อัจฉริยะทางการแพทย์ยุคปัจจุบันเดินทางข้ามผ่านเวลากลายมาเป็นพระชายาอ๋องผู้ถูกทอดทิ้ง แม้แต่ลูกชายของตนยังถูกเรียกว่าลูกนอกสมรส! จ้าวสงครามที่สองขาพิการรังเกียจนางเยี่ยงมด แม้แต่การอยู่การกินของนางก็แสนระกำลำบาก! ดีที่นางมีมืออันวิเศษของหมออัจฉริยะ และพรแห่งห้วงเวลาอยู่ ถูกคนรับใช้ดูหมิ่น ก็ทำให้ตาบอดเสียเลย! พวกนางรับใช้ แม่นมรังแก ก็ตัดเส้นเอ็นข้อมือเสียให้! สามีขี้เผด็จการ ก็แขวนเขาไว้บนต้นไม้ซะสิ! หลิงอวี๋ถลกแขนเสื้อขึ้น ทำเสียจนตำหนักอ๋องอี้วุ่นวาย! อาศัยมือวิเศษคู่นั้นที่ช่วยชีวิตท่านเสนาบดี ช่วยชีวิตไทเฮา... ! ชนะใจชายหนุ่มผู้มากยศมั่งคั่งทั้งหลาย ในที่สุด นางก็ถูกสามีจ้าวสงครามต้อนจนมุมเสียได้ “ขโมยทั้งร่างกายทั้งหัวใจข้า ยังคิดที่จะหนีไปให้ไร้ร่องรอยอีกรึ?”
View Moreเมื่อเสิ่นฮ่าวได้ยินเช่นนี้ เขาก็จ้องมองไปด้วยสายตาโหดเหี้ยม จากนั้นก็ด่าทอออกไป “ใครมันพูดจาเหลวไหลใส่ร้ายข้า?"เหล่าคุณชายตระกูลเส้ายืนขึ้นมาตรงหน้าทันที แล้วปิดกั้นสายตาของเสิ่นฮ่าวมิให้เห็นคนที่พูด“กล้าทำแล้วยังจะกลัวถูกดุอีกรึ?”คนผู้นั้นคือคนที่โม่เจี๋ยส่งมา นามว่าฉาชิ่งฉาชิ่งอายุยี่สิบกว่าปี คิ้วหนาและตาโต แต่ครึ่งหนึ่งบนใบหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นที่น่าเกลียด เห็นได้ชัดว่าเป็นแผลที่เกิดจากการถูกไฟไหม้ขาของเขาเหลืออยู่ครึ่งเดียว จึงต้องพึ่งไม้เท้ามาที่นี่เขายืนอยู่ด้านหลังของคนตระกูลเส้า แล้วก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “ทุกคนดูแม่ทัพเสิ่นของพวกเราสิว่าสง่างามเพียงใด!”“หากมีคนจะบุกรุกเข้าไปในจวนองค์หญิง เขาก็จะสังหารโดยมิละเว้น! มีความสามารถเช่นนี้ เหตุใดจึงมิไปฆ่าฟันศัตรูที่สนามรบเล่า?”“เมื่อครู่เขาบอกว่าข้าใส่ร้ายเขา ข้าใส่ร้ายหรือไม่ ทุกคนดูจากความโอ่อ่าของจวนองค์หญิงก็รู้แล้ว!”“เหล่าพี่ใหญ่ทุกท่าน โปรดหลีกทางให้ที! ข้ามิกลัวตาย… หากเขาจะสังหารก็ให้เขาสังหารเสียเถิด!”ฉาชิ่งผลักคุณชายตระกูลเส้าที่ปกป้องตนออกไป แล้วใช้ไม้เท้าเดินขึ้นไปข้างหน้าเสิ่นฮ่าวมองฉาชิ
ด้วยความที่บิดาของหลิวซานหมายจะเข้าหาองค์หญิงหานเยวี่ยและเจ้ากรมหยาง เขาจึงบังคับให้หลิวซานพูดโกหกออกมาเขาเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจ “สิงอวี๋และหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ตายไปแล้ว และเย่หรงก็เป็นลูกที่มิเอาไหนของตระกูลเย่ ขอเพียงเจ้ายืนยันอย่างหนักแน่นว่าเย่หรงและสิงอวี๋ทำร้ายหยางหงหนิง ใครจะสงสัยพวกเจ้ากันเล่า!”“เจ้ากรมหยางรับรองไว้แล้วว่าคนอื่น ๆ ก็จะพูดเช่นเดียวกับเจ้าทั้งหมด เจ้าก็วางใจเสียเถิด!”หลิวซานถูกพ่อบังคับแกมเกลี้ยกล่อมด้วย สุดท้ายนางจึงหอบความหวังเล็ก ๆ ไว้แล้วพูดสิ่งที่พูดออกไปเมื่อครู่นี้หลังจากที่เย่หรงดุด่านางจบแล้ว เขาก็ตะโกนใส่องค์หญิงหานเยวี่ย“องค์หญิงหานเยวี่ย ท่านเรียกหยางหงหนิงออกมาเถิด พวกเราต้องการเผชิญหน้ากับนางพ่ะย่ะค่ะ!”หยางซูและหลงอิงก็เออออตามเช่นกัน “ใช่เพคะ พวกเราต้องการเผชิญหน้านางเสียให้รู้เรื่อง!”“นางก่อเรื่องใหญ่เช่นนี้ แล้วก็ซ่อนตัวมิพบปะผู้ใด ทั้งยังใช้การกระทำเล็กน้อยเช่นนี้มาใส่ร้ายพวกเราอีก พวกเราต้องการให้นางยอมรับผิดจากปากของนางเองเพคะ!”องค์หญิงหานเยวี่ยขมวดคิ้วมุ่น นางมิชอบการถูกกระทำเช่นนี้เสียมาก ๆ นางจึงเอ่ยออกไปด้วยเสียงทุ้มลึก“ข้าช่ว
เย่หรงยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาจึงตะโกนออกไปอย่างโกรธ ๆ “ปกติแล้วกระหม่อมมิสนใจหรอกว่าคนอื่นจะพูดถึงกระหม่อมอย่างไร! เพราะพวกเขามิใช่ครอบครัวของกระหม่อม!”“พวกเขาจะมองกระหม่อมอย่างไร นั่นก็มิได้เกี่ยวข้องกับกระหม่อมเลยแม้แต่น้อยพ่ะย่ะค่ะ!”“แต่วันนี้ท่านถึงกับทรงสงสัยในคุณธรรมของกระหม่อมเพราะข่าวลือเหล่านี้ หากกระหม่อมมิชี้แจง เช่นนั้นจะมิเป็นการยอมรับความผิดที่ท่านทรงกล่าวหากระหม่อมหรอกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ดังนั้น เพื่อตัวของกระหม่อมเอง และเพื่อชื่อเสียงของตระกูลเย่ กระหม่อมจะต้องพิสูจน์ตัวเองพ่ะย่ะค่ะ!”เย่หรงตะโกนขึ้นมา “กระหม่อมได้เชิญท่านปู่และเสด็จอาสามของกระหม่อมมาแล้ว…”เขากวาดสายตามองไปด้านหลัง แล้วก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาเมื่อพบว่าเย่ซงเฉิงและเย่ซื่อฝานต่างก็มากันแล้ว แต่นอกเหนือจากพวกเขาสองคน ท่านผู้เฒ่าเย่และเย่ซื่อเจียงก็มาด้วยเช่นกันการที่ท่านผู้เฒ่าเย่มานั้นเย่หรงยังพอจะเข้าใจได้แต่เย่ซื่อเจียง เขามิชอบหน้าตนมาโดยตลอดมิใช่หรือ? แล้วเขามาทำอะไร?ท่านผู้เฒ่าเย่ฝ่าฝูงชน และเดินเข้าไปพร้อมกับเย่ซื่อเจียง“องค์หญิงหานเยวี่ย แม้ว่าหลานชายผู้นี้ของกระ
หยางซูมิเคยคาดคิดเลยว่า การที่ตนเจตนาดีออกมาช่วยเป็นพยานให้ แล้วจะต้องมาทนทุกข์กับการถูกทำให้ขายหน้าเช่นนี้และเนื่องจากนางเป็นสตรีที่มิประสีประสาอะไร อีกทั้งยังไม่มีประสบการณ์ในการรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ด้วย น้ำตาแห่งความคับข้องใจของหยางซูจึงไหลรินลงมาโม่เจี๋ยเหลือบมองนาง และมิพูดพร่ำทำเพลง พุ่งเข้าไปจับบุรุษที่พูดจาหยาบคายกับหยางซูทันทีจากนั้นโม่เจี๋ยก็เหวี่ยงแขนตบเขาไปติด ๆ กันถึงสิบกว่าครั้ง“ข้าอนุญาตให้เจ้าพูดจาหยาบคายแทะโลมนางรึ!”“เจ้ากับนางมีความแค้นฝังลึกกระไรกันนักรึ ถึงได้ต้องการทำให้ชื่อเสียงของนางเช่นนี้?”“เหตุใดเล่า การชอบพี่รองของข้าผิดนักรึ? พวกเขาสองคนคนหนึ่งมิได้มีคู่ครอง อีกคนก็ยังมิได้แต่งงาน แล้วเหตุใดจึงชอบกันมิได้เล่า?”“สารเลว พี่รองของข้าไปคุ้มกันชายแดนเพื่อบ้านเมืองและราษฎรโดยมิเกี่ยงเรื่องความเหนื่อยยาก แต่คนสารเลวเยี่ยงพวกเจ้าสนุกกับการเสียสละของพวกเขา แต่กลับมิเคารพพวกเขาแม้แต่น้อย นี่หรือคือสิ่งที่คนเขาทำกัน?”โม่เจี๋ยตะคอกออกมา “มิใช่ว่าคุณหนูหยางมิคู่ควรกับน้องรองของข้า แต่น้องรองของข้าต่างหากที่มิคู่ควรกับนาง!”“น้องรองของข้าคุ้มกันชายแดน
เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าเย่หรงเป็นคนมิดี องค์หญิงหานเยวี่ยจึงตะโกนออกไป “พวกเจ้ามีพยาน หงหนิงเองก็มีพยานเช่นกัน!”“ฟังดูก่อนว่าพยานของนางจะพูดว่าอย่างไรมิดีกว่าหรือ!”“หลิวซาน มานี่สิ!”เมื่อหลิวซานได้ยินดังนั้นจึงเดินออกมาองค์หญิงหานเยวี่ยก็เอ่ยออกไป “เจ้าเล่าเหตุการณ์เมื่อวานมา!”ในตอนครึ่งแรกหลิวซานพูดเช่นเดียวกันกับเย่หรง จนกระทั่งถึงตอนที่หลิงอวี๋จับเชือกไว้ หลิวซานก็พูดต่างออกไป“หม่อมฉันอยู่ด้านบนมองเห็นได้อย่างชัดเจน สิงอวี๋ถือกริชอยู่ในมือ และนางจะฉวยโอกาสชุลมุนนั้นสังหารหงหนิงเพคะ!”“หงหนิงดิ้นจนหลุดจากนาง รู้สึกกลัวก็เลยคว้าเชือกไว้ ท่านหญิงฉางเล่อจึงได้คว้ามิได้แล้วพลัดตกทะเลสาบ และถูกสัตว์ประหลาดเอาตัวไปเพคะ!”“เป็นสิงอวี๋ต่างหากที่คิดจะสังหารหงหนิง ตอนนั้นเย่หรงกำลังช่วยสิงอวี๋อยู่ เขาคงจะเห็นว่าแผนการร้ายของตนล้มเหลว จึงได้ใส่ร้ายหงหนิงว่าคิดปองร้ายท่านหญิงเพคะ!”องค์หญิงหานเยวี่ยมองไปทางชายาเจ้าแห่งทิศใต้และโม่เจี๋ยอย่างมั่นใจ แล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงเคร่งขรึม “ท่านพี่สะใภ้ โม่เจี๋ย ตอนนี้ก็คงจะกระจ่างชัดแล้วกระมัง!”“มิใช่ว่าข้ามิยอมส่งตัวหงหนิงให้ ข้าก็แค่เป็นห
ตั๋วเงินปลิวว่อน โปรยปรายลงตรงหน้าองค์หญิงหานเยวี่ย สองใบถึงกับปลิวไปติดบนใบหน้าของนางองค์หญิงหานเยวี่ยโกรธจนตัวสั่น พระชายาเจ้าแห่งทิศใต้กำลังใช้เงินมาหยามเกียรติตนงั้นรึ?“ท่านพี่สะใภ้ ท่านทำอะไรของท่าน?”“ข้าหานเยวี่ยเป็นคนขาดแคลนเงินทองหรือไร? ท่านช่วยพูดจาด้วยเหตุผลหน่อยได้หรือไม่?”พระชายาเจ้าแห่งทิศใต้เจ็บปวดรวดร้าวใจกับการตายของหลงเพ่ยเพ่ยจนแทบคลั่งอยู่แล้ว ครั้นได้ยินองค์หญิงหานเยวี่ยกล่าวหาว่าตนไร้เหตุผล ก็ถึงกับถ่มน้ำลายลงตรงปลายเท้าขององค์หญิงหานเยวี่ย“หานเยวี่ย ท่านเองก็เป็นแม่คน ลองเอาใจเขามาใส่ใจเราดูบ้าง หากลูกชายของท่านต้องประสบเคราะห์กรรมเช่นเดียวกับเพ่ยเพ่ย ท่านยังจะมีหน้ามานั่งพูดเหตุผลอย่างใจเย็นได้อีกรึ?”พระชายาเจ้าแห่งทิศใต้ที่ปกติแล้วทั้งอ่อนโยนงามพร้อม ทั้งสุภาพอ่อนหวาน ครั้งนี้คงเป็นเพราะโกรธจนขาดสติไปแล้ว จึงได้หลุดคำหยาบคายแบบชาวตลาดออกมานางตัวสั่นเทิ้มด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ชี้หน้าองค์หญิงหานเยวี่ยแล้วตวาดถามเสียงดังว่า “หม่อมฉันขอถามท่านหน่อยเถิด ระหว่างเพ่ยเพ่ยกับนางสารเลวหยางหงหนิงนั่น ใครกันแน่ที่เป็นญาติของท่าน?”“เพ่ยเพ่ยผู้บริสุทธิ์ต้องม
Comments