ศศิรา เด็กสาวจากต่างจังหวัด ผู้เดินตามความฝันเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยชื่อดังในฐานะนักศึกษาปีหนึ่งคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ เธอหลงใหลในตัว พศวัต รุ่นพี่วิศวกรรมโยธาชั้นปีที่ 4 เดือนเด่นแห่งคณะ ด้วยความชื่นชม เธอกล้าหาญพอที่จะนำของขวัญเล็ก ๆ ไปให้เขา ทว่า กลับถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ซ้ำยังกลายเป็นเรื่องขบขันในกลุ่มเพื่อนของเขา นับจากวันนั้น ศศิราสาบานกับตัวเองว่าเธอจะไม่หวั่นไหวให้เขาอีก แต่โชคชะตากลับเล่นตลก หลังเรียนจบ ศศิรากลับต้องพบกับพศวัตอีกครั้ง ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเกินกว่าจะคาดคิด "เพราะเธอ... น้องสาวฉันต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา!" พศวัตกล่าวหาเธอว่าเป็นต้นเหตุให้ ชัญญาน้องสาวของเขาต้องนอนเป็นเจ้าหญิงนิทรา เขาเข้าใจว่าเธอไปมีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับ กวี คู่หมั้นของน้องสาวเขา! ความแค้นบดบังทุกความรู้สึก พศวัตเลือกทำลายเธอโดยไม่สนว่าใครถูกหรือผิด แต่ยิ่งแก้แค้น... ยิ่งเกลียด ก็ยิ่งรัก รักครั้งนี้จะมั่นคงดั่งเสาเข็ม หรือพังทลายไปพร้อมกับแรงแค้น? ติดตามเรื่องราวความรักและความแค้นที่ซ่อนอยู่ใต้โครงสร้างแห่งหัวใจ ได้ใน "รักลงเสาเข็ม"
もっと見るเช้าวันวาเลนไทน์ในมหาวิทยาลัยเต็มไปด้วยบรรยากาศของความรัก ดอกกุหลาบสีแดงสด ช็อกโกแลตหลากหลายยี่ห้อ และตุ๊กตาหมีขนฟูถูกส่งผ่านไปมาในมือของคู่รักหนุ่มสาวที่กำลังมีความรักตามประสาวัยรุ่น
แต่สำหรับ ศศิรา วันนี้อาจเป็นวันแห่งความทรงจำของเธอที่ไม่มีวันลืมก็ว่าได้
ศศิราเป็นนักศึกษาปี 1 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาวน้อยจากต่างจังหวัดที่เพิ่งเข้ามาเรียนในกรุงเทพมหานคร เธอไม่ได้โดดเด่นเหมือนสาวๆ ดาวมหาลัย แต่เธอก็น่ารักฉบับสาวเรียบร้อย ตากลมผมยาวสวมแว่นตาหนา สวมเสื้อผ้ามิดชิด กระโปรงยาวรองเท้าผ้าใบสีขาว
เธอรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี กำช็อกโกแลตไว้แน่นในมือแล้วมุ่งหน้าไปหา พศวัต ทันที
พศวัต คือเดือนมหาวิทยาลัย นักศึกษาปี 4 คณะวิศวกรรมโยธา รูปหล่อ พ่อรวย ดีกรีหนุ่มฮอตอันดับหนึ่งของคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาวๆ ทุกคณะต่างชื่นชอบในตัวเขา และเขาเองก็เป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง และชอบความท้าทาย รอยยิ้มมุมปากของเขาทำให้สาวๆ หลงใหล และแน่นอนศศิราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ชื่นชอบในตัวเขามากเช่นกัน
แต่สำหรับศศิราเธอเป็นเหมือน FC ที่ชื่นชอบเขาคนหนึ่ง เธอรู้ดีว่าหากชอบแบบชู้สาวพศวัตไม่มีทางสนใจเธอ เธอไม่ได้หวังอะไรมาก แค่ต้องการให้ของขวัญกับเขาในวันนี้เท่านั้นเอง
เธอเดินเข้าไปใกล้พศวัตที่ยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนชายหญิงที่หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
“เอ่อ... พี่พศวัตค่ะ”
ชายหนุ่มหันมามองเธอ ดวงตาคมกริบของเขามองเธอขึ้นลง ก่อนจะเลิกคิ้วเหมือนสงสัยว่าเธอเป็นใคร
ศศิรากลืนน้ำลาย หัวใจเต้นรัว เธอยื่นช็อกโกแลตให้เขา
“สุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะ”
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นจากเพื่อนๆ ของเขา พศวัตเหลือบมองช็อกโกแลต ในมือเธอแล้วแสยะยิ้ม
“เธอชื่ออะไรนะ?”
เขาถามเสียงเข้ม
“ศะ... ศศิราค่ะ”
“โอ้ ศศิรา...”
เขาทวนชื่อเธอช้าๆ ราวกับพยายามจดจำ ก่อนจะยื่นมือออกมาเหมือนจะรับของขวัญ
ศศิรายิ้มออกมาอย่างโล่งอก หัวใจพองโตขึ้นเล็กน้อย ทว่าทันทีที่เธอกำลังจะส่งให้... พศวัตกลับปัดช็อกโกแลตในมือเธอร่วงลงพื้น! ทันที
เธอเบิกตากว้าง อ้าปากค้าง เสียงหัวเราะจากกลุ่มเพื่อนของเขาดังขึ้นอย่างสะใจ
“โอ๊ย! คิดว่าฉันจะรับเหรอ? เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร?” พศวัตหัวเราะเยาะ
“หน้าตาแบบเธอ กล้ามาสารภาพรักกับฉันเนี่ยนะ?”
ศศิราหน้าแดงซ่าน ไม่ใช่เพราะความเขินอาย แต่เป็นเพราะความอับอายและเจ็บปวด มือเธอสั่น พยายามก้มลงเก็บช็อกโกแลตที่ตกอยู่บนพื้น แต่นั่นกลับทำให้พวกเขาหัวเราะกันหนักขึ้น
“อย่าบอกนะว่าเธอคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์?” ดนัย เพื่อนสนิทของพศวัตเสริมด้วยเสียงเหยียดๆ
“ขอโทษนะน้อง ระดับพวกพี่ สนใจแต่พวกดาวมหาลัยเท่านั้นแหละ”
ปัทมาเพื่อนสาวของศศิราที่มาด้วยกัน กำหมัดแน่น
“พวกนายทำเกินไปแล้ว!..เพื่อนฉันแค่ชื่นชอบพวกนายไม่ได้จะมาบอกรักหวังเป็นแฟนสักหน่อย”
ศศิราเงยหน้าขึ้นมองพศวัต ดวงตาของเธอเปลี่ยนไปจากความปลื้มเป็นความผิดหวังและโกรธเคือง
“พี่พศวัต...” เธอพูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“หน้าตาดีแต่จิตใจต่ำแบบนี้ ไม่ได้มีค่าอะไรหรอกค่ะ ฉันชื่นชอบคุณเหมือนคนอื่นๆ แต่คุณกลับดูถูกเหยียดหยามคนอื่น ฉันรู้สึกเสียเวลามากที่เคยปลื้มคุณตั้งนาน ฉันนี่มันโง่จริง ๆ”
เสียงหัวเราะรอบตัวเงียบลงชั่วขณะ พศวัตเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ เขาไม่คาดคิดว่าเด็กปี 1 อย่างเธอจะกล้าพูดแบบนี้กับเขา
ศศิราหายใจลึก แล้วกล่าวต่อ
“เมื่อก่อนฉันเคยชื่นชมพี่ แต่ต่อจากนี้ไปคนที่ฉันขยะแขย่งที่สุดก็คือคนที่มีจิตใจอย่างพี่นี่แหละ ขอบคุณนะที่ทำให้เห็นนิสัยที่แท้จริง” เธอแสยะยิ้ม
ศศิราจับมือปัทมาแล้วเดินออกจากตรงนี้โดยไม่หันกลับมามองพวกเขาอีก
พศวัตมองตามแผ่นหลังของเธอไปช้าๆ รอยยิ้มที่มุมปากของเขาปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้มันแฝงไว้ด้วยความสนใจบางอย่าง
ดนัยส่ายหน้าเบาๆ
“นายยิ้มแบบนี้ อย่าบอกนะว่าสนใจยายแว่นนั้น”
พศวัตหัวเราะเบาๆ
เขา รู้สึกแปลกใจ...เพราะแววตาเธอมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ไม่แยแสกลับทำให้เขารู้สึกท้าทาย
“เดี๋ยวก็รู้”
“พี่วัต! พ่อบอกให้กลับบ้านพร้อมน้องด้วยนะคะวันนี้ ถ้าไม่กลับ น้องจะฟ้องแน่นอน!”
เสียงใส ๆ ของ ชัญญา ตะโกนเรียกพี่ชายจากอีกฟากของสนามหน้าคณะ
พศวัตที่กำลังคุยกับเพื่อนหันไปมอง ก่อนจะยิ้มแล้วตอบกลับไป
“เออ ๆ กลับก็กลับ… ไปสิ ยายตัวแสบ”
ชัญญาหัวเราะ แล้วรีบเดินเข้ามาเกาะแขนพี่ชายอย่างออดอ้อน
ชัญญา น้องสาวเพียงคนเดียวของ พศวัต เป็นนักศึกษาปีหนึ่ง คณะศิลปศาสตร์ สาวน้อยที่ดูเรียบร้อยแต่แฝงไปด้วยความขี้เล่น สดใส และเป็นแก้วตาดวงใจของบ้าน
พศวัตรักและตามใจน้องสาวคนนี้ที่สุด ไม่ว่าเธอจะอ้อนอะไร เขาก็มักจะยอมทำให้ทุกอย่างเสมอ…
ระหว่างที่รถของ พศวัต แล่นผ่านถนนในมหาวิทยาลัย สายตาเขาเหลือบไปเห็น ศศิรา กำลังเดินอยู่ริมถนน ดูเหมือนว่าเธอก็กำลังกลับบ้านเช่นกัน
“นั่นพี่กวี! เดือนคณะแพทย์นี่นา… น่ารักจังเลย”
ชัญญา เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
พศวัตเหลือบตามองน้องสาว ก่อนถามกลับไป
“รู้จักเขาด้วยเหรอ?”
“รู้จักสิคะ! พี่เขาฮอตจะตายไป”
พศวัตแค่นหัวเราะเล็กน้อย ก่อนเหลือบไปมองหญิงสาวที่เดินข้างกวีก่อนจะเอ่ยถาม
“แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ รู้จักไหม?”
ชัญญามองตามก่อนส่ายหน้า
“ไม่รู้จักค่ะ… แฟนพี่กวีรึเปล่า ไม่แน่ใจ… แต่ถ้าเป็นแฟนจริง ๆ น้องอกหักแน่เลย”
พศวัตส่ายหัว พลางบ่น
“น้อย ๆ หน่อยเถอะ เป็นผู้หญิงแท้ ๆ”
ชัญญาย่นจมูกใส่พี่ชายก่อนแอบอมยิ้ม
“พี่นี่ก็… ถ้าพี่กวีชอบน้องจริง ๆ ก็ดีสิ!”
กวี หนุ่มหล่อดีกรีนักศึกษาแพทย์ปี 6 เป็นหนึ่งในหนุ่มฮอตของมหาวิทยาลัยที่สาว ๆ ต่างหมายปอง แต่ที่ทำให้เขาถูกเข้าใจผิดอยู่เสมอก็คือ ความสนิทสนมกับ ศศิรา เพราะแท้จริงแล้วเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ
ทั้งคู่มาจากต่างจังหวัดเดียวกัน มักเดินทางเข้าเมืองมาด้วยกันเสมอ ทำให้หลายคนที่ไม่รู้จักเข้าใจผิดว่าทั้งสองเป็นคู่รัก…
พศวัต คิดในใจ… ถ้าศศิราเป็นแฟนพี่กวีจริง ๆ แล้วทำไมวันนี้เธอถึงเอาของมาให้เขา?
แต่ถึงจะใช่หรือไม่ใช่… มันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับเขาเลยนี่นา
ทว่าทำไม… ทำไมเขาถึงรู้สึกแปลก ๆ ทุกครั้งที่นึกถึงเธอ โดยเฉพาะตอนที่ศศิราต่อว่าเขาวันนี้แทนที่จะรู้สึกโกรธ แต่เขากลับสนใจเธอเสียด้วยซ้ำ
อยากเจอหน้าเธออีก อยากเห็นเธอแสดงท่าทางไม่พอใจใส่เขา และ… นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา เขาชอบเธอ หรือแค่อยากสั่งสอนเธอเท่านั้น ความรู้สึกในใจเขาสับสนไปหมด…
หลังวันวาเลนไทน์ เขาก็ไม่เห็นเธอที่คณะศวกรรมศาสตร์อีกเลย...
มีเพียงพศวัตที่พยายามไปคณะศิลปศาสตร์อยู่บ่อยครั้ง เขาหวังเพียงแค่จะได้เห็นหน้าศศิราอีกสักครั้ง
แล้วโชคก็เข้าข้างเขา
ศศิราเดินมายังโรงอาหารที่คณะกับปัทมา สายตาเธอสะดุดเข้ากับร่างของพศวัตที่นั่งอยู่ตรงนั้น ราวกับเขารอใครสักคน เธอชะงักไปชั่ววินาที ก่อนจะหันหลังกลับทันทีโดยไม่ลังเล
เธอเลี่ยงที่จะเจอเขา แต่ไม่ทันเสียแล้ว...
พศวัตก้าวเข้ามาขวางหน้าเธอ ทั้งสองสบตากัน สายตาของศศิราเย็นชา ทว่าพศวัตกลับมองเธอด้วยแววตาอ่อนโยน ราวกับว่าเรื่องราวที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้น
เขายกแขนขึ้นค้ำผนัง กักขังร่างบางไว้ในกรอบแขนของเขา ใกล้เสียจนเธอได้ยินเสียงลมหายใจของเขา หัวใจของศศิราเต้นแรง แต่เธอกัดฟันข่มอารมณ์
“จะทำอะไร?” เธอถามเสียงเข้ม
“เปล่า... แค่อยากคุยด้วย”
“ถ้าจะมาหาเรื่อง บอกก่อนนะคะ ฉันไม่อยากมีปัญหา ต่างคนต่างอยู่เถอะ”
"นี่! ปล่อยเพื่อนฉันนะ!" ปัทมาเอื้อมมือจะดึงศศิราออกจากเขา แต่ดนัยกลับคว้าแขนเธอไว้ แล้วลากออกไปอีกทาง
“มานี่”
ปัทมาสะบัดแขนพยายามขัดขืน แต่ดนัยก็ดึงเธอไว้ แววตาของเขาสนใจในตัวเธออย่างชัดเจน ทว่าปัทมาไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครมาทำอะไรกับเธอง่ายๆ
พลั่ก!
เข่าของเธอกระแทกเข้าเป้าดนัยเต็มแรง
“โอ๊ย! ยัยบ้านี่!”
ดนัยร้องลั่น โค้งตัวกุมจุดที่ถูกโจมตี
ปัทมาหัวเราะเยาะ
“สมน้ำหน้า! อย่าคิดว่าเป็นรุ่นพี่แล้วจะแกล้งรุ่นน้องได้ง่ายๆ ฝันไปเถอะ!”
ด้านศศิรา... เธอเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอเช่นกัน
“ปล่อยเดี๋ยวนี้!”
“ฉันไม่ได้จับเธอไว้นี่”
พศวัตยักไหล่ ราวกับทุกอย่างเป็นเรื่องล้อเล่น
แต่เธอไม่คิดเช่นนั้น ศศิราไม่รอช้า ทุบแขนเขาเต็มแรงจนพศวัตสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะฉวยจังหวะนั้นเบี่ยงตัวออกจากกรอบแขนของเขา
“จำไว้! อย่ามายุ่งกับฉันอีก! ฉันกับคุณไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกัน!”
พูดจบ เธอหันหลังแล้ววิ่งออกไปทันที
พศวัตมองตามร่างของเธอที่หายลับไป ดวงตาทอประกายวาววับ มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มพอใจ
ต้องแบบนี้สิ... ผู้หญิงที่เขาต้องการ ยิ่งเธอไม่ชอบเขา ยิ่งทำให้เขาอยากเอาชนะ!
หนึ่งเดือนผ่านไป...หลังจากเรื่องร้ายๆ ผ่านพ้นไป สิ่งดีๆ และความเป็นมงคลก็เข้ามาแทนที่ ครอบครัวของพศวัตได้ทำการสู่ขอศศิราอย่างเป็นทางการต่อหน้าพ่อแม่ของเธอ จนวันนี้เป็นพิธีแต่งงานของทั้งคู่พิธีแต่งงาน…ภายในห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรู ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้อย่างสมบูรณ์แบบสำหรับค่ำคืนแห่งความทรงจำ พิธีแต่งงานถูกโอบล้อมด้วยบรรยากาศอ่อนหวานและโรแมนติกผ้าม่านโปร่งบางสีขาวพลิ้วไหวไปตามแรงลมอ่อนๆ ที่พัดผ่าน แสงไฟสีทองนวลตาส่องกระทบผืนผ้า ราวกับต้องการเติมเต็มความอบอุ่นให้ค่ำคืนนี้พิเศษยิ่งขึ้นทั่วทั้งห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมละมุนของดอกไม้สีขาวที่ถูกประดับประดาไว้อย่างงดงาม ไม่ว่าจะเป็นช่อกุหลาบ ลิลลี่ และไฮเดรนเยียที่จัดเรียงไว้อย่างประณีตตามทางเดินทอดยาวสู่เวทีหลัก ที่ซึ่งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะกล่าวคำสัตย์สาบานต่อกันและกันโต๊ะจัดเลี้ยงปูด้วยผ้าสีครีมนุ่มละมุน ประดับด้วยเชิงเทียนแก้วใสที่เปล่งประกายระยิบระยับยามต้องแสงไฟ ดอกกุหลาบขาววางเรียงอยู่ตามมุมโต๊ะ เสริมให้บรรยากาศดูหรูหราและอบอุ่นในคราวเดียวกันเสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงแผ่วเบา ผสานเข้ากับเสียงพูดคุยหัวเราะของแขกเหรื่อที่มาเป็นสักขีพยา
สองสัปดาห์หลังจากเหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย พศวัตสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ ศศิราเดินมาประคองเขาขึ้นรถ ดนัยที่มารับเพื่อนสนิทพากลับไปส่งยังคอนโด"เห็นไหมคะ ฉันบอกแล้วว่าถ้าคุณพักผ่อนดี ๆ กินยาตรงเวลา แผลก็จะหายเร็วขึ้น"พศวัตหัวเราะเบา ๆ มองเธอด้วยสายตาเอ็นดู"ผมว่า คุณน่าจะเป็นหมอได้นะ"ศศิราเลิกคิ้ว "ทำไมค่ะ?""ก็คุณทั้งดูแล ทั้งบ่น ทั้งเคี่ยวเข็ญให้กินยาสารพัด..."พูดไปก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวคู่หมั้นเบา ๆ"ก็ฉันห่วงคุณนี่นา" ศศิราทำตาออดอ้อน"ครับ ผมรับรู้ได้ครับ" พศวัตยิ้มอ่อนโยนให้เธอศศิราเปลี่ยนเรื่องถาม"เราจับคนทุจริตได้แล้ว ต่อจากนี้โครงการโรงพยาบาลของเราจะทำยังไงต่อคะ?""ถึงเรื่องนี้จะจบไปแล้ว แต่การทำงานของเรา... ยังมีอะไรให้ต้องระวังอีกเยอะ""แล้วคุณกลัวไหม?"พศวัตหันมาสบตาเธอ ก่อนจะยิ้มมุมปาก"ถ้ามีคุณอยู่ข้าง ๆ ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น"ศศิราหัวเราะ"พูดแบบนี้ต้องให้รางวัลแล้ว!"ก่อนที่พศวัตจะทันพูดอะไร เธอก็โน้มตัวไปจูบเบา ๆ ที่แก้มของเขา ทำเอาชายหนุ่มถึงกับนิ่งไปชั่วครู่ดนัยที่ขับรถอยู่กระแอมเสียงดัง"เอ่อ... ขอเตือนว่านี่รถผมนะครับ กรุณาอย่าหวานเกินไป"เสียงหัวเร
เช้าวันจันทร์... บรรยากาศในออฟฟิศคึกคักเช่นทุกสัปดาห์ พนักงานทยอยเดินเข้ามาทำงานตามปกติ เสียงเครื่องแฟกซ์และโทรศัพท์ดังสลับกับเสียงพูดคุยของทีมงานที่กำลังประชุมเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นระหว่างการประชุม แจ้งข่าวด่วนจากไซต์งานว่า โครงสร้างบางส่วนของโรงจอดรถพังถล่ม อันเนื่องมาจากฝนตกหนักตลอดคืน“โครงสร้างส่วนไหนเสียหาย?”พศวัตถามเสียงเข้ม มือหนากำแฟ้มเอกสารแน่น“คานด้านข้างโรงจอดรถครับ พังลงมาทับเครื่องมือและเส้นทางเข้าออก” หัวหน้าช่างรายงานสีหน้าของพศวัตและดนัยเคร่งเครียดทันที“เราต้องไปดูหน้างานเดี๋ยวนี้”ก่อนที่พศวัตจะออกจากห้อง ศศิราจับแขนเขาไว้ สีหน้าของเธอแสดงถึงความกังวล“ระวังตัวด้วยนะคะ”เธอพูดเสียงเบาเขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มบางๆ แล้วบีบมือเธอเบาๆ“ไม่ต้องห่วง ผมจัดการได้”ปัทมาที่อยู่ข้างดนัยก็เสริมขึ้น“คุณก็เช่นกันนะคะ คุณดนัย ไซต์งานที่เต็มไปด้วยอันตราย”“ครับๆ พวกผมจะระวังตัวอย่าห่วงเลย”เมื่อถึงสถานที่เกิดเหตุ ภาพที่เห็นทำให้พศวัตและดนัยต้องขมวดคิ้วแน่น โครงสร้างบางส่วนพังถล่มลงมา เหล็กเสริมเอียงผิดรูป เศษปูนแตกร้าวกระจัดกระจาย น้ำฝนเจิ่งนองไปทั่ว“เกิดจากแรงดินอ่อนตัวห
บ้านศศิรา...บรรยากาศยามเช้าหลังฝนกระหน่ำเมื่อคืนยังคงชื้นแฉะ หยาดน้ำฝนเกาะบนใบไม้ เสียงนกร้องแว่วมาไกลๆ อากาศเย็นสบาย แต่ท้องฟ้ายังคงอึมครึมราวกับฝนจะตกลงมาอีกครั้งศศิราเดินออกจากบ้าน มานั่งที่โต๊ะหน้าบ้าน ซึ่งแม่ของเธอได้จัดเตรียมข้าวต้มร้อนๆ ไส้กรอกไข่ดาว และขนมปังปิ้ง ไว้ให้“น่าทานจังเลยค่ะแม่”“ทานเยอะๆ นะแม่ทำไว้ให้”สายพิณยิ้มบางๆ ก่อนจะหยิบตะกร้าเตรียมออกไป “วันนี้แม่มีนัดกับป้าศรี จะไปตลาดกัน”“ขอบคุณค่ะแม่”สายพิณมองศศิราแล้วพยักหน้าเบาๆ“เมื่อลูก ๆ คืนดีกันแล้ว แม่ก็หายห่วง”พูดจบก็เดินออกจากบ้านไป“คุณพศวัตเรียกคุณดนัยกับปัทมา มาทานมื้อเช้าได้แล้วค่ะ”“ป่านนี้เขาคงจัด...มื้อเช้าบนเตียงกันแล้วมัง?”“คุณนี่นะ...”พศวัตยิ้มเจ้าเล่ห์ โน้มตัวเข้าใกล้พลางกระซิบเสียงแผ่ว“คุณไม่ต้องเลยศศิรา... ไปทะเลผมก็อด เมื่อคืนกว่าจะเข้าใจกันได้ก็ดึก ทานข้าวเสร็จคุณก็หลับ คืนนี้ผมจะไม่พลาดแน่นอน คืนนี้ผมต้องเคลียร์กับคุณให้รู้เรื่อง”ศศิราตาเบิกกว้าง ใจเต้นระรัว“พูดอะไรของคุณเนี่ย...” แก้มเธอร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวปัทมาและดนัยเดินออกจากบ้าน มุ่งตรงไปยังโต๊ะอาหารหน้าบ้านที่จัดไว้เรียบร้
บ้านสวนศศิริ...ดนัยกับปัทมาอยู่ในห้องนอนด้วยกันเพียงลำพัง เพราะอยากเปิดโอกาสให้ศศิราและพศวัตได้ปรับความเข้าใจกัน ก่อนหน้านี้เธอไม่คิดอะไร แต่เมื่อสถานการณ์พาไป การอยู่ใกล้กันนานขึ้นกลับทำให้หัวใจปัทมาเริ่มหวั่นไหว โดยเฉพาะเมื่อดนัยมองเธอไม่วางตาสายฝนกระหน่ำลงมาหนักขึ้น ด้านนอกมีเพียงเสียงน้ำฝนกระทบหลังคาและเสียงลมพัดผ่านต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม บรรยากาศอบอ้าวกลับเต็มไปด้วยความตึงเครียดแบบแปลกๆ“นี่คุณดนัย... จะจ้องฉันอีกนานไหม”ปัทมาพูดขึ้นเบาๆ“ก็ผมบอกว่าผมชอบคุณ จ้องหน่อยไม่เห็นจะแปลก”“โรคจิต”ปัทมาพึมพำ แต่ใบหน้ากลับร้อนผ่าวเธอนั่งอยู่บนเตียง ขณะที่ดนัยนั่งเอกเขนกบนโซฟาตัวเล็กข้างเตียง ไม่ถึงครู่ร่างสูงก็ลุกพรวดขึ้นแล้วกระโดดลงบนที่นอนทันที“นี่คุณ! จะทำอะไร?! กลับไปนอนที่โซฟาเลยนะ”“ฝนตก อากาศเย็นจะตาย ขอนอนบนเตียงเถอะน่า”“งั้นฉันจะไปนอนโซฟาเอง”ปัทมารีบลุกขึ้น แต่ดนัยจับข้อมือเธอไว้“คุณรังเกียจผมหรือไง แค่นอนเตียงเดียวกันเอง”ปัทมาชะงักไปเล็กน้อย“มันไม่ใช่อย่างนั้น... เราไม่ได้เป็นอะไรกัน มันไม่เหมาะสม”ดนัยยิ้มมุมปาก ก่อนพูดขึ้นเสียงนุ่ม“งั้นก็เป็นสิ...”“อะไร?”“เป็นแฟนผมไง”
บ้านศศิรา...บรรยากาศยามเช้าหลังฝนกระหน่ำเมื่อคืนยังคงชื้นแฉะ หยาดน้ำฝนเกาะบนใบไม้ เสียงนกร้องแว่วมาไกลๆ อากาศเย็นสบาย แต่ท้องฟ้ายังคงอึมครึมราวกับฝนจะตกลงมาอีกครั้งศศิราเดินออกจากบ้าน มานั่งที่โต๊ะหน้าบ้าน ซึ่งแม่ของเธอได้จัดเตรียมข้าวต้มร้อนๆ ไส้กรอกไข่ดาว และขนมปังปิ้ง ไว้ให้“น่าทานจังเลยค่ะแม่”“ทานเยอะๆ นะแม่ทำไว้ให้”สายพิณยิ้มบางๆ ก่อนจะหยิบตะกร้าเตรียมออกไป “วันนี้แม่มีนัดกับป้าศรี จะไปตลาดกัน”“ขอบคุณค่ะแม่”สายพิณมองศศิราแล้วพยักหน้าเบาๆ“เมื่อลูก ๆ คืนดีกันแล้ว แม่ก็หายห่วง”พูดจบก็เดินออกจากบ้านไป“คุณพศวัตเรียกคุณดนัยกับปัทมา มาทานมื้อเช้าได้แล้วค่ะ”“ป่านนี้เขาคงจัด...มื้อเช้าบนเตียงกันแล้วมัง?”“คุณนี่นะ...”พศวัตยิ้มเจ้าเล่ห์ โน้มตัวเข้าใกล้พลางกระซิบเสียงแผ่ว“คุณไม่ต้องเลยศศิรา... ไปทะเลผมก็อด เมื่อคืนกว่าจะเข้าใจกันได้ก็ดึก ทานข้าวเสร็จคุณก็หลับ คืนนี้ผมจะไม่พลาดแน่นอน คืนนี้ผมต้องเคลียร์กับคุณให้รู้เรื่อง”ศศิราตาเบิกกว้าง ใจเต้นระรัว“พูดอะไรของคุณเนี่ย...” แก้มเธอร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวปัทมาและดนัยเดินออกจากบ้าน มุ่งตรงไปยังโต๊ะอาหารหน้าบ้านที่จัดไว้เรียบร้
コメント