“แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขค่ะ ท่านยังปลูกผักและเดินเป็นระยะไกล ๆ ได้ ถึงท่านจะอยู่คนเดียวแต่ก็ไม่เหงา เพราะว่าเจ้าอิงลิชกับเจ้ามูนวอล์คเกอร์นี่ล่ะค่ะ”
หญิงสาวหันกลับไปยังม้าสองตัวที่ยื่นหน้าเข้ามาให้เธอลูบไล้แผงคอของพวกมันเล่น พวกมันดูคุ้นเคยและทำราวกับคิดถึงนายของมัน
“ตัวนี้เป็นม้าอิงลิช เทอโรเบรดค่ะ มันเป็นม้าฝีเท้าดี ฉันตั้งชื่อมันว่าอิงลิช” อลินทิราบอกพลางลูบไล้ไปบนหัวของม้าตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้มซึ่งเรือนขนบนหลังและหางมีสีดำเป็นมันวาว มันดูบึกบึนแข็งแรงทว่าก็เชื่องอย่างไม่น่าเชื่อ
“ผมเคยอ่านประวัติของม้าพันธุ์ผสมพวกนี้ ตอนศตวรรษที่สิบเจ็ดนักล่าอาณานิคมพยายามพัฒนาสายพันธุ์ม้าอเมริกันใหม่ ๆ ก็เลยผสมพันธุ์ม้าพื้นเมืองกับม้าแคนาดา มันขึ้นชื่อเรื่องของความแข็งแรง พอหลังจากนั้นก็ผสมกับม้าพันธุ์อิงลิชเทอโรเบรดอย่างเจ้าอิงลิชของคุณนี่ไง”
แดเนียลเสริมแต่ยังไม่สัมผัสตัวของมันเหมือนหญิงสาว
“และนี่...เจ้ามูนวอล์คเกอร์ค่ะ มันเป็นม้าป่าพันธุ์สเปน เรียกได้อีกอย่างว่าซัลเฟอร์ เป็นม้าของรัฐยูทาห์ค่ะ แม่เป็นคนตั้งชื่อให้เพราะตอนพามาเลี้ยงใหม่ ๆ มันหายไปตอนคืนจันทร์เต็มดวง เราคิดว่ามันคงถูกขโมยหรือไม่ก็อาจจะตายแล้ว แต่มันก็กลับมาโดยที่พวกเราไม่คาดฝัน”
แดเนียลสร้างความคุ้นเคยบ้างด้วยการยกมือขึ้นลูบบนแผงคอเจ้าม้าอีกตัวที่มีสีน้ำตาลทองและมีแถบลายริ้วที่ขาและบนหน้าของมัน
“มูนวอล์คเกอร์...เป็นชื่อที่เหมาะกับมันมาก”
ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม สักครู่เขาจึงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่กระจ่างด้วยแสงสีเงิน
“ผมชอบการขี่ม้าพอ ๆ กับการปีนเขา แต่นั่นก็นานมาแล้ว”
“จะลองขี่ดูอีกสักครั้งไหมคะ? ม้าที่แม่เลี้ยงไว้เชื่องมากทั้งสองตัว”
“ผมกลัวว่ามันจะไม่คุ้นเคยกับผม มันอาจพยศขึ้นมาเพราะผมเป็นคนแปลกหน้าสำหรับมัน”
“คุณก็ลองขี่มันกับเจ้าของซีคะ...แดน...ฉันจะพาคุณขี่เจ้าอิงลิชออกไปชมทุ่งหญ้าใต้แสงจันทร์เต็มดวงค่ะ”
บทที่ 20
บทส่งท้าย
“จะดีหรือ ซอนญ่า..คุณกำลังท้องอ่อน ๆ อยู่นะ”
แดเนียลมีสีหน้ากังวลขึ้นมาในทันใด แต่หญิงสาวกลับยิ้มให้ด้วยความแช่มชื่น
“อย่ากลัวเลยนะคะ ฉันจะให้มันเดินไปช้า ๆ ค่ะ ฉันอยากพาคุณไปดูทุ่งหญ้าตอนดวงจันทร์ส่องสว่างเราจะเต้นรำด้วยกันและฟังเสียงต้นหญ้าร้องเพลง”
“มันคงเป็นเพลงที่ไพเราะมากซีนะ คุณถึงได้อยากพาผมไปที่นั่น”
ร่างสูงไล้นิ้วแกร่งลงบนเรือนผมเข้มขลับสะท้อนสีน้ำตาลในแสงสีเงิน ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะหลงรัก ออโซลย่า ได้มากขนาดนี้ ชายหนุ่มทำตามความต้องการของหญิงสาวด้วยการนั่งโอบกอดเธอบนหลังเจ้าอิงลิชซึ่งเป็นม้าฝีเท้าดีและแข็งแรง มันปราดเปรียวทว่าในค่ำคืนนี้สองหนุ่มสาวกลับกุมบังเหียนให้มันเหยาะย่างไปบนที่ราบกว้างใหญ่อย่างเชื่องช้า
“แม่ของคุณจะสงสัยหรือเปล่าว่าพวกเราหายไปไหนกัน”
แดเนียลถามขึ้นขณะที่เจ้าม้าพันธุ์เทอโรเบรด อิงลิชพาเขาและอลินทิราห่างออกมาจากบ้านจนมองเห็นแค่แสงไฟอยู่ลิบ ๆ บนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่
“ไม่หรอกค่ะ...แม่รู้ว่าฉันจะไม่ไปไหนไกล อย่างน้อยถ้าแม่เห็นเจ้าอิงลิชไม่อยู่ท่านก็จะรู้ว่าฉันอยู่ที่ไหน”
“ดูท่าทางเธอจะรักคุณมาก ทั้งที่เธอเป็นแม่บุญธรรมของคุณ”
“ค่ะ...แม่รักฉันมาก เพราะในชีวิตของท่านไม่มีใครอีกนอกจากฉัน รู้ไหมคะว่าฉันยังรู้สึกผิดที่จากท่านไปทำงานให้ไซออนเนตตอนนั้น ฉันเป็นลูกที่แย่เพราะปล่อยให้ท่านต้องเผชิญความว้าเหว่มาตลอดระยะเวลาหลายปี”
“ผมก็ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่นะ ซอนญ่า”
“แต่มันต่างกันนะคะแดน...ถึงพวกท่านจะไม่ได้อยู่กับลูก ๆ แต่พ่อกับแม่ของคุณต่างมีกันและกันในขณะที่แม่ของฉัน...ไม่มีใครเลย”
“ถ้าคุณไม่อยากปล่อยให้ท่านอยู่คนเดียว ผมจะพาแม่ของคุณกลับไปอยู่ที่ซานตาโมนิกาด้วยกัน”
อลินทิราเงียบไปชั่วครู่ หญิงสาวห่อไหล่เมื่อลมหนาวพัดมา ชายหนุ่มโอบกอดร่างบางจากด้านหลังก่อนกระตุกเชือกให้เจ้าอิงลิชหยุดเดิน ทุ่งหญ้าบนที่ราบนั้นสงัดเงียบ ยินเพียงเสียงลมหวีดหวิวเสมือนบทเพลงที่อลินทิราบอกเขาไว้จริง ๆ ร่างสูงกระชับอ้อมแขน เขาทำเหมือนไม่ได้เจอเธอมานานนับปีอย่างไรอย่างนั้น