"พี่ติณ โฟขอยืมข้อมือหน่อยสิ" ตัวเล็กยื่นนาฬิกาสองเรือนมาวางทาบข้อมือใหญ่อย่างลังเล
"..." "พี่ติณว่า พี่เลนส์พี่ฟิล์มชอบเรือนไหน" "เรือนนี้มั้ย บอกเวลาสามประเทศ" ผมเลือกในแบบที่คิดว่าเพื่อนทั้งสองคนชอบและน่าจะเลือกใส่บ่อย อันที่จริงไอ้สองคนนั้นก็ชอบทุกอย่างที่น้องสาวให้นั่นแหละ "เนอะ เดินทางกันบ่อยด้วย" "รับเรือนนี้สองเรือนค่ะ" ความเห็นเป็นเอกฉันท์เพราะเราชอบเรือนเดียวกัน เธอจึงหันไปบอกพนักงานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม "สักครู่นะคะ" ผมยื่นแบล็คการ์ดให้พนักงานก่อนที่คนตัวเล็กจะหยิบบัตรเครดิตในกระเป๋า ทำเธอหน้ามุ้ยเพราะอยากจะเป็นคนจ่ายเงินซื้อของขวัญให้พี่ชายตัวเองเอง แต่สำหรับผมจะเงินผมหรือเงินเธอมันก็เหมือนกัน และที่ผ่านมาผมกับเธอก็ให้ของขวัญไอ้แฝดชิ้นเดียวกันมาตลอด ของมินินและเพื่อนคนอื่นๆ ก็ด้วย "อยากได้อะไรอีกมั้ย" "ไม่ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวพี่ติณต้องเข้าร้านนี่" "ไปด้วยกันมั้ย" "โฟอยากดูซีรีย์" "ไปดูบนห้องทำงานพี่" "ก็ได้ค่ะ ขอกลับไปเปลี่ยนชุดก่อนได้มั้ย" "เสื้อยืดกางเกงยีนส์พอนะ" "..." ดูสีหน้าแววตาซุกซนของเธอก็รู้ว่าชุดที่อยากกลับไปเปลี่ยนเป็นชุดแบบไหน ผมเลยต้องพูดดักทางเอาไว้ก่อน ทำเธอแอบหันหน้าหนีไปกลอกตามองบน โดยไม่รู้ตัวเลยว่าทางนั้นมันมีกระจก ผมเลยยืนกอดอกยกยิ้มมุมปากจ้องเธอผ่านกระจกของร้านจนเธอสะดุ้งเฮือกรีบทำเป็นหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเล่น 'หึ' แสบมั้ยละ "เรียบร้อยพอมั้ยคะ" "พอครับ" "ชิ" จุ๊บ "อื้อ" กลับมาถึงคอนโดตัวเล็ก เราสองคนก็แยกกันไปอาบน้ำแต่งตัว และกลับออกมาในชุดคล้ายกัน เสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์สีเดียวกัน เชื่อฟังกันอย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย แต่คงจะขัดใจเธออยู่ไม่น้อยถึงได้แอบประชดเบาเบากับปากเชิดๆ ทำผมมันเขี้ยวอดก้มลงไปจูบให้หายหมันไส้ไม่ได้ "ยัยโฟทางนี้" "ฮัลโหล สาวววว" วันนี้ฉันมีนัดกับนน ไม่ใช่สิ! แนนนี่ชื่อในวงการของนางและลูกแพรคนงาม สองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทที่มหาวิทยาลัยของฉันเอง "สวยฆ่าเพื่อนมาก" "นี่เบาละนะลูกแพร" "จ้า/จ้า" ดูเหมือนว่าเพื่อนจะไม่เห็นด้วยกับชุดเดรสสั้นแขนตุ๊กตาสีชมพูเบาเบาของฉัน ถึงพากันเบะปากกลอกตามองบนพร้อมใจหันหน้าไปคนละทาง เราสามคนนัดอาฟเตอร์นูนทีกันที่คาเฟ่มินิมินนี่ของคุณน้ามิน เม้าท์มอยอัพเดตชีวิตที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบสี่วันเพราะเป็นช่วงปิดเทอม ถึงแม้ว่าจะแชทคุยกันเกือบทุกวันก็เถอะ แต่มันจะไปเหมือนเม้าท์ต่อหน้าได้ยังไงกัน อรรถรสมันต่างกันเยอะเลย "ลูกแพร แกเริ่ม" ฉันให้ลูกแพรรับบทเหยี่ยวสาวกอสซิปจ่อไมค์สัมภาษณ์ยัยแนนนี่ก่อนคนแรก เพราะเมื่อวันก่อนฉันแอบเห็นนางไปนั่งดริ้งค์กับหนุ่มหน้าตาดีที่ผับพี่ติณ เลยแอบถ่ายรูปส่งให้ลูกแพรเพื่อจะเอามาเป็นทอปปิกวันนี้ เม้าท์ลอยๆ ไม่ได้หรอกต้องมีหลักฐานประกอบด้วย "จริงหรือไม่คะ ที่คุณแนนนี่แอบจิ้นกับพระเอกซีรีย์วาย" "ไม่จริงเลยค่ะ แค่เรื่องเข้าใจผิด" เหมือนกับยัยแนนนี่รู้คำถามมาก่อนแล้ว ถึงได้ยกมือกรีดนิ้วเรียวปิดปากด้วยท่าทางน่าหมันไส้ไม่มีท่าทีตกใจแต่อย่างใด "แต่มีรูปหลุดออกมานะคะ" "แค่คนหน้าคล้ายค่ะ" "ปลอมมากกก" "นี่ยัยโฟ ตบปากตัวเองเท่าอายุเดี๋ยวนี้เลย" "คิกคิก" เห็นมั้ยละ ฉันบอกแล้วว่าเม้าท์ต่อหน้ามันได้อรรถรส "มาเรื่องของแกเลยค่ะ" จู่จู่ยัยสองคนนั้นก็พร้อมใจกันยื่นมือถือแทนไมค์มาจ่อปากสัมภาษณ์ฉัน ฉันว่าฉันไม่โป๊ะนะ! "จริงหรือไม่คะ ที่มีคนเห็นคุณหนูโฟกัสไปนั่งเฝ้าผู้ที่ผับดัง" "จ้อจี้ค่ะ เรียกว่าไปดื่มไปแดนซ์ถึงจะถูก" "หรอ/หรอ" ยัยพวกนี้นี่ หูตาไวยิ่งกว่าสัปปะรดอีก ขนาดฉันขึ้นไปนั่งบนห้องทำงานเจ้าของผับนะยังจะเห็นกันได้ วันหลังไม่ไปกับพี่ติณแล้วดีกว่า ขี้เกียจตอบคำถามยัยสองคนนี้ เลยทำเนียนเฉไฉหยิบช้อนตักเค้กชอกโกแลตของโปรดขึ้นมากิน กวาดสายตามองไปรอบๆ ร้านที่ไม่ได้เข้ามานั่งเล่นเกือบเดือน วันนี้ไม่เห็นทั้งคุณน้ามินและพี่มินินเลย สงสัยไม่เข้าร้าน "ไม่ไปเฝ้าผู้ แต่มีผู้มาเฝ้าหรอยะ" เพื่อนสาวเอ่ยถามฉันก็จริงแต่สายตากลับโฟกัสผู้ชายที่กำลังเดินเข้าร้านมา ไม่ใช่ใครที่ไหนลูกชายเจ้าของร้านนี่แหละ ฉันว่าฉันไม่ได้บอกเขานะ "พะ..." ฉันรีบยื่นมือเล็กไปปิดปากยัยแนนนี่ที่กำลังจะอ้าปากตะโกนเรียกพี่ติณให้หันมาสนใจ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันเพราะว่าเขากำลังเดินมาทางโต๊ะที่พวกฉันนั่ง เพราะมามี๊ไม่ค่อยสบาย ส่วนมินินก็อยากอยู่ดูแลท่าน และดูแลเรื่องอาหารการกินให้ป๊า ผมเลยแวะเข้ามาคาเฟ่รับลูกค้าและดูแลความเรียบร้อยของร้านแทน มีลูกน้องช่วยเบาแรงก็จริง แต่มาดูแลลูกค้าด้วยตัวเองน่าประทับใจกว่า ประโยคที่มามี๊ชอบพูดให้ฟังบ่อยครั้งและเป็นเหตุผลที่ท่านพยายามเข้าร้านให้บ่อยที่สุด ทั้งๆ ที่ก็มีมินินดูแลแทนอยู่แล้ว พอเข้ามาในร้าน เสียงหัวเราะคิกคักฟังคุ้นหูก็ดังแว่วให้ได้ยิน แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องรีบเดินเข้าไปหาก็เพราะความไม่ระวังตัวของร่างบาง กระโปรงก็สั้นยังจะก้มไม่ระวังเกือบเห็นไปถึงไหนๆ "หวัดดีค่ะพี่ติณ" "ครับ" ผมตอบรับแนนนี่ เพื่อนผู้ชายคนเดียวที่ผมและไอ้แฝดอนุญาตให้ผ่าน พร้อมกับยืนซ้อนหลังเก้าอี้ตัวเล็กไม่ให้ใครได้เห็นขาขาวๆ นั่น ก่อนจะก้มลงไปถามเธอเบาเบาให้ได้ยินเพียงสองคน "มานาน?" "สักพักค่ะ" "ไม่เห็นบอก" "พี่ติณก็ไม่บอกโฟเหมือนกันนั่นแหละ" "หึ" อยู่คุยด้วยไม่นาน เพราะรู้สึกค่อนข้างเกร็งบวกกับเขินหน่อยๆ กับสายตากรุ่มกริ่มที่กำลังจับตามองเราสองคน ผมเลยขอตัวไปยืนรับออเดอร์ที่เคาน์เตอร์แทน และปล่อยให้เธอจอยกับเพื่อนๆ ต่อ