ยามเช้าตรู่ช่วงตีสาม พลสะดุ้งตื่นจากเสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือของเขา แม้ดวงตาเขาจะยังล้าแต่เขาเตรียมตัวมาดีสำหรับภารกิจสำคัญในวันนี้ นั่นคือการทำขนมไทยไปขายในงานบุญบ้านประจำปี เขาสวมเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวอย่างเรียบร้อยแล้วจึงลงบันไดไปยังใต้ถุนบ้าน เสียงแมลงก็ร้องดังลั่นตอนกลางคืนประสานกันเป็นทำนอง
บนแคร่ไม้ไผ่ใต้ถุนบ้าน แม่ปลากับขิมก็นั่งรออยู่ก่อนแล้วพร้อมด้วยอุปกรณ์ทำขนมที่เตรียมไว้ครบครัน ขิมเองเธอก็ดูตื่นเต้นแทบจะไม่มีท่าทีที่ล้าเหมือนเขาเลย เธอนั่งแกว่งขาไปมาพร้อมยิ้มกว้างให้พล
“คือตื่นไวแท้ลูก ไหวบ่ ที่จริงแม่ว่าจะไปปลุกแต่กะเห็นขิมเว้าสู่ฟังว่าพลเป็นเหมื่อยๆ แม่เลยอยากให้พลได้พักผ่อน” (ทำไมตื่นเร็วจังลูก ไหวไหม ที่จริงแม่ว่าจะไปปลุกแต่ก็เห็นขิมพูดให้ฟังว่าพลดูเหนื่อยๆ แม่เลยอยากให้พลได้พักผ่อน)
“ไหวครับแม่ปลา งานบุญนี่บ้านสำคัญมากเลยนะครับ อีกอย่างผมก็อยากเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ด้วยครับ”
พูดจบลงพลเริ่มลงมือเตรียมส่วนผสมสำหรับการทำขนมเทียน เม็ดถั่วเขียวที่ปลาแช่น้ำไว้ตั้งแต่เย็นเมื่อวาน ก็ถูกนำมาต้มจนสุก จากนั้นก็ถูกนำบดละเอียดคลุกเคล้ากับน้ำตาลทรายและกะทิให้ได้ไส้หอมมัน ก่อนจะพักไว้ชั่วครู่ ส่วนแป้งข้าวเหนียวที่ใช้ห่อก็ผสมกับน้ำกะทิและนวดจนเนื้อเนียน
“มาเดี๋ยวแม่ซ้อยพับใบตองให้” (มาเดี๋ยวแม่ช่วยพับใบตองให้) แม่ปลาเอ่ยก่อนจะหยิบใบตองสดมาพับมุมอย่างชำนาญ ขิมเองก็พยายามหัดพับตาม พลเองเขาก็อย่างตั้งใจดูอย่างไม่ละสายตา และพลก็ได้หยิบใบตองขึ้นพร้อมกับพับมุกตามที่ปลาสอนถึงแม้บางครั้งใบตองจะขาดเพราะมือเล็กยังไม่แข็งแรงพอก็ตาม
พลแบ่งแป้งเป็นก้อนเล็กๆ วางไส้ลงตรงกลาง จากนั้นมือเล็กก็ห่อด้วยใบตองที่พับเป็นกรวย เมื่อได้ตามจำนวนที่มากเขาก็นำไปนึ่งสุก ในขณะที่มีแม่ของเข้มอย่างปลาคอยดูแลทีละขั้นตอนเรียกได้ว่ายืนประกบข้างเลยก็ว่าได้ พอนึ่งจนสุกเต็มที่ความหอมของกะทิและถั่วเขียวลอยฟุ้งไปทั่ว ทำเอาพลอยากชิมขึ้นมาทันที
ต่อมาคือการทำลูกชุบ พลเขาปั้นถั่วกวนเป็นรูปผลไม้เล็กๆ เช่น มะม่วง ชมพู่ และพริก ส่วนขิมเองเธอก็คอยช่วยทาสีด้วยแปรงเล็กๆ สีที่ใช้เป็นสีผสมอาหารละลายกับน้ำ ก่อนเคลือบด้วยวุ้นที่ต้มจนใสเพื่อความเงางาม
"ลูกชุบของอ้ายพลน่ากินสุดๆ เลยจ้า" (ลูกชุบของพี่พลน่ากินสุดๆ เลยค่ะ) ขิมเอ่ยชมตาเป็นประกาย ก่อนที่พลจะยิ้มพร้อมกับใช้ฝ่ามือขยี้ผมของเธอด้วยความเอ็นดู
“ขอบคุณนะครับน้องขิม ว่าแต่พี่มามันเหมือนถังหูลู่อยู่นะครับ”
“ถังหูลู่คืออะหยังจ้า ขิมบ่เคยได้ยิน มันกินได้บ่จ้า” (ถังหูลู่คืออะไรเหรอคะ ขิมไม่เคยได้ยิน มันกินได้ไหมคะ)
“มันคือผลไม้เคลือบน้ำตาลครับ ไว้เดี๋ยวพี่จะทำให้เรากินนะครับ”
“ได้จ้า หล่าว่าเป็นตาแซ่บคักๆ เลยจ้า” (ได้ค่ะ หนูว่ามันน่าจะอร่อยแน่ๆ เลยค่ะ)
“แม่นแล้วครับน้องขิม น้องขิมต้องได้ลองนะครับ”
“อ้ายพลต้องสัญญากับหล่าก่อนเดะจ้า ว่าหนูจะได้กินอีหลี” (พี่พลต้องสัญญากับหนูก่อนนะคะ ว่าหนูจะได้กินจริงๆ)
(ครับ พี่สัญญา)
พลพูดพร้อมกับขยี้ผมของเธอด้วยความเอ็นดูดวงตาที่เป็นประกายของเธออีกครั้ง ขิมเธอดูตื่นเต้นจนพลเองก็แอบยิ้มดีใจไม่ได้เมื่อมีคนมาสนใจสิ่งที่เขาจะนำเสนอ ส่วนทาร์ต ไข่พลเองเขาตั้งใจนำเสนอเป็นพิเศษเพราะเขาเคยทำเมนูนี้ขายในงานโรงเรียนตอนสมัยเขาอยู่มัธยมปลาย
พลเขาตอกไข่เป็ดสดลงในถ้วยในใหญ่พร้อมกับผสมกับน้ำตาลปี๊บแล้วตีจนเนื้อฟูเนียน ก่อนเทลงในกระทงใบตองที่แม่ปลาช่วยจัดเตรียม โดยครั้งนี้เขาไม่สามารถหาถ้วยสำเร็จได้เขาจึ้งนำใบตองมาใช้แทน เมื่อนึ่งจนสุกพลเองเขาก็เปิดฝาซึงพร้อมกับกลิ่นหอมหวานก็อบอวลไปทั่ว
ไม่นานในขณะที่ทุกคนกำลังเพลิดเพลินกับการทำขนม เข้มก็เดินลงมาจากชั้นบนด้วยสภาพที่ยังง่วงเต็มที่ ร่างสูงทิ้งตัวลงบนเปลไม้ไผ่แล้วหลับต่อ แต่ก็ไม่ลืมส่งยิ้มบางๆ ให้พล พลเองก็พลางส่ายหน้าให้กับเข้มเบาๆ ก่อนที่เขาจะหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า พร้อมกับค้นหาไอเดียในการตกแต่งขนม
“เห้อ....อ้ายเข้มนี่ปานแมวเป้าเฒ่าขี้เซาเลย” (เห้อ พี่เข้มนี่เหมือนแมวผีแก่ขี้เซาเลย) ขิมพูดพร้อมหัวเราะขึ้นพลเองก็หัวเราะเบาๆ ตาม ด้วยความงงหน่อยๆ กับศัพท์ที่ตนพึ้งได้ยินานั่นก็คือ แมวเป้า
เกร็ดความรู้
“แมวเป้า” คือ แมวที่ไม่มีเจ้าของ ใช้ชีวิตเร่ร่อน โดยแมวเหล่านี้จะมีขนาดใหญ่กว่าแมวทั่วไป มักมีแผลเต็มตัว พฤติกรรมของมันจะมีความดุ ชอบหาอะไรกินตอนกลางคืน ชอบกินสัตว์ตัวเล็กแบบสดๆ รวมถึงแมวด้วยกันเอง โดยเฉพาะลูกแมว ส่วนใหญ่แมวโพรงจะเป็นแมวดำตัวผู้ และชอบร้องเสียงดังคล้ายๆ เด็ก
ส่วนแมวเปาในภาษาอีสาน คือ ทั้งคนและสัตว์ ที่ชอบกินของสด ดังนั้น “แมวเป้า” คือแมวทั่วไปที่ชอบกินพวกหนู ตุ๊กแก จิ้งจก แบบดิบๆ สรุปแล้วแมวโพงก็ถือว่าเป็นแมวเป้า เพราะกินของดิบ แต่แมวเป้าก็ไม่ใช่แมวโพงเสมอไป เพราะต้องดูเรื่องพฤติกรรมอื่นๆ และขนาดตัวด้วย
อ้างอิง: https://www.ennxo.com/
“น้องขิมครับ ว่าแต่.....แมวเป้าเฒ่าคืออะไรเหรอครับ”
“คือ.....”
“เอ่าๆ พลเอยอย่าไปหัวซามันเถาะ ขิมมันเว้าไปจังสั่นละ” ปลาเธอพูดพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนๆ
“หัวซา เอ่อ.....” พลพูดทวนด้วยความงุนงงกับศัพท์ใหม่ที่พึ่งเคยได้ยิน
“อย่าสนใจอ่ะจ้า”
ขิมเธอพูดสวนขึ้นคลายความสงสัยให้กับพล ก่อนที่พลเองจะพลางมองคนที่นอนหลับอยู่ ก่อนที่พลเองจะเดินขึ้นไปยังบนบ้านพร้อมกับลงมาด้วยผ้าห่ม พร้อมกับห่มให้กับเข้มก่อนที่พลจะจุ๊บไปที่หน้าฝากอุ่นของคนที่หลับตาพริมเบาๆ
เมื่อฟ้าเริ่มสาง ขนมทั้งหมดก็จัดเตรียมเสร็จเรียบร้อย พลจัดวางขนมลงตะกร้าหวายพร้อมสำหรับนำไปขายที่งานโดยเขาฝากแม่ของเข้มไปขายแทนก่อน ไม่นานเข้มก็รู้สึกตัวตื่นก่อนที่เข้มจะเรียกพลให้เดินเข้ามาหา เมื่อพลเดินเข้ามาหาเข้ม เขาเองก็ดึงตัวพลเข้ามากอดแน่นพร้อมกับหอมแก้มใสไปหนึ่งที
ช่วงสายของวัน
เสียงกลองยาวตีกลองตุ้มตามดังกังวานไปทั่วบริเวณ ทำให้บรรยากาศของงานบุญคึกคักเป็นอย่างยิ่ง เด็กๆ ในหมู่บ้านก็พลอยวิ่งเล่นไล่จับกันไปมา เสียงหัวเราะคิกคักดังเป็นระยะๆ ขณะที่ผู้ใหญ่ต่างนั่งจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
พลและเข้มเดินเคียงข้างกันไปตามทางเดินที่ประดับประดาด้วยผ้าทรงสามเหลี่ยมสีสันสดใส ที่เรียงล้อมทางเดินภายในงาน และกลิ่นหอมของดอกไม้ป่าและควันเทียนอบอวลไปทั่ว ทำให้พลรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง สายตาของเข้มจับจ้องไปที่ขิมน้อยสาวตัวดีที่วิ่งนำหน้าไปอย่างร่าเริง ดวงตาคู่คมฉายแววความรักและความเอ็นดูเธอ
ขิมวิ่งตรงไปยังซุ้มสอยดาวที่ตกแต่งด้วยลูกเสื่อและผ้าขาวม้าอันมีเอกลักษณ์และของรางวัลมากมาย หน้าปป้ายก็ติดไว้ว่า “สอยดาว20บาท” ขิมเองเธอก็แต่ได้ยืนอ้าปากค้างมองของรางวัลอย่างตื่นตาตื่นใจ ก่อนจะหันมาเรียกพลและเข้มด้วยเสียงใสแจ๋ว
“อ้ายเข้ม! อ้ายพล! รีบมานี่เร็วจ้า!” พี่เข้ม!พี่พล!รีบมานี้เร็วค่ะ) ขิมร้องเรียกขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส พลและเข้มมองหน้ากันแล้วยิ้มให้กับความน่ารักของเธอ ก่อนที่ทั้งคู่จะเร่งฝีเท้าตามมาหยุดอยู่หน้าซุ้มสอยดาวมีผู้คนรุมล้อมกันอย่างคึกคัก ขิมยื่นเงินให้คนดูแลซุ้มก่อนที่เธอจะหันมามองพี่ชายทั้งสอง
“ขิมจะสอยให้ได้ของรางวัลใหญ่เลย! อ้ายเข้ม อ้ายพลถ้าเบิ่งเด้อจ้า”
ขิมเธอยื่นไม้ยาวขึ้นไปเกี่ยวเบอร์ที่ผูกไว้กับเชือกบนต้นไม้ และเมื่อไม้เกี่ยวจนหลุด เธอก็รีบส่งไม้ให้คนดูแลซุ้มด้วยท่าทีที่ตื่นเต้น สีหน้าของเธอตอนนี้เรียกได้ว่าลุ้นกับของรางวัลสุดๆ
“ยินดีนำเด้อครับ น้องได้กระติกน้ำร้อน!” (ยินดีด้วยนะครับได้กระติกน้ำร้อน)
“ป๊าด!!หล่อแท้บ่าวบ้านใด๋น้อนิ” (โอ้โฮ!! หล่อจังผู้ชายบ้านไหนเหรอนี้)
ขิมตลึงเมื่อพบว่าคนที่มาดูแลซุ้มไม่ใช่คนในหมู่บ้าน และตอนนี้แถมมีหนุ่มหล่อมาคอยส่งรอยยิ้มหวานให้ตน ยิ่งทำเอาเธอแทบบในละลาย หน้าเอยผมเอยมันช่างถูดใจอะไรเขาเช่นนี้ ก่อนที่คนหล่อจะยื่นของรางวัลให้ในขณะที่เธอเองก็จับมือของเจ้าของซุ้มเนียนๆ
แต่ทว่าเข้าของซุ้มก็ยิ้มให้เธอกลับเช่นกัน เมื่อขิมเธอได้รับของเสร็จเธอก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ ต่อหน้าพี่ชายทั้งสอง ก่อนจะหันเธอจะหันไปหาพลเพื่ออวดของรางวัล
“เห็นบ่จ้าอ้ายพลหล่าดีใตจคัก อ้ายพลลองเบิ่งบ่จ้า เผื่อได้รางวัลใหญ่เป็นตะแคร่ไม้ผุ่นเด้จ้า!” (เห็นไหมคะพี่พลหนูดีใจมาก พี่พลลองดูไหมคะ เผื่อได้รางวัลใหญ่เป็นแคร่ไม้เลยนะคะ) พลส่ายหัวเบาๆ แต่เขาเองก็ไม่ปฏิเสธ แต่ติดที่ว่าเขาไม่ได้เอากระเป๋าเงินมาด้วยที่ทำได้กก็มีแต่เข้ม
“อ้ายเข้มครับ...”
พลเรียกชื่อคนอยู่ข้างหลังแบบอ้อนๆ พร้อมกับเบ้หน้าแบมือ เป็นสัญญานบอกว่าเขาไม่มีตังติดตัวเลยเข้มเองเขาก็ได้แต่ส่ายหน้าให้กับลูกอ้อน ก่อนที่จะควักเงินจำนวนหนึ่งให้กับพล พลเองก็ดีใจออกนอกหน้าก่อนที่เขาจะยื่นให้กับน้องผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้า
“นี่ครับ” พลยื่นเงินจำนวนหนึ่งรอยบาทให้คนดูแลซุ้ม
“100 หนึ่ง คุณพี่สามารถสอยได้ห้าหมายเลขนะครับ”
หลังจากความสนุกสนานในงานบุญ ทั้งสามคนกลับมาที่บ้านพร้อมกับขิมและพลที่หอบรางวัลที่ได้จากการสอยดาวเต็มสองมือ ไม่นานดินเองเพื่อนสนิทของเข้มเดินเข้ามาสมทบพร้อมกับเครื่องดื่มสองสามขวดในมือ เป็นสาโทและสี่สิบดีกรี
“มาๆ นั่งกินนำกันแน่” ดินชวนพร้อมกับยิ้มกว้างด้วยความเมากึ่มๆ วงสนทนาเล็กๆ ถูกจัดขึ้นใต้แสงจันทร์ที่ลอยเด่นกลางฟ้า พลที่ไม่ค่อยดื่มถูกดินคะยั้นคะยอให้ลองจิบอยู่หลายครั้ง ไม่นานนัก ใบหน้าของพลก็เริ่มแดงก่ำ พร้อมกับตาเขาเริ่มเลือนลาง
“อ้ายเข้มไม่ไหวแล้ว... ผม... ผมเวียนหัว” พลพูดด้วยเสียงอ้อแอ้ ก่อนจะเอนตัวพิงไหล่เข้ม
“พล พี่บอกแล้วว่าพลไม่ต้องดื่มเยอะ” เข้มบ่นเบาๆ ก่อนจะหันไปมองดินที่หัวเราะขึ้น
“อ้าวมองกูเฮ็ดหยังเพื่อน มันกะดีแล้วนี่ เมาแล้วเขากะพิงไหล่แบบนี้หวานจะตาย” (อ้าวๆ มองกูทำไมเพื่อน มันดีแล้วนิ เมาแล้วเขาพิงไหล่แบบนี้หวานจะตาย) ดินแซวพร้อมกับเข้มส่ายหัว ยิ้มขำเล็กน้อย ก่อนเข้มจะพยุงพลที่เริ่มไม่ไหวขึ้นมาบนแคร่ไม้ ก่อนที่จะมองไปทางขิมที่นั่งกินขนมที่เหลือขายจากงานวัดอยู่
“ขิม มาซอยอ้ายแน่” (ขิมมาช่วยพี่หน่อย)
“อ้ายเข้มอ้ายพลเมาบ่จ้า” (พี่พลเมาเหรอคะ) ขิมถามด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่คิดว่าพลจะเมาหนักขนาดนี้
“อืม เมาแฮงพร้อม เดี๋ยวอ้ายจัดการพล ส่วนขิมพาอ้ายดินเพิ่นไปส่งเฮือนเพิ่นแน่” (อืม เมามากด้วย เดี๋ยวพี่จะกัดการพลเอง ส่วนขิมพาพี่ดินไปส่งบ้านเขาหน่อย)
เข้มพูดบอกน้องเพราะดินเองสภาพไม่ต่างไปจากพลเอย ขิมเองเธอก็พยุงดินมาส่งเพราะบ้านตนกับดินไม่ได้ห่างกันมาก ส่วนเข้มเองพาพลขึ้นบ้านพร้อมกับวางอีกฝ่ายให้นอนลงบนที่นอนนุ่มอย่างเบามือ พลเองขยับตัวไปมาด้วยความรู้สึกอึดอัด ใบหน้าแดงจัดและมีเหงื่อผุดพรายที่หน้าผาก
“อ้ามเข้ม...” พลพึมพำเสียงแผ่ว
“พี่อยู่นี่ ไม่ต้องห่วง” เข้มพูดพลางเอาผ้าชุบน้ำค่อยๆ เช็ดใบหน้าของพลที่ร้อนผ่าว
ไม่นานพลก็สะอึกพร้อมกับอาเจียนออกมา เข้มรีบจัดการทุกอย่างโดยไม่บ่นแม้แต่นิดเดียว เข้มรีบเก็บอาเจียนของพลพร้อมกับหาเสื้อผ้าของเขามาเปลี่ยนใหม่ให้กับพล
“พลที่จะถอดแล้วนะ” เข้มพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ เขาพูดขึ้นบอกอีกฝ่ายเป็นการขออนุญาต เพราะตอนนี้กลิ่นไม่พึงประสงค์มันกำลังส่งกลิ่นอยู่
“อืม”
พูดดจบเข้มก็ถกเสื้อของพลขึ้นพร้อมกับเผยให้เห็นร่างกายขาวที่มีกล้ามเนื้ออยู่เป็นพลางๆ และเมื่อกางเกงถูกปลดออกเข้มก็ต้องชงักกับร่างกายขาวบางนี้ พลางใช้มือลูบไปตามผิวขาวเรียนด้วยความหลงใหล่ ก่อนที่จะสวมกางเกงให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ พร้อมกับเสื้อที่ตัวใหญ่เกินตัวพลไปหน่อย
คืนนั้น เข้มเองเขาก็ไม่ลุกไปไหน เขาเฝ้าดูแลพลจนเช้าแม้จะเหนื่อยล้า แต่ในใจกลับรู้สึกอิ่มเอมกับความสุขที่ได้ดูแลคนสำคัญของเขาอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่อนร่างขาวบางที่สักวันเขาจะต้องได้สัมผัสมัน
“ฝันดีนะครับว่าที่ลูกสะใภ้แม่ปลาพ่อมี”