หลายวันผ่านไปหลังพระอาการประชวรของฝ่าบาททุเลาลง แม้บุปผาปรสิตจะถูกขนย้ายออกไปจนสิ้น แต่ดูเหมือนว่าละอองเกสรที่มองไม่เห็นของมันได้หยั่งรากลึกลงในจิตใจของผู้คนในวังหลวงแห่งนี้แล้ว
บรรยากาศที่เคยสงบสุข บัดนี้กลับอบอวลไปด้วยไอแห่งความขัดแย้งที่ไร้รูป ตู้เยี่ยนอวี่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว ขันทีนางกำนัลที่เคยคล่องแคล่วกลับพลั้งเผลอทำของตกแตกอยู่บ่อยครั้ง เหล่าองครักษ์ที่เคยมีระเบียบวินัยกลับมีเรื่องกระทบกระทั่งกันด้วยโทสะเพียงเล็กน้อย แม้แต่เหล่าขุนนางในท้องพระโรง ก็มักจะถกเถียงกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ดุจเปลวไฟที่พร้อมจะลุกโชนขึ้นจากถ่านที่คุอยู่
“นี่มิใช่เรื่องปกติ” ตู้เยี่ยนอวี่เอ่ยกับกู้เหยียนหลงในยามค่ำคืน “พิษของบุปผาปรสิตมิได้ทำร้ายร่างกายโดยตรง แต่มันบั่นทอนสติสัมปชัญญะ ทำให้จิตใจอ่อนแอลง และขยายอารมณ์ด้านลบให้รุนแรงขึ้น วังหลวงในยามนี้เปรียบเสมือนดินปืนที่แห้งกรัง รอเพียงประกายไฟเล็ก ๆ ก็พร้อมจะระเบิดขึ้นได้ทุกเมื่อ”
กู้เหยียนหลงขมวดคิ้ว “และเสนาบดีหลิวก็คือผู้ที่กำลังถือคบเพลิงนั้นอยู่”