Search
Library
Home / โรแมนติก / รักลงเสาเข็ม / ตอนที่ 3 ทำไมต้องห่วงเธอ

ตอนที่ 3 ทำไมต้องห่วงเธอ

2025-03-26 00:37:44

“เป็นยังไงบ้าง ศศิรา? แผลลึกไหม?”

กวีรีบรุดมาดูน้องสาวด้วยความเป็นห่วงทันทีที่รู้ว่าเธอบาดเจ็บ โดยมีรสรินติดตามเขามาด้วย

“ไม่เป็นไรค่ะพี่ แต่ห้ามบอกแม่นะ เดี๋ยวแม่เป็นห่วง”

“เธอนี่ก็เป็นแบบนี้ทุกที”

กวีตำหนิน้องสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ

“พี่กวีคะ ฉันปวดหัวมาก ขอยาหน่อยได้ไหมคะ?”

รสริน หญิงสาวผู้ช่ำชองในเสน่ห์ เอ่ยขึ้นพลางส่งสายตาเว้าวอน

“ครับ เดี๋ยวผมไปจัดยาให้”

กวีตอบรับอย่างสุภาพ

“ขอบคุณนะคะ”

รสรินกล่าวพร้อมเอื้อมมือไปจับมือเขา แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอสนใจกวีมากเพียงใด

ศศิรากับปัทมาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ต่างพากันส่ายหน้า

“ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวจริง ๆ”

ปัทมากระซิบเบา ๆ

ในขณะนั้นเอง ชัญญาเดินเข้ามาพร้อมขนมในมือ

“พี่กวี นี่ค่ะ ขนม”

“ขอบคุณนะครับ น้องชัญญา”

กวียิ้มรับด้วยความจริงใจ เพราะในใจลึก ๆ แล้ว เขาเองก็ชอบผู้หญิงแบบชัญญาเช่นกัน เป็นการดีที่เข้าค่ายหกวันนี้จะศึกษาซึ่งกัน

วันที่ห้าของการเข้าค่ายอาสา ….

เช้าวันนี้บรรยากาศบนดอยงดงามราวกับภาพวาด แสงแดดอ่อน ๆ ทาบทอลงบนยอดหญ้าที่ปกคลุมไปด้วยหมอกบาง ๆ

อากาศหนาวเย็นจนไออุ่นจากลมหายใจลอยเป็นควันจาง ๆ อาจารย์พานักศึกษาออกเดินสำรวจธรรมชาติ ชื่นชมความงดงามของขุนเขาและป่าไม้

พร้อมทั้งเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้านในชุมชนเล็ก ๆ แห่งนี้ บ้านไม้หลังเล็กตั้งเรียงรายอยู่ริมทางเดิน กลิ่นฟืนจากเตาผสมน้ำควันไฟลอยมาแตะจมูก เสียงเด็ก ๆ วิ่งเล่นเจื้อยแจ้ว

ขณะที่ชาวบ้านบางคนกำลังนั่งสานตะกร้า บ้างก็กำลังเตรียมอาหารพื้นเมือง

รสรินเลือกเดินเคียงข้างพศวัตและดนัย แต่ดวงตาของเธอกลับจับจ้องไปยังกวีกับชัญญาไม่วางตา

“พศวัตคะ ช่วยพยุงหน่อยได้ไหมคะ? ฉันเจ็บขาน่ะ”

เธอเอ่ยเสียงหวาน พร้อมแตะข้อศอกเขาเบา ๆ

สายตาของกลุ่มนักศึกษาจับจ้องมายังคู่ของพศวัตและรสริน หลายคนกระซิบกระซาบถึงความเหมาะสมของสองคนนี้ ดาวมหาวิทยาลัยกับเดือนมหาวิทยาลัย คู่ที่ดูสมกันราวกับถูกลิขิตไว้

รสรินยิ้มพอใจ เมื่อได้ยินเสียงซุบซิบเหล่านั้น

“ศศิรา ค่อย ๆ เดินนะ จริง ๆ ไม่ต้องมาก็ได้ เจ็บขาขนาดนี้”

ปัทมาเอ่ยด้วยความเป็นห่วง ขณะเดินเคียงข้างเพื่อนที่ขาข้างหนึ่งยังเจ็บอยู่

“มาพี่ช่วยพยุง”

กวีรีบกล่าว เสนอจะช่วยทันที แต่สายตาเขายังมองไปยังชัญญา

“ไม่ต้องพี่! พี่ไปเดินกับชัญญาโน่นเลย เธอไม่มีเพื่อน”

ศศิราเอ่ยเสียงเรียบ ส่งสายตาไปยังชัญญาที่กำลังมองมาอยู่พอดี

ชัญญายิ้มกว้างทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจที่ศศิราเปิดโอกาสให้เธอได้อยู่ใกล้กวี

พศวัต แม้จะเดินอยู่กับรสริน แต่สายตาของเขากลับเหลือบมองศศิราเป็นระยะ คล้ายกับไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้

“โอ๊ย!”

เสียงร้องแผ่วดังขึ้น

ศศิราหยุดเดินทันที เธอเซเล็กน้อยก่อนจะทรุดลงนั่ง มือจับข้อเท้าตัวเองแน่น หยาดเลือดสีแดงไหลซึมออกมาจากแผลเล็ก ๆ บริเวณข้อเท้า

“ขอโทษ! ขอโทษนะ ฉันมัวแต่มองเด็กน้อย ลืมดูทาง พาเธอมาเดินเหยียบหินจนได้”

ปัทมาหน้าเสีย รีบทรุดตัวลงข้าง ๆ

“ไม่เป็นไร ฉันนั่งรออยู่ที่นี่ดีกว่า เธอไปกับเพื่อน ๆ ก่อน ขากลับค่อยมารับฉันก็ได้”

ศศิราฝืนยิ้มบาง ๆ พลางโบกมือไล่ให้เพื่อนไปต่อ

พศวัตชะงักไปทันทีที่ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บของศศิรา แม้ว่าทุกคนจะเดินไปข้างหน้าแล้ว แต่เขากลับไม่ก้าวตามไป

“รสริน คุณเดินไปกับดนัยก่อนนะ ผมขอดูแถวนี้ก่อน”

เขาหยุดเดินแล้วหันไปบอกหญิงสาวที่กำลังคล้องแขนเขา

“รสไปด้วยได้ไหมคะ? รสอยากอยู่กับคุณ”

รสรินเอ่ยเสียงออดอ้อน

“ไม่! ผมอยากเดินคนเดียว”

เขาตอบเสียงแข็ง สีหน้าปราศจากความลังเล

รสรินชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ อย่างไม่เต็มใจ

เมื่อกลุ่มเพื่อนเดินจากไปจนลับสายตา พศวัตจึงรีบสาวเท้ากลับมายังจุดที่ศศิรานั่งอยู่

“ทำไม? เดินไม่ไหวรึไง คนเก่ง?”

น้ำเสียงของเขามีแววเย้าหยอกปนขบขัน

ศศิราเบือนหน้าหนี ไม่ตอบอะไรแม้แต่คำเดียว

“ผมพูดด้วยนะ ไม่พูดด้วย?”

เขาเลิกคิ้ว หรี่ตาลงเล็กน้อย

หญิงสาวยังคงนิ่ง ไม่แม้แต่จะหันมามอง

“นี่เธอจะโกรธอะไรฉันนักหนา อย่าบอกนะว่าโกรธเรื่องวันวาเลนไทน์ ที่ฉันปฏิเสธความรักของเธอ?”

ทันใดนั้น ศศิราก็เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าว น้ำตาคลอหน่วย

“ขอโทษนะคะ วันนั้นฉันแค่อยากให้ช็อกโกแลตคุณ เหมือนกับหลาย ๆ คนที่ชื่นชอบคุณ ในฐานะ FC ไม่ใช่สารภาพรัก กรุณาเข้าใจใหม่ด้วย!”

เธอพูดเน้นทุกถ้อยคำ สายตาจับจ้องเขาแน่นไม่ละสายตา

“และที่ฉันไม่ได้อยากเข้าใกล้คุณ ไม่ใช่เพราะฉันโกรธคุณ แต่เพราะฉันรู้แล้วว่าคุณเป็นคนยังไง คุณคิดว่าตัวเองสูงส่ง เลือกได้ และดูถูกความรู้สึกของคนอื่น ต่อให้ผู้ชายทั้งโลกเหลือแค่คุณ ฉันก็ยอมไม่มีแฟน!”

“นี่เธอ!”

เขากัดฟันแน่น ดวงตาวาวโรจน์ขึ้นมาอย่างโมโห

“ทำไม? รับไม่ได้เหรอคะ? พ่อคนสูงส่ง?”

ศศิราแค่นหัวเราะเยาะสะใจ เพราะรู้ว่าคำพูดของเธอถิ่มแทงใจของเขายิ่งนัก

พศวัตไม่รอช้า เขากระชากต้นคอเธอเข้ามาใกล้ ก่อนจะกดริมฝีปากของเขาบนริมฝีปากของเธอทันที!

ศศิราตาเบิกกว้าง! เธอทุบอกเขาสุดแรง พยายามดิ้นรนให้หลุดจากการกดแนบแน่น ลมหายใจของเธอหอบถี่ขึ้น ราวกับอากาศรอบตัวถูกดูดหายไปหมด

เพี๊ยะ!!

ฝ่ามือบางตวัดฟาดลงบนใบหน้าของเขาอย่างแรง! เสียงดังสะท้อนท่ามกลางบรรยากาศเงียบงันบนดอยสูง

“ฉันเคยคิดว่าคุณเป็นแค่คนใจร้อน ขี้อวด ทะนงตัว แต่ฉันไม่คิดว่าคุณจะเลวได้ขนาดนี้!”

เสียงของเธอสั่นเครือ น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาไม่อาจกลั้นไว้ได้

พศวัตชะงัก ร่างแข็งค้างไปชั่วขณะ ไม่คิดว่าตัวเองจะทำแบบนี้กับเธอ

นี่เป็นจูบแรกของเขา แต่กลับเป็นจูบที่แปดเปื้อนความโกรธและความรู้สึกผิด

เขาทรุดตัวนั่งลง มองดูเธอร้องไห้ด้วยความรู้สึกบางอย่างที่กดแน่นอยู่ในอก ราวกับอยากจะเอื้อมมือไปปลอบ แต่กลับไม่มีความกล้าพอ

เสียงฝีเท้าของกลุ่มนักศึกษาดังใกล้เข้ามา ศศิรารีบปาดน้ำตาทิ้ง พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

“ศศิรา! ทำไมหน้าตาแดงแบบนั้น?”

ปัทมาเอ่ยถามทันทีที่เห็น

“อากาศคงร้อน พาฉันกลับที่พักหน่อย อยากกลับแล้ว” เธอกล่าวเสียงเบา

“ไปสิ ไปพักกันเถอะ”

กวีกับปัทมาช่วยกันพยุงเธอลุกขึ้น พาเดินกลับไปพศวัตยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม มองแผ่นหลังของเธอที่ค่อย ๆ ห่างออกไปเรื่อย ๆ

“พี่วัต ทำไมไม่นั่งอยู่ตรงนี้ล่ะคะ?”

เสียงของชัญญาดังขึ้น

“ไม่ไปเดินกับพี่ดนัยกับพี่รสรินเหรอคะ? อย่าบอกนะว่าสนใจศศิรา?”

เขายังคงเงียบ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“เปล่า พี่แค่เหนื่อย เลยพักอยู่ตรงนี้ ไม่มีอะไรหรอก”

แต่ในใจกลับว้าวุ่นจนหาคำตอบไม่ได้ว่า...ทำไมเขาถึงรู้สึกเป็นแบบนี้ หรือว่าเขาชอบศศิราจริงๆ

ค่ำคืนสุดท้ายของการเข้าค่ายอาสา…

เสียงหัวเราะดังเคล้ากับเสียงเพลงที่บรรเลงอยู่กลางลานกว้างใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน แม้จะไม่มีแอลกอฮอล์ แต่บรรยากาศกลับเต็มไปด้วยความสนุกสนาน

หนุ่มสาวต่างคณะจับกลุ่มพูดคุย บางคนได้เพื่อนใหม่ บางคนได้คนรู้ใจ และบางคนก็ได้มิตรภาพที่ไม่มีวันลืม

แต่ท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเหล่านั้น พศวัตกลับจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง ความสับสนกัดกินจิตใจเขา… นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกแบบนี้

ทั้งชีวิตที่ผ่านมา เขาไม่เคยต้องเป็นฝ่ายคิดถึงผู้หญิงคนไหนก่อน เพราะมีแต่ผู้หญิงที่พยายามเข้าหาเขา แต่ศศิรา… เธอแตกต่าง

“พศวัตคะ คิดอะไรอยู่เหรอคะ”

เสียงหวานของ รสริน ดึงเขากลับมาสู่ปัจจุบัน เธอเดินเข้ามาพร้อมยื่นกระป๋องน้ำอัดลมให้เขา ใบหน้ายิ้มแย้มราวกับไม่ได้สังเกตเห็นความว้าวุ่นในแววตาของเขา

“ไม่มีอะไรหรอกครับ”

เขารับกระป๋องเครื่องดื่มมา เปิดฝาและจิบมันเบาๆ

“คุณสนุกไหมกับค่ายอาสาครั้งนี้”

“สนุกค่ะ โดยเฉพาะที่มีคุณอยู่ด้วย”

รสรินหัวเราะเบาๆ พลางมองเขาด้วยสายตาหมายความนัย

แต่พศวัตกลับเหม่อลอย สายตาของเขากวาดมองไปรอบๆ ราวกับกำลังมองหาใครบางคน

“นายเป็นอะไร ฉันเห็นซึมๆ ตั้งแต่กลางวันแล้วนะ”

ดนัยที่เดินผ่านมาเอ่ยถามด้วยความสงสัย พศวัตสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้า

“ไม่มีอะไร ฉันง่วงแล้ว ขอตัวไปนอนก่อน”

เขาตัดบทเสียงเรียบ ก่อนจะวางกระป๋องเครื่องดื่มลงบนโต๊ะไม้ข้างตัว แล้วผละออกจากวงสนทนา

เขาตัดสินใจเดินกลับที่พัก ทั้งที่หัวใจเต็มไปด้วยความว้าวุ่น

แม้ข้างนอกจะอบอวลไปด้วยบรรยากาศของความสุข แต่ในใจเขากลับหนักอึ้งยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ภาพเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันยังคงวนเวียนอยู่ในหัว… ทำไมเขาต้องสับสนแบบนี้? ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงทำให้เขาไขว้เขวได้ขนาดนี้?

เช้าวันรุ่งขึ้น…

เสียงประกาศจากอาจารย์ดังขึ้นผ่านโทรโข่ง ปลุกให้นักศึกษาที่ยังง่วงงุนรีบเร่งเตรียมตัวขึ้นรถกลับมหาวิทยาลัย

“ให้นักศึกษาขึ้นรถ! ขามาใครนั่งกับใคร ขากลับให้นั่งกับคนนั้น อย่าเปลี่ยนนะ! ดูเพื่อนของเราด้วยว่าใครมาหรือยังไม่มา ตรวจให้ครบนะพวกนักศึกษาทั้งหลาย!”

เสียงประกาศดังก้องไปทั่วลานกว้าง ศศิราขึ้นรถประจำที่ของตน พศวัตก้าวตามมาติดๆ นั่งลงตรงที่เดิม

บรรยากาศบนรถเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและร้องเพลงของนักศึกษาที่กำลังปลดปล่อยความเหนื่อยล้าจากการทำกิจกรรมตลอดหลายวันที่ผ่านมา

แต่สำหรับพศวัตและศศิรา… ภายในใจกลับเงียบสงัดราวกับพายุที่สงบก่อนการโหมกระหน่ำ

พศวัตหันมามองเธอ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเอ่ยออกไป

“เออ... เมื่อวาน ผมขอโทษนะที่ทำไม่ดีกับเธอ”

ศศิราหันมาช้าๆ ดวงตาคมสบกับเขาเพียงแวบเดียวก่อนจะเหยียดยิ้มบาง

“คุณชายอย่างคุณ พูดคำว่าขอโทษเป็นด้วยเหรอ?”

คำพูดของเธอเป็นเหมือนเข็มแหลมที่จงใจกรีดแทงเข้าไปในใจเขา พศวัตเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเอ่ยอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ผมขอโทษจากใจจริง ผมอารมณ์ร้อนไปหน่อย”

ศศิราหัวเราะในลำคอเบาๆ ส่ายหน้าช้าๆ ก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ไม่เป็นไรหรอก ต่อไปเราไม่จำเป็นต้องเจอหน้ากันอีก... ฉันไม่ได้อยากเห็นหน้าคุณอีกแล้ว”

สิ้นคำพูด เธอก็หันหน้าออกไปทางหน้าต่างก่อนจะดึงผ้าคลุมไหล่ขึ้นมาคลุมใบหน้าราวกับต้องการตัดขาดบทสนทนา

พศวัตอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียง กลืนคำพูดทั้งหมดกลับไป

ตลอดทางกลับมหาวิทยาลัย ไม่มีบทสนทนาใดๆ ระหว่างพวกเขา มีเพียงความเงียบ และ ความเย็นชาที่เกาะกุมหัวใจพศวัตแน่นขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อรถจอดที่มหาวิทยาลัย นักศึกษาต่างร่ำลากัน ก่อนจะแยกย้ายกลับหอพักของตัวเองด้วยความเหนื่อยล้าจากค่ายอาสา ไม่มีใครอยากยืดเยื้ออยู่ตรงนี้นานๆ

แต่พศวัตยังคงนั่งนิ่ง... เฝ้ามองแผ่นหลังของศศิราที่เดินจากไป... และความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเขาอย่างเงียบงัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP