ใช้เวลาไปประมาณสิบห้านาทีในการเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดนอนกระโปรงสีชมพูให้จนเรียบร้อย เป็นสิบห้านาทีที่ยากมากสำหรับผม ทุกครั้งที่มือสัมผัสกับผิวเนียนลื่น ผมได้แต่กัดฟันแน่นข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้ไม่ให้เผลอจับอะไรๆ ที่ดูนุ่มมือจนเกินเลย ทั้งที่ใจอยากจะจับอยากจะทำให้ได้มากกว่านี้ แต่ติดที่ผมรับปากกับอานายเอาไว้ว่าจะรอให้น้องเรียนจบก่อน มาถึงตอนนี้ผมถึงได้รู้ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ทรมานมากแค่ไหน นับถือตัวเองเหมือนกันนะ...
หลังจากที่พาเธอมานอนบนเตียงเจ้าหญิง ผมก็เข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำและกลับออกมาในชุดนอนสีชมพูขายาวที่ตัวเล็กซื้อให้และถูกบังคับให้ใส่เวลามานอนที่นี่ มันเป็นอะไรที่ขัดกับลุคของผมมากแต่ผมก็ได้แต่ใส่อย่างตามใจ มีเธอคนเดียวเท่านั้นที่จะได้เห็นผมใส่อะไรแบบนี้...คนเดียวจริงๆ "พี่ติณ กอด" "..." จุ๊บ ผมใช้เวลานั่งเช็คอีเมล์ต่ออีกครู่หนึ่ง เสียงงัวเงียสะลึมสะลือก็เรียกผมให้รีบปิดหน้าจอและล้มตัวลงนอน เพื่อที่เธอจะได้ปีนขึ้นมานอนบนตัวผมเหมือนตอนเด็กๆ และเป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่เรานอนด้วยกัน ทำให้อะไรต่อมิอะไรของตัวเล็กแนบชิดทุกสัดส่วนที่แข็งแกร่งจนรู้สึกปวดหนึบไปหมด กว่าผมจะข่มตานอนได้ก็ต้องใช้เวลานานหลายนาที เอามือลูบต้นขาขาวที่โผล่พ้นชายกระโปรงนอนไปมาเบาเบาระบายความอึดอัดที่มี ก่อนจะก้มกดจูบเรือนผมหอมๆ ราวกับเป็นยานอนหลับขนานดี "พี่ติณ วันนี้พี่ติณว่างมั้ย" "ว่าง เข้าร้านตอนเย็นทีเดียว" "พาโฟไปซื้อของขวัญให้พี่เลนส์พี่ฟิล์มได้มั้ย" สัปดาห์หน้าเป็นวันเกิดพี่ชายฝาแฝดสุดหล่อของฉันทั้งสองคน แต่ยังคิดไม่ออกเลยว่าปีนี้จะให้อะไรพวกพี่พี่ดี ใจจริงก็อยากจะหาแฟนให้ด้วยซ้ำ แต่ติดอย่างเดียวเลย ตรงที่ฉันกลัวหน้าแตกเผื่อพี่เลนส์กับพี่ฟิล์มจะแอบซ่อนสาวๆ เอาไว้นี่แหละ ธรรมดากันซะที่ไหนละ เห็นโสดๆ ก็ใช่ว่าจะไม่มีใคร "ได้" "ไปกินอาหารญี่ปุ่นด้วยนะ โฟหิวอาหารญี่ปุ่นมาก" "ร้านลุงลันมั้ย" เห็นมั้ยละ ฉันบอกแล้วว่าเขาหน่ะตามใจฉันเก่งที่สุด! "ได้ค่ะ งั้นโฟรีบไปอาบน้ำก่อนดีกว่า" ฉันใช้เวลาไปเกือบๆ ยี่สิบนาทีกับการอาบน้ำและแต่งตัว จะได้ออกไปเดินห้างทั้งทีขอประเดิมชุดที่เพิ่งเอฟมาหน่อยแล้วกัน เดรสสายเดี่ยวผ้ายืดตัวนี้ดีกว่าดูใส่สบายๆ ดี "พี่ติณ อาบน้ำแล้วหรอคะ" ฮัมเพลงออกมาจากห้องอย่างอารมณ์ดี ก็เห็นคนตัวโตนั่งรอบนโซฟาห้องนั่งเล่นอยู่ก่อนแล้ว ใส่เสื้อเชิ้ตสีดำตามสไตล์เซ็ทผมเบาเบาแค่นี้พี่ติณก็ดูหล่อสะอาดมากๆ ไม่แปลกใจเลยที่เวลาไปไหนมาไหนถึงได้มีสาวๆ ส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้จนฉันรู้สึกหมันไส้อยู่บ่อยครั้ง "อืม ไปชุดนี้?" ร่างสูงกวาดตามองชุดเดรสพอดีตัวของฉันไปมาหนึ่งรอบ พร้อมกับคิ้วขมวดเป็นปมจนฉันอยากจะเอาเทปใสมาติดไว้ "อ่าฮะ" "เสื้อคลุม?" "ไม่มีค่ะ แบรนด์นี้เขาใส่กันแบบนี้" "..." "ไปกัน" ฉันทำเป็นไม่สนใจสายตาเอ็ดดุของคนตัวโตที่ดูจะไม่ค่อยชอบใจชุดที่อยู่เป็นตัวฉันเท่าไหร่ รีบเดินไปจูงมือพากันไปใส่รองเท้าผ้าใบที่เขาซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดตอนอายุครบสิบแปดปีไว้ใส่คู่กันกับเขา ซึ่งฉันก็ชอบมากเพราะว่าใส่สบายแถมยังสวยถูกใจมากด้วย "พี่ไอ โฟคิดถึงจังเลย" "..." "บอกคิดถึงพี่ ดูสีหน้าคนข้างๆ เราด้วย" พี่ไอลูกชายลุงลันแซวฉัน แต่สายตายิ้มเยาะคนตัวสูงที่เดินมาข้างๆ "พี่ติณเป็นอะไรคะ หรือว่าโมโหหิว" "..." "หึ อยากนั่งห้องวีไอพีหรือดูวิวด้านนอก" "โฟขอโต๊ะที่เห็นวิวสวยที่สุดค่ะ" "ได้ครับคุณลูกค้า เชิญทางนี้ครับ" พี่ไอพาเราสองคนมานั่งโต๊ะด้านในริมกระจกที่มองเห็นวิวสวนสไตล์ญี่ปุ่นมีลำธารเล็กๆ ดูสดชื่นและน่ารักมาก ฉันชอบบรรยากาศด้านนอกมากกว่าห้องวีไอพี ซึ่งต่างจากพี่ติณที่ชอบความเป็นส่วนตัว แต่มุมนี้ก็โอเคนะ ไม่มีคนพลุกพล่านมีโต๊ะเราโต๊ะเดียว "ดูเมนูกันก่อนนะ เดี๋ยวพี่มารับออเดอร์" "ขอบคุณค่ะ" "พี่ติณ เอาข้าวหน้าเนื้อมั้ย ของโปรดพี่ติณนี่นา" "อืม" ตลอดการเลือกเมนูเป็นฉันนี่แหละที่พูดจ่อไม่หยุดทั้งเลือกเมนูทั้งสั่งอาหาร เพราะตั้งแต่เข้าร้านมาเขาก็หน้าตึงเหมือนพึ่งฉีดโบท็อกซ์มาอย่างไงอย่างงั้น "แซลมอนด้วยมั้ยคะ กินด้วยกัน" "อืม" ดีนะ! ที่ฉันรู้ว่าเขาชอบกินอะไรไม่อย่างนั้นถ้าเลือกให้แล้วไม่ถูกใจฉันคงกินข้าวไม่อร่อยหรือไม่ก็โดนคนตัวโตกินหัวก่อนนี่แหละ รอไม่นานพี่ไอก็ยกอาหารที่ฉันเลือกไปสามอย่างมาเสิร์ฟให้ น่าทานทั้งนั้นเลย และแน่นอนฉันไม่ลืมที่จะขอถ่ายรูปกับลูกชายเจ้าของร้านสุดหล่อคู่กับอาหารญี่ปุ่นที่เหมือนบินตรงมาจากแดนปลาดิบ พร้อมกับอัพโซเชี่ยลรีวิวชวนสาวๆ มาชิมพี่ไอ อุ๊บ! ไม่ใช่ๆ มาชิมอาหารอร่อยๆ ต่างหากหล่ะ "ไม่อร่อยหรอคะ" ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่รู้ตัวว่าทำให้ผมหงุดหงิดตั้งแต่เดินเข้าร้านมาเจอไอ้ไอ เธอก็เอ่ยปากบอกคิดถึงด้วยเสียงออดอ้อนทั้งที่มากับผม ไหนจะรอยยิ้มหวานหวานถ่ายรูปคู่กันอีก แล้วคนที่ถ่ายให้ก็ไม่ใช่ใคร บังคับผมถ่ายให้นี่แหละ ส่วนไอ้ไอก็ใช้สายตายิ้มเยาะใส่ผมราวกับชอบอกชอบใจที่แกล้งผมได้ คงจะมีแค่เรื่องนี้เท่านั้นแหละที่เป็นจุดอ่อนสำหรับผม "อร่อย" ผมเลยก้มหน้าก้มตาตักข้าวหน้าเนื้อตรงหน้ากินเงียบๆ ไม่คอยป้อนเธอเหมือนทุกที "อร่อยต้องทำหน้าแบบนี้ค่ะ" "ไม่ใช่หน้าบึ้งแบบนั้น" "..." จนตัวเล็กยื่นหน้าเข้ามาใกล้จ้องนัยน์ตาคู่คมของผมพร้อมกับเอานิ้วเรียวสวยมาดึงมุมปากสีเข้มให้ยกยิ้มขึ้นเหมือนกับเธอที่กำลังยิ้มซุกซนส่งมาให้ผม ก่อนจะผละตัวออกขยับเก้าอี้มาใกล้เอาแก้มนุ่มๆ มาซบกล้ามแขนอย่างออดอ้อน ทำผมหลุดยิ้มออกมาอย่างง่ายดาย สุดท้ายผมก็ไม่เคยงอนเธอได้นานเลยจริงๆ "พี่ติณ โฟขอชิมข้าวหน้าเนื้อบ้างสิ" "อืม อ้าปาก" "อร่อย?" "อร่อยค่ะ" "ลูกค้ากูโดนมดกัดกันหมดละ" "พูดมากหว่ะ" หลังจากกินของคาวกันจนอิ่ม ไอ้ไอก็ยกไอศกรีมชาเขียวถั่วแดงอีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์ของร้านมาให้กินล้างปาก ทำเอาคนตัวเล็กที่นั่งข้างๆ ยิ้มจนแก้มปริเพราะชอบกินไอศกรีมเป็นชีวิตจิตใจ ส่วนผมก็ชอบนะไอศกรีมถ้วยนี้ ไม่หวานมากกินเพลินดี เสียอย่างเดียวลูกเจ้าของร้านพูดมากไปหน่อยหลังจากถ่ายรูปกันเสร็จ ครอบครัวของเราสองคนก็พากันไปทานมื้อเย็นฉลองให้กับคนเก่งที่โรงแรมสุดหรูของอากาย ซึ่งทางผู้ใหญ่ก็ได้คุยกันถึงฤกษ์แต่งงานที่ผมขอให้มามี๊หาฤกษ์ที่เร็วที่สุดให้...อีกสองสัปดาห์ข้างหน้าทำตัวเล็กของผมบ่นอุบทันทีที่ถึงห้องเพราะกลัวจะเตรียมตัวไม่ทัน ไหนจะคอร์สเจ้าสาวไหนจะชุดที่ยังไม่ได้เลือก แถมยังยื่นคำขาดสั่งห้ามชวนและพาเธอไปหาของกินอร่อยๆ เด็ดขาด ทำผมถึงกับแอบขำเพราะคงไม่พ้นมีคนเอ่ยปากบ่นหิวก่อนแน่นอน"พี่ติณ" เพราะเธออยากดูซีรีย์ตอนจบ ทำให้เราสองคนย้ายที่เช็ดผมมานั่งกันอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่น ผมนั่งที่พื้นให้ตัวเล็กใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมให้อยู่บนโซฟา มีเจ้าขนฟูนอนเล่นตุ๊กตาปลาอยู่ข้างๆ"หืม" ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าใสๆ ตากลมโตที่ก้มมองอยู่ก่อน"โฟขอถามอะไรหน่อยสิ" "ครับ" "ทำไมพี่ติณถึงรักโฟ" "..." เป็นคำถามที่ตอบยากมากสำหรับผม เพราะผมเองไม่เคยคิดหาคำตอบเลยสักครั้ง"ตอบมาเร็ว""เป็นความลับของพี่ไม่ได้?" ผมเฉไฉหันไปอุ้มฟินิกซ์มาเล่นบนตัก"ไม่ได้สิ" "ทำไม""ก็โฟอยากรู้""..."...ย้อนกลับไปวันนั้นวันที่เธอเกิดป๊ากับมามี๊พาผมไปหาคุณน้ามายกับอานายที่โรงพยาบาล ส่วนมินินอย
จากที่ตั้งใจจะจูบลงโทษแค่นิดนิดหน่อยหน่อยกลายเป็นเครื่องติดปลุกเสือหลับอย่างเขาให้ลุกขึ้นมาล่าเหยื่อ สองมือหนาดันไหล่บางให้ล้มตัวนอน เปลี่ยนมาค่อยๆ ลูบไล้ต้นขาขาวแผ่วเบาจนใกล้จุดอ่อนไหวที่มีเพียงแพนตี้ตัวจิ๋วปกปิด จุ๊บ"ตกลงจะสารภาพมั้ย" ริมฝีปากร้อนถอนออกจากริมฝีปากบวมเจ่อแต่ยังคงวางทาบไว้แนบชิด"อ๊ะ มะ ไม่..." นิ้วซุกซนที่เขาใช้แทนไม้เรียว ค่อยๆ เลื่อนเข้าไปสัมผัสผิวบอบบางใต้แพนตี้ลูกไม้ลูบไล้เบาเบาให้พอรู้สึกวาบหวาม ทำคนน้องหายใจติดขัด"ไม่ตอบ?" ระหว่างรอคำตอบ ไม้เรียวของเขาก็เริ่มปัดไป่เฉียดตรงนั้นนิดผ่านตรงนี้หน่อยจนน้ำหวานเริ่มเปรอะเปื้อน ทำเขาแทบจะรอไม่ไหว"ย ยอม โฟยอมแล้ว" คนตัวเล็กรีบผละตัวลุกขึ้นท่าทางเหมือนกระต่ายน้อยเพราะกลัวจะโดนเขาลงโทษจนไม่มีเรี่ยวแรงลงไปแดนซ์ต่อ ทำเขาต้องยอมลุกตามอย่างขัดใจ ก่อนจะรวบตัวนุ่มนิ่มมานั่งตักรอฟังคำรับสารภาพจากจำเลยและเป็นไปตามที่ผมคิด ทุกอย่างเป็นแผนของเด็กดื้อทั้งหมด เธอแอบโทรไปสั่งชุดสั้นๆ นี้จากร้านเดียวกันโดยไม่ให้ผมรู้ เพราะให้ไปส่งที่คอนโดมินินแทน แถมโทรไปสั่งให้ที่ร้านมาส่งด่วนเพิ่มอีกหนึ่งชุดสำหรับเพื่อนใหม่อย่างวาดฝัน ใจดีมั้ยละ
วันนี้ฉันได้ไปงานเปิดร้านเหล้าของพี่ติณกับพี่แฝดด้วยแหละ ตอนที่รู้ว่างานจัดในธีมอวกาศทำฉันตื่นเต้นมาก เพราะยังไม่เคยใส่ธีมแนวนี้มาก่อน จริงๆ ภาพในหัวไม่ใช่ชุดมนุษย์อวกาศอย่างที่ใส่อยู่ในตอนนี้หรอกนะ แต่เพื่อไม่ให้พี่ติณดุจนหน้าตึงแล้วตึงอีก ฉันก็เลยเลือกชุดนี้แล้วก็บังคับให้เขาใส่คู่กัน ตรงคอนเซ็ปต์พี่ติณเป๊ะ 'มิดชิด ไม่โป๊'"พี่ติณ เสร็จยัง โฟเสร็จแล้วนะ""เรียบร้อยครับ" "ไหน เรียบร้อยจริงรึป่าว" ฉันหมุนตัวไปดูความเรียบร้อยของชุดให้เขาพร้อมกับดูว่ารูดซิปครบมั้ยจัดทรงให้อีกนิดหน่อย พึ่งเคยเห็นพี่ติณใส่ชุดแบบนี้ครั้งแรกถึงสีหน้าจะดูไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่แต่ดูหล่อและเท่มาก จนฉันต้องขอถ่ายรูปเก็บไว้ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีโอกาสเห็นเขาแต่งตัวแบบนี้อีก"สนุกมั้ย แกล้งพี่""ใครแกล้ง โฟเปล่าแกล้งนะ" ถึงปากจะบอกปฏิเสธอย่างนั้นแต่ก็อดแอบหัวเราะไม่ได้อยู่ดี จนเขาหาทางเอาคืนโดยการรวบร่างบางที่อยู่ในชุดมนุษย์อวกาศไปกดจมูกฟัดแก้มนุ่มอยู่หลายนาทีพอให้หายมันเขี้ยวฟอด ฟอด ฟอด"พะ พอแล้วๆ ไปกันเดี๋ยวเลยเวลานะ" "ไม่อยากไปแล้ว ให้ไอ้แฝดจัดการแทน" เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหูคนน้องบ่งบอกถึงอารมณ์
"ธีมงานอะไรดีวะ" วันนี้ผมกับหุ้นส่วนอย่างไอ้แฝดนัดประชุมกันเรื่องงานเปิดร้าน พวกผมสามคนอยากได้งานแบบปิดเพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกค้าวีไอพีซึ่งก็เป็นเพื่อนสนิทและนักธุรกิจที่จริงใจของพวกเรา แน่นอนว่าเรื่องหลักสำคัญที่ผมจะไม่ปล่อยให้ไอ้แฝดคิดก็คือธีมงาน"ไม่เอาชุดว่ายน้ำ""กูก็ไม่เอา" ไอ้ฟิล์มเปลี่ยนไปจนไอ้เลนส์สงสัย"ไอ้ติณกูเข้าใจ แต่กูไม่เข้าใจมึงไอ้แฝด" "ดะ เดี๋ยวคอนเทนต์ซ้ำกับวันเกิด" เพื่อนผมไม่เนียนแล้วหนึ่งอัตรา"หึ""ชุดนอน" "ไม่ / ไม่" ชุดนอนผมก็ยิ่งไม่ไว้ใจว่าเมียผมจะใส่มาแบบไหน ถ้าเกิดชวนกันกับมินินใส่แบบสายเดี่ยวผ้าลื่นสั้นๆ ผมได้ปวดหัวมากแน่ยิ่งชอบแอบชวนกันซนอยู่ด้วย เพราะงั้นตัดไฟตั้งแต่ต้นลมดีที่สุดแค่เรื่องธีมงานก็ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมงจนโดนไอ้เลนส์ด่าชุดใหญ่ในความเรื่องมากของผมกับไอ้ฟิล์ม จนสรุปกันที่ธีมอวกาศ ซึ่งผมก็เห็นด้วยดูแปลกใหม่ดี คนมาร่วมงานจะได้รู้สึกสนุกไปกับงาน"แล้วเครื่องดื่มมึงจะเอายังไง" หัวใจสำคัญของร้านเหล้าก็คือเครื่องดื่ม"กูหาวิสกี้มาครบ เสิร์ฟตามบิลที่เปิด" แน่นอนว่าหน้าที่หาเครื่องดื่มมาให้ลูกค้าได้ดื่มสนุกๆ คือผมเพราะมีดีกรีเจ้าของร้านเหล้าก
ฟอด"ยังไม่หมดนะ" พอฉันเล่าเรื่องมากมายของห้องนี้ให้เขาฟังจนเริ่มรู้สึกคอแห้ง เขาก็กดจมูกหอมแก้มฉันฟอดใหญ่ ฉันเลยต้องรีบพูดต่อเพราะกลัวว่าเขาจะพลาดไฮไลท์ของห้องนี้"หึ มีอีก?""แน่นอนสิ" ฉันแกะแขนแกร่งที่โอบกอดเอวบางไว้ออกเปลี่ยนเป็นจับมือใหญ่พาเดินไปตรงตู้แช่เครื่องดื่มที่ดูเนียนไปกับผนังห้อง ก่อนจะกดปุ่มเล็กๆ ให้ค่อยๆ เลื่อนเปิดออกเห็นห้องด้านในฉันไม่แน่ใจว่าตอนนี้เป็นเขาหรือฉันที่รู้สึกตื่นเต้นกับเรื่องเซอร์ไพร์สนี้มากกว่ากัน ดอกกุหลาบโอลิเวียออสตินสีชมพูอ่อนมากมายเต็มไปทุกพื้นที่ของห้องทั้งพื้นทางเดินและบนเพดานสูง มันสวยมากๆ และเป็นดอกไม้ที่ฉันชอบมากที่สุดชอบมากกว่าตุ๊กตาตัวโปรดซะอีก ลองแอบนับๆ ดูแล้วมันมากกว่าหนึ่งร้อยดอกแน่ๆ แต่ก่อนจะถ่ายรูปสวยๆ นี้ไว้ ขอถามให้หายสงสัยก่อนแล้วกัน"ชอบมั้ย" เป็นเขาที่แย่งถามคำถามก่อนเผยให้รู้ว่าทั้งหมดที่ฉันคิดเป็นเรื่องจริง"ของพี่ติณหรอ""อือฮึ" เขาพยักหน้าตอบรับในลำคอ"พี่ติณรู้ทั้งหมดเลยหรอ""ไม่ทั้งหมด""แต่ชอบทั้งหมด" เพียงเท่านี้ใจดวงน้อยของฉันก็เต้นแรงอีกครั้ง โดยเฉพาะแววตาวิบวับคู่นี้ที่มีไว้มองแค่ฉัน ขยันทำให้ฉันหวั่นไหวจนไม่เป็นตัวเอง
เสียงสัญญาณแจ้งเตือนของแอพลิเคชั่นกล้องวงจรส่งเสียงดังว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในห้องทำงาน ทำผมสงสัยจนคิ้วขมวดยุ่งพันกันไปหมด จนต้องหยิบมือถือกดเข้าไปดูความผิดปกติและสิ่งที่ทุกคนไม่รู้คือ ผมแอบซ่อนกล้องวงจรปิดตัวเล็กๆ ไว้ตรงมุมห้องทำงานที่ยังตกแต่งไม่เสร็จเชื่อมเข้ากับมือถือส่วนตัว ไม่รู้ว่าวันนั้นตัวเองคิดยังไงถึงได้ทำแบบนี้เหมือนกัน "หึ" มาวันนี้ภาพที่ผมเห็นในกล้องทำลายความเหนื่อยล้าจากงานที่มีจนหมด จากคิ้วที่ผูกเป็นปมเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มจนเห็นลักยิ้มสองข้าง อยากจะบินกลับไปหาคนตัวเล็กที่กำลังนั่งทาสีผนังอยู่ที่พื้น อยากรู้ว่าเธอจะใช้วิธีไหนพาผมไปดูของขวัญที่เธอทำให้ ที่สำคัญอยากให้รางวัลคนเก่งด้วยแน่นอนว่าความลับไม่มีในโลก กล้องที่ผมซ่อนไว้มีคนรู้เพิ่มหนึ่งคนคือ แนนนี่ ที่ปีนบันไดขึ้นมาทาสีผนังด้านบนส่งยิ้มเบาเบาผ่านกล้องมาให้โดยที่ไม่เผยความลับนี้ให้คนตัวเล็กรู้ ถือว่าทำได้ดีเพราะผมก็เก็บความลับไว้ให้เหมือนกันและตลอดสองสามวันมานี้ที่ผมอยู่ต่างประเทศ ทุกวันหลังจากกลับมาถึงห้องพักสิ่งแรกที่ผมเลือกทำคือการเปิดกล้องดูว่าวันนี้เธอทำอะไรให้บ้าง เหมือนตอนนี้ที่เธอกำลังสั่งให้ช่างยกโซ