พอได้ยินว่าหวดแส้ห้าสิบที แล้วยังสาดน้ำเกลืออีก คนติดตามคนนั้นก็พับยวบลงไป"อ๋องเจวี้ยนโปรดไว้ชีวิต ไว้ชีวิตด้วย!""ตี" เซียวหลันยวนไม่มีปราณี พอเห็นว่าไม่ว่าเขาจะอ้อนวอนอย่างไรก็คิดจะตีลงมาฟาดแสห้าสิบที ชีวิตคงไม่เหลือแน่ๆ"ข้าบอกข้าบอกแล้ว!" คนติดตามตกใจจนน้ำหูน้ำตาไหลชิงอีเห็นเขาก็ร้องหึในลำคอ"ขี้ขลาดแบบนี้ ยังกล้าคิดจะวางแผนทำร้ายพระชายาเราอีก?"ยังคิดว่าจะแข็งกร้าวหน่อย ที่แท้ก็แค่นี้เอง?"ข้าน้อยแต่ก่อนเคยอยู่ที่เมืองหลวงจริงขอรับ เป็นญาติบ้านฝ่ายหญิงฮูหยินรองแห่งจวนตระกูลซ่งในเมืองหลวง"จวนตระกูลซ่ง ตอนที่ซ่งอวิ๋นเหยายังเป็นท่านหญิง จวนตระกูลซ่งทุกวันก็เต็มไปด้วยรถม้าสัญจรไปมา เป็นตระกูลที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูซ่งอวิ๋นเหยาคิดจะทำร้ายฟู่จาวหนิง นางกับตระกูลซ่งถูกเซียวหลันยวนถอนรากถอนโคน ตอนนี้ในเมืองหลวงไม่มีจวนตระกูลซ่งอยู่อีกแล้วเซียวหลันยวนเองก็ไม่ได้คิดว่าที่นี่จะมีคนที่เกี่ยวข้องไปถึงจวนตระกูลซ่งอยู่ด้วย"หลังจากจวนตระกูลซ่งเกิดเรื่อง ครอบครัวของเราเองก็ล้วนหดหัวใช้ชีวิตกัน พวกเพื่อนๆที่เคยเรียกกันเป็นพี่น้องของข้าก็ทอดทิ้งข้าไม่สนใจข้า ร้านรวงที่เกี่ยวข้องกับจว
คิดไม่ถึงว่าตรงนี้ยังมีเรื่องของนางอยู่ด้วย?"ข้าน้อยพบว่า สินค้ามากมายของนายท่านเจี๋ยเป็นของที่ฮูหยินอู๋คนนั้นให้มา ยิ่งไปกว่านั้น นายท่านเจี๋ยก็ยังฟังคำพูดฮูหยินอู๋มากด้วย ฮูหยินเฉิงคิดว่านายท่านเจี๋ยชอบนางมากจริงๆ แต่อันที่จริงคนที่นายท่านเจี๋ยชอบคือฮูหยินอู๋"เซียวหลันยวนขมวดคิ้วพูดไปพูดมาก็ยังวกอยู่กับความรักของคนสามคนนั้น? สับสนยุ่งเหยิงไปหมดแต่เซียวหลันยวนเองก็รู้ว่าคนผู้นี้พอพูดถึงฮูหยินอู๋แล้ว เรือ่งก็น่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เขาจึงระงับความรำคาญแล้วฟังต่อไป"นายท่านเจี๋ยมาที่เมืองจื่อซวี เป็นคำสั่งของฮูหยินอู๋ และที่นายท่านเจี่ยเลือกฮูหยินเฉิง ก็เป็นเจตนาของฮูหยินอู๋ด้วย นายท่านเจี่ยให้ข้าไปคัดคน ให้พวกเขาขึ้นยอดเขาโยวชิงหาตัวพระชายามารักษาโรค น้ำเสียงที่บอกกับข้ามาตอนนั้น ก็เหมือนจะเป็นเจตนาของฮูหยินอู๋ด้วย"ฟังถึงจุดนี้ เซียวหลันยวนก็หน้าขรึมลง"ดังนั้น นี่เป็นคำสั่งของตระกูลอู๋รึ?""เรียนท่านอ๋องเจวี้ยน เรื่องนี้ข้าน้อยก็ไม่กล้ายืนยัน พูดได้แค่ว่าข้าน้อยได้ยินมาคือแบบนี้ ไม่กล้าปิดบังท่านอ๋อง เพื่อไม่ให้ท่านอ๋องตรวจสอบผิดทิศทาง""ให้เงินประชาชนพวกนั้นไปเท่าไร?""
ฮูหยินเฉิงตาแดงก่ำ พอได้ยินก็อยากจะร้องไห้แล้ว"ข้าต้องหวังดีกับเขาอยู่แล้ว เขาเรียกข้าว่าท่านน้าเลยนะ เจ้าว่าข้าไม่ควรคิดเพื่อเขาให้มากหน่อยหรือ? เดิมทีเขาก็เป็นเด็กที่ชีวิตขื่นขมอยู่แล้ว ไม่มีพ่อแม่ดูแลข้างกายตั้งแต่เด็ก ข้าก็แค่สงสารที่เขาอายุยังน้อยก็ต้องมาพักฟื้นห่างไกลจากบ้านแบบนี้คนเดียว สุขภาพเองก็ไม่ดีนัก""ใช่ไหมล่ะ? เจ้าก็แค่ใจดี ก่อนที่อ๋องเจวี้ยนจะแต่งงาน ก็เคารพเจ้ามาตลอดใช่ไหม? อธิบายได้ว่าเขาเองก็รู้ถึงความรักความเอ็นดูของเจ้าที่มีให้เขาในอดีต""ใช่เลย เดิมทีเขาเองก็เป็นคนที่รู้เรื่อง แม้จะพูดน้อย ดูไม่ค่อยคึกคัก แต่อันที่จริงก็เป็นเด็กที่รู้จักกาลเทศะและจดจำบุญคุณคนมาก ดังนั้นหลังจากเขาแต่งงานก็ไม่ได้กลับมายอดเขาโยวชิงสองปีกว่า ข้ารู้สึกไม่ค่อยถูกนัก"ฮูหยินเฉิงรู้สึกว่าตนเองหวังดีมากจริงๆ และก็ทำเพื่อเซียวหลันยวนด้วย"เดิมทีข้าจะให้ลวี่กั่วช่วยข้าไปเมืองหลวงซื้อหยกดารา แต่ข้าก็คิดว่าแวะไปดูอ๋องเจวี้ยนได้พอดี ไปดูพระชายาคนนั้นของเขาหน่อย ดังนั้นจึงไปด้วยตนเอง ระยะทางก็ยาวไกล เดินทางไปครั้งหนึ่งก็เหนื่อยเอาการ แต่เพื่อเขาข้าก็ยินดี"ฮูหยินเฉิงพูดถึงจุดนี้ก็ยกถ้วยต
ฮูหยินเฉิงได้ยินคำนี้แล้วอดงงงันไม่ได้"เขาไม่ได้มีตัวตนแค่แบบเดียว แล้วยังมีตัวตนฐานะอะไรอีกหรือ? เจ้าคงจะไม่บอกว่า อันที่จริงเขาไม่ได้มีสายเลือดของไท่ซ่างหวงหรอกใช่ไหม?"ก่อนหน้านี้นางเคยได้ยินนักเล่านิทานบางส่วนเล่านิทานพื้นบ้านอะไรมาบ้าง พวกการอุ้มเด็กผิดคนอะไรทำนองนี้ มีคนเล่าว่า ในราชวงศ์เองก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่เหมือนกัน มีพระสนมบางส่วนเนื่องจากคลอดลูกสาวมา และรู้สึกว่าจำเป็นต้องมีองค์ชายพื่อมาทำให้ตำแหน่งตนเองมั่นคง ดังนั้นจึงเลือกเสี่ยงอันตราย หาทารกชายคนนึงเข้ามาสับเปลี่ยนกับองค์หญิงน้อยของตนเองฮูหยินเฉิงจึงคิดได้แค่เรื่องนี้ ดังนั้นจึงพูดออกมาตรงๆ"ฮูหยิน นี่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน?" ลวี่กั่วยังรู้สึกว่าสิ่งที่นางเดามันออกจะเกินไปหน่อยแล้วถ้าอ๋องเจวี้ยนไม่มีสายเลือดราชวงศ์จริง ไท่ซ่างหวงตอนนั้นจะทิ้งสิ่งของมากมายไว้ให้เขาหรรือ? แล้วยังให้อำนาจเขาอีกตั้งมากมาย"ฮูหยินเดาผิดแล้ว ลวี่กั่วพูดถูกต้อง อ๋องเจวี้ยนจะไม่ใช่สายเลือดของไท่ซ่างหวงได้อย่างไรกัน? ความหมายของข้าคือ พระสนมคนโปรดลึกลับในตอนนั้น ที่มาดูไม่ธรรมดาเลย"ฮูหยินเฉิงงงงันไปทันทีเห็นสภาพนางแบบนี้ เจี๋ยหล
"ถูกต้อง ที่ข้าอยากพูดก็คือ แม่ที่แท้จริงของอ๋องเจวี้ยน เป็นไปได้มากว่าจะเป็นคนจากตงฉิง" เจี๋ยหลี่เอ่ยขึ้นฮูหยินเฉิงตะลึงงัน สมองที่เมาไปแล้วหมุนได้ช้ามาก ยังตั้งตัวกลับมาไม่ค่อยท่าน "ถ้าหากปู่ของนางหรือผู้อาวุโสสักคนมาจากตงฉิงมาอยู่ที่แคว้นเจา นั่นก็อาจจะเป็นไปได้นะ แต่ถ้ามาถึงแคว้นเจานานแล้วล่ะ ก็คงไม่ถือเป็นคนจากตงฉิงแล้วกระมัง?""แน่นอนว่าไม่ใช่ ความหมายของข้าคือ นางอาจจะเป็นคนที่ออกมาจากตงฉิงเลย""แล้วมันทำไมหรือ?""ถ้าเป็นแค่หญิงสาวทั่วไปของตงฉิง ก็คงไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอก แต่ว่านางอาจจะเป็นถึงจักรพรรดินีของตงฉิงเลยนี่สิ""เจ้าว่าอะไรนะ? เจ้าอย่าพูดมั่วนา" ฮูหยินเฉิงตกใจสะดุ้งโหยง"นี่จะพูดมั่วได้อย่างไรกัน? จะว่าไป ต่อให้นางเป็นจักรพรรดินีจากตงฉิง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดศีละรรมอะไร ถ้าตอนนั้นเปิดเผยออกมา เช่นนั้นตัวตนของอ๋องเจวี้ยนก็ยังจะสูงส่งกว่าตอนนี้อีกไม่รุ้เท่าไร ถึงอย่างไร นอกจากสายเลือดราชวงศ์แคว้นเจาแล้ว ยังมีสายเลือดราชวงศ์ของตงฉิงอีกด้วย""ไม่ใช่สิ ถ้าหากเป็นแบบนี้จริง เช่นนั้นเขาก็เท่ากับเป็นองค์รัชทายาทของตงฉิงเลยนะ ข้าได้ยินว่า ลูกที่จักรพรรดินีคลอดออกมา จะ
"เหมือนว่าจะเป็นแบบนี้ แต่อ๋องเจวี้ยนจะเป็นลูกของจักรพรรดินีตงฉิงจริงหรือ?" ฮูหยินเฉิงยังสับสน"เป็นไปได้มากเลย จุดนี้ อันที่จริงมีคนที่ยืนยันได้อยู่""ใครหรือ?""เจ้าอารามยอดเขาโยวชิง""หรือว่าเขารู้จักตัวตนของแม่ผู้ให้กำเนิดอ๋องเจวี้ยน?""แน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีอีกคนที่รู้ด้วย ไทเฮาในตอนนี้""เป็นไทเฮาที่ให้อ๋องเจวี้ยนมายังยอดเขาโยวชิง ไทเฮาก็เหมือนจะเชื่อใจเจ้าอารามมาก"ฮูหยินเฉิงนึกถึงสีหน้าเจ้าอารามตอนเอ่ยถึงไทเฮา แม้อายุพวกเขาน่าจะห่างกันค่อนข้างเยอะ แต่จิตใต้สำนึกนางเองก็ยังอิจฉาไทเฮาอยู่ จุดนี้นางไม่เคยเปิดเผยออกมาเลย กระทั่งตัวนางเองก็อาจจะไม่รู้เพราะเจ้าอารามเหมือนจะไว้วางใจและยอมอ่อนข้อให้ไทเฮาอยู่พอสมควร แต่สำหรับนางแล้ว กลับยังขาดหายไปไม่น้อยทั้งที่หลายปีนี้ นับตั้งแต่สามีนางจากไป ก็ล้วนเป็นนางที่อยู่กับเจ้าอาราม สิ่งของหลายอย่างของเขาก็ล้วนเป็นนางที่จัดหามาให้ แถมนางยังรู้ขนาดเสื้อผ้าเขาด้วยนางเองก็เคยคิด ว่านางอาจจะลงเอยกับเจ้าอารามอย่างเป็นธรรมชาติแบบนี้ต่อไปก็ได้ ต่อให้นางเป็นแค่เพื่อนรู้ใจก็ได้อยู่สามีจากไปแล้วหลายปี ผู้หญิงคนเดียวอย่างนางต้องดูแลอุท
ฮูหยินเฉิงถูกความตกใจนี้ทำเอาสร่างเมาไปกว่าครึ่งพอเซียวหลันยวนก้าวเท้าเข้ามา ลวี่กั่วก็แทบจะขาอ่อนไปทันที"ท่าน ท่านอ๋อง!"อ๋องเจวี้ยนตอนนี้ไม่ใช่ว่าอยู่บนยอดเขาโยวชิงหรือ? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?ฮูหยินเฉิงกับลวี่กั่วยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องที่ประชาชนพวกนั้นถูกซื้อตัวขึ้นไปอาละวาดบนเขา แต่พวกนางรู้ว่าเจี๋ยหลี่น่าจะทำเรื่องอะไรเอาไว้พวกนางสองคนล้วนรู้สึกว่า เจี๋ยหลี่คงจะแค่ทำเรื่องอะไรที่ทำให้ชื่อเสียงฟู่จาวหนิงย่ำแย่ในเมืองเล็กนี้ ทำให้ตอนที่นางลงจากเขาต้องเจอกับสายตาหยามเหยียดจากคนรอบๆ ถึงตอนนั้นเซียวหลันยวนก็จะรู้ ว่าพระชายาคนนี้อันที่จริงไม่ได้เหมาะกับเขาเลยจริงๆพวกนางอย่างน้อยก็ยังได้ระบายบ้าง ในใจก็ไม่ต้องอัดอั้นนักแล้วแต่ถ้าหากทำเรื่องแค่นี้ คงไม่ถึงกับทำให้เซียวหลันยวนรีบลงจากบนเขาแล้วแจ้นมาคิดบัญชีพวกเขาถึงที่นี่หรอกกระมัง?ฮูหยินเฉิงตอนแรกยังรู้สึกสะเทือนใจเล็กๆ คิดว่าแค่เรื่องเล็กๆ เซียวหลันยวนก็ถึงกับต้องลงแรงขนาดนี้ ถ้าเพื่อผู้หญิงคนเดียว เขาทำขนาดนี้มันก็เกินไปหน่อยจริงๆไม่ได้สนใจเรื่องที่นางเคยดูแลเขามาตอนยังเล็กนั่นจริงหรือ?"อายวน..."นางเรียกคำนี้ออกมาด้
เพราะอ๋องเจวี้ยนรู้สึกว่านางควรจะไว้ทุกข์ให้สามีหรือ?แต่คำพูดต่อมาของเซียวหลันยวนก็ทำลายจินตนาการทางลงมาทันที"ข้าไม่ได้ว่างมากขนาดนั้น""ท่านอ๋อง ข้ากับนายท่านเจี๋ยไม่ได้มีอะไรกัน" ฮูหยินเฉิงเอ่ยขึ้น"ต่อให้จะมีอะไรนั่นมันก็เรื่องของเจ้า ฮูหยินเฉิง เห็นแก่หน้าของท่านลุงเจ้าอุทยาน นี่จะเป็นการยอมให้ครั้งสุดท้ายของข้า จะไม่ถือสาเอาผิดเจ้า แต่อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นหลังจากนี้เจ้าจะดูแลได้หรือไม่ก็อยู่ที่ตัวเจ้าเองแล้ว แล้วก็จงดูแลปากเจ้าให้มันดีดีเสียด้วย"เซียวหลันยวนพูดพลางทำสัญญาณมือ องครักษ์ก็คุมตัวเจี๋ยหลี่ออกไปทันที"ฮูหยินช่วยข้าด้วย!" เจี๋ยหลี่ร้องขึ้นมาทันที ตอนนี้ยังจะรักษาหน้าไว้ทำไมอีก? เขามีลางสังหรณ์ ว่าถ้าให้อ๋องเจวี้ยนพาตัวไปจริงๆ เขาคงไม่รอดแน่สองปีนี้ที่เขาคอยเอาใจงอนง้อฮูหยินเฉิงมาตลอดถือว่าได้ผลลัพธ์อยู่ ในใจฮูหยินเฉิงอันที่จริงก็เกือบจะยอมรับเขาแล้ว โดยเฉพาะครั้งนี้ ที่เจ้าอารามไม่ได้ยืนข้างนาง ทำให้นางรู้สึกว่าคงจะหมดหวังกับทางเจ้าอารามแล้ว บางที มาอยู่กับเจี๋ยหลี่อาจจะไม่เลวก็ได้ถ้าหากเซียวหลันยวนไม่เข้ามา ฮูหยินเฉิงไม่แน่คืนนี้อาจจะได้ลงเอ่ยกันบนเตียงกับเจี๋
"ฮูหยินอู๋คนนั้น เหมือนจะเคยบอกว่านางชื่ออิงถัง""ชื่ออะไรก็ช่างเถอะ"เซียวหลันยวนไม่ได้สนใจกับชื่อของนางเลย เขาแค่รู้ว่าเป็นคนนั้นก็พอแล้ว"ได้ยินเจี๋ยหลี่คนนั้นบอกมาว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฮูหยินอู๋ไม่มากนัก"ฟู่จาวหนิงนึกถึงคำพูดที่ฮูหยินอู๋พูดกับนางไว้ก่อนออกเดินทาง ก็เหมือนมีท่าทางจะผูกมิตรอยู่จริงๆคิดจะดึงนางเป็นพวก ร่วมมือกับนางจริงหรือ?เซียวหลันยวนเหล่มองนาง ยื่นมือมาจับคางนางโยกเบาๆ "เจ้าคงไม่ได้หวั่นไหว แล้วอยากจะไปทำอะไรกับฮูหยินอู๋จริงๆ หรอกกระมัง?"ฟู่จาวหนิงตบมือของเขาออก"ท่านคิดอะไรน่ะ ถ้าข้าคิดจะทำอะไรจริงๆ ไม่ต้องร่วมมือกับนางก็ได้นี่ แค่นางเดิมทีเป็นคนของลัทธิเทพทำลายล้าง ข้าก็ไม่มีทางผูกมิตรกับนางอยู่แล้ว"นางไม่สนว่าฮูหยินอู๋ตอนนี้จะออกจากลัทธิเทพทำลายล้างแล้วจริงหรือไม่ ถึงอย่างไร ก่อนหน้านี้ก็เป็นคนของลัทธิเทพทำลายล้างจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จิ้นเชินเองก็ยังเคยบอกว่า ฮูหยินอู๋ คยต้องสงสัยว่าเป็นคนที่ฆ่าสามีด้วยนางไม่มีความรู้สึกดีดีให้กับลัทธิเทพทำลายล้างเลย แล้วคนที่มาจากลัทธิเทพทำลายล้าง นางจะไปร่วมมือด้วยได้อย่างไรกัน?"แล้วเจ้าเชื่อไหมว่าเรื่อ
ไป๋หู่ตอบว่า "เรียนท่านอ๋อง นี่เป็นของขวัญพบหน้าที่เจ้าอารามส่งให้คุณหนูขอรับ"เซียวหลันยวนเห็นน้ำที่ใส่อยู่ด้านในแล้ว เขาขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ยกมือฟู่จาวหนิงขึ้นมา "ขึ้นไปกันก่อนเถอะ""เจ้าอารามยังอยู่ด้านใน ท่านไม่เข้าไปหรือ?" ฟู่จาวหนิงถาม"ไม่เข้าไปแล้ว"เซียวหลันยวนกลับรู้สึกว่าตนเองกับเจ้าอารามไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว เรื่องมากมาย พวกเขาคุยกันมาตั้งหลายปีแล้ว เขากับเจ้าอารามเองก็ไม่ใช่คนที่พูดมากนัก ทั้งสองคนพออยู่ด้วยกันมีอะไรก็พูดออกมา พูดจบก็นิ่งเงียบไป"พระชายาเดินเหินระมัดระวังด้วย"ตอนที่พวกเขาจะขึ้นไป ซางจื่อก็คารวะให้กับฟู่จาวหนิง จากนั้นก็ยืนส่งพวกเขาด้วยสายตาฟู่จาวหนิงหันกลับไปเหลือบมองซางจื่อยังยืนอยู่ที่นั่น เห็นได้ชัดว่ากำลังรอเจ้าอารามออกมาแต่เจ้าอารามก็ยังไม่ออกมา อยู่ในถ้ำภูเขาทำอะไรอยู่นะ?อยู่ในนั้นก็ไม่มีของกินด้วยนี่"เจ้าอารามพูดอะไรกับเจ้าหรือ?" เซียวหลันยวนถาม"ก็แค่มาคุยโวกับข้าเรื่องดูแลตัวเองน่ะ" ฟู่จาวหนิงตอบ "บอกว่าเขาไม่เคยแก่อีกเลยตั้งแต่อายุยี่สิบสี่""เริ่มตั้งแต่ตอนไหนก็ยังเอามาบอกเจ้าหรือ?" เซียวหลันยวนประหลาดใจหน่อยๆ"เร
"เป้าหมายของข้าหรือ..."เจ้าอารามพูดไปครึ่งประโยคแล้วตอนท้ายลากเสียงยาว เหมือนตัวเขากำลังสับสนอยู่บ้างแต่ตอนนี้ฟู่จาวหนิงมองออก ว่าความสับสนนี้ของเขาเป็นของปลอม ในใจเขาอันที่จริงแจ่มชัดยิ่งกว่าใครๆนางมองเขาไมม่ออกแต่กลับรู้สึกว่า เขามองคนทุกคนออกจนปรุโปร่ง"บางที ข้าคงแค่อยากจะรักษาสภาพตอนนี้ของใต้หล้าเอาไว้ แบบนี้ยังไม่ค่อยสงบสุขนัก แต่ยังถือว่ามั่นคงอยู่" เจ้าอารามเอ่ยขึ้น"ข้ากับอายวนอยู่ด้วยกัน จะส่งผลกระทบกับสถานการณ์ใต้หล้าจริงหรือ? ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็คงจะให้เกียรติพวกเรามาเกินไปแล้วกระมัง""เป็นเจ้าดูถูกตัวเองต่างหาก"เจ้าอารามยังคิดจะพูดอะไรต่อ แต่ด้านนอกก็มีเสียงเซียวหลันยวนลอดเข้ามา"หนิงหนิง""อายวนกลับมาแล้ว" เจ้าอารามไม่ได้พูดต่อ เขามองกระถางน้ำนั่น "เจ้านี่เจ้าจะเก็บไว้ไหม?""ไม่รับก็เสียของสิ" ฟู่จาวหนิงไม่มีลังเลไม่ว่าในใจเจ้าอารามจะคิดอะไร ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความสนใจของนางในเรื่องเหล่านี้ ไว้นางกลับไปค่อเข้าไปตรวจสอบในห้องเภสัช ลองดูว่าใช่น้ำใสหรือไม่ แล้วถ้าด้านในส่วนประกอบอัศจรรย์อะไรที่ชะลอความอ่อนเยาว์อยู่จริงไหมถ้ามีอยู่จริงๆ ล่ะก็ นางเองก็อยากจ
จู่ๆ เขาก็พูดแบบนี้ออกมา ทำเอาฟู่จาวหนิงตั้งตัวไม่ทันอันที่จริงนางเองก็เคยคิดปัญหานี้อยู่ทำไมทั้งๆ ที่ใบหน้ารักษาหายแล้ว มีใบหน้างดงามเสียขนาดนั้น แต่เซียวหลันยวนกลับยังสวมหน้ากากไว้ตลอด?สวมหน้ากากก็ไม่ได้สะดวกเสียหน่อยยิ่งไปกว่านั้น ใบหน้าหล่อเหลานั่นปิดบังเอาไว้เสียของจะแย่แต่เซียวหลันยวนก็ไม่เคยพูดถึงปัญหานี้กับนาง บางครั้งนางถามไป เขาก็ทำแค่ยิ้มๆหรือว่าเจ้าอารามจะรู้ว่าเพราะอะไร?"เพราะว่า ใบหน้าของเขา มันดูคล้ายคลังกับจักรพรรดินีของตงฉิงสมัยยังสาวน่ะสิ" เจ้าอารามบอกกับนางฟู่จาวหนิงตกตะลึงนางยังไม่เคยคิดไปถึงด้านนี้เลยแต่ว่าเจ้าอารามพูดอกมาแบบนี้ นางก็กระจ่างขึ้นมาทันทีนี่เหมือนจะเป็นความเป็นไปได้มากที่สุดอยู่ก็เหมือนกับเรื่องสกุลของเจ้าอาราม ถ้าลือออกไปจะดึงดูดความสนใจพวกคนเจตนาไม่ดี ใบหน้าเซียวหลันยวนถ้าเปิดเผยออกไป ก็อาจจะดึงดูดความสนใจคนเหล่านั้นที่กำลังตามหาตงฉิงอยู่ด้วยกระมัง?จักรพรรดินีตงฉิงแต่ก่อนเคยไปเป็นทูตที่ต้าชื่อ รับประกันได้ยากว่าคนที่เคยเห็นนางในอดีตจะยังมีชีวิตรอดกันอยู่ไหมอย่างลัทธิเทพทำลายล้าง ก็ค้นหาตงฉิงมาโดยตลอดเช่นกันคนเหล่านั้นถ้
"ตอนนั้นในเขาชิงถงเกิดการขัดแย้งภายใน อาจารย์ของเจ้าคนนั้น โอ้จริงด้วย ลุงของถังอู๋เจวี้ยน ไม่ใช่ว่าโมโหจนออกจากเขาชิงถงหรือ? เพราะตระกูลเขาชิงถงอีกสายหนึ่งของพวกเขาทำเรื่องผิดมา แต่เขาชิงถงกลับปล่อยพวกเขาไปเพราะจะไม่สังหารเครือญาติ"ฟู่จาวหนิงตะลึงงันนางคิดไม่ถึงเลย ว่าพูดไปพูดมา ก็ยังวนมาถึงเรื่องเขาชิงถงจนได้นี่ไม่ถือเป็นความลับของเขาชิงถงหรือ? แล้วทำไมเจ้าอารามถึงรู้ได้?"อาจารย์ลุงของเจ้าคนนั้นรู้สึกว่าตระกูลปกป้องคนชั่ว ไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดี ดังนั้นจึงออกจากเขาชิงถง ส่วนตระกูลถังที่ทำผิดสายนั้น ก็ถูกขับออกจากเขาชิงถงไปด้วยเช่นกัน สายนั้นมีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ตงฉิงอยู่ ข้าคิดว่าพวกเขาคิดจะค้นหาตงฉิงอยู่ตลอด และการจะหาตงฉิงให้พบก็มีอยู่สองวิธี หนึ่งคือหาสมบัติแคว้นชิ้นหนึ่งของตงฉิงให้พบ ของสิ่งนั้นสามารถนำทางไปยังวังจักรรพรรดิตงฉิงได้ และอาจจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนกลไกใหญ่ของตงฉิง""และอีกวิธีหนึ่ง คือหาคนของตระกูลซืออวี๋ให้เจอ เพราะตระกูลซืออวี่มีการสืบทอดพรสวรรค์ สามารถทำนายตำแหน่งของตงฉิงออกมาได้"เจ้าอารามพูถึงจุดนี้ก็หยุดลงมา มองฟู่จาวหนิงด้วยสายตาลึกซึ้งคว
ระยะห่างเท่านี้ ยังสามารถมองเห็นพวกเขาได้ ทว่าไม่ได้ยินเสียงพวกเขาคุยกัน"เจ้าอารามตอนนี้พูดได้หรือยัง?""นี่คือน้ำ" เจ้าอารามแตะเบาๆ ไปที่กระถางน้ำใส "แต่ว่าไม่ใช่น้ำธรรมดา เป็นน้ำที่ข้านำมาจากแท่นบูชาวังจักรพรรดิตงฉิง""ตงฉิง?"ฟู่จาวหนิงถลึงตามองเขาอย่างตกตะลึงเจ้าอารามเคยไปที่ตงฉิงมาหรือ?เซียวหลันยวนส่งหลานหรงนำคนมากมายไปค้นหาซากของตงฉิงนี่ ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเจออะไรบ้างไหม แต่เจ้าอารามกลับบอกว่าน้ำเหล่านี้ได้มาจากแท่นบูชาวังจักรพรรดิตงฉิงหรือ?"ท่านเคยไปตงฉิงมาหรือ? ท่านรู้ว่าวังจักรพรรดิตงฉิงอยู่ที่ไหนรึ?"เจ้าอารามพยักหน้า "ใช่""ตั้งแต่เมื่อไรกัน?""เมื่อตอนอายุยี่สิบสี่"ตอนนี้เจ้าอารามพอถามก็ตอบ เหมือนไม่มีปิดบังนางเลยแม้แต่น้อย ตรงไปตรงมามากฟู่จาวหนิงกลับพบปัญหาข้อหนึ่งจากในบทสนทนานี้ นางปิดความตกตะลึงแทบไม่อยู่ "ความหมายของท่านคือ ปีนั้นที่ท่านไปตงฉิง แล้วใบหน้าของท่านก็หยุดอยู่ที่ปีนั้น หลังจากนั้นก็ไม่ชราลงเลยน่ะหรือ?"หมายถึงอย่างนี้หรือเปล่า?ดังนั้นความลับที่เจ้าอารามจะบอกกับนางก็คือ ที่หน้าของเขาไม่เปลี่ยนไปนั้นเกี่ยวข้องกับตงฉิงหรือ? หรือก็คือ เกี่ยวข
ฟู่จาวหนิงพอได้ยินว่าเจ้าอารามจะบอกความลับกับนาง จิตใต้สำนึกนางก็คิดจะปฏิเสธขึ้นมานางไม่อยากฟังความลับของเขาหรอกนะ?รู้สึกว่าถ้าฟังความลับของเขาแล้วเหมือนจะไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลยแตนางก็ปฏิเสธช้าไปหน่อย เจ้าอารามพูดอกมาแล้ว"ต่อให้ผ่านไปอีกยี่สิบปี ข้าก็ญังคงเหมือนกับตอนนี้ ไม่มีวันแก่ลงไปอีก" ตอนที่เจ้าอารามพูดคำนี้ น้ำเสียงก็ดูจะทอดถอนใจมากเขายังยื่นมือมาลูบหน้าตนเองด้วยชายรูปงามก็คือชายรูปงาม พอทำท่าทางเช่นนี้ ไม่ได้ดูอ้อนแอ้นเลยแม้แต่น้อย แต่กลับยิ่งดูมีเสน่ห์เย้ายวนใจขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวอีกบวกกับแสงพิเศษของหินเรืองแสงในถ้ำภูเขานี้ ทำให้บนใบหน้าเขามีแสงประกายที่อ่อนโยนขึ้นมา ยิ่งขับให้ผิวของเขาดูเกลี้ยงเกลาเปล่งปลั่งยิ่งขึ้นเขาสวมชุดสีเขียวแขนกว้าง ผมดำขลับราวสายน้ำสยายคลุมผ่า ราวกับเทพเซียนลงมาจุติยังโลกมนุษย์เลยจริงๆเสี่ยวเยว่เองก็เกือบจะมองจนเหม่อไป๋หู่มองเขาอย่างตกตะลึงผ่านไปอีกยี่สิบปี เขาก็ไม่แก่ลงอย่างนั้นหรือ?สายตาของฟู่จาวหนิงตกอยู่ที่ใบหน้าเขา กำลังครุ่นคิดความจริงหรือความลวงในประโยคนี้ของเขา"ข้าอายุยี่สิบสี่ก็เป็นเช่นนี้ นับตั้งแต่ตอนอายุยี่สิบสี่เน
พอได้ยินเสี่ยวเยว่พูดถึง ฟู่จาวหนิงก็นึกถึงลุงคนโตตระกูลเสิ่นขึ้นมาตอนที่นางออกจากต้าชื่อ เสิ่นเสวียนกำลังพยายามจะรับตัวพี่ใหญ่มาจากเมืองหมาน ช่วงนี้ก็ไม่ได้เขียนจดหมายเลย ไม่รุ้ว่าสำเร็จแล้วหรือยังจักรพรรดิต้าชื่อช่วงนี้ก็เหมือนจะสนแต่ไล่จับตัวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น สำหรับเสิ่นเสวียนแล้วถือเป็นเรื่องดีไหมนะ? แบบนี้จักรพรรดิต้าชื่อก็ไม่มีเวลาไปรับมือกับตระกูลเสิ่นแล้วเรื่องที่เสิ่นเสวียนจะทำก็น่าจะสะดวกขึ้นกระมัง"นายท่านต้องช่วยท่านผู้เฒ่ากลับมาได้แน่" เสี่ยวเยว่เอ่ยขึ้นเสียงต่ำระหว่างที่คุยกัน ก็เดินมาถึงในถ้ำภูเขาแล้วฟู่จาวหนิงพอเห็นฉากตรงหน้า ก็ยืนนิ่งด้วยความประหลาดใจบนแท่นหินว่างๆ แต่เดิมนั้น ตอนนี้มีโต๊ะตัวหนึ่งวางอยู่ เก้าอี้สองตัว บนโต๊ะวางกระถางกลมหยกขาวไว้ใบหนึ่ง ด้านในเหมือนจะใส่น้ำไว้เจ้าอารามนั่งอยู่บนเก้าอี้ มือข้างหนึ่งทาบเบาๆ ไว้กับขอบกระถางหยก เอียงหน้ามองมาทางนาง"เสี่ยวฟู่ เข้ามานั่งสิ"เขาเรียกฟู่จาวหนิง จากนั้นก็เหลือบมองไปทางเสี่ยวเยว่กับไป๋หู่ แต่ก็ไม่พูดอะไรไป๋หู่กับเสี่ยวเยว่สบตากัน พวกเขารู้สึกว่าสายตาที่เหลือบมาเมื่อครู่ของเจ้าอารามเหมือนจะมอ
ฟู่จาวหนิงยืนนิ่งไม่ขยับ"ข้ายังคิดว่าเจ้าอารามไม่ชอบข้ามาก และไม่ยอมรับข้าด้วย"ก่อนหน้านี้ยังมีท่าทีจะจับพวกเขาแยกกันอยู่เลย ตอนนี้จู่ๆ จะมอบของขวัญพบหน้าให้ซะแล้ว?ยิ่งไปกว่านั้นของขวัญพบหน้าอยู่ข้างบนดันให้ไม่ได้ ต้องลงมาในถ้ำนี้ถึงจะให้ได้หรือ?ถึงอย่างไรถ้ำภูเขานี้ฟู่จาวหนิงก็ไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก ถึงแม้หยกดาราตงฉิงมากมายในนี้จะมีมูลค่าอยู่มากก็ตาม พอคิดถึงเรื่องที่ฮูหยินเฉิงซื้อแค่กำไลอันเดียวก็ราคาตั้งหลายหมื่นตำลึง แล้วหยกดาราในถ้ำภูเขาที่มากมายขนาดนี้ คำนวณแล้วมูลค่าคงจะน่าตกตะลึงเอามากยิ่งไปกว่านั้น ที่นั่นยังวางกลไกลเอาไว้เต็มไปหมด ถึงทำให้หยกดาราเหล่านี้หมุนเวียน จนค่ายกลเหนี่ยวนำสนามแม่เหล็ก พูดได้ว่าน่าอัศจรรย์มากแต่ฟู่จาวหนิงก็ไม่ชอบถ้ำภูเขานี้ ไม่ชอบเอาเลยจริงๆบวกกับเจ้าอารามที่มองมองออกยากนั่นอีก..."พระชายาเข้าใจผิดแล้ว เจ้าอารามไม่มีความคิดไม่ชอบตัวท่าน" ซางจื่อเก็บสายตาลงเล็กน้อย "กระทั่งว่า ข้ายังไม่เคยเห็นเจ้าอารามชื่นชมใครแบบนี้มาก่อน""ความหมายของเจ้าคือ เจ้าอารามยังชื่นชมข้าอีกด้วยหรือ?" ฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วถามกลับนางทำไมมองไม่ออกเลย?"ขอรับ" ซางจื่