[ทะลุมิติเข้าไปในนิยาย+ถูกบังคับให้เป็นตัวรับกระสุน+เป็นที่รักของทุกคน+นิยายที่อ่านแล้วฟิน+หญิงแกร่ง] ซ่งรั่วเจินทะลุมิติเข้ามาในนิยาย เข้ามาอยู่ในร่างอดีตภรรยาที่ด่วนจากไปของพระเอก ตระกูลมั่งคั่งร่ำรวยทำให้พระเอกและนางเอกใช้ชีวิตอย่างรุ่งเรืองไปชั่วนิรันดร์ แม้แต่ทุกคนในครอบครัวก็ถูกควบคุมและตายอย่างอเนจอนาถ นางทะลุมิติเข้ามาในวันแต่งงาน เกี้ยวสองหลังข้ามประตูพร้อมกัน ยังไม่ต้องพูดว่าหนังสือแต่งงานเป็นภรรยาที่ถูกต้องในมือกลายเป็นภรรยาหลวงลำดับเดียวกัน แต่ยังกลายเป็นความกรุณาต่อนางอีกด้วย? ซ่งรั่วเจิน “เฮงซวย! ใครอยากเป็นภรรยาหลวงลำดับเดียวกัน?” มีเงินทองมากมายนำไปทำอย่างอื่นไม่ดีกว่าหรือ? เหตุใดนางต้องมอบทรัพย์สินให้พระเอกกับนางเอกด้วย ตัวโง่งมเช่นนี้ใครอยากเป็นก็เป็นเถอะ! บิดาหายตัวไป? นางเป็นถึงเจ้าสำนักวิชาเต๋า ทำนายดวง คำนวณฮวงจุ้ยตามหาคน หาคนกลับมาให้ได้ก็พอ! พี่ใหญ่พิการฆ่าตัวตาย? รักษาหายแล้วก็กลับเข้ากองทัพสร้างความดีความชอบกลายเป็นแม่ทัพยิ่งใหญ่บารมีเทียมฟ้าในราชสำนัก พี่รองถอนหมั้นเพราะตาบอด? คว้าชัยชนะกลายเป็นดาวดวงใหม่ของราชสำนัก เป็นคนโปรดหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้! ในที่สุดซ่งรั่วเจินก็มีชีวิตร่ำรวยและเวลาว่างมากมาย แต่กลับพบว่าท่านอ๋องที่นางเอกในต้นฉบับหลงรักแต่มิได้รับรักตอบถึงขั้นมาตามตอแยนาง? เนื้อเรื่องผิดเพี้ยนไปนี่นา! ฉู่จวินถิง…บิดาหายตัวไป พี่ชายพิการ มารดาร้องไห้น้ำตานองหน้า ตัวนางที่แหลกสลาย แม้มีพลังมหาศาลดุจวัว หนึ่งฝ่ามือสามารถตบชายหลายใจตายได้ แต่ก็ยังปวดใจเหลือเกิน
View Moreไต้ซือชิงเฟิงเผยสีหน้าโศกเศร้าเสียใจพูดว่า “เมื่อแรกข้าเพียงจ่ายเงินมากอยู่บ้าง จึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์ในนามของไต้ซือเสวียนหยาง ใช้ฐานะศิษย์คนหนึ่ง เดิมทีก็ไม่ได้เรียนรู้อันใดอย่างแท้จริง…”เหตุที่เขาสามารถอยู่กินในเมืองฉีหยางได้อย่างสุขสบาย ก็เพราะที่เมืองฉีหยางนี้แทบไม่มีไต้ซือผู้เก่งกาจอยู่ อีกทั้งเขายังมีความสามารถในการดูสีหน้าเดาความคิดผู้อื่น ฉีชิงอีโกรธโลหิตพลุ่งพล่าน เมื่อนึกถึงคำพูดที่ตนเคยกล่าวออกไปก่อนหน้านี้ ก็ยิ่งรู้สึกว่าช่างน่าอับอายขายขี้หน้า!เหลียงอ๋องมองดูภาพของฉีชิงอีที่อยู่ร่วมกับไต้ซือชิงเฟิง สองตัวโง่งมมาอยู่รวมกัน แววตาของเขาสะท้อนความรังเกียจอย่างชัดเจนหากไม่ใช่ว่าเขาเพียงต้องการใช้ฉีชิงอีเป็นข้ออ้างบังหน้า เขาคงไม่มีวันพานางติดตามมาด้วยเด็ดขาด!เซียวอ๋องใช้ข้อศอกกระทุ้งไปที่ฉู่จวินถิง พูดว่า “เจ้าสี่ผู้นี้ทุกครั้งที่ออกมา ล้วนทำทีเป็นคนใจดีอ่อนโยนเสมอ เจ้าลองมองดูสีหน้าเขาตอนนี้สิ ราวกับทนต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ”ฉู่จวินถิงหันตามสายตาของเซียวอ๋องไป ก็เห็นเหลียงอ๋องในสภาพทั้งโกรธทั้งเอือมระอาเข้าพอดี“หากท่านได้ภรรยาเช่นนี้ น่ากลัวว่าก็คงทนไม่ไหวเหมือนกันกร
พวกซ่งรั่วเจินมองภาพตรงหน้า นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาคิดไว้แล้ว กลับไม่รู้สึกแปลกใจจิ้งเฉินจบชีวิตเพราะเรื่องนี้จริง นางตั้งใจจะปกปิดทุกอย่าง โทษทั้งหมดล้วนเป็นนางต้องแบกรับไว้เพียงลำพังบัดนี้ความจริงถูกเปิดเผย ความลับที่หมู่บ้านหมิงเยว่ปกปิดมานานก็ได้เปิดเผยออกมา นับแต่นี้ไปจะไม่มีพิธีบูชายัญเด็กอีก แท้จริงแล้วก็สมดั่งปรารถนาของจิ้งเฉินและจิ้งอินนอกจากนั้น ทั้งสองก็ไม่เคยมีความคิดจะยึดสำนักเทียนฉือไว้เป็นของตนอยู่แล้ว ทั้งยังไม่คิดโกรธแค้นจิ้งอวิ๋นอีกด้วย“บัดนี้เรื่องราวสำเร็จลุล่วงไปแล้ว รอข้าไปแจ้งแก่ทางการในเมืองฉีหยาง นี่ก็สามารถกลับเมืองหลวงได้แล้ว”เสนาบดีศาลต้าหลี่มีอารมณ์เบิกบานเป็นพิเศษ เดิมทีคดีนี้สลับซับซ้อนยิ่งนัก ไม่สามารถสืบออกมาได้อย่างรวดเร็วต้องขอบคุณพระชายาฉู่อ๋องที่มาในครั้งนี้ คดีถึงได้คลี่คลายลงได้อย่างราบรื่น“เรื่องการประสานงานกับทางการเมืองฉีหยางขอยกให้เจ้าแล้ว”ฉู่จวินถิงเอ่ยขึ้นหนึ่งประโยค จากนั้นหันไปมองฮูหยินของตน “ข้าพาเจ้าไปเที่ยวชมเมืองฉีหยางสักหน่อยดีหรือไม่?”ซ่งรั่วเจินยิ้มกว้างพลางพยักหน้า ครั้งนี้ออกมาได้ยากยิ่ง ไปชมทิวทัศน์ของเมืองฉีหยาง
นางมิได้มีความขุ่นเคืองโกรธแค้นเลย ตรงกันข้ามกลับรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง เพราะบัดนี้หัวใจของนางได้รับความสงบที่แท้จริง หาได้เป็นเช่นก่อน ที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและกังวลอยู่ตลอดสีหน้าของจิ้งอวิ๋นซือไท่ซับซ้อนมาก นางลังเลไปชั่วขณะ ก่อนจะพรูลมหายใจยาวเหยียดออกมาเฮือกหนึ่งแล้วพูดว่า “ขอโทษ”“ข้าไม่รู้เลยว่าพวกเจ้าต้องทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้ ตอนที่เห็นซากศพเหล่านี้ข้าเพียงแต่ตกใจเกินไป…”ใบหน้าจิ้งอวิ๋นซือไท่เปี่ยมความรู้สึกผิด แท้จริงแล้วจิ้งอวิ๋นซือไท่มาอยู่ที่สำนักเทียนฉือเร็วกว่าจิ้งเฉินและจิ้งอินเสียอีก แต่ซือไท่อาวุโสกลับมอบสำนักให้จิ้งเฉินดูแล นางจึงเก็บความไม่พอใจไว้ในใจเสมอ ไม่เข้าใจว่าตนเองด้อยกว่าพวกนางที่ใดยิ่งเมื่อจิ้งอินปรากฏตัว ความสัมพันธ์ของจิ้งเฉินกับนางดีเป็นพิเศษ ทั้งสองคนพูดจามีลับลมคมใน ไม่เคยบอกนางมาก่อนสุขภาพของจิ้งเฉินไม่แข็งแรงมาโดยตลอด ทีแรกนางคิดว่าท้ายที่สุดแล้วสำนักเทียนฉือก็ต้องตกอยู่ในมือนาง โดยเฉพาะระยะนี้ผู้เดินทางมาสักการะที่สำนักเทียนฉือมีมากขึ้นเรื่อยๆแต่การปรากฏตัวของจิ้งอินกลับทำให้นางมองไม่เห็นความหวังใดๆ อีก บังเอิญฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อ
นับจากนั้นเรื่องราวในหมู่บ้านหมิงเยว่ก็ไม่ยากที่จะสืบสวน เสนาบดีศาลต้าหลี่สืบความจริงทั้งหมดได้ในเวลาไม่นานจิ้งอินซือไท่ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เล่าถึงต้นสายปลายเหตุทั้งหมดออกมาเมื่อแรกจิ้งเฉินซือไท่สิ้นหวังหลังจากเกิดเรื่องกับลูกจึงกระโดดลงแม่น้ำ ทว่าถูกซือไท่อาวุโสแห่งสำนักเทียนฉือช่วยเอาไว้ นางที่คิดเพียงอยากฆ่าตัวตายได้รู้ว่าสามารถสวดภาวนาให้วิญญาณลูกที่ล่วงลับไปแล้วได้ ภายในใจก็เกิดความหวังใหม่อีกครั้งส่วนจิ้งอินซือไท่เองก็เคยคิดสั้นหมายฆ่าตัวตาย ทว่ากลับถูกจิ้งเฉินซือไท่ช่วยไว้ เพราะทั้งคู่เป็นคนในหมู่เดียวกัน ต่างก็รู้เรื่องราวของอีกฝ่ายเป็นอย่างดีเมื่อเห็นจิ้งเฉินซือไท่เฝ้าแต่สวดอธิษฐานเพื่อลูกอยู่ทุกวัน จิ้งอินซือไท่ก็พลอยอยากอธิษฐานให้ซินซินบ้าง ทั้งยังคิดว่านี่เป็นหนทางชดใช้บาปกรรมของตนพวกนางยังเคยลอบแพร่ข่าวเรื่องราวในหมู่บ้านหมิงเยว่ หวังว่าข่าวลือจะส่งถึงหูทางการ หวังว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงน่าเสียดายที่ทางการกลับนิ่งเฉยไม่ลงมือแก้ไข แม้ว่าตอนแรกเมื่อได้รับข่าวก็เคยส่งคนมาสืบที่หมู่บ้านหมิงเยว่ แต่ชาวบ้านที่นั่นกลับร่วมใจกันปิดปากเงียบ หลอกลวงจนคนของทางการต
“บัดนี้ได้เบิกเนตรแล้ว อย่างน้อยก็ต้องรอสามวันถึงจะคลายได้ เจ้าก็ฉวยโอกาสอันดีช่วงสามวันนี้มองโลกที่ต่างออกไป จะได้ไม่รู้สึกว่าเสียเงินหนึ่งแสนตำลึงไปอย่างไร้ค่า”สีหน้าของซ่งรั่วเจินแสดงท่าทีราวกับว่า “ข้าทำเพื่อเจ้าหรอกนะ” “ให้เจ้าได้รู้สึกว่าเงินหนึ่งแสนตำลึงที่เสียไปไม่สูญเปล่า” ทำให้ฉีชิงอีทั้งหวาดหวั่นทั้งร้อนรนส่วนถังเสวี่ยหนิงวิ่งตามเซียวอ๋องไม่ทัน ตนเองอยู่เพียงลำพังก็กลัวจนตัวสั่น สุดท้ายกระโจนเข้ากอดองครักษ์หยางองครักษ์หยางตกตะลึงตัวแข็งทื่อ ครั้นเห็นว่าท่าไม่ดีก็รีบวิ่งหนีไปทันที นี่คิดจะเอาชีวิตเขาหรือไร!หลังจากซ่งรั่วเจินกลับเข้าไปพักผ่อนในเรือน ก็ยังได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังแว่วมาจากภายนอกเป็นระยะๆ“เหตุใดผีร้ายนั่นถึงได้ตามหลอกหลอนพวกเขาไม่หยุดเล่า? หรือจะมีความเกี่ยวข้องกับพระชายาเหลียงอ๋อง?”ฉู่จวินถิงเกิดความสงสัยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ หากผีนี้เป็นของหมู่บ้านหมิงเยว่ เช่นนั้นย่อมไม่เกี่ยวข้องกับพวกฉีชิงอี เหตุใดจึงตามตอแยนางอยู่ตลอด?หากพระชายาเหลียงอ๋องเป็นผู้ที่มือเปื้อนเลือด เช่นนั้นก็ไม่แปลก เพียงแต่ผีจะตามมาไกลถึงเพียงนี้เชียวหรือ?ซ่งรั่วเจินคลี่ยิ้มบาง
เพียงฉีชิงอีลืมตาขึ้นมาก็เห็นภาพอันน่าสยดสยอง ใบหน้าผีเต็มไปด้วยโลหิตไร้ลูกตา เหลือเพียงเบ้าตา ปรากฏอยู่เบื้องหน้านางเวลาเพียงชั่วพริบตาขนทั่วร่างของนางลุกชัน รีบหลับตาลงแน่นด้วยความหวาดกลัวทว่าต่อให้ภายในใจเฝ้าภาวนาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนลืมตาขึ้นอีกครั้ง กลับยังเห็นผีร้ายยืนอยู่ตรงหน้า ไม่หายไปไหน“ไปให้พ้น! ไปให้พ้นสิ!”ถังเสวี่ยหนิงเองก็ตกใจขวัญหนีดีฝ่อ กรีดร้องไม่หยุด หวาดกลัวถึงที่สุดเซียวอ๋องได้ยินเสียงเอะอะทางด้านนอกก็รีบวิ่งเข้ามาดู ปรากฏว่าเพียงถังเสวี่ยหนิงเห็นเขา นางก็โผเข้าหาเขาทันทีนางร้องโวยวายพลางเบียดซุกตัวเข้าหาอ้อมอกตน สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดผวาสุดขีด สำคัญที่สุดคือเสียงกรีดร้องนั้นดังจนเขาปวดหู“คุณหนูถัง สำรวมตนด้วย”เซียวอ๋องที่ไม่รู้เรื่องราวตกใจถอยหลังไป พยายามรักษาระยะห่างระหว่างทั้งคู่เอาไว้หรือว่าสตรีผู้นี้เห็นว่ายังไม่อาจใกล้ชิดตนได้สมดังใจ จึงใช้เล่ห์เพทุบายเช่นนี้หากชื่อเสียงถูกทำลายลง เขาย่อมต้องมีคำอธิบายให้อัครเสนาบดี ถึงตอนนั้นต่อให้ไม่อยากแต่งก็ต้องแต่งอยู่ดีดังนั้น ยามเสนาบดีศาลต้าหลี่มาถึงก็ได้เห็นเซียวอ๋องที่เดินเข้ามาด้วยท่าทีอยากรู้
Comments