“อ๊า...สดชื่นนนน สงสัยนอนหลับสนิทเพราะยาคลายเครียดของหมอแน่ ๆ เลย”
พุดเข้าออฟฟิศมาด้วยความสดใสเพราะหลับสนิทตลอดคืน วันนี้จึงทำงานด้วยความกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ
“พุด ๆ พี่ฝากเอาเอกสารไปให้คุณดินหน่อยดิ เที่ยงแล้วพี่นัดกับแฟนไปกินข้าวอะ ถ้าไปช้าโดนบ่นหูชาแน่เลย”
“ได้ครับพี่แม็ค”
พุดมักจะถูกเอาเปรียบเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเพื่อนร่วมงานแบบนี้เสมอ ๆ แต่ด้วยความที่เป็นคนมีน้ำใจไม่คิดเล็กคิดน้อย เขาจึงไม่ได้รู้สึกแย่อะไร
ก๊อกๆๆๆ
“เชิญครับ...”
ภายในห้องทำงานของบดินทร์ เขากำลังนั่งดูไอแพดอยู่ที่โซฟาหนังสีดำขนาดใหญ่
“ผมเอาเอกสารจากพี่แม็คมาให้ครับ ให้ผมวางไว้ตรงไหนดีครับ”
“เอามาให้พี่”
บดินทร์รับเอกสารมาโดยที่สายตาแอบเหลือมองคนหน้าหวานแล้วยิ้มบาง ๆ พุดไม่ทันสังเกตและกำลังจะเดินออกไป
“เอ่อ...น้องพุด”
“ครับ...”
“มันมีจุดผิดอยู่ตรงนี้นะ”
“คะ...ครับ?”
“มานี่ ๆ”
บดินทร์เรียกพุดให้มาดูเอกสารใกล้ ๆ พุดเดินเข้าไปดูเอกสารแบบงง ๆ เพราะเอกสารพวกนี้เขาไม่ได้รู้เรื่องด้วย มันเป็นส่วนงานที่เขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยว
“มาใกล้ ๆ นั่งลง ๆ”
คนตัวเล็กถูกดึงลงให้ไปนั่งที่โซฟาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้ตัวไหลลงไปแนบชิดอีกฝ่ายโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เอ่อ...ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไร...มานี่ ใกล้อีก เดี๋ยวไม่เห็น”
บดินทร์โอบตัวพุดให้มาแนบประชิดตัวเองมากขึ้นจนพุดเริ่มรู้สึกว่ามันแปลก ๆ อีกแล้ว
“นี่ไง ตรงนี้ผิด”
“เอ่อ...พอดีผมไม่ค่อยรู้เรื่องน่ะครับ ถ้าไงเดี๋ยวผมบอกพี่แม็คให้นะครับ”
“อ้าวเหรอ โอเค ๆ อืม...น้องพุดตัวหอมจัง...”
“คะ...ครับ?”
“อ๋อ...พี่จะถามว่าใช้น้ำหอมอะไร หอมดี เผื่อจะซื้อมาใช้มั่ง”
“อ่า...ผมไม่ได้ใช้น้ำหอมครับ น่าจะกลิ่นครีมอาบน้ำมั้งครับ”
“เหรอ...อืม...แต่หอมจริง ๆ นะ”
บดินทร์โน้มหน้าไปสูดดมใกล้ ๆ คอขาวเนียน แล้วทำเหมือนเป็นเรื่องปกติทั้ง ๆ ที่มันไม่ปกติสักนิดในความคิดของพุด
“เอ่อ...เดี๋ยวผมไปกินข้าวก่อนนะครับ แล้วเดี๋ยวผมบอกพี่แม็คเรื่องเอกสารให้นะครับ”
พุดรีบลุกขึ้นและรีบขอตัวออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์แปลก ๆ ตรงหน้า บดินทร์แอบยิ้มร้าย รู้สึกสนุกที่พุดไม่ได้ง่ายเหมือนคนอื่น ๆ ที่ผ่านมา
ตลอดช่วงบ่าย พุดทำงานหัวหมุนเพราะโดนใช้ให้ส่งเอกสารข้ามแผนก รวมถึงตามเก็บงานที่พวกรุ่นพี่ทำไว้ไม่ละเอียด จนลืมเหตุการณ์แปลก ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าไปจนหมดสิ้น จนกระทั่งใกล้เวลาเลิกงาน
“ทุกคนนนนน เย็นนี้คุณดินจะพาไปเลี้ยง”
“เฮ้ยยย จริงดิ”
“ลาภปากแล้วโว้ย”
เสียงพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นของพนักงานรุ่นพี่ได้ยินมาถึงพุด เขาครุ่นคิดในใจว่าแล้วเขาจำเป็นต้องไปไหม ถ้าไม่ไปจะเป็นอะไรไหม? เพราะตอนนี้เขาอยากกลับบ้านพักผ่อนมากกว่า
“น้องพุด ไปด้วยกันนะ”
“เอ่อ...”
“น้องพุดต้องไปอยู่แล้วสิ คุณดินตั้งใจเลี้ยงต้อนรับน้องพนักงานใหม่เลยนะ”
รุ่นพี่คนหนึ่งเอ่ยขึ้นมาแบบนี้พุดก็รู้ชะตากรรมตัวเองแล้วว่าไม่สามารถปฏิเสธได้
“คะ...ครับ ไปก็ไปครับ...”
“เยี่ยม!!! ให้มันได้อย่างนี้สิ”
ณ ห้อง VIP ภัตตาคารอาหารจีนแห่งหนึ่ง กลุ่มพนักงาน นั่งสังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน โดยมีบดินทร์นั่งเป็นประธานอยู่หัวโต๊ะ
“กินให้เต็มที่เลยนะ ใครไม่เมาผมไม่ยอมนะ”
“จัดไปครับบอส นาน ๆ จะลาภปากที ผมไม่เกรงใจแล้วนะครับ”
บดินทร์สนทนาอย่างเป็นกันเองกับพวกพนักงานโดยที่สายตาเหลือบมองพุดอยู่ตลอดเวลา เห็นพุดนั่งเกร็ง ๆ ไม่ยอมแตะแอลกอฮอล์เลยจึงเอ่ยถามออกไป
“น้องพุดไม่สนุกเหรอ?”
“เปล่าครับ สนุกครับ”
พุดตอบออกไปพร้อมกับยิ้มแห้ง ๆ ก็แหงล่ะ เขาโกหก ไม่สนุกเลยสักนิด แต่จะให้พูดออกไปได้ยังไงว่าไม่สนุก เขายังไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานตั้งแต่เริ่มทำงานใหม่ ๆ หรอกนะ
“น้องพุดดื่มไม่เป็นเหรอครับ?”
“อ๋อ...คอไม่ค่อยแข็งน่ะครับ”
คำตอบของพุดทำบดินทร์ลอบยิ้มมุมปาก กำลังคิดอะไรบางอย่างในใจ.........
“สักหน่อยนะครับ มากินเลี้ยงทั้งที ถือว่าให้เกียรติพี่ ๆ เค้าด้วย”
บดินทร์พูดพลางมองไปทางพนักงานคนอื่น ๆ ที่นั่งก๊งเหล้ากันอย่างสนุกสนาน
“เฮ้ย...มันต้องสักหน่อยแล้ว ไม่งั้นถือว่าไม่เห็นพวกพี่ในสายตานะ”
พนักงานคนอื่นพูดสมทบขึ้นมา เพราะยิ่งเห็นคนไม่อยากดื่มเหล้า คนพวกนี้ยิ่งสนุกที่ได้บังคับ
“อ่า...ก็ได้ครับ”
พุดยอมจำใจยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบเพราะขี้เกียจทำตัวมีปัญหา
“อะไรกันน้องพุด จิบแค่นี้เนี่ยนะ มันต้องหมดแก้วแล้วมั้ย มาๆๆๆ เอ้าชน!!!”
พนักงานทุกคนลุกขึ้นมาชนแก้วกัน พุดจึงต้องชนตอบเป็นมารยาท และต้องฝืนกระดกจนหมดแก้วเพราะเสียงเชียร์จากรุ่นพี่ที่กดดันมา โดยที่เหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ในสายตาของบดินทร์
“เอ้าหมดแก้วๆๆๆ”
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ตอนนี้พุดรู้สึกว่าจะเริ่มประคองสติตัวเองไม่ไหว และคิดว่าสมควรแก่เวลาแล้วจึงเอ่ยขอตัวกลับและออกมายืนรอแท็กซี่อยู่หน้าร้าน ในขณะที่กำลังกดเรียกแท็กซี่คันใหม่เพราะคันก่อนหน้าที่จองไว้ยกเลิกไป
“น้องพุดโอเคมั้ยครับ”
“อ้าว พี่ดิน จะกลับแล้วเหมือนกันเหรอครับ”
“อืม...จะกลับแล้ว มา...พี่ไปส่งดีกว่า”
บดินทร์พูดจบก็เข้าไปประคองพุดที่ยืนโงนเงนอยู่
“ไม่เป็นไรครับพี่ ผมเรียกแท็กซี่เอาดีกว่า”
“ห้ามปฏิเสธ เมาขนาดนี้มันอันตราย ให้พี่ไปส่งแหละดีแล้ว”
“เอ่อ...ครับ”
พุดตอบรับน้ำใจของบดินทร์ไปเพราะตอนนี้รู้สึกว่าแค่ยืนก็ยังจะไม่ไหว มีคนไปส่งก็คงจะดีกว่า...
รถยนต์คันหรูมาจอดที่หน้าบ้าน ครั้งนี้บดินทร์ถือวิสาสะประคองพุดเข้าบ้านโดยที่พุดไม่ได้ปฏิเสธเพราะสติสัมปชัญญะเริ่มเหลือน้อยลงทุกที บดินทร์ประคองพุดมานอนที่โซฟา
“ขอบคุณมาก ๆ ครับที่มาส่ง กลับดี ๆ นะครับ”
พุดกล่าวขอบคุณด้วยเสียงแหบแห้งและไร้เรี่ยวแรงเพราะมึนเมาจนควบคุมร่างกายตัวเองไม่ค่อยได้ แต่มันกลับเป็นภาพที่ทำให้บดินทร์เริ่มคุมสัญชาตญาณตัวเองไม่อยู่เหมือนกัน
“จะรีบไล่พี่ไปไหนล่ะ เราน่าจะไม่ไหวนะ ให้พี่ช่วยดีกว่า”
หลังกล่าวจบ บดินทร์ก็ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้าง ๆ กายพุด และเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของพุดออกทีละเม็ด ๆ
“พี่ดินจะทำอะไรครับ?!”
พุดเอามือปัดป้องไม่ให้อีกฝ่ายแกะกระดุมเสื้อตัวเอง
“พี่เหรอ? ไม่ได้จะทำอะไร แค่จะช่วยดูแลเราน่ะ”
การกระทำของบดินทร์ทำให้พุดเริ่มได้สติ พยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้น
“อ่า...ไม่เป็นไรครับพี่ ขอบคุณมาก ๆ ครับ เดี๋ยวพุดจะขึ้นไปอาบน้ำนอนแล้วครับ”
พุดเอ่ยปฏิเสธแบบมีมารยาท แต่มือของเจ้านายหนุ่มยังไม่หยุดแกะกระดุมเสื้อของเขา แถมเริ่มลูบไล่สัมผัสที่แผงอกนุ่ม
“ผิวเนียนจังเลยนะครับ”
บดินทร์เอ่ยออกมาด้วยแววตาลุ่มหลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีปิดบังความรู้สึกอีกต่อไป ตอนนี้พุดรู้แล้วว่าเขากำลังจะเจอกับอะไร
“พี่หยุดเถอะครับ ผมไม่ชอบแบบนี้ครับ”
“แต่พี่ชอบเรานะ ไหนๆ เราก็ไม่มีแฟน ลองเปิดใจให้พี่ดูมั้ย?”
“อะ...อะไรนะครับ? พี่อย่าล้อเล่นแรงแบบนี้เลยครับ”
“พี่ไม่ได้ล้อเล่น พี่ชอบเราจริง ๆ เปิดใจให้พี่นะ พี่จะทำให้เรามีความสุข”
“พี่ครับ ผมไม่ได้...อ๊ะ!!!”
พุดจะเอ่ยปฏิเสธพร้อมกับพยายามลุกหนี แต่บดินทร์โถมตัวเองลงไปทาบทับและกดข้อมือทั้งสองข้างของเขาเอาไว้ ทำให้ขยับตัวลำบาก
“อย่าปฏิเสธสิ พี่เห็นนะว่าวันนี้เราถูกเพื่อนในออฟฟิศแกล้งน่ะ มาเป็นเด็กของพี่ รับรองว่าจะไม่มีใครแกล้งเราได้ แล้วน้องพุดอยากได้อะไรพี่ให้ได้ทุกอย่าง”
“พี่อย่าทำแบบนี้เลยนะครับ ผมไม่ได้ชอบพี่”
“ยังไม่ได้ลองเลย แล้วรู้ได้ไงว่าไม่ชอบ กลัวแต่ได้ลองแล้วจะติดใจนะครับ”
บดินทร์กล่าวด้วยแววตาหื่นกระหาย พร้อมกับโน้มใบหน้าลงไปไซ้ซอกคอขาวของคนใต้ร่าง
“อืม...หอมจัง”
“หยุดนะ ไม่เอา อย่าทำกับผมแบบนี้!!!”
พุดพยายามดิ้นขัดขืนสุดชีวิต ทั้งผลักทั้งถีบ จนบดินทร์ทนไม่ไหวชกไปที่ส่วนท้องของพุด
“อ๊ะ!!!”
พุดร้องออกมาได้ไม่ดังมากเพราะความจุก แขนขาอ่อนแรง ไม่สามารถออกแรงต้านทานได้อีก
“อยู่นิ่ง ๆ แล้วน้องจะไม่เจ็บ อย่าพยายามขัดขืนเลย ยังไงคืนนี้น้องก็หนีพี่ไม่รอดหรอก”
“ช่วยด้วย...ใครก็ได้ช่วยที...”
พุดได้แต่คิดในใจ ไม่มีแรงแม้จะเปล่งเสียงออกมา น้ำตาเริ่มเอ่อคลอเพราะรู้สึกขยะแขยงบดินทร์สุดชีวิต
“ผิวเนียน ๆ นุ่ม ๆ แบบนี้พี่จะทำรอยไว้ให้ทั่วตัวเลยนะครับ”
บดินทร์พูดพลางค่อย ๆ แกะกระดุมเสื้อของพุดออกทีละเม็ด ๆ จนเผยให้เห็นยอดเนินอกสีหวาน
“โคตรน่ากินเลย”
ไม่เพียงแค่พูด บดินทร์ค่อย ๆ โน้มตัวลงหวังจะเอาลิ้นสัมผัสกับยอดเนินอกของคนใต้ร่าง
“โอ๊ย!!!”
บดินทร์หน้าหงายเหมือนมีใครมากระชากผมอย่างรุนแรง
“เหี้ยไรวะเนี่ย?!!” เขาหันซ้ายหันขวาและมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นตระหนกและงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“มึงมองหากูหรือ ไอ้ชาติชั่ว!!!”
“เฮ้ยยยยยย!!!”
เสียงดุดันก้องกังวานโผล่มาพร้อมกับใบหน้าที่ครึ่งหนึ่งอาบไปด้วยเลือดแดงฉานและเนื้อที่เปื่อยยุ่ย เบ้าตาลึกโบ๋ ดวงตาถลนออกมาห้อยต่องแต่งอยู่ด้านนอกซึ่งขณะนี้อยู่ใกล้กับหน้าของบดินทร์จนแทบจะประชิดกัน กลิ่นเหม็นเน่าปะทะเข้ากับจมูกของเขาเต็ม ๆ ทำให้บดินทร์ตกใจกลัวสุดขีด กรีดร้องโหยหวนวิ่งเผ่นแน่บออกจากบ้านและสตาร์ทรถออกไปด้วยความรวดเร็ว
ภายในบ้าน ทุกสิ่งอยู่ในความเงียบอยู่ครู่ใหญ่ สองคน...ไม่สิ 1 คน กับ 1 ตน กำลังนั่งสบตากันโดยที่ฝ่ายที่เป็นคนมีอาการสั่นเล็กน้อย
“ขะ...ขอบคุณ”
พุดเริ่มมีแรงค่อย ๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง ตนมั่นใจแล้วว่าชายตรงหน้าไม่ใช่คนแน่ ๆ ยังดีที่ตอนนี้ใบหน้าของเขากลับมาหล่อเหลาแบบเดิมแล้ว ไม่งั้นพุดคงไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามอง ใช่แล้ว พุดจำเขาได้แม่นเลย ท่านชายปกรณ์ณพัฒน์ที่อยู่ในความฝัน
“เจ้าไม่กลัวพี่แล้วหรือ?”
ราชนิกูลหนุ่มเอียงคอถามกลับปนรอยยิ้มเล็กน้อยที่แฝงไปด้วยความอบอุ่น ตอนนี้พุดเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าในคืนที่พุดเจอหน้าเขาครั้งแรกแล้วกลัวจนสลบไปนั้นไม่ใช่ความฝัน
“ก็...นิดนึง แต่คุณ เอ่อ...ท่านชายมาช่วยผมไว้ ก็แปลว่าปะ...เป็นผีดี...ใช่มั้ย? แล้วอีกอย่าง...ฝ่าบาทเป็นคนบอกเองว่าจะไม่มีวันทำร้ายผม”
“จำคำพี่ไว้ พี่ไม่มีวันทำร้ายเจ้า อย่าได้กลัวพี่...”
เสียงนี้ยังคงก้องอยู่ในหัวของพุด เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงได้เชื่อถือในคำพูดนี้นัก เลยทำให้การปรากฏตัวของท่านชายในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้พุดกลัวดังเช่นวันแรกที่ได้เจอ กลับรู้สึกว่าวิญญาณตนนี้น่ากลัวน้อยกว่ามนุษย์ที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าของเขาที่เผ่นออกไปเมื่อสักครู่เสียอีก
“ดีสิ...ดีมากด้วย”
ไม่พูดเปล่า เขาค่อย ๆ นั่งลงข้าง ๆ ทำให้พุดถดถอยตัวเองร่นไปชิดขอบโซฟา
“ดี...แต่เล่นเอาเจ้านายผมฉี่ราดเลยนะครับ”
พุดพูดพลางยิ้มแห้ง ๆ พยักหน้าไปตรงพื้นไม้ที่ตอนนี้มีร่องรอยปัสสาวะเรี่ยราดเป็นทางยาวไปยันหน้าประตู
“ปกติพี่ไม่หลอกผู้ใดแบบนี้หรอก มันเสียพลังวิญญาณ เสียบุญกุศลที่สั่งสมมาไม่น้อย แต่ไอ้ชาติชั่วนั่นมันบังอาจมาทำร้ายเจ้า พี่หลอกมันแค่นี้ก็นับว่าเมตตามากแล้ว”
“เอ่อ...”
พุดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ การปรากฏตัวของวิญญาณราชนิกูลหนุ่มทำให้เขามีคำถามมากมายในหัว แต่เรียบเรียงไม่ถูกว่าจะเริ่มถามอะไรก่อนดี“พี่คือเจ้าของเรือนหลังนี้”
วิญญาณหนุ่มรู้ใจคนตรงหน้า จึงเริ่มเล่าประวัติของตนอย่างละเอียด ส่วนพุดพยักหน้ารับหงึก ๆ พยายามตั้งใจฟัง
“แล้ววังในความฝัน?”
“ที่นั่นคือวังรัชนีพงษ์ เป็นวังของเสด็จพ่อ ส่วนเรือนหลังนี้ พี่หมายถึงบ้านหลังนี้คือเรือนหอของเรา”
“อะไรนะ?!! เรือนหอ? ของเรา?”