หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ถือว่าเป็นวันที่น่ากลัวสำหรับคนตัวเล็กเป็นอย่างมาก การที่รุ่นพี่คนนั้นเข้ามาถึงตัวเธอได้พร้อมกับจะเข้ามาทำร้ายเธอในที่สาธารณะแบบนี้ มันมากเกินกว่าเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะรับไหว เอาเข้าจริงหญิงสาวเองตกใจมากและเกิดอาการขวัญผวาไม่น้อย ถ้าไม่ได้พี่พีทเข้ามาช่วยในวันนั้นป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ ในตอนนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนจำเหตุการณ์ไม่ค่อยได้
“มึงจะทำอะไร ถ้ามึงยังไม่อยากหัวกระจุย ปล่อยมือสกปรกของมึงเดี๋ยวนี้ !!!” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นอย่างมีอำนาจพร้อมกับเสียงนกปืนที่ดังมาจากทางด้านหลังของคนตัวเล็ก
“พะ... พี่พีท กรี๊ดด เจ็บนะ” หญิงสาวถูกเหวี่ยงไปอยู่ด้านข้างของรุ่นพี่พร้อมกับมือหนาของชายหนุ่มที่ยังคงบีบมือเธอจนเริ่มเป็นรอยแดง
“มึงหุบปาก ส่วนมึงเป็นใครเอาปืนมาขู่กู อย่ามายุ่งเรื่องผัวเมีย” ชายหนุ่มพูดด้วยความโมโหและไม่เกรงกลัวต่ออาวุธที่อยู่ตรงหน้า
“หุบปากเน่า ๆ ของมึงซะก่อนที่กูจะลั่นไกล” ชายหนุ่มมองไปที่คนตัวเล็กที่มีท่าทีหวาดกลัวและเขาอยากจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด โชคดีที่ตรงนี้ไม่มีคนทำให้เขาสามารถเอาปืนที่เหน็บมาด้วยขู่มัน แต่มันกลับไม่กลัวอะไรเลย
“กูไม่ปล่อย มึงจะทำไม บอกแล้วว่าเรื่องผัวเมียอย่าเข้ามายุ่ง นังนี่มันก็ต้องเจอดี หึ !! มึงทำกูไว้แสบมากเลยนะ เอาเบอร์พี่มึงมาให้กู แล้วกูต้องไปโดนรุมกระทืบอีก” หนุ่มรุ่นพี่บอกอย่างกวนโทสะคนตัวสูง ทำเอาหญิงสาวเริ่มกลัวมากขึ้นว่าจะไม่รอด แต่การที่เขาไปโดนรุมกระทืบ… หรือว่าจะเป็นฝีมือของพี่ลี เขาทำขนาดนั้นเลยเหรอ
“หยุดพล่ามได้แล้ว” ชายหนุ่มเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำแบบที่ไม่เคยทำด้วยความโมโหที่เริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ
“พี่พีท… ช่วยด้วยหนูกลัว” เสียงของชายหนุ่มตรงหน้าที่ไม่เคยได้ยินเลยตั้งแต่รู้จักกันมา สีหน้าของเขาดูไม่เล่นกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาเริ่มขยับเข้ามาเรื่อย ๆ และรุ่นพี่ก็เริ่มเดินถอยห่าง เธอเองก็ต้องเดินถอยออกไปด้วย
“ไม่ต้องกลัวพี่อยู่ตรงนี้” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลอบโยน และเริ่มมองไปที่ด้านหลังของคนตัวเล็กเพื่อส่งสัญญาณให้ใครบางคนเตรียมเข้าประกบตัวไอ้เลวนี่
“พี่ฟิล์มหยุดเถอะค่ะ อย่าทำแบบนี้เลย” หญิงสาวหันไปพูดกับคนข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงที่ทำให้อีกคนเห็นใจและปล่อยเธอไป จะได้ไม่ต้องมีคนบาดเจ็บ
เมื่อจบประโยคของคนตัวเล็ก สิ่งที่ทำให้เธอนั้นจำเหตุการณ์ระยะสั้นนั้นได้เกิดจากความเร็วของพี่พีท คนตัวเล็กรู้สึกถึงแรงผลักจากด้านหลัง และเกิดการแย่งตัวกัน พี่พีทดึงเธอออกมาจากรุ่นพี่ พร้อมกับมีกลุ่มชายสองสามคนเข้ามารวบตัวรุ่นพี่คนนั้นไว้ เมื่อเธอหันไปเห็นเหตุการณ์ชุลมุนเกิดขึ้นในตอนนั้น เสียงร้องโวยวายของหนุ่มรุ่นพี่ยังคงดังอยู่ในโสตประสาทของเธอ พี่พีทเองที่เห็นแบบนั้นจึงดึงให้เธอหันไปหาเขาพร้อมกับใช้มือป้องหูทั้งสองข้างของเธอไว้ แล้วก้มมองมาที่เธอด้วยสายตาเป็นห่วง
“ไม่ต้องกลัวแล้วนะ” เสียงของชายหนุ่มนั้นเอ่ยขึ้นอย่างอบอุ่นพร้อมกับมองใบหน้าหวานที่ตอนนี้มีหยดน้ำตาเริ่มไหลออกมา เขาจึงบรรจงเช็ดให้กับคนตัวเล็กอย่างแผ่วเบาพร้อมกับพาเธอออกมาจากตรงนั้น
“พี่พีท… หนูกลัว” หลังจากที่เงียบมานานตลอดทางที่เดินกลับมาที่ร้าน หญิงสาวยังคงพูดประโยคเดิมซ้ำ ๆ วนอยู่แบบนั้น
“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องกลัวแล้วนะ” ชายหนุ่มกุมมือคนตัวเล็ก ก่อนที่จะมีชายชุดดำคนหนึ่งเดินเข้ามาหาและจัดการรับคำสั่งไปว่าให้จัดการส่งหนุ่มรุ่นพี่ไปหาตำรวจทันที
ในตอนนี้สมองของหญิงสาวไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว ถ้าให้ใช้คำเปรียบนั่นคือจิตหลุดไปไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าคงต้องทำอะไรสักอย่างให้เธอนั้นมีสติกลับมา และที่แน่ ๆ เขาเลือกที่จะพาเธอมานั่งพักที่ร้านก่อน ตอนนี้พนักงานในร้านต่างพากันมองมาที่คนเป็นเจ้านายที่พาหญิงสาวที่กำลังมีท่าทีหวาดกลัวและตกใจกลับมาที่ร้าน
“น้องนาครับ ให้พี่ไปส่งที่บ้านนะ เอาไหม” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ใจเย็นและคอยพูดอย่างช้า ๆ เพื่อดูอาการของคนตรงหน้า
“ได้ค่ะ แต่หนูต้องโทร.บอกพี่ชายหนูก่อนว่าเกิดเรื่องขึ้น” เมื่อผ่านไปได้สักพักใหญ่คนตัวเล็กที่เริ่มตั้งสติได้ก็เริ่มพูดคุยได้มากขึ้น พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทร.หาคนเป็นพี่ชาย