“แดเนียล...ฉันรักคุณค่ะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าคุณจะไม่กลับมาหาฉันอีก”
“ผมต้องกลับมาที่รัก” เขาก้มลงจูบบนเปลือดกตาของหญิงสาวที่ตัวเธอสั่นสะทานขึ้นมาราวกับยังหวาดหวั่น “ยอดดวงใจของผม คุณไม่รู้หรอกว่าผมกลัวมากแค่ไหนถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่พบคุณ”
“บ้าน...เป็นที่สุดท้ายสำหรับฉันค่ะ จารชนที่แต่นี้ไปจะเป็นแค่คนธรรมดา แดนคะ...มาเต้นรำกันเถอะค่ะ ฟังซีคะ ต้นหญ้าและขุนเขากำลังร้องเพลง”
ร่างอรชรผละห่างจากชายหนุ่มและเริ่มร่ายรำด้วยท่าทางอย่างบัลเล่ต์รีน่าท่ามกลางทุ่งหญ้าส่ายไหวอาบแสงสีเงิน แดเนียลยืนล้วงกระเป๋าและอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ ม้าพันธุ์เทอโรเบรดด้วยความรู้สึกสุขใจ ดวงตาสีน้ำเงินอมม่วงลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ร่างแน่งน้อยที่กำลังเริงระบำกลางที่ราบทุ่งหญ้าพลิ้วไหว เขารักอลินทิรามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ได้ตามลำพังและมองเห็นความวาดหวังถึงชีวิตครอบครัวอันอบอุ่นในกาลเบื้องหน้า นี่อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามาตลอดชีวิตก็เป็นได้
ศาลาที่ว่าการกรุงออสโลว์ ประเทศนอรเวย์
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบอบบางในชุดราตรีสีฟ้าครามซึ่งนั่งอย่างสงบบนเบาะหลังรถเอสยูวีคันใหญ่รีบหยิบขึ้นมากดรับสาย
“สวัสดีจ้ะ ซอนญ่า”
“ค่ะ...แม่” อลินทิราตอบรับเสียงของยูจีเนียที่ดังปลายสายก่อนอีกฝ่ายจะถามต่อ
“แดเนียลล่ะจ๊ะ เขาอยู่ที่นั่นหรือเปล่า?”
“เขายังไม่ออกมาจากตึกที่ว่าการเลยค่ะ พิธีการคงยังไม่เสร็จสิ้นกระมังคะ หรือไม่ก็อาจจะกำลังกินเลี้ยงกันอยู่”
หญิงสาวพูดพลางเหลือบมองไปยังกระจกข้างคนขับซึ่งเห็นถนนที่ทอดยาวไปจรดตึกศาลาที่ว่าการของกรุงออสโลว์ซึ่งเป็นอาคารแบบสมัยใหม่สองอาคารทรงสูงคล้ายหอคอยคู่และนาฬิกาขนาดใหญ่สะท้อนการออกแบบของเมืองโบราณทางตอนเหนือของยุโรป
“แม่ตื่นเต้นมากรู้มั้ยจ๊ะ ตอนนี้แม่กำลังอุ้มเอเดอร์อยู่นะ”
เรียวปากสวยคลี่ออกเมื่อยูจีเนียพูดถึง ใครคนหนึ่ง ซึ่งรอเธอกับแดเนียลอยู่ที่คฤหาสน์ในซานตาโมนิกา
“เอเดอร์ซนหรือเปล่าคะแม่...เขางอแงหรือเปล่า?”
“แกงอแงนะ เวลาที่แม่พูดถึงแดน ก็ลูกชายติดเขาอย่างกับอะไร แม่บอกเอเดอร์ว่าวันนี้เป็นวันที่พิเศษสุด เพราะพ่อของเขาต้องไปรับรางวัลอันทรงเกียรติที่ปู่กับย่าภูมิใจมาก”
“ค่ะ...แม่หนูก็ภูมิใจในตัวเขา...มากที่สุด”
อลินทิรายิ้มทั้งน้ำตาเมื่อได้ยินเสียงอ้อแอ้ดังเข้ามาในโทรศัพท์ ยูจีเนียเล่าเรื่องเอเดอร์ ลูกชายตัวน้อยให้เธอฟังอีกครู่ใหญ่ก่อนที่หญิงสาวจะเห็นว่ามีใครกำลังเดินตรงมายังรถที่เธอนั่งอยู่
“แค่นี้นะคะ แม่...บอกเอเดอร์ด้วยนะคะว่าพ่อกับแม่คิดถึงเขามาก”
ร่างบางวางหูโทรศัพท์ก่อนเปิดประตูรถและโผเข้าสู่อ้อมแขนของร่างสูงสง่า แดเนียลในชุดสูทจูบเธอหลายครั้งก่อนแสดงผลงานอันยิ่งใหญ่ในมือให้ภรรยาที่มองดูด้วยความตื้นตันได้เห็น มันเป็นเหรียญรางวัลและใบประกาศเกียรติคุณของผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
แดเนียล ไพรซ์
หลังจากที่เธอกลับแคลิฟอเนียพร้อมกับแดเนียล เขาก็จัดงานแต่งงานเรียบหรูภายในคฤหาสน์ มีแขกสนิทเพียงไม่กี่คนซึ่งก็รวมทั้งเออร์วิ่ง นักสืบเอกชนมือหนึ่งมาร่วมเป็นสักขีพยานความรักของทั้งสองด้วย อลินทิรารู้สึกสุขใจอย่างที่สุดเพราะแดเนียลทำหน้าที่สามีได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เขาดูแลเธอเป็นอย่างดีกระทั่งหญิงสาวคลอดลูกชายซึ่งโฮเวิร์ดตั้งชื่อให้หลานชายคนแรกของตระกูลไพรซ์ว่า เอเดอร์
จากเหตุการณ์ที่โมนิกา ไพรซ์ รองประธานบริหารของไพรซ์ คอร์ป เสียชีวิตจากการถูกวิสามัญโดยทีมจู่โจมของหน่วยเฉพาะกิจทำให้มีการประโคมข่าวว่า ไพรซ์ คอร์ป เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการก่อการร้ายและการขโมยข้อมูลโดยเฉพาะข้อมูลสำคัญทางการทหารและการค้าอาวุธสงคราม
ทว่าไม่นานหลังจากนั้นประธานกรรมการบริหารก็ออกมาสยบข่าวในทางลบด้วยการแถลงข่าวที่มีการถ่ายทอดไปทั่วโลกเพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือของกลุ่มบริษัทไพรซ์ กรุ๊ป ด้วยเอกสารอันเป็นหลักฐานระบุอย่างชัดเจนว่าบริษัทไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของโมนิกา ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนจากตำรวจและเอฟบีไอว่า แดเนียล ไพรซ์ ไม่ได้เป็นผู้สนับสนุนการกระทำดังกล่าวเพราะเขาเป็นคนแจ้งเบาะแสแก่ทางการ
แดเนียลยุติการทดลองในห้องปฏิบัติการไซโคลตรอนเพื่อหาอะตอมของธาตุใหม่ บางคนในทีมวิจัยคัดค้านหากก็ได้รับความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าจะสิ้นสุดการทดลอง เขายังคงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารไพรซ์ คอปอเรชั่น ทว่าแดเนียลยังเริ่มบทบาทใหม่ด้วยการเป็นประธานของมูลนิธิ Protest War for Peace Organization ซึ่งจัดตั้งขึ้นเป็นองค์กรต่อต้านการก่อการร้ายและการใช้อาวุธร้ายแรงทุกรูปแบบ แดเนียลตั้งใจทำในสิ่งที่จะสร้างประโยชน์ให้โลกมากกว่าการทำลายล้าง เขาไม่ต้องการให้เกิดสงครามจากการคิดค้นยุทโธปกรณ์เพื่อฆ่ามนุษย์ด้วยกัน
มูลนิธิ Protest War for Peace Organization ได้รับความสนใจและการตอบรับจากผู้ต่อต้านการใช้อาวุธสงครามทั่วโลกและแดเนียลก็ถือว่าเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้อำนวยการขององค์กร แต่แม้ว่าจะทุ่มเทให้งานอย่างหนักเขาก็ไม่เคยลืมว่ามีใครคอยอยู่ข้างหลัง
“คุณเก่งมากค่ะ แดน...ฉันภูมิใจในตัวคุณมากจริง ๆ ค่ะ”
อลินทิราสวมกอดสามีของเธอแน่น หญิงสาวเห็นแสงไฟจากแฟลชกล้องวูบวาบอยู่หน้าตึกที่ว่าการซึ่งอยู่ห่างออกไป แทบไม่มีใครสังเกตเห็นว่าบุคคลสำคัญของงานกำลังฉลองความสำเร็จกับภรรยาของเขาตามลำพัง
“งานเลี้ยงเลิกแล้วหรือคะ?”
แดเนียลยักไหล่ “ยังหรอก แต่ผมคิดถึงคุณจับหัวใจตอนขึ้นไปรับรางวัล และแทบจะทนรอไม่ไหวที่จะออกมาพบคุณที่นี่”
“ฉันเพิ่งคุยกับคุณแม่เมื่อครู่ เอเดอร์กำลังงอแงเลยค่ะ”
“ผมก็คิดถึงแก...ซอนญ่า รางวัลนี้ที่ผมได้มาส่วนหนึ่งก็เพราะคุณ”
ชายหนุ่มกล่าวพร้อมทั้งประพรมจูบไปบนหน้าผากและแก้มของหญิงสาว
“ไม่หรอกนะคะ” อลินทิราแย้งเบา ๆ “ทุกอย่างเกิดจากความสามารถและความตั้งใจของคุณต่างหาก ฉันเสียอีกที่เคยเป็นตัวก่อปัญหาสำหรับคุณ นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันจึงขอปฏิเสธการเข้าไปในงานจัดเลี้ยงอันทรงกียรติที่จัดขึ้นเพื่อคุณ”
“แต่ถ้าไม่มีปรัศนีนี้เกิดขึ้น ผมก็คงยังไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่เรียกว่าการเสียสละและการปกป้อง องค์กรที่ผมสร้างขึ้นมาก็เพื่อประโยชน์ของมนุษย์ชาติโดยแท้จริง แต่เหนืออื่นใดครอบครัวก็เป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ผมรู้สึกว่าไม่อยากให้ใครต้องพบกับความสูญเสียโดยเฉพาะคนที่พวกเขารัก เพราะเราไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในโลกที่กระหายความรุนแรงนี้”
“แดนคะ...ฉันอาจไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่สิ่งที่ฉันรู้ตอนนี้ก็คือ...ฉันรักคุณและพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไปค่ะ”
“แน่นอนที่รัก...เรา จะอยู่เคียงข้างกันเสมอ...ผมขอสัญญา”
แดเนียลมอบจุมพิตอ่อนหวานให้ภรรยาของเขาอีกครั้งใต้แผ่นฟ้าดารดาษไปด้วยดวงดาว งานจัดเลี้ยงหลังพิธีมอบรางวัลยังคงดำเนินต่อไปภายในศาลาที่ว่าการแห่งกรุงออสโลว์ ทว่าการตามล่าหาความรักของเทพบุตรผู้หล่อเหลาไดด้จบสิ้นลงแล้วที่อดีตสายลับสาวแสนสวย ภารกิจต่อไปคือการปกป้องและรักษาสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าซึ่งเขาตั้งปณิธานแก่ตัวเองแล้วว่า ความรักครั้งนี้จะยั่งยืนและมั่นคงตราบนานเท่านาน