(พระเอกนางเอกเก่ง + การต่อสู้ในวังหลวง + แก้แค้น + แต่งแทน + แต่งก่อนแล้วค่อยรัก) น้องสาวฝาแฝดได้รับความอัปยศจนเสียชีวิตก่อนแต่งงาน เฟิ่งจิ่วเหยียนได้รับคำสั่งในยามคับขัน ถอดเครื่องแบบทหารไปแต่งงานแทน กลายเป็นฮองเฮาแห่งแว่นแคว้น ฮ่องเต้ทรราชผู้นี้มีนางในดวงใจที่ตายไปแล้วคนหนึ่ง เหล่าสนมในวังล้วนแต่เป็น ‘ตัวแทน’ ของนางในดวงใจผู้นั้นทั้งสิ้น มิหนำซ้ำยังโปรดปรานหวงกุ้ยเฟยแต่เพียงผู้เดียว ขณะที่เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่มีความคล้ายคลึงกับนางในดวงใจผู้นั้นเลยสักนิด คิดว่านางคงจะถูกฮ่องเต้ทรราชรังเกียจเดียดฉันท์ และคงจะถูกปลดจากตำแหน่งฮองเฮาไม่ช้าก็เร็ว หลังอภิเษกสมรสได้สองปี ฮ่องเต้กับฮองเฮาก็จะหย่ากันดังคาด ทว่ามิใช่ฮองเฮาที่ถูกหย่า แต่เป็นฮองเฮาที่ต้องการหย่าสามีต่างหาก คืนนั้น ฮ่องเต้ทรราชจับชายอาภรณ์ฮองเฮาไว้แน่น “ถ้าจะไปก็ต้องข้ามศพเราไป!” เหล่าสนมร่ำไห้รำพัน ขวางฮ่องเต้ทรราชเอาไว้ “ฮองเฮา อย่าทิ้งพวกหม่อมฉันไปเลยเพคะ ถ้าจะต้องไปก็ต้องพาพวกหม่อมฉันไปด้วย!”
View Moreเมื่ออารมณ์สงบลงได้บ้าง เฟิ่งจิ่วเหยียนถึงเอ่ยขึ้น“เป็นหม่อมฉันที่พูดพลั้งไป“สิ่งที่หม่อมฉันต้องการจะพูดคือ หากหยุดพัก เราก็จะสามารถใช้การเสียสละที่น้อยที่สุด แลกกับผลประโยชน์ที่มากที่สุด“ดังนั้น หม่อมฉันจึงไม่เห็นด้วยที่จะบุกโจมตีหนานเจียงในตอนนี้“และยิ่งไม่คิดว่า การทำให้หนานเจียงยอมศิโรราบเป็นการกระทำที่ฉลาด“แทนที่จะให้พวกเขายอมศิโรราบ สู้ให้พวกเขาเป็นพันธมิตรกับแคว้นหนานฉีที่พึ่งพากันเหมือนลิ้นกับฟันย่อมจะดีกว่า เช่นนี้หนานเจียงถึงจะยอมร่วมมือกับแคว้นหนานฉีอย่างเต็มใจ หากถูกบังคับให้ศิโรราบ ก็คงมีแต่จะผิดใจกัน กันไว้ดีกว่าแก้ย่อมดีกว่า”เซียวอวี้มองนางอย่างจริงจัง“จิ่วเหยียน เจ้าเข้าใจผิดแล้ว“การที่หนานเจียงทรยศแคว้นหนานฉี ก็อธิบายได้แล้วว่า ลิ้นกับฟันก็มีโอกาสสู้กันได้”ต่อมา ไม่รอให้นางพูดอะไรต่อ เซียวอวี้ก็หันหลัง แล้วพูดกับนาง“เรื่องหนานเจียง เราตัดสินใจแล้ว เจ้าสนใจแค่เรื่องกำจัดสายลับแคว้นตงซานในวังก็พอ ถือว่าเห็นแก่พวกอาหลิ่น เราไม่อยากให้พวกเขาเป็นเหมือนเรา มีฐานะเป็นฮ่องเต้ แต่ยังต้องออกศึกเองตลอด”เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ยินถ้อยคำนี้ของเขาพลันนึกขึ้นมาได้
เฟิ่งจิ่วเหยียนมองถานไถเหยี่ยนด้วยสายตาเหยือกเย็น“เจ้ารู้ที่อยู่ของมหาเสนาบดีเหิงได้อย่างไร?” ถานไถเหยี่ยนยิ้มอย่างเหม่อลอย“ฮองเฮา คงไม่ได้สงสัยว่าข้าร่วมมือกับเขาหรอกใช่หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนไร้สีหน้าใด ๆ แม้แต่รอยยิ้มยังไม่มีจะว่านางเข็ดหลาบก็ได้ หรือจะว่านางระมัดระวังเกินไปก็ได้กับคนอย่างถานไถเหยี่ยน นางไม่เคยเชื่อใจเต็มร้อยต่อให้เขาจะอยู่ในคุกหลวงก็ตามห้องขังที่ถานไถเหยี่ยนอยู่ กำแพงด้านหนึ่ง มีแผนที่แขวนไว้แผนที่นั้นมีแคว้นหนานฉีเป็นจุดศูนย์กลาง คลอบคลุมแคว้นทั้งหลายในใต้หล้าเขาเดินไปหยุดอยู่หน้าแผนที่ ชี้ไปที่มันพลางพูดกับเฟิ่งจิ่วเหยียน“การคาดเดาว่ามหาเสนาบดีเหิงอยู่ที่ไหน ไม่ใช่เรื่องยากอะไร“เขาไม่ใช่คนยอมจำนนต่อชะตากรรม“ทิศตะวันออกของแคว้นตงซานติดทะเล ทิศตะวันตกติดแคว้นหนานฉี รัฐเหลียงกับเป่ยเยี่ยนที่อยู่ทิศเหนือก็ถูกควบคุมโดยแคว้นหนานฉี สามทิศนี้ไปต่อไม่ได้ จึงหนีตายลงใต้ได้เพียงทางเดียว“แคว้นต้าเซี่ยที่อยู่ทางใต้ มีเจตนาต่อต้านแคว้นหนานฉี แม้นจะเคยดูตัวกับองค์หญิงใหญ่ และผูกพันธมิตรกับแคว้นหนานฉี ดูภายนอกอาจจะสนิทกันดีแต่ความจริงแล้วกลับไม่ใช่ พ
เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ปฏิเสธการคาดเดาขององค์หญิงใหญ่“อาจจะเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม ให้รอตรวจสอบอย่างชัดเจนก่อน จึงจะทราบได้”องค์หญิงใหญ่รู้สึกจิตใจว้าวุ่น“ไม่คิดเลยว่า เรื่องของหยวนเฟย จะนำพามาซึ่งเรื่องราวมากมายขนาดนี้”นอกวังภายในโรงพักแรมเมื่อเสียวอู่เห็นเฉินจี๋ ก็ประหลาดใจอย่างมาก“เฉินจี๋เจ้ามาทำไม? ศิษย์พี่อยากพบข้าหรือ?”ที่เฉินจี๋มาในวันนี้ เพื่อนำคำสั่งมาบอกเสียวอู่——ชาติกำเนิดของเขาคนที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย ยังมีท่านผู้เฒ่าหยวนเฉินจี๋บอกเล่าเนื้อหาของจดหมายจากเขาหวูหยาให้ทั้งสองฟังครั้นรู้ว่าตัวเองเป็นบุตรชายของหยวนเฟยจริง ๆ เสียวอู่ก็รู้สึกอยู่ในความคาดหมาย แต่ก็ยังรู้สึกรับไม่ได้อยู่บ้างส่วนท่านผู้เฒ่าหยวนกลับไม่แปลกใจใช่หลานชายของเขาหรือไม่นั้น เขาย่อมรู้ดีแก่ใจเมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังเศร้าซึมของเสียวอู่ เขาก็เอ่ยถาม“ทำไม เจ้ายังไม่เชื่ออีกหรือ?”เสียวอู่มีแววตาโศกเศร้า“หากมารดาของข้าคือหยวนเฟยจริง แล้วทำไมนางต้องอยากฆ่าข้าด้วยล่ะ?”เขาได้ยินมานานแล้ว ว่าตอนนั้นหยวนเฟยปลิดชีพตัวเอง ทั้งยังใช้มีดคมแทงเข้าที่ท้องของตัวเอง เพื่อให้ตายด้วยหนึ่งศพสองชีวิต
ไม่นาน ผลการเปรียบเทียบลายมือก็ออกมาจดหมายข่มขู่ที่กุ้ยหมัวมัวได้รับในปีนั้น ไม่ใช่ฝีมือของหยวนเฟยจริง ๆถึงแม้ว่าจะคล้ายกันมาก กลับเห็นได้ชัดว่าเป็นการลอกเลียนแบบมีเพียงคนที่ชำนาญด้านนี้เท่านั้นจึงจะแยกออกได้ อย่างกุ้ยหมัวมัว แยกแยะไม่ได้เป็นเรื่องธรรมดาอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อรู้ความจริงที่ซ่อนแร้งอยู่ กุ้ยหมัวมัวก็นิ่งอึ้ง“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร…”ไม่ใช่หยวนเฟย แล้วเป็นใคร?ไทเฮาพูดกับฮ่องเต้“อากุ้ยเป็นคนเลอะเลือนเช่นนี้ คิดว่านางเองก็คงหลงผิดไปชั่วขณะ อีกอย่างก็ยับยั้งความเสียหายไว้ได้ทัน รบกวนฝ่าบาทลงโทษนางสถานเบา ๆ อย่างน้อย…ก็ให้ศพของนางเหลือครบถ้วนสมบูรณ์”กุ้ยหมัวมัวตัวสั่น “ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิต! บ่าวถูกคนอื่นชักจูง! พอรู้ว่าหยวนเฟยเป็นคนแคว้นตงซาน บ่าวก็ไม่ได้ไปยุ่งกับนางอีก…”“เจ้ารู้เรื่องแต่ไม่ยอมรายงาน” เซียวอวี้กล่าวเสียงเยือกเย็นกุ้ยหมัวมัวไร้ข้อโต้เถียง“บ่าว…บ่าวกลัวว่าจะเป็นเหตุให้แคว้นตงซานแก้แค้น“หยวนเฟยได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทล้นหลาม ในวังแห่งนี้ต้องมีพรรคพวกของนางอยู่ไม่น้อยแน่ บ่าวจึงกลัว ไม่เพียงกลัวว่าตัวเองจะเสียชีวิตอย่างเดียว ยังกลัวว่าจ
ปัง!ไทเฮาทรงตบโต๊ะน้ำชาอย่างแรง จ้องมองไปยังกุ้ยหมัวมัวด้วยความโกรธเกรี้ยว“พูดมา! เจ้าไปทำอะไรมาบ้าง!”หากสมคบกับศัตรูและลอบสังหารองค์รัชทายาทจริง ต่อให้เป็นไทเฮาเช่นนางก็ปกป้องนางไว้ไม่ได้!ร่างของกุ้ยหมัวมัวสั่นสะท้าน ก่อนจะโขกศีรษะลงกับพื้น“ไทเฮาเพคะ! บ่าวไม่ใช่คนของแคว้นตงซานจริง ๆ นะเพคะ...”เมื่อเซียวอวี้ได้ยินว่านางจะแก้ตัวอีก ก็หมดความอดทน“หลักฐานมัดตัวแน่นหนา เดิมก็ไม่จำเป็นต้องไต่สวนอีกต่อไป”“ที่ให้เสด็จแม่มาในวันนี้ ก็เพียงเพื่อให้คำอธิบายแก่ท่าน”“ในเมื่อเสด็จแม่ทรงทราบสาเหตุแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอีก”“ใครก็ได้ ลากตัวออกไป ประหารด้วยแล่เนื้อ!”เมื่อได้ยินว่าจะต้องถูกประหารแล่เนื้อ ไม่เพียงแต่กุ้ยหมัวมัวที่หวาดกลัวจนตัวสั่นเทาไปทั้งร่าง แม้แต่ไทเฮาก็ทรงร้อนพระทัยขึ้นมาอย่างไรเสียนางก็เป็นคนเก่าแก่ที่รับใช้ตนมานานหลายสิบปี เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีความผูกพันไทเฮาทนเห็นกุ้ยหมัวมัวต้องตายอย่างทุกข์ทรมานไม่ได้ จึงตำหนิด้วยความโกรธที่นางไม่ยอมรับความจริง“เจ้ายังไม่ซัดทอดผู้สมรู้ร่วมคิดอีก!”ตอนนี้ทำได้เพียงขอให้มีการพิจารณาโทษสถานเบา เพื่อให้อากุ้ยได้ตาย
สิ้นเสียงคำสั่งของเฟิ่งจิ่วเหยียน กุ้ยหมัวมัวก็ถูกเหล่าองครักษ์ควบคุมตัวไว้นางร้อนรนสับสน ในดวงตาฉายแววหวาดระแวงไม่คาดคิดว่าตำหนักเย็นแห่งนี้จะกลายเป็นค่ายกลแหฟ้าข่ายดินที่วางไว้เพื่อรอนางเข้ามาติดกับเป็นเพราะนางประมาทไปเองทว่า ฮองเฮาเหตุใดจึงสงสัยนาง?ตำหนักฉือหนิงไทเฮาอยากดื่มน้ำ จึงส่งเสียงเรียกออกไป แต่กลับไม่เห็นกุ้ยหมัวมัว มีนางกำนัลน้อยคนหนึ่งเข้ามาแทนนางกำนัลน้อยกล่าวว่า “กุ้ยหมัวมัวรู้สึกไม่สบาย จึงไปพักผ่อนก่อนแล้วเพคะ ให้บ่าวมาอยู่เวรยามแทน”ไทเฮามิได้ทรงสงสัยอันใดกุ้ยหมัวมัวอายุมากแล้ว เป็นเรื่องปกติที่จะทนอยู่เวรยามกลางคืนไม่ไหวหลังจากทรงดื่มน้ำ ไทเฮาก็เอนตัวนอนอีกครั้งทว่า จนกระทั่งรุ่งเช้าของอีกวัน ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของกุ้ยหมัวมัวเมื่อส่งคนไปเรียกอีกครั้ง กุ้ยหมัวมัวกลับไม่อยู่ในห้องเหตุใดจึงหายตัวไปราวกับอากาศธาตุ?ไทเฮารู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล จึงมีรับสั่งให้คนออกตามหากุ้ยหมัวมัวทันทีไม่นานนัก ก็มีคนจากทางตำหนักหย่งเหอมาคือนางกำนัลคนสนิทข้างกายฮองเฮา หว่านชิวหว่านชิวทำความเคารพอย่างนอบน้อม“ไทเฮาเพคะ ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้เชิญเสด็จไปย
Comments