไง แล้วเหตุใดพ่อพุดไม่ขัดขืนพี่ พี่น้องกัน ไม่ทำเช่นนี้กันหรอกนะ”
ท่ายชายเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มร้ายกาจทำให้พุดได้สติพยายามจะดันตัวท่านชายออก
“อย่าปฏิเสธหัวใจตัวเองอีกเลย หากพี่ไปเรียนต่อแล้ว เราต้องจากกันทั้งแบบนี้ เจ้าจะไม่เสียใจหรือ?”
“แต่เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้”
พุดตอบด้วยเสียงเศร้าหมอง
“เป็นไปได้สิ ในเมื่อพี่รักเจ้า ในเมื่อเรารักกัน”
สิ้นคำบอกรักจากท่านชาย พุดน้ำตาเอ่อคลอ หัวใจอ่อนยวบเหมือนกำแพงที่ตัวเองได้สร้างเอาไว้พังทลายลง
“...”
พุดโน้มคอท่านชายลงมาจูบด้วยความรู้สึกท่วมท้น น้ำตาไหลอาบแก้ม เขาไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อท่านชายเองยังไม่กลัว เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีก ไฟพิศวาสจากหัวใจของท่านชายได้ลุกโชนขึ้นจนอยากจะถอยหลังกลับ
“พี่ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว วันนี้...เป็นของพี่ได้หรือไม่?”
ท่านชายเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ความรู้สึกอยากครอบครองที่เก็บไว้มานานได้ล้นทะลักออกมาจนเก็บไว้ไม่อยู่
“...”
“ถ้าพ่อพุดไม่พูด พี่ถือว่าเจ้าตอบรับ...”
พูดจบท่านชายก็ผลักพุดลงไปนอนบนเตียงนุ่มพร้อมกับเอาตัวเองทาบทับตามไป คนใต้ร่างสัมผัสได้ถึงแก่นกลางกายแข็งขืนภายใต้กางเกงผ้าแพร พุดไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนแต่ใช่ว่าเขาจะไร้เดียงสา เขาก็เด็กผู้ชายทั่วไปที่อยากรู้อยากเห็น เคยฟังเพื่อน ๆ เล่าประสบการณ์ขึ้นครูก็ออกจะบ่อย แม้เรื่องเล่นสวาทจะไม่ได้เปิดเผยในวงกว้าง แต่เรื่องเล่าขานก็มีมากพอที่เขาจะจินตนาการภาพออก
“พะ...พี่ชายพัฒน์...เคยทำกับใครหรือไม่?”
พุดเอยถามด้วยความกระดากอาย แต่เพราะความอยากรู้เลยลองกลั้นใจถามออกไป
“ไม่เคย...”
“จริงหรือ?”
พุดไม่อยากจะเชื่อ ท่านชายก็อายุปาไป 26 ปีแล้ว มีคนเข้าหามากหน้าหลายตา จะเป็นไปได้อย่างไรที่ไม่เคย...
“เจ้าไม่เชื่อพี่?”
ท่านชายพูดพร้อมบดเอวเข้าหาร่างบางที่มีเพียงกางเกงขวางกั้น
“พี่ชายพัฒน์...”
“ห้ามทำสายตาแบบนี้กับใครนอกจากพี่”
ท่านชายบดขยี้ริมฝีปากลงไปอีกครั้งด้วยความเร่าร้อนมากขึ้นกว่าเดิม เสียงครางเรียกแผ่วเบาพร้อมกับสายตาหวานที่มองมายิ่งกระตุ้นไฟราคะของเขาให้ลุกโชน พุดเองก็ไม่ต่างกัน ตอนนี้ความต้องการของเขาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนต่างปลดกระดุมเสื้อให้กันและกัน เผยให้เห็นแผงอกกว้างกล้ามเนื้อแน่นขาวนวลที่มีเหงื่อชุ่มตัวของท่านชาย พุดประหม่าไม่กล้ามองตรง ๆ ท่านชายยิ้มชอบใจกับอาการของคนตรงหน้า เขาจับมือของพุดขึ้นมาแนบแผงอกของตัวเอง
“พ่อพุดอยากสัมผัสหรือไม่”
“มะ...ไม่”
“แต่พี่อยาก...”
“อ๊ะ...”
ท่านชายก้มลงไปขบเม้มยอดเนินอกสีอ่อนของคนปากแข็ง ก่อนจะค่อย ๆ โลมเลียและดูดดึงราวกับหิวกระหาย มืออีกข้างสอดเข้าไปใต้แผ่นหลังเนียนพร้อมไล้ลงไปขยำก้นนิ่มกลมกลึง ตอนนี้ทั้งสองคนทาบทับกันด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่าไม่มีอาภรณ์ใด ๆ ปกปิด
อีกฟากหนึ่งของห้อง พุดยืนตัวแข็งทื่อมาสักพักแล้ว เขาตั้งใจดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้น และบางครั้งก็เริ่มรู้สึกคุ้น ๆ กับเหตุการณ์ที่เห็น แต่ว่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดอยู่ตอนนี้นั้น...
“เอ่อ...ท่านชาย เรา...จะไม่วาร์ปไปที่อื่นเหรอ?”
“จะไปไหนเล่า นี่คือเหตุการณ์สำคัญนะ พี่บอกแล้วว่าจะพามาในช่วงที่จะไม่มีใครมาขัดจังหวะ”
“...”
พุดไปต่อไม่ถูก ได้แต่กลั้นใจดูเหตุการณ์ตรงหน้า เพราะเริ่มรู้สึกว่ามีความทรงจำบางส่วนเชื่อมต่อกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ท่านชายแอบอมยิ้มเบา ๆ เอ็นดูในความเลิ่กลั่กของพุด
“อื้อ...”
เสียงครางของพุดในนิมิตเริ่มดังขึ้นเพราะคนพี่ไล้โลมเลียตั้งแต่ยอดปทุมสีอ่อนลงมาจนถึงกลางหน้าท้องขาวเนียน ทำเอาพุดเรี่ยวแรงอ่อนระทวย น้ำสีขาวขุ่นเริ่มไหลออกมาจากแก่นกายด้านล่างจนเปียกฉ่ำ ท่านชายเอามือกอบกุมแก่นกายสีอ่อนของพุดพร้อมกับเอานิ้วปาดน้ำหล่อลื่นที่ไหลมาชุ่มหัวหยักสีชมพูไปป้ายที่ช่องทางด้านหลังอย่างชำนาญ
“ไหนตรัสว่าไม่เคย...”
“พี่ไม่เคย แต่ใช่จะไม่รู้ความ พี่แค่...อยากทำกับเจ้าเพียงผู้เดียว”
“ร้ายกาจที่สุด...”