1ปีผ่านไป ปลายฝนคลอดลูกชายคนที่สองได้เจ็ดเดือนแล้ว ธามตั้งชื่อว่าน้องธีม คนนี้ใบหน้าถอดแบบปลายฝนออกมาทุกอย่าง ทำให้เป็นที่รักของคนเป็นปู่ที่ขยันมาหาหลานชายเช้าเย็น ส่วนคนเป็นย่าที่เตรียมเปย์หลานสาวในท้องของเธอที่ตอนนี้อายุครรภ์ได้สามเดือน เพิ่งจะได้รู้เพศเมื่อวานว่าเป็นผู้หญิง ธามก็บอกคุณหมอว่าให้ทำหมันทันที เพราะเขาไม่อยากให้เมียท้องอีกแล้ว “ตกลงไม่เอาอีกแน่นะ”ลินดาถามลูกเขย ที่กำลังนั่งพูดคุยกับสามีของเธออยู่ “ไม่เอาแล้วครับแม่ ผมไม่อยากให้ฝนเจ็บอีก” “ก็ไหนว่าอยากมีห้าคนเหมือนแม่ไง”ลินดาแกล้งหยอกเย้าธาม จำได้ว่าปลายฝนเคยบอกว่าเขาอยากมีลูกห้าคนเหมือนครอบครัวเธอ แต่ทว่าเมื่อเห็นเมียเจ็บจากการคลอดก็ทนไม่ได้ ถ้าปลายฝนไม่ขอว่าอยากมีลูกสาวสักคนคงไม่ยอมให้ท้องอีก “ฝนมีได้ค่ะ แต่ธามไม่ยอม” “ตอนแม่นะ แม่คลอดธรรมชาติสองคนนะคือธันเดอร์กับสกาย ที่เหลือสามคนแม่ผ่าคลอดหมด” “ฝนยอมรับเลยว่าแม่เก่งมากที่ท้องได้ถึงห้าคน” “ห่วงร่างกายตัวเองบ้างเหอะ เวลาฝนท้องแล้วอารมณ์แปรปรวนทุกที” ธามอดที่จะพูดเรื่องนี้ไม่ได้ เมื่อคืนเขาต้องนั่งปลอบใจเธอร้องไห้ทั้งคืนจนไม่ได้นอน สาเหตุของการร้องไห้คือกลัวตัว
อุแว้! อุแว้! "โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะครับลูกรัก"คุณพ่อมือใหม่อุ้มลูกชายคนแรกไว้ในอ้อมกอดทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้อง ส่วนคนเป็นแม่ตอนนี้กำลังนอนพักอยู่ที่เก้าอี้แบบเอนนอน ปลายฝนเหนื่อยมาทั้งวัน กลางคืนก็ไม่ค่อยได้นอน ธามเลยให้เธอได้นอนพักบ้าง แต่ทว่าพอลูกชายร้องเท่านั่นแหละ คุณแม่ยังสาวก็ตื่นทันที "ธามเอาลูกมาให้ฝน สงสัยจะหิว" ชายหนุ่มอุ้มลูกชายวัยแปดเดือนส่งให้ปลายฝน ที่เดินอุ้ยอ้ายเพราะกำลังท้องลูกชายคนที่สองเข้าเดือนที่สี่แล้ว หลังจากเรียนจบธามก็ขอปลายฝนแต่งงานทันที แต่งงานได้สองเดือนกว่าเธอก็ท้องลูกชายคนแรกคือน้องธีโอ พอคลอดปุ๊บรักษาแผลจนหาย เขาก็จับทำลูกคนที่สองทันที "นั่งแบบนี้ถนัดหรือเปล่า ธามว่าไปนั่งที่โซฟาดีกว่า"เสียงลูกชายเงียบทันทีเมื่อได้กินนมจากเต้า แต่ทว่าเขามองท่าทางทุลักทุเลของเมียแล้วเป็นห่วง เธอเองก็ท้องอยู่ด้วยแล้วต้องอุ้มลูกชายที่จ่ำหม่ำแบบนั้นก็กลัวว่าเธอจะปวดหลัง "ไม่เป็นไร ฝนนั่งได้" ฟอด!!! ปลายฝนก้มลงหอมแก้มลูกชายแรงเพราะความหมั่นเขี้ยว เธอมองตัวน้อยที่เธอเฝ้าฟูมฟักมาตั้งแต่อยู่ในท้องอย่างภูมิใจ "อีกไม่กี่เดือนธีโอจะเป็นพี่แล้วนะครับ ดีใจหรือเปล่าครับ" "หลั
กลับจากทริปดูดาว ธามก็พาปลายฝนไปพบครอบครัวตามที่เขาบอกจริง ๆ ตอนแรกเธอประหม่ามาก เพราะท่าทางของพ่อเขาดูเป็นคนดุ แต่ทว่าเมื่อได้พูดคุยก็พบว่าท่านเป็นคนหน้าดุแต่ใจดี ส่วนแม่เขาก็ชวนเธอคุยจนทำให้เธอรู้สึกคลายความตื่นเต้นลงไป แถมยังบอกให้ธามพาเธอไปกินข้าวกับท่านบ่อย ๆ "บอกแล้วว่าแม่ธามต้องชอบฝน" ไม่มีอะไรดีใจไปกว่าการที่คนที่เรารักทั้งสองคนเข้ากันได้อีกแล้ว มันเหมือนได้ปลดล็อคคลายความกังวลทุกอย่าง คณะบริหารธุรกิจ วันนี้เป็นวันแรกตั้งแต่เปิดตัวที่ธามกับปลายฝนเดินควงกันเข้ามาที่ตึกคณะ สายตาของทุกคนจับจ้องคู่รักที่กำลังอยู่ในความสนใจ ตอนแรกลงจากรถคนตัวเล็กก็ตื่นเต้นมาก แต่ทว่าเขาจับมือเธอไว้เหมือนปลอบใจ ทำให้เธออุ่นใจมากขึ้น "ฝากไว้ก่อนนะ ตอนเที่ยงมารับ"ธามพาปลายฝนมาส่งที่สองสาว มิลลิและคาเทียร์ "แหมพอเปิดตัวแล้วก็หวานกันมากเลยนะ"มิลลิเอ่ยแซวพร้อมทำสีหน้าหมั่นไส้คู่รักข้าวใหม่ปลามัน "แล้วก็ไม่ต้องฝากนะ ยังไงเพื่อนฉันก็ต้องดูแลอยู่แล้ว" ธามยิ้มก่อนจะเดินไปหาปอร์เช่ที่นั่งรอเขาอยู่ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มตลอดเวลาของธาม ทำให้ปอร์เช่ยิ้มแซว "มีความสุขจังนะมึง" "อิจฉากู ก็หาแฟนสักคน เวลากูไ
หลังจากนอนดูดาวกันจนอากาศเริ่มหนาวเย็นยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ธามก็ชวนปลายฝนเข้ามาในเต็นท์ ซึ่งปลายฝนก็รีบมุดผ้าห่มเข้าไปทันที "หนาวเหรอ?" "อืม...ขนลุกไปหมดเลย" "เวลาหนาว มันมีกิจกรรมทำให้อุ่นอยู่นะ"แววตาคมเปล่งประกายความเจ่าเล่ห์ออกมาอย่างเห็นได้ชัด ขยับตัวขึ้นมาคร่อมเธอไว้ "แน่ใจว่าจะไม่มีใครได้ยิน"เธอยังมีท่าทีลังเล ทั้งที่ก็เริ่มมีความต้องการขึ้นมาเหมือนกัน "ฝนก็อย่าครางดังสิ"มือหนาของเขาดึงผ้าห่มที่คลุมตัวเธอออก ก่อนจะลูบไล้ไปตามตัวหญิงสาว ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมองจูบอันแสนหวานให้เธอ ก่อนจะเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความเร่าร้อนขึ้นเรื่อย ๆ สวนทางกับอากาศหนาวเหน็บยามดึก "อืม"เสียงทุ้มครางในลำคอถูกใจรสจูบของเธอ ก่อนที่เขาจะเอามือสอดเข้าไปในเสื้อไหมพรมของเธอ บีบเค้นเต้าอวบทั้งสองข้าง เมื่ออารมณ์วาบหวามเริ่มครอบงำ ริมฝีปากจึงผละออกจากกัน สองมือช่วยกันปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ออกจนหมด ธามขึ้นทาบทับบนลำตัวเปลือยเปล่าของเธอทันที เขาใช้จมูกซุกไซร้ไปตามลำคอระหงของเธอ กดจูบเน้นย้ำทุกจุดจนขึ้นรอยแดงเป็นวงกว้าง ปลายฝนหลับตาพริ้มอย่างซ่านสยิว ภายในกายเธอร้อนวูบวาบกับสัมผัสนั้น มือเล็กลูบไล้แผ่
ทั้งสองคนมาถึงอุทยานแห่งชาติตาดหมอกในเวลาบ่ายสามโมงครึ่ง แค่เข้าเขตธรรมชาติอากาศก็เย็นสบายทันที การเดินทางก็ไม่ได้ยากลำบากอะไรมากนัก รถยนต์สามารถเข้ามาจนถึงลานกว้างของอุทยานได้เลย ตรงจุดกางเต็นท์เป็นลานกว้าง มีคู่รักหลายคู่กำลังช่วยกันกางเต็นท์ ธามเลือกจุดที่ห่างจากคนอื่นพอสมควรจนปลายฝนอดแซวไม่ได้ "ตกลงตั้งใจมาดูดาวแน่นะ" "ธามคิดเผื่อฝนนะ กลัวฝนครางเสียงดัง"เขาเข้ามากระซิบริมหูเธอ "ใครบอกว่าจะทำ ฝนตั้งใจมาดูดาว" "จริงเหรอ รอดูคืนนี้แล้วกันนะ" เขายักคิ้วล้อเลียนเธอ ส่วนเธอก็ได้แต่ทำปากขมุบขมิบด่าเขา ผู้ชายอะไรหลงตัวเองที่สุด เต็นท์ที่เขาเตรียมมาเป็นเต็นท์ขนาดใหญ่ที่นอนได้8-9คน เขาเอาเบาะเป่าลมขนาด3.5ฟุตมาด้วย มีหมอนและผ้าห่มเรียบร้อย เรียกได้ว่าสบายเหมือนนอนอยู่ที่บ้านเลยด้วยซ้ำ "ดูสิ...ธามเตรียมพร้อมขนาดนี้ คงไม่ได้มานอนจับมือกันหรอกนะ" "คิก คิก แล้วก็มาว่าฝนหมกมุ่น ตัวเองอ่ะหนักกว่าเขาอีก" “มีน้ำตกด้วยนะ อยากไปหรือเปล่า” ปลายฝนทำท่าอึกอัก ก่อนเข้ามาตรงจุดกางเต็นท์เธอแอบเห็นทางไปน้ำตกที่ต้องเดินเท้าเข้าไป บอกตรง ๆ ในชีวิตนอกจากเดินทางไกลตอนเรียนลูกเสือ เนตรนารี เธอก็ไม่เคย
“เฮียคิดว่าตอนนี้ลูกของเราไม่ได้ไปค้างห้องเขาเหรอคะ หัดอยู่กับความเป็นจริงซะบ้างนะคะ ตัวเองก็ใช่ว่าเมื่อก่อนจะดีเสียเมื่อไหร่ อย่าให้ลินต้องพูดนะ” “อะไรกัน แค่เฮียห่วงลูก ก็กลายเป็นคนผิดแล้วเหรอ” “ไม่ได้ว่าเฮียผิดเลยนะคะ แค่อยากให้เฮียยอมรับความจริงค่ะ ยังไงก็หนีไม่พ้นหรอก อีกหน่อยปลายฟ้าอีกคน ถึงวันนั้นเฮียไม่อกแตกตายเหรอคะ ทำใจค่ะ” “ลินดา จะว่าเฮียไปถึงไหน” เมื่อเห็นว่าตัวเองเผลอพูดมากเกินไป ก็เข้าไปกอดออดอ้อนคนเป็นสามีทันที เป็นวิธีที่เธอใช้ได้ผลมาตลอดและคิดว่าครั้งนี้ก็คงไม่พลาดเหมือนกัน เพราะทันทีที่เธอเข้าไปออดอ้อนเขา พายุก็ยิ้มออกมาทันที “เฮียห่วงลูก ไม่อยากให้ลูกเจอคนไม่ดี” “ลินเข้าใจค่ะ แต่ความรักมันบังคับได้ที่ไหนกัน ในเมื่อลูกเรารักเขาไปแล้ว ตอนนี้ที่ทำได้คือทำใจและปล่อยให้ลูกได้เผชิญด้วยตัวเองนะคะ เราเป็นพ่อแม่มีหน้าที่แค่ซัพพอร์ตความรู้สึกของลูกเท่านั้นแหละคะ” บรรยากาศบนโต๊ะอาหารผ่านไปด้วยดี หลังทานข้าวเสร็จ นั่งคุยกันอีกสักพัก ธามก็ขอตัวกลับโดยมีปลายฝนเดินมาส่งที่รถ“ธามไปนะ” “ขอบคุณมากนะ ที่ธามอดทนและพยายามกับเรื่องวันนี้” “ขอบคุณทำไม ธามเต็มใจทำให้อยู่แล้ว” ปล