คุณหนูตกอับเกิดตายในเกี้ยวระหว่างงานแต่ง ลืมตาตื่นมาอีกที ฟู่จาวหนิงซึ่งเป็นอัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ก็ข้ามภพมาอยู่ในร่างนี้แทนแล้ว บุตรสาวของหมอเทวดาพึ่งพาอำนาจรังแกคนอื่น ทั้งฉีกชุดแต่งงาน แถมยังบังคับให้นางยกเลิกงานแต่ง คู่หมั่นตัวเองก็เอาแต่ปกป้องคนอื่น ดูถูกนาง รังเกียจนาง แถมยังขู่จะฆ่านางอีก คนในตระกูลก็มีแต่พวกอกตัญญูที่คิดจะฆ่าผู้นำตระกูลเพื่อชิงสมบัติทั้งนั้น ฟู่จาวหนิงทำได้เพียงถลกแขนเสื้อขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสู้เท่านั้น เธอถือคติมีแค้นก็ต้องแก้ทันที งานแต่งเฮงซวยแบบนี้จะยกเลิกก็ยกเลิกไปเลย คนอกตัญญูมาคนหนึ่งฆ่าคนหนึ่ง คนชั่วมาสองคนก็ฆ่าทั้งสองคน! ไหนยังจะต้องสู้กับจวิ้นอ๋องผู้มีฐานะสูงส่ง อำนาจคับเมืองคนนั้นอีก จวิ้นอ๋อง : ข้าผิดไปแล้ว ให้อภัยข้าเถอะ ดีกันนะ มากอดหน่อยเร็ว...
View Moreกระดูกขาวกองใหญ่พอเหลือบมองไปก็ทำเอาคนรู้สึกขยาดกลัวแล้วถ้าจะบอกว่าตกตะลึงก็คงดูไม่ค่อยเหมาะสมนัก แต่พวกเขาตอนนี้ก็มีความรู้สึกนี้ในใจจริงๆกระดูกขาวหลายกองเหมือนจะรักษาอยู่ในท่าเดิมด้วยนี่มีแค่ความเป็นไปได้เดียว ก็คือตอนที่พวกเขาตายล้วนนั่งกันอยู่ที่นั่น ไม่ขยับ ไม่ดิ้นรน ไม่หนีเอาตัวรอด แค่นั่งอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งตายไปเหล่านี้จะใช่คนในวังจักรพรรดิแต่เดิมไหมนะ?เสื้อผ้าบนตัวพวกเขายังสวมกันอยู่เพียงแต่กระดูกมือและกะโหลกศีรษะที่โผล่ออกมาชุดเหล่านั้น ดูแล้วล้วนประณีตงดงามมีหลายคนที่เสื้อผ้าเป็นแบบเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังมองออกว่าเป็นชายหรือหญิงได้จากบนเสื้อผ้าเซียวหลันยวนนึกถึงหนังสือที่เกี่ยวข้องกับตงฉิงที่ตนเองเคยอ่านมา รูปภาพด้านบน วาดคนรับใช้ในวังจักรพรรดิตงฉิงไว้ ตอนนี้พอเห็นเครื่องแบบเหล่านี้ ก็เหมือนมีบางส่วนที่เทียบกันได้อยู่"อย่าแตะต้องพวกเขา" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้นทุกคนขานรับพร้อมกันทันที"นับจำนวนคนคร่าวๆ มาหน่อย" เซียวหลันยวนสั่งออกมาอีกทุกคนก็เดินออกไปทันที เริ่มนับขึ้นมาจำนวนคนที่นี่มีเยอะมากยิ่งไปกว่านั้นล้วนอยู่ในท่านั่งกันหมดจริงๆ แน่นอนว่ามี
ความสูงของเจดีย์หยกขาว สำหรับเซียวหลันยวนแล้วไม่ใช่เรื่องยากเท่าไรเพราะบนกำแพงนั้นมีรูกำแพงอยู่มากมาย ไม่ใช่พื้นเรียบที่ไม่มีจุดส่งแรงด้วยวิชาตัวเบาของเขา แค่ลอยตัวเบาๆ ก็ขึ้นไปได้แล้ว"ข้าจะขึ้นไปดู พวกเจ้าก็ระวังตัวกันหน่อย"เซียวหลันยวนพูดพลางจรดปลายเท้ากับพื้น ตัวคนก็ทะยานลิ่ว พุ่งลอยออกไปยังกำแพงหินฝั่งตรงข้ามตอนที่คนไปถึงเบื้องหน้ากำแพงหิน จึงเปรียบเทียบกันได้ และมองออกว่า กำแพงหินนั้นสูงมาก แต่เซียวหลันยวนใช้การแตะเบาๆ ที่รูหินเพื่อส่งตัวออกไป เขาพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานก็มาถึงข้างเจดีย์หยกขาวแล้วเขาหันกลับมาชำเลืองมองและก็โชคดีที่หันมามองเพราะตอนที่หันกลับมามองจึงพบว่าบนประตูทองแดงนั้นมีการชี้ไปสองจุด ทางหนึ่งคือซ้าย เขียนว่าเป็น อีกด้านคือขวา เขียนว่าตายก่อนหน้านี้ตอนที่เขายืนอยู่หน้าประตูมองไม่เห็นตำแหน่งนี้เลย และตอนนี้พวกของเจ้าอารามยืนอยู่ที่นั่นก็ไม่มีใครมองเห็นเลยสักคนอธิบายได้แค่ว่าการชี้ทางนี้คือมีไว้ให้คนที่อยู่ตรงนี้ดูเท่านั้น และมีไว้สำหรับจุดเปิดกลไกนี้โดยเฉพาะถ้าหากมองไม่เห็น แล้วหมุนเจดีย์ขาวนั่นส่งเดช เป็นไปได้มากว่าจะไปเปิดกลไกเ
ไม่นานนัก ด้านในวังใต้ดินจึงสว่างไปทั้งโถงพอมองออกไป ก็ดูสง่าอลังการเป็นความรู้สึกแบบว่ายืนที่หน้าประตู แล้วถูกสั่นสะเทือนเพียงแค่แวบแรกที่เห็นจนตอนที่กลิ่นพุ่งออกมา และสลายหายไปบ้างแล้ว ทุกคนจึงเดินมาที่ข้างประตู มองเข้าไปด้านใน และนิ่งงันกันไปชั่วขณะด้านในเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างกว้างขวาง เพดานสูงลิบลิ่ว ตรงกลางมีเชิงเทียนขนาดยักษ์ห้อยลงมาตรงกลางเชิงเทียนเป็นหัวมังกร กรงเล็บมังกรที่กางออกไปทั้งสี่ด้านล้วนจับเชิงเทียนที่เป็นโซ่เอาไว้ ดวงตากับในปากมังกรล้วนเป็นไข่มุกที่เปล่งแสงประกายได้ทั้งสิ้นเทียนบนเชิงเทียนยังไม่รู้ว่าใช้วิธีลับอะไร ตอนที่ประตูวังเปิด ถึงได้จุดติดขึ้นมาเองเชิงเทียนนั้น ดูแล้วมีแสงเทียนอยู่ราวร้อยเล่มด้านบนเพดานโค้งยังมีกระเบื้องเคลือบสีประดับไว้ พอส่องสะท้อนกับแสงเทียน ก็ทำให้สว่างยิ่งขึ้นไปอีกบนกำแพงทั้งสี่รอบๆ ล้วนเจาะเป็นรูกำแพง จากพื้นดินไปจนถึงเพดาน มากมายเต็มไปหมดในทุกรูกำแพงล้วนวางของสะสมไว้ชิ้นหนึ่ง ไม่ว่าจะเครื่องเคลือบ เครื่องแก้ว หยก ทอง ทองแดง ปะการัง อัญมณี และของอื่นๆ อีกมากมายแค่มองเข้าไปก็ตาลายไปหมด ดูไม่ทันกันเลยทีเดียวยิ่งไปกว
คนที่ตายในเมืองหลวงก็มีอยู่ แต่ไม่ได้มากแบบที่พวกเซียวหลันยวนคาดการณ์ไว้ร้อยกว่าคนที่พบมานั้น หลายปีมานี้ก็เดินกันจนทั่วเมืองหลวงแล้ว พอดีเลย สามารถนำสิ่งที่พวกเขารู้มาบอกกับพวกเซียวหลันยวนได้ ประหยัดเวลาและแรงของพวกเขาไปได้อีกจากที่คนเหล่านี้บอก ตลอดหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาสำรวจในเมืองหลวง พบว่าคนที่ตายอยู่ที่นี่ คือคนที่ไม่ได้อพยพออกไปหรือไม่ต้องการออกไปในตอนนั้นยิ่งไปกว่านั้น หลังจากภัยพิบัติมาถึงก็มีหิมะใหญ่ปกคลุม ไม่มีโรคระบาด พูดได้ว่า ทั่วทั้งเมืองหลวง "สะอาด" กว่าที่พวกเขาคิดไว้มากแต่ว่า พวกเขาเองก็ค้นหาวังใต้ดินมาโดยตลอดเช่นกันน่าเสียดายที่พวกเขาหลายปีนี้กระทั่งวังจักรพรรดิก็ยังหาไม่เจอ ไม่ต้องพูดถึงวังใต้ดินเลย"คนเหล่านั้นยังสงสัย ว่าทรัพย์สมบัติมากมายของตงฉิง รวมถึงพวกหนังสือแผนที่ ล้วนถูกขนเข้าไปในวังใต้ดินแล้ว""แต่ว่า ในวังใต้ดินอาจจะมีคนตายอยู่เป็นจำนวนมาก คนที่ไม่ยอมออกจากวังเหล่านั้น สุดท้ายก็ล้วนเข้าไปในวังใต้ดิน"จงเจี้ยนมาบอกเรื่องเหล่านี้กับฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงเองก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้"หนิงหนิง ดังนั้นเปิดวังใต้ดินครั้งนี้ เจ้ายังไม่ต้องไปแล้วกัน" เ
เสื้อผ้าที่วางไว้ที่นี่ ล้วนเป็นพวกที่กันหนาวกันน้ำ เซียวหลันยวนเข้าไปพลิกดู แล้วยังเห็นเกราะอ่อนกันคมดาบและหอกอยู่อีกหลายชุดด้วยเกราะอ่อนเหล่านั้นกระทั่งเบาบางระบายอากาศได้ดี ไม่รู้ว่าทำจากวัสดุอะไร"เอาแค่เกราะอ่อนไม่กี่ชุดนี้ ถ้าแพร่ไปในยุทธภพก็ไม่รู้ว่าจะดึงดูดคนให้มาแย่งชิงกันแค่ไหน มูลค่ามหาศาลเลยทีเดียว"เซียวหลันยวนบอกกับฟู่จาวหนิง "เดี๋ยวตอนกลับขึ้นไปก็ติดไปสักชุดหนึ่ง เจ้าเก็บเอาไว้"ความหมายของเขาคือให้นางซ่อนมันเอาไว้ถึงอย่างไรเขาก็รู้ว่านางมีวิธีซ่อนของอยู่มีเกราะอ่อนชุดนี้ เขาก็กังวลเรื่องความปลอดภัยของนางน้อยลงไปได้ส่วนหนึ่ง"ได้"ฟู่จาวหนิงตัดสินใจว่าจะนำไปให้เขาด้วยอีกชุดหนึ่งด้านหน้าเป็นทางเดินเส้นหนึ่งเซียวหลันยวนจุดเทียนบนกำแพงให้สว่างทั้งหมด ใต้ดินนี้ก็ไม่มืดแล้วพื้นกำแพงและเพดานของทางเดินนี้แข็งแรงมาก พอเงยหน้าขึ้นมองยังเห็นเป็นอิฐเขียวที่ก่อขึ้นโดยมีแผ่นเหล็กกั้นเป็นช่วงๆพอเดินตรงไปด้านหน้า เซียวหลันยวนก็คะเนระยะทางความห่าง "ที่นี่น่าจะเป็นด้านล่างของสวนแห่งหนึ่งด้านหลังตำหนักฝูกวง"ที่นี่ยังสร้างห้องลับมาอีกห้องหนึ่ง ด้านในมีเตียงมีเก้าอี้ แล
เซียวหลันยวนเดิมทีไม่คิดจะพาฟู่จาวหนิงเข้าไปแต่พอคิดว่าทางเข้านี้เดิมทีก็เป็นฟู่จาวหนิงที่หาเจอ ยิ่งไปกว่านั้นหลายวันนี้นางเองก็อยู่แต่ในตำหนักฝูกวงคงจะเบื่อเต็มที่แล้วเดิมทีนางเองก็ไม่ใช่หญิงสาวที่อ่อนแอขี้ขลาดด้วย ถ้าเพราะนางตั้งท้องแล้วต้องมองนางเป็นคนบอบบาง คอยห้ามไม่ให้ทำทุกสิ่งอย่าง เช่นนั้นเวลาที่เหลืออีกตั้งนานก่อนคลอด จะไม่ให้นางได้ทำอะไรหรือกล้าทำอะไรเลยอย่างนั้นหรือ?"เช่นนั้นพวกเราก็เข้าไปด้วยกันเถอะ แต่เจ้าต้องจับข้าไว้ให้แน่นนะ"เซียวหลันยวนกำชับขึ้นมาคำหนึ่ง แต่ยังรู้สึกว่าไม่เพียงพอ จึงอดพูดขึ้นมาไม่ได้ "วิธีปกป้องตนเองที่เจ้ามีอยู่ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา เจ้าก็ใช้ออกมาได้เลย ไม่ต้องสนใจข้า"เขารู้มาตลอดเหมือนกับวิธีการที่นางปิดกั้นกลิ่นอายลมหายใจของนางได้ก่อนหน้านี้เขามีกำลังภายในลึกล้ำแบบนี้ก็ยังจับเสียงลมหายใจนางไม่ได้ จะต้องใช้วิธีที่พิเศษมากแน่ๆเซียวหลันยวนถึงแม้จะรู้ว่านางมีความสามารถนี้ แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรกันแน่ แล้วเขาเองก็ไม่เข้าไปถามด้วยแต่ถ้าหากเจอเข้ากับอันตราย เขาก็หวังว่าฟู่จาวหนิงจะไม่ต้องสนใจเขา แล้วใช้วิธีนั้นของตนเองเสีย
Comments