เดือนที่สามของการเตรียมตั้งครรภ์นั้น จี้อี่หนิงก็เห็นข้อความจากคนที่ระบุว่าเป็นเลขาฉินในไลน์ของเสิ่นเยี่ยนจือ ผู้เป็นสามีของเธอ
[ชุดนอนที่ฉันซื้อมาใหม่ดูเหมือนจะคับไปหน่อยน่ะค่ะ ไม่งั้นคุณมาช่วยฉันดูหน่อยว่ามันเล็กไปหรือเปล่าดีไหมคะ?]
ด้านล่างของข้อความเป็นภาพเซลฟี่ ผู้หญิงในภาพสวมกระโปรงสายเดี่ยวสีแดงคอวีลึกเผยให้เห็นร่องอก ดูน่าเซ็กซี่เร้าร้อนยิ่งนัก
มือที่กําโทรศัพท์บีบแน่นโดยไม่รู้ตัว แต่พอพลิกอ่านข้อความที่ผ่านมา ก็พบว่าบทสนทนาก่อนหน้านี้ของทั้งคู่เป็นแค่การสื่อสารเรื่องงานกันตามปกติ จึงอดขมวดคิ้วไม่ได้
ส่งผิดหรือเปล่า? หรือว่า...
จู่ ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งโอบเอวเธอจากด้านหลัง ขัดจังหวะการครุ่นคิดของเธอ
ชั่วขณะที่ร่างอันเร่าร้อนของเสิ่นเยี่ยนจือแนบชิดเข้ามานั้น เขาก็กัดติ่งหูของจี้อี่หนิงเบา ๆ
"เมียจ๋า เค้าอาบน้ำเสร็จแล้ว อยากทำบนโซฟาหรือไปที่เตียงดีล่ะ?"
ยังไม่ทันที่จี้อี่หนิงจะทันได้ตอบสนอง เขาก็อุ้มเธอขึ้นมาแล้ววางลงบนโซฟา ตามด้วยร่างสูงใหญ่ของเขาที่กดทับลงมา
"ในเมื่อไม่พูด งั้นผมเลือกให้คุณก็แล้วกันนะ ทำบนโซฟาก็แล้วกัน"
น้ำเสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อย ดวงตาที่จ้องมองจี้อี่หนิงราวกับมีไฟลุกท่วม ใบหน้าของเธอแดงก่ำขึ้นมาทันที
แต่เดิมเธอก็เป็นคนสวยอยู่แล้ว แก้มแดง ๆ ของเธอภายใต้แสงไฟดูราวกับลูกพีชที่สุกแล้ว ดึงดูดให้เขาอยากลองชิมยิ่งนัก
ดวงตาของเสิ่นเยี่ยนจือเข้มขึ้นเล็กน้อย เขาก้มศีรษะลงหมายจะประกบริมฝีปากของเธอ แต่ทันใดนั้นเธอก็หันศีรษะไปด้านข้าง
เมื่อสังเกตเห็นการต่อต้านของเธอ เสิ่นเยี่ยนจือก็ก้มหน้ามองเธอ ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสน
"ที่รัก มีอะไรเหรอ?"
ผู้ชายที่มักจะทํางานอย่างเฉียบขาดในบริษัท แต่ตอนนี้กลับมองเธออย่างคับอกคับใจ ทําให้หัวใจของจี้อี่หนิงอ่อนยวบลง แต่เธอก็ยังไม่ลืมภาพเซลฟี่อันเย้ายวนโจ่งแจ้งที่เห็นเมื่อกี้
เธอยื่นมือข้างหนึ่งมายันที่หน้าอกของเขา อีกมือหนึ่งยื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้เขา
"คุณอธิบายก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น?"
เสิ่นเยี่ยนจือมองปราดหนึ่ง จากนั้นขมวดคิ้วแน่น หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรออกไปยังเบอร์หนึ่ง
ในไม่ช้า ทางนั้นก็เชื่อมต่อแล้ว
"บอสคะ มีอะไรเหรอคะ?"
สีหน้าของเสิ่นเยี่ยนจือมืดมน น้ําเสียงก็เย็นชาถึงขีดสุด
"ทําไมผมถึงไม่รู้ว่าเลขาฉินเปลี่ยนอาชีพไปเป็นขายบริการตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?"
ฝั่งตรงข้ามเงียบไปหลายวินาที น้ำเสียงลุกลี้ลุกลนเล็กน้อยของฉินจืออี้จึงดังมาตามสาย "บอสคะ ดิฉันขอโทษค่ะ ข้อความสองข้อความนั้นดิฉันตั้งใจจะส่งให้แฟนน่ะค่ะ... สงสัยว่าตอนส่งดิฉันคงจะกดผิดโดยไม่ได้ตั้งใจน่ะค่ะ..."
"ถ้ายังมีครั้งหน้า เก็บของแล้วไสหัวไปซะ!"
ทันทีที่เขาวางสายโทรศัพท์และมองไปที่จี้อี่หนิง สีหน้าเย็นชาของเขาก็กลายเป็นอ่อนโยนอีกครั้งและแม้กระทั่งยังมีร่องรอยของความคับข้องใจแฝงอยู่ด้วย
"ที่รัก เธอแค่ส่งผิดน่ะ ถ้าคุณยังโกรธอยู่ พรุ่งนี้ผมจะไล่เธอออก ตอนนี้ก็สายมากแล้วนะ อย่าเสียเวลากับคนที่ไม่คุ้มค่าเลย เราไม่ได้เจอกันเป็นอาทิตย์แล้ว คืนนี้คุณต้องชดเชยให้ผมนะ"
พูดจบ เขาก็กอดเอวเธอแล้วหมายจะจูบ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเรื่องนี้จะอธิบายอย่างชัดเจนแล้ว แต่อารมณ์ของจี้อี่หนิงก็ถูกทําลายไปแล้วเช่นกัน และไม่มีความคิดที่จะทําเรื่องอย่างว่าแล้วด้วย
เธอผลักเสิ่นเยี่ยนจือออก "คืนนี้ฉันเหนื่อยนิดหน่อยน่ะ... คืนพรุ่งนี้ค่อยทําต่อเถอะ"
ในดวงตาของเสิ่นเยี่ยนจือฉายแววผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้บังคับเธอ
"ได้ งั้นคุณนอนก่อน ตอนนี้ผมยังไม่ง่วง ผมไปจัดการงานที่ห้องหนังสือสักพัก"
"อืม"
กลางดึกมีฝนตกหนักนอกหน้าต่าง
จี้อี่หนิงถูกเสียงฝนตกปลุกตื่น พอเอื้อมมือไปสัมผัสด้านข้างก็รู้สึกเพียงแค่ความเย็นเยือก
เธอหันไปมองเวลา ตีสามสิบหก
เสิ่นเยี่ยนจือยังจัดการงานอยู่เหรอ?
เธอลุกขึ้นสวมเสื้อคลุมนอนไปห้องหนังสือ พอเปิดประตูกลับพบว่าข้างในมืดสนิท เสิ่นเยี่ยนจือไม่อยู่ข้างใน
นิ้วมือของเธอที่จับลูกบิดประตูแน่นโดยไม่รู้ตัว และหัวใจของเธอก็ค่อย ๆ จมลง
"ติ๊งต่อง!"
ทันใดนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ในคืนที่เงียบสงบแบบนี้เสียงของมันก็ยิ่งชัดเจน
เมื่อเห็นคําขอเป็นเพื่อนของรูปโปรไฟล์ที่ไม่คุ้นเคยนั้น จี้อี่หนิงมีลางสังหรณ์ว่าหลังจากผ่านคําขอเป็นเพื่อนของอีกฝ่ายแล้ว ตัวเองและเสิ่นเยี่ยนจือจะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว
ทันใดนั้น เสียงฟ้าร้องก็ดังมาจากนอกหน้าต่าง ทําให้มือของจี้อี่หนิงสั่นเล็กน้อยและเผลอกดปุ่มปฏิเสธไป
ในไม่ช้า อีกฝ่ายก็ส่งคําขอเป็นเพื่อนมาอีกหลายข้อ
[ยังไม่นอนเหรอ? เป็นเพราะสามีไม่ได้อยู่กับเธอใช่ไหมล่ะ?]
[ฉันกลัวเพราะฟ้าร้องแล้วไฟดับ เขาเป็นห่วงก็เลยมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน]
[เธอไม่อยากรู้เหรอว่าตอนนี้สามีเธออยู่ที่ไหน?]
...
เมื่อมองดูคำขอเป็นเพื่อนที่อีกฝ่ายส่งมาอย่างต่อเนื่องและคําพูดที่โอ้อวดเหล่านั้น มือที่ถือโทรศัพท์ของจี้อี่หนิงก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้
ผ่านไปเนิ่นนานเธอจึงกดตกลง
เพิ่งผ่านคําขอเป็นเพื่อน อีกฝ่ายก็ส่งที่อยู่และตัวเลขชุดหนึ่งมาทันที
จี้อี่หนิงกัดริมฝีปากล่าง หยิบกุญแจรถแล้วขับรถตรงไป
มาถึงประตูวิลล่าก็ตีสี่กว่าแล้ว เธอป้อนตัวเลขที่อีกฝ่ายส่งมา แล้วประตูก็เปิดออก
ไฟในห้องนั่งเล่นเปิดอยู่ ชุดสูทของผู้ชายและชุดชั้นในของผู้หญิงกระจายอยู่ทั่วห้องตั้งแต่ทางเข้าจนถึงประตูห้องนอน แสดงให้เห็นว่าทั้งสองคนรีบร้อนมากแค่ไหน
เมื่อเห็นกระโปรงนอนสีแดงที่ถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ที่ประตูห้องนอนนั้น จี้อี่หนิงก็เกิดรู้สึกเหลวไหลวที่ว่ามันเป็นแบบนี้จริง ๆ ด้วย
ทางเข้าอยู่ห่างจากห้องนอนเพียงไม่กี่เมตร แต่จี้อี่หนิงกลับรู้สึกเหมือนใช้แรงทั้งหมดของเธอจนหมด จนเมื่อเธอยืนอยู่ที่ประตูห้องนอน เธอก็รู้สึกราวกับว่าหัวของเธอหนักอึ้งไปหมดในขณะที่เท้าของเธอกลับเบาหวิว
เธอยื่นมือที่สั่นเทิ้มออกมา ค่อย ๆ ผลักประตูที่แง้มไว้
ภาพตรงหน้าเป็นเตียงใบใหญ่อันยุ่งเหยิง ชายหญิงคู่หนึ่งที่เปลือยเปล่ากำลังกอดกันพลางเกิดเสียงหอบหายใจอันเร่งรีบ มันผสมผสานกลายเป็นฉากลามกอนาจาร ทิ่มแทงเข้าไปในดวงตาของจี้อี่หนิง
พวกเขาสองคนทํากันจนลืมตัว ไม่ได้สังเกตุเห็นเธอที่ยืนอยู่หน้าประตูเลย
มือของจี้อี่หนิงที่ประคองกรอบประตูเริ่มกลายเป็นสีเขียวอมขาว ฝ่ามือที่ขาวผ่องถูกรัดจนเป็นรอยแดงเพราะออกแรงมากเกินไป
เธอคบกับเสิ่นเยี่ยนจือมาแปดปีแล้ว ตั้งแต่ตอนเรียนจนถึงแต่งงาน เป็นคู่รักที่เพื่อน ๆ รอบข้างต่างก็อิจฉา
ก่อนหน้าวันนี้นั้น เธอไม่เคยคิดว่าคําว่าทรยศจะปรากฏระหว่างพวกเขาเลย
แต่ตอนนี้ ความเป็นจริงได้โจมตีเธออย่างจัง
ที่แท้ ไม่ว่าคําสาบานของงานแต่งงานจะสมบูรณ์แบบและจริงจังแค่ไหน ก็ไม่สามารถต้านทานการเปลี่ยนแปลงของหัวใจคนได้อยู่ดี
เธอทนดูต่อไปไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว หันหลังวิ่งโซซัดโซเซไปที่ประตู สตาร์ทรถขับออกไปทันที
เมื่อผ่านบาร์แห่งหนึ่งที่อยู่ข้างถนน จี้อี่หนิงก็จอดรถแล้วเดินเข้าไป
ตอนที่สือเวยมาถึงนั้น เธอก็ได้ดื่มวิสกี้ไปสองขวดแล้ว สายตาของเธอเบลอเล็กน้อย
"เวยเวย เธอมาแล้วหรือ..."
เมื่อเห็นจี้อี่หนิงมีนายแบบชายสี่ห้าคนนั่งอยู่ข้าง ๆ พลางกอดซ้ายคนหนึ่ง กอดขวาคนหนึ่ง สือเวยก็ขมวดคิ้ว
"พวกคุณทุกคนออกไปก่อน!"
"อย่านะ พวกเขาอยู่ที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว..."
"ออกไปให้หมด!"
หลังจากไล่นายแบบพวกนั้นออกไปแล้ว สือเวยก็นั่งลงข้าง ๆจี้อี่หนิง "เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เสิ่นเยี่ยนจือนอกใจเธอจริง ๆ เหรอ?!"
สือเวยและจี้อี่หนิงเป็นเพื่อนร่วมห้องในมหาวิทยาลัย และเป็นพยานที่เฝ้าดูพวกเขาคบกันตั้งแต่ตอนเรียนจนถึงแต่งงาน
หลายปีมานี้เธอเห็นความดีของเสิ่นเยี่ยนจือที่มีต่อจี้อี่หนิงอยู่ในสายตามาโดยตลอด ดังนั้นพอได้ยินจี้อี่หนิงพูดว่าเสิ่นเยี่ยนจือนอกใจเธอ ปฏิกิริยาแรกก็คือมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า
เมื่อได้ยินชื่อของเสิ่นเยี่ยนจือ ดวงตาของจี้อี่หนิงก็มืดลง ความเจ็บปวดที่เสียดแทงหัวใจก็ถาโถมเข้ามาอีกครั้ง
"ฉันไม่อยากได้ยินชื่อนี้ตอนนี้"
Expand