"เซียวหลันยวนท่านนี่มันสุนัขจริงๆ แค่กๆๆ"ฟู่จาวหนิงกลายเป็นหมอนรองรูปคนให้กับเซียวหลันยวนไปแล้ว เกือบหายใจหายคอไม่ทันยังดีจุดที่นางเลือกคือใต้ต้นไม้พอดี ด้านล่างมีใบไม้กองหนาที่ร่วงลงมาอยู่ ค่อนข้างอ่อนนุ่ม"ลุกไม่ไหว หายใจไม่ออก" เซียวหลันยวนพังพาบอยู่บนตัวนาง ไม่มีแรงจะอธิบายเขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจ อย่าคิดว่าเขาจะเอาเปรียบนางเชียวฟู่จาวหนิงยื่นมือออกไปคลำไปที่แผ่นหลังเขา ลูบไปที่จุดชีพจรของเขาตอนที่นิ้วมือนางกดไปที่แผ่นหลัง กลิ่นอายของเซียวหลันยวนเองก็เกร็งขึ้นมา ลมหายใจเองก็เร่งถี่ขึ้นแผ่นหลังเป็นตำแหน่งจุดมิ่งเหมินของเขา แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยให้คนอื่นมีโอกาสมาแตะแผ่นหลังของตนเอง แล้วที่ส่งแผ่นหลังออกไปได้ จะต้องเป็นคนเขาเชื่อใจแค่ไหนกัน?แต่ว่านิ้วของฟู่จาวหนิงตอนนี้กำลังลูบอยู่ที่จุดชีพจรกับข้อต่อกระดูกที่แผ่นหลังเขา"ผ่อนคลาย" ฟู่จาวหนิงรู้สึกว่าเขาเกร็งไปทั้งตัว กล้ามเนื้อก็แข็งแราวกับก้อนหินอย่างไรอย่างนั้น นางกดลงไปบนจุดชีพจรเขาไม่ได้เลย "ถ้าข้าจะสังหารท่านต้องลงทุนขนาดนี้เลยหรือ? รีบๆ ผ่อนคลายได้แล้ว!"นางกัดฟันเอ่ยขึ้น จะกันนางไว้ขนาดนี้ก็พอเสียทีเถอะเซียวหลันย
ฟู่จาวหนิงมองเขาผาดหนึ่ง ไม่ได้ตอบคำถามของเขา เก็บเข็มลงไปอย่างสงบเซียวหลันยวนพอเห็นท่าทีของนางก็รู้ว่านางคงไม่ตอบคำถามของตนเองแล้วเขาถอนหายใจออกมาเบาๆ เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาดีขึ้นบ้างแล้ว ยิ่งไปวก่านั้นหัวใจเองก็กลับมาเป็นปกติ และนางก็ยังกดที่จุดชีพจรบนหลังเขา แล้วลงเข็มไปอีกหลายเข็มนางมีวิชาแพทย์เช่นนี้ ก่อนหน้านี้ไม่ควรถูกคนเอาไปลือกันแย่ๆ ขนาดนั้นสิแต่ว่าผู้เฒ่าฟู่ก็ไม่ได้สงสัยอะไรตัวนาง บางทีต่อมานางอาจจะเจอกับดวงอะไรเข้า?"ยังไม่ลุกอีก?"ฟู่จาวหนิงเก็บของเสร็จจึงลุกขึ้นมา ปัดๆ เสื้อผ้าเซียวหลันยวนค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง จู่ๆ ก็รู้สึกปวดหัว จึงยื่นมือไปทางนาง "ลุกไม่ไหว เจ้าดึงข้าหน่อย"?ฟู่จาวหนิงถลึงตาโตมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อเซียวหลันยวนไม่ได้กำลังออดอ้อนนางใช่ไหม?ชายทั้งแท่งคนหนึ่ง! สูงกว่านางเกือบจะหนึ่งหัว แต่นี่กลับให้นางคอยดึงด้วยสภาพ "อ่อนแอไร้กำลัง" เนี่ยนะ?"ผัวะ"นางตบมือของเขาออก"อยากลุกก็ลุก ไม่อยากลุกก็นั่งอยู่อย่างนี้แหละ"นางหมนุตัวเดินออกไปจนพุ่มต้นไม้นางจะไปย่างปลาแล้ว ปล่อยเขาไปแล้วกันหลังจากเดินไปหลายก้าวก็เหมือนคิดอะไรออก หมุนตัวมองม
ไม่นานนัก กลิ่นหอมอหังการก็โถมเข้ามาในจมูก ล้อมจนกลุ่มคนรอบๆ ท้องร้องจ๊อกขึ้นมาชิงอีเองก็เกือบจะน้ำลายไหลแล้วปลาย่างตัวหนึ่งถูกส่งไปที่มือเซียวหลันยวนก่อนฟู่จาวหนิงบอกกับเขาว่า "ท่านกินรสอ่อนหน่อย แล้วก็ใส่วัตถุดิบยาเข้าไปหน่อยหนึ่งด้วย ลองดู ในนี้จะมีกลิ่นยาประหลาดๆ หน่อย รับรองได้ว่าท่านไม่เคยกินมาก่อน"เซียวหลันยวนรับไป เดิมทีคิดจะทำตัวให้สูงส่งเสียหน่อย รอสักครู่แล้วค่อยกัด แต่ผลลัพธ์คือพอรับมาและได้ดมกลิ่นหอมนั่น เขาก็กัดลงไปอย่างทนไม่ไหวคำหนึ่งเนื้อปลาที่สดนุ่มและยังกักเก็บน้ำไว้ระเบิดความสดหวานกับกลิ่นหอมออกมาในปากทันทีในนี้ยังมีกลิ่นยาที่พิเศษมากอยู่ด้วย แค่กลิ่นยานี้ก็ยั่วน้ำลายมากแล้วเขาไม่เคยกินปลาย่างที่อร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย!เซียวหลันยวนไม่สนคำพูดของฟู่จาวหนิงแล้ว กัดลงไปอีกคำทันทีชิงอีพอเห็นเขากินอย่างเอร็ดอร่อย ก็รอจนคอยืดยาวกว่าจะวนมาถึงเขาที่พวกเขาได้กินไม่เหมือนกับของเซียวหลันยวน นั่นเป็นรสชาติที่เผ็ดชาหน่อย หนังปลาไหม้เกรียมเล็กน้อย เนื้อปลาหวานนุ่มลื่นชิงอีสวาปามอย่างกับหมาป่าอย่างกับพยัคฆ์"ท่านอ๋อง ฝีมือย่างปลาของพระชายา จะไป๋ซวงอีกสักกี่คนก็เ
"มีคนตามมาแล้ว"ฟู่จาวหนิงหน้าเปลี่ยนสี"เจ้ากับมันไปก่อนเถอะ" เซียวหลันยวนเอ่ยขึ้น "พวกเราจะดึงคนออกไปเอง""ได้เลย"ตอนนี้ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่สนที่จะคุยกับเขาแล้ว ตบลงที่ตัวราชันกวาง "พวกเรารีบไปเถอะ"ราชันกวางพานางเดินตรงไปยังป่าลึกเซียวหลันยวนมองนางจากไป และอดส่งสื่อเสียงให้นางไม่ได้ "เจ้าไปคนเดียวจะกลัวไหม?"ให้นางตามกวางตัวหนึ่งเข้าไปในป่าทึบ จะมีอันตรายไหม?"ไม่กลัว! อย่าพูดไร้สาระเลย รีบไปขวางคนไว้!"เสียงฟู่จาวหนิงส่งออกมาเขาพูดไร้สาระหรือ?เซียวหลันยวนกัดกัดฟันไม่ได้รู้จิตใจคนเอาเสียเลย หรือว่าเขาไม่กังวลต่อตัวนางเลยหรือ? เดิมทียังคิดจะบอกว่าให้เขาเดินไปกับนาง แต่พอได้ยินนางพูดแบบนี้ก็โยนความคิดทิ้งไปพอคิดถึงนางก่อนหน้าที่ซัดงูพิษตายด้วยเข็มเดียว เขาก็รู้สึกว่านางน่าจะไม่มีปัญหาพวกของลู่ทงเองก็ยืนขึ้นมาแล้วเพียงไม่นาน ในป่าด้านหน้าก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาคนที่นำคือโหวอาวุโสน้อยอี้ข้างกายเขายังมีเหล่าเพื่อนสุนัขกลุ่มนั้นด้วย แล้วยังพาองครักษ์มาอีกไม่น้อยเลย บนตัวทุกคนล้วนดูซมซานนิดๆ ดูท่าน่าจะไล่ตามอยู่ในป่ามาครึ่งค่อนวันพอเห็นคนทางนี้ อีกฝ่ายก็ตะลึงงั
"นั่นน่ะสิ!" ลู่ทงมองไปรอบๆ เหมือนกำลังกดเสียงต่ำเพื่อคุยกับเจิ้งหยาง อันที่จริงเขาเป็นคนเสียงดัง คำพูดที่พูดมาก็ยังทำให้โหวอาวุโสน้อยอี้ได้ยินอยู่ดี"มีราชันกวางจริงๆ! แล้วยังบาดเจ็บอีกด้วย พวกเราอย่ามามัวจับปลาย่างปลาเลย รีบออกหาดีกว่า! ถึงอย่างไรพวกเรานั่งกินปลาอยู่ตั้งครึ่งค่อนวันก็ยังไม่เห็น จะต้องอยู่ที่อื่นแน่ รีบไปเถอะ เหลือพวกนี้ทิ้งไว้ให้พวกเขาแล้วกัน"โหวอาวุโสน้อยอี้พอได้ยินคำพูดเขา ก็มองๆ รอบตัวพวกเขามีกองไฟกับก้างปลาอยู่กองหนึ่งจริงๆข้างลำธารมีรอยเลือดกับเกล็ดปลาบางส่วนที่พวกเขาจัดการปลาเอาไว้ดูแล้วพวกเขาเพิ่งจะจับปลายางปลากินกันจริงๆ แล้วยังอยู่ที่นี่นานพอควรอีกด้วยถ้าราชันกวางผ่านที่นี่ไปจริง แล้วยังบาดเจ็บอีกด้วย พวกเขาจะปล่อยมันหนีไปได้หรือ? จะต้องจัดการล่ามันไปนานแล้วแน่นอน!แต่ว่ารอบตัวพวกเขาไม่มีสัตว์ที่ล่าไว้สักตัว ไม่ต้องพูดถึงราชันกวางเลยถ้าเห็นเหยื่อชั้นดีขนาดนั้น คนเหล่านี้จะปล่อยไปได้อย่างไร?เซียวหลันยวนยืนขึ้นมา ส่งสายตาให้กับชิงอี จู่ๆ ร่างก็แฉลบออกไป ข้ามลำธารตรงไปยังทางตรงข้ามกับป่าชิงอีเอ่ยกับพวกลู่ทงอย่างรวดเร็ว "ไป!"เขาเองก็รีบตามอ๋อ
มากขนาดนี้เชียว!ทั้งหมดล้วนเป็นเบญจมาศหรือว่าราชันกวางตัวนี้คิดจะพานางมาดูดอกไม้ผืนนี้?"น้องกวาง! เจ้าเยี่ยมจริงๆ!"ฟู่จาวหนิงกอดราชันกวาง กระโดดโลดเต้นขึ้นมาอย่างดีใจวัตถุดิบยานี้ นางจะบอกว่าล้ำค่ามากก็ไม่ถึงขนาดนั้น เพราะว่ามันไม่ใช่วัตถุดิบยาที่สร้างกล้ามเนื้อเอ็นกระดูก หรือทำให้คนตายฟื้นกลับมาได้แต่วัตถุดิบยานี้ต่างหากที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด จะป่วยน้อยเจ็บน้อยก็ล้วนต้องการมันอย่างอาการที่ธาตุไฟมากเกินไป อาการลมร้อนต่างๆ ปวดหัวปวดฟัน เจ็บคอเจ็บตา หูอื้อท้องผูก อาการเจ็บป่วยเล็กๆ ต่างๆ ล้วนสามารถใช้ได้ยาเบญจมาศชนิดนี้ประสิทธิภาพยังมากกว่าพวกเบญจมาศครรภ์เบญจมาศแขวนเบญจมาศหลวงเบญจมาศป่าดอกเงินทองอะไรพวกนั้นเสียอีกฟู่จาวหนิงเด็ดดอกหนึ่งออกมาลองดม กระทั่งยังพบว่ากลิ่นของมันยังดีมากด้วย ในกลิ่นหอมมีกลิ่นหวานอ่อนๆหรือก็คือตัวยานี้ถึงตอนนั้นถ้าสกัดเป็นยาเด็ก เด็กๆ ก็จะพอกินได้ดังนั้นถ้าคำนวณขึ้นมาจริงๆ ดอกไม้ผืนนี้ มีมูลค่ามหาศาลมากแน่นอน ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่ใช่มองแค่มูลค่าของมัน แต่หลังจากนี้ถ้าต้องการวัตถุดิบนี้ นางเองก็ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว!นี่เป็นข้อมูลที่มีอยู่ใ
จู่ๆ นางก็รู้สึกว่า ถ้าคอมพิวเตอร์ยังสามารถเชื่อมไปยุคปัจจุบันได้ เช่นนั้นนางถ้าบันทึกข้อมูลเพิ่มเข้าไป ยุคปัจจุบันจะมีการอัพเดทไหม? จะมีคนอีกมากที่ได้เห็นวัตถุดิบยานี้ไหม?ในคลังข้อมูลยังมีวัตถุดิบยาที่ขาดแคลนรูปภาพอยู่ อย่างยาเบญจมาศนี้ ด้านในไม่มีรูปที่เกี่ยวกับยาเบญจมาศเลยถ้าหลังจากนางบันทึกเพิ่มเติมทั้งหมดเข้าไป ไม่แน่ว่าหลังจากนี้อาจจะมีคนสามารถหายาเบญจมาศพบก็ได้คิดถึงจุดนี้ฟู่จาวหนิงก็ตื่นเต้นขึ้นมาว่าแล้วก็รีบบันทึกภาพยาเบญจมาศเข้ไาปในคอมพิวเตอร์ทันที ขณะเดียวกันก็ยังถ่ายภาพของหญ้าเสินหนงที่ชัดเจนกว่าอีกหลายใบใส่เข้าไปด้วยการอัพเดทคลังข้อมูลวัตถุดิบยา นางเหมือนทำเรื่องเรื่องหนึ่งสำเร็จไปได้ด้วยดีแล้วก็วัตถุดิบยาเหล่านั้นในพิธีเดิมพันโอสถก่อนหน้า กลับไปถ้ามีเวลานางจะจัดการบันทึกเข้าไปทีละชนิดๆเลยออกมาจากห้องเภสัช ฟู่จาวหนิงเด็ดดอกไม้ต่อ จากนั้นก็ขุดหญ้าเสินหนงออกมาไม่น้อยในพื้นที่ยาเบญจมาศผืนนี้อาจจะเหมาะกับการเติบโตของหญ็าเสินหนง ขุดมาได้มากพอควรเลยจริงๆหลังจากเด็ดดอกไม้มาไม่น้อย นางยังเก็บหนังงูที่สมบูรณ์ออกมาจากในกองหญ้าได้อีกสองผืน สิ่งนี้ก็เอาไปทำยาได้ นางไ
ไม่รอฟู่จาวหนิงได้ทันวิเคราะห์ แสงไฟทางนั้นก็สว่างขึ้นมา คบไฟหลายคบก็ชูขึ้น ส่องสว่างคนทั้งหมดและส่องสะท้อนจนนางหลบไปไหนไม่ได้ด้วยอีกฝ่ายล้วนสวมชุดคล่องตัว พกกระบี่ยาวคนทีนำมาเป็นชายหนุ่มอายุราวยี่สิบสองยี่สิบสาม หน้าตาไม่เลว เพียงแต่สายตาที่พิจารณาตัวฟู่จาวหนิงทำให้นางรู้สึกไม่ค่อยดีนักและข้างกายพวกเขายังมีหญิงสาวอีกสองคน พวกนางสวมชุดผู้ชาย รวมผมสูง เพียงแต่หน้าอกนั่นกับเอวนั้นบอกคนอื่นว่าพวกนางเป็นหญิงสาวที่ร่างสะโอดสะองรอบด้านมีม้าหลายตัว บนม้าแบกเหยื่อล่าเอาไว้มากมายฟู่จาวหนิงยังเห็นเลียงผาอีกสองตัว และยังมีไก่ป่าที่มีขนยาวอีกตัว นอกจากนี้ยังมีกระต่ายป่าอีกหลายตัว"มานี่"ชายหนุ่มคนนั้นกระดิกนิ้วหาฟู่จาวหนิงราวกับกระดิกนิ้วเรียกสุนัขอย่างไรอย่างนั้นระหว่างฟู่จาวหนิงกับพวกเขายังมีพุ่มหนามพุ่มเล็กอยู่ น่าจะเพราะสาเหตุนี้ พวกเขาจึงยังไม่เข้ามาฟุ่จาวหนิงมองเห็นว่ามีคนง้างธนูมาทางนาง และรู้ว่านางยังหนีไม่ได้ชั่วคราว"พวกเจ้าเป็นโจรภูเขาที่สังหารคนแล้วชิงของมาหรือ?"นางจงใจถามขึ้นคำหนึ่งคนเหล่านั้นตกตะลึงไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็มีคนหัวเราะร่าขึ้นมามีคนกลับโกรธขึ้
"ฮูหยินอู๋คนนั้น เหมือนจะเคยบอกว่านางชื่ออิงถัง""ชื่ออะไรก็ช่างเถอะ"เซียวหลันยวนไม่ได้สนใจกับชื่อของนางเลย เขาแค่รู้ว่าเป็นคนนั้นก็พอแล้ว"ได้ยินเจี๋ยหลี่คนนั้นบอกมาว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฮูหยินอู๋ไม่มากนัก"ฟู่จาวหนิงนึกถึงคำพูดที่ฮูหยินอู๋พูดกับนางไว้ก่อนออกเดินทาง ก็เหมือนมีท่าทางจะผูกมิตรอยู่จริงๆคิดจะดึงนางเป็นพวก ร่วมมือกับนางจริงหรือ?เซียวหลันยวนเหล่มองนาง ยื่นมือมาจับคางนางโยกเบาๆ "เจ้าคงไม่ได้หวั่นไหว แล้วอยากจะไปทำอะไรกับฮูหยินอู๋จริงๆ หรอกกระมัง?"ฟู่จาวหนิงตบมือของเขาออก"ท่านคิดอะไรน่ะ ถ้าข้าคิดจะทำอะไรจริงๆ ไม่ต้องร่วมมือกับนางก็ได้นี่ แค่นางเดิมทีเป็นคนของลัทธิเทพทำลายล้าง ข้าก็ไม่มีทางผูกมิตรกับนางอยู่แล้ว"นางไม่สนว่าฮูหยินอู๋ตอนนี้จะออกจากลัทธิเทพทำลายล้างแล้วจริงหรือไม่ ถึงอย่างไร ก่อนหน้านี้ก็เป็นคนของลัทธิเทพทำลายล้างจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น ฟู่จิ้นเชินเองก็ยังเคยบอกว่า ฮูหยินอู๋ คยต้องสงสัยว่าเป็นคนที่ฆ่าสามีด้วยนางไม่มีความรู้สึกดีดีให้กับลัทธิเทพทำลายล้างเลย แล้วคนที่มาจากลัทธิเทพทำลายล้าง นางจะไปร่วมมือด้วยได้อย่างไรกัน?"แล้วเจ้าเชื่อไหมว่าเรื่อ
ไป๋หู่ตอบว่า "เรียนท่านอ๋อง นี่เป็นของขวัญพบหน้าที่เจ้าอารามส่งให้คุณหนูขอรับ"เซียวหลันยวนเห็นน้ำที่ใส่อยู่ด้านในแล้ว เขาขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ยกมือฟู่จาวหนิงขึ้นมา "ขึ้นไปกันก่อนเถอะ""เจ้าอารามยังอยู่ด้านใน ท่านไม่เข้าไปหรือ?" ฟู่จาวหนิงถาม"ไม่เข้าไปแล้ว"เซียวหลันยวนกลับรู้สึกว่าตนเองกับเจ้าอารามไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว เรื่องมากมาย พวกเขาคุยกันมาตั้งหลายปีแล้ว เขากับเจ้าอารามเองก็ไม่ใช่คนที่พูดมากนัก ทั้งสองคนพออยู่ด้วยกันมีอะไรก็พูดออกมา พูดจบก็นิ่งเงียบไป"พระชายาเดินเหินระมัดระวังด้วย"ตอนที่พวกเขาจะขึ้นไป ซางจื่อก็คารวะให้กับฟู่จาวหนิง จากนั้นก็ยืนส่งพวกเขาด้วยสายตาฟู่จาวหนิงหันกลับไปเหลือบมองซางจื่อยังยืนอยู่ที่นั่น เห็นได้ชัดว่ากำลังรอเจ้าอารามออกมาแต่เจ้าอารามก็ยังไม่ออกมา อยู่ในถ้ำภูเขาทำอะไรอยู่นะ?อยู่ในนั้นก็ไม่มีของกินด้วยนี่"เจ้าอารามพูดอะไรกับเจ้าหรือ?" เซียวหลันยวนถาม"ก็แค่มาคุยโวกับข้าเรื่องดูแลตัวเองน่ะ" ฟู่จาวหนิงตอบ "บอกว่าเขาไม่เคยแก่อีกเลยตั้งแต่อายุยี่สิบสี่""เริ่มตั้งแต่ตอนไหนก็ยังเอามาบอกเจ้าหรือ?" เซียวหลันยวนประหลาดใจหน่อยๆ"เร
"เป้าหมายของข้าหรือ..."เจ้าอารามพูดไปครึ่งประโยคแล้วตอนท้ายลากเสียงยาว เหมือนตัวเขากำลังสับสนอยู่บ้างแต่ตอนนี้ฟู่จาวหนิงมองออก ว่าความสับสนนี้ของเขาเป็นของปลอม ในใจเขาอันที่จริงแจ่มชัดยิ่งกว่าใครๆนางมองเขาไมม่ออกแต่กลับรู้สึกว่า เขามองคนทุกคนออกจนปรุโปร่ง"บางที ข้าคงแค่อยากจะรักษาสภาพตอนนี้ของใต้หล้าเอาไว้ แบบนี้ยังไม่ค่อยสงบสุขนัก แต่ยังถือว่ามั่นคงอยู่" เจ้าอารามเอ่ยขึ้น"ข้ากับอายวนอยู่ด้วยกัน จะส่งผลกระทบกับสถานการณ์ใต้หล้าจริงหรือ? ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็คงจะให้เกียรติพวกเรามาเกินไปแล้วกระมัง""เป็นเจ้าดูถูกตัวเองต่างหาก"เจ้าอารามยังคิดจะพูดอะไรต่อ แต่ด้านนอกก็มีเสียงเซียวหลันยวนลอดเข้ามา"หนิงหนิง""อายวนกลับมาแล้ว" เจ้าอารามไม่ได้พูดต่อ เขามองกระถางน้ำนั่น "เจ้านี่เจ้าจะเก็บไว้ไหม?""ไม่รับก็เสียของสิ" ฟู่จาวหนิงไม่มีลังเลไม่ว่าในใจเจ้าอารามจะคิดอะไร ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความสนใจของนางในเรื่องเหล่านี้ ไว้นางกลับไปค่อเข้าไปตรวจสอบในห้องเภสัช ลองดูว่าใช่น้ำใสหรือไม่ แล้วถ้าด้านในส่วนประกอบอัศจรรย์อะไรที่ชะลอความอ่อนเยาว์อยู่จริงไหมถ้ามีอยู่จริงๆ ล่ะก็ นางเองก็อยากจ
จู่ๆ เขาก็พูดแบบนี้ออกมา ทำเอาฟู่จาวหนิงตั้งตัวไม่ทันอันที่จริงนางเองก็เคยคิดปัญหานี้อยู่ทำไมทั้งๆ ที่ใบหน้ารักษาหายแล้ว มีใบหน้างดงามเสียขนาดนั้น แต่เซียวหลันยวนกลับยังสวมหน้ากากไว้ตลอด?สวมหน้ากากก็ไม่ได้สะดวกเสียหน่อยยิ่งไปกว่านั้น ใบหน้าหล่อเหลานั่นปิดบังเอาไว้เสียของจะแย่แต่เซียวหลันยวนก็ไม่เคยพูดถึงปัญหานี้กับนาง บางครั้งนางถามไป เขาก็ทำแค่ยิ้มๆหรือว่าเจ้าอารามจะรู้ว่าเพราะอะไร?"เพราะว่า ใบหน้าของเขา มันดูคล้ายคลังกับจักรพรรดินีของตงฉิงสมัยยังสาวน่ะสิ" เจ้าอารามบอกกับนางฟู่จาวหนิงตกตะลึงนางยังไม่เคยคิดไปถึงด้านนี้เลยแต่ว่าเจ้าอารามพูดอกมาแบบนี้ นางก็กระจ่างขึ้นมาทันทีนี่เหมือนจะเป็นความเป็นไปได้มากที่สุดอยู่ก็เหมือนกับเรื่องสกุลของเจ้าอาราม ถ้าลือออกไปจะดึงดูดความสนใจพวกคนเจตนาไม่ดี ใบหน้าเซียวหลันยวนถ้าเปิดเผยออกไป ก็อาจจะดึงดูดความสนใจคนเหล่านั้นที่กำลังตามหาตงฉิงอยู่ด้วยกระมัง?จักรพรรดินีตงฉิงแต่ก่อนเคยไปเป็นทูตที่ต้าชื่อ รับประกันได้ยากว่าคนที่เคยเห็นนางในอดีตจะยังมีชีวิตรอดกันอยู่ไหมอย่างลัทธิเทพทำลายล้าง ก็ค้นหาตงฉิงมาโดยตลอดเช่นกันคนเหล่านั้นถ้
"ตอนนั้นในเขาชิงถงเกิดการขัดแย้งภายใน อาจารย์ของเจ้าคนนั้น โอ้จริงด้วย ลุงของถังอู๋เจวี้ยน ไม่ใช่ว่าโมโหจนออกจากเขาชิงถงหรือ? เพราะตระกูลเขาชิงถงอีกสายหนึ่งของพวกเขาทำเรื่องผิดมา แต่เขาชิงถงกลับปล่อยพวกเขาไปเพราะจะไม่สังหารเครือญาติ"ฟู่จาวหนิงตะลึงงันนางคิดไม่ถึงเลย ว่าพูดไปพูดมา ก็ยังวนมาถึงเรื่องเขาชิงถงจนได้นี่ไม่ถือเป็นความลับของเขาชิงถงหรือ? แล้วทำไมเจ้าอารามถึงรู้ได้?"อาจารย์ลุงของเจ้าคนนั้นรู้สึกว่าตระกูลปกป้องคนชั่ว ไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดี ดังนั้นจึงออกจากเขาชิงถง ส่วนตระกูลถังที่ทำผิดสายนั้น ก็ถูกขับออกจากเขาชิงถงไปด้วยเช่นกัน สายนั้นมีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ตงฉิงอยู่ ข้าคิดว่าพวกเขาคิดจะค้นหาตงฉิงอยู่ตลอด และการจะหาตงฉิงให้พบก็มีอยู่สองวิธี หนึ่งคือหาสมบัติแคว้นชิ้นหนึ่งของตงฉิงให้พบ ของสิ่งนั้นสามารถนำทางไปยังวังจักรรพรรดิตงฉิงได้ และอาจจะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนกลไกใหญ่ของตงฉิง""และอีกวิธีหนึ่ง คือหาคนของตระกูลซืออวี๋ให้เจอ เพราะตระกูลซืออวี่มีการสืบทอดพรสวรรค์ สามารถทำนายตำแหน่งของตงฉิงออกมาได้"เจ้าอารามพูถึงจุดนี้ก็หยุดลงมา มองฟู่จาวหนิงด้วยสายตาลึกซึ้งคว
ระยะห่างเท่านี้ ยังสามารถมองเห็นพวกเขาได้ ทว่าไม่ได้ยินเสียงพวกเขาคุยกัน"เจ้าอารามตอนนี้พูดได้หรือยัง?""นี่คือน้ำ" เจ้าอารามแตะเบาๆ ไปที่กระถางน้ำใส "แต่ว่าไม่ใช่น้ำธรรมดา เป็นน้ำที่ข้านำมาจากแท่นบูชาวังจักรพรรดิตงฉิง""ตงฉิง?"ฟู่จาวหนิงถลึงตามองเขาอย่างตกตะลึงเจ้าอารามเคยไปที่ตงฉิงมาหรือ?เซียวหลันยวนส่งหลานหรงนำคนมากมายไปค้นหาซากของตงฉิงนี่ ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเจออะไรบ้างไหม แต่เจ้าอารามกลับบอกว่าน้ำเหล่านี้ได้มาจากแท่นบูชาวังจักรพรรดิตงฉิงหรือ?"ท่านเคยไปตงฉิงมาหรือ? ท่านรู้ว่าวังจักรพรรดิตงฉิงอยู่ที่ไหนรึ?"เจ้าอารามพยักหน้า "ใช่""ตั้งแต่เมื่อไรกัน?""เมื่อตอนอายุยี่สิบสี่"ตอนนี้เจ้าอารามพอถามก็ตอบ เหมือนไม่มีปิดบังนางเลยแม้แต่น้อย ตรงไปตรงมามากฟู่จาวหนิงกลับพบปัญหาข้อหนึ่งจากในบทสนทนานี้ นางปิดความตกตะลึงแทบไม่อยู่ "ความหมายของท่านคือ ปีนั้นที่ท่านไปตงฉิง แล้วใบหน้าของท่านก็หยุดอยู่ที่ปีนั้น หลังจากนั้นก็ไม่ชราลงเลยน่ะหรือ?"หมายถึงอย่างนี้หรือเปล่า?ดังนั้นความลับที่เจ้าอารามจะบอกกับนางก็คือ ที่หน้าของเขาไม่เปลี่ยนไปนั้นเกี่ยวข้องกับตงฉิงหรือ? หรือก็คือ เกี่ยวข
ฟู่จาวหนิงพอได้ยินว่าเจ้าอารามจะบอกความลับกับนาง จิตใต้สำนึกนางก็คิดจะปฏิเสธขึ้นมานางไม่อยากฟังความลับของเขาหรอกนะ?รู้สึกว่าถ้าฟังความลับของเขาแล้วเหมือนจะไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลยแตนางก็ปฏิเสธช้าไปหน่อย เจ้าอารามพูดอกมาแล้ว"ต่อให้ผ่านไปอีกยี่สิบปี ข้าก็ญังคงเหมือนกับตอนนี้ ไม่มีวันแก่ลงไปอีก" ตอนที่เจ้าอารามพูดคำนี้ น้ำเสียงก็ดูจะทอดถอนใจมากเขายังยื่นมือมาลูบหน้าตนเองด้วยชายรูปงามก็คือชายรูปงาม พอทำท่าทางเช่นนี้ ไม่ได้ดูอ้อนแอ้นเลยแม้แต่น้อย แต่กลับยิ่งดูมีเสน่ห์เย้ายวนใจขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวอีกบวกกับแสงพิเศษของหินเรืองแสงในถ้ำภูเขานี้ ทำให้บนใบหน้าเขามีแสงประกายที่อ่อนโยนขึ้นมา ยิ่งขับให้ผิวของเขาดูเกลี้ยงเกลาเปล่งปลั่งยิ่งขึ้นเขาสวมชุดสีเขียวแขนกว้าง ผมดำขลับราวสายน้ำสยายคลุมผ่า ราวกับเทพเซียนลงมาจุติยังโลกมนุษย์เลยจริงๆเสี่ยวเยว่เองก็เกือบจะมองจนเหม่อไป๋หู่มองเขาอย่างตกตะลึงผ่านไปอีกยี่สิบปี เขาก็ไม่แก่ลงอย่างนั้นหรือ?สายตาของฟู่จาวหนิงตกอยู่ที่ใบหน้าเขา กำลังครุ่นคิดความจริงหรือความลวงในประโยคนี้ของเขา"ข้าอายุยี่สิบสี่ก็เป็นเช่นนี้ นับตั้งแต่ตอนอายุยี่สิบสี่เน
พอได้ยินเสี่ยวเยว่พูดถึง ฟู่จาวหนิงก็นึกถึงลุงคนโตตระกูลเสิ่นขึ้นมาตอนที่นางออกจากต้าชื่อ เสิ่นเสวียนกำลังพยายามจะรับตัวพี่ใหญ่มาจากเมืองหมาน ช่วงนี้ก็ไม่ได้เขียนจดหมายเลย ไม่รุ้ว่าสำเร็จแล้วหรือยังจักรพรรดิต้าชื่อช่วงนี้ก็เหมือนจะสนแต่ไล่จับตัวองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้น สำหรับเสิ่นเสวียนแล้วถือเป็นเรื่องดีไหมนะ? แบบนี้จักรพรรดิต้าชื่อก็ไม่มีเวลาไปรับมือกับตระกูลเสิ่นแล้วเรื่องที่เสิ่นเสวียนจะทำก็น่าจะสะดวกขึ้นกระมัง"นายท่านต้องช่วยท่านผู้เฒ่ากลับมาได้แน่" เสี่ยวเยว่เอ่ยขึ้นเสียงต่ำระหว่างที่คุยกัน ก็เดินมาถึงในถ้ำภูเขาแล้วฟู่จาวหนิงพอเห็นฉากตรงหน้า ก็ยืนนิ่งด้วยความประหลาดใจบนแท่นหินว่างๆ แต่เดิมนั้น ตอนนี้มีโต๊ะตัวหนึ่งวางอยู่ เก้าอี้สองตัว บนโต๊ะวางกระถางกลมหยกขาวไว้ใบหนึ่ง ด้านในเหมือนจะใส่น้ำไว้เจ้าอารามนั่งอยู่บนเก้าอี้ มือข้างหนึ่งทาบเบาๆ ไว้กับขอบกระถางหยก เอียงหน้ามองมาทางนาง"เสี่ยวฟู่ เข้ามานั่งสิ"เขาเรียกฟู่จาวหนิง จากนั้นก็เหลือบมองไปทางเสี่ยวเยว่กับไป๋หู่ แต่ก็ไม่พูดอะไรไป๋หู่กับเสี่ยวเยว่สบตากัน พวกเขารู้สึกว่าสายตาที่เหลือบมาเมื่อครู่ของเจ้าอารามเหมือนจะมอ
ฟู่จาวหนิงยืนนิ่งไม่ขยับ"ข้ายังคิดว่าเจ้าอารามไม่ชอบข้ามาก และไม่ยอมรับข้าด้วย"ก่อนหน้านี้ยังมีท่าทีจะจับพวกเขาแยกกันอยู่เลย ตอนนี้จู่ๆ จะมอบของขวัญพบหน้าให้ซะแล้ว?ยิ่งไปกว่านั้นของขวัญพบหน้าอยู่ข้างบนดันให้ไม่ได้ ต้องลงมาในถ้ำนี้ถึงจะให้ได้หรือ?ถึงอย่างไรถ้ำภูเขานี้ฟู่จาวหนิงก็ไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก ถึงแม้หยกดาราตงฉิงมากมายในนี้จะมีมูลค่าอยู่มากก็ตาม พอคิดถึงเรื่องที่ฮูหยินเฉิงซื้อแค่กำไลอันเดียวก็ราคาตั้งหลายหมื่นตำลึง แล้วหยกดาราในถ้ำภูเขาที่มากมายขนาดนี้ คำนวณแล้วมูลค่าคงจะน่าตกตะลึงเอามากยิ่งไปกว่านั้น ที่นั่นยังวางกลไกลเอาไว้เต็มไปหมด ถึงทำให้หยกดาราเหล่านี้หมุนเวียน จนค่ายกลเหนี่ยวนำสนามแม่เหล็ก พูดได้ว่าน่าอัศจรรย์มากแต่ฟู่จาวหนิงก็ไม่ชอบถ้ำภูเขานี้ ไม่ชอบเอาเลยจริงๆบวกกับเจ้าอารามที่มองมองออกยากนั่นอีก..."พระชายาเข้าใจผิดแล้ว เจ้าอารามไม่มีความคิดไม่ชอบตัวท่าน" ซางจื่อเก็บสายตาลงเล็กน้อย "กระทั่งว่า ข้ายังไม่เคยเห็นเจ้าอารามชื่นชมใครแบบนี้มาก่อน""ความหมายของเจ้าคือ เจ้าอารามยังชื่นชมข้าอีกด้วยหรือ?" ฟู่จาวหนิงเลิกคิ้วถามกลับนางทำไมมองไม่ออกเลย?"ขอรับ" ซางจื่