“อลิซกลับได้เลยนะ แล้วอย่าลืมวางกุญแจร้านทิ้งไว้ให้พี่ด้วยละ” พี่ทิมบอก เมื่อเห็นว่าฉันกำลังถือแก้วเข้าไปวางไว้ในครัว
“รับทราบค่ะ เจ้านาย!” คงจะมีแค่พี่ทิมล่ะมั้งที่ฉันพอจะกล้าคุยเล่นด้วย ถึงแม้ภายนอกพี่เขาจะดูดุและเย็นชา แต่พอได้รู้จักมากขึ้นพี่เขาก็เป็นคนง่ายๆ สบายๆ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
“แล้วกลับยังไงล่ะเรา” พี่ทิมที่ยืนรวบรวมใบเสร็จอยู่ดูท่าจะเยอะเอาเรื่อง
“เรียกรถเหมือนเดิมแหละค่ะ”
“กลับรถพี่ไหมล่ะ แต่ต้องรอพี่เอาบิลพวกนี้ไปให้ร็อคก่อนนะ”
ฉันมองกระดาษเป็นปึ้งๆ พวกนั้น ก่อนจะตอบอย่างไม่ต้องคิดเลย
“อลิซกลับกับพี่ทิมดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียเงินค่ารถ”
“งกไม่เคยเปลี่ยน” พี่ทิมยีผมฉันจนยุ่ง คงหมั่นไส้ที่เห็นฉันงกแม้กระทั่งค่ารถกลับแค่ไม่กี่บาท
“เขาไม่ได้เรียกว่างกสักหน่อย เขาเรียกว่ารู้จักเก็บออมต่างหากค่ะ” ฉันตอบอย่างภูมิใจ
“นั่นแหละเขาเรียกว่าขี้งก” พี่ทิมส่ายหัวยิ้มๆ ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นสองที่เป็นห้องทำงานของเจ้าของคลับแห่งนี้
ฉันเองก็เดินเข้าไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดนักศึกษาเหมือนเดิม ก่อนจะเดินออกมานั่งรอพี่ทิมตรงบาร์เครื่องดื่ม ระหว่างนั้นฉันก็เห็นว่าพนักงานคนอื่นๆ เริ่มทยอยกลับกันหมดแล้ว จนกระทั่ง…
“อลิซยังไม่กลับอีกเหรอ กลับรถเราไหม เดี๋ยวเราไปส่ง” ทีที่เพิ่งเดินออกมาทางห้องพนักงาน เดินตรงมาทางฉันอย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็นไร พอดีเราจะกลับกับพี่ทิมน่ะ” ฉันลุกออกจากเก้าอี้ที่ตัวเองนั่ง พลางถอยหลังให้ห่างจากผู้ชายตรงหน้าอีกเล็กน้อย
“กลับกับเราดีกว่า กว่าพี่ทิมจะคุณงานเสร็จคงดึกกว่านี้แน่ๆ” ทีไม่ตื้อเปล่าแต่คว้าข้อมือของฉันเอาไว้ด้วย
“เรารอได้ ทีกลับไปเถอะ” ฉันขืนตัวเองเองเมื่อทีพยายามลากฉันให้ออกไปกับเขา
“ไม่อยากพักเหรอ นี่ก็ดึกมากแล้ว กลับกับเรานี่แหละดีแล้ว” ทียังคงออกแรงดึงฉันให้ไปกับเขา จนฉันเริ่มกังวล
“เราไม่ไป ทีปล่อยเราเถอะ”
“ทำอะไรไอ้ที…” เสียงนี้เหมือนเสียงสวรรค์สำหรับฉันเลย เมื่อเห็นพี่ทิมกำลังเดินลงมาจากชั้นสองพอดี
“ผมแค่จะพาอลิซกลับบ้านน่ะครับ” ทีตอบแต่ยังคงไม่ยอมปล่อยมือฉันให้เป็นอิสระ
“แต่อลิซจะกลับกับฉัน” พี่ทิมเดินมาดึงมือของทีออก ก่อนจะกันฉันให้หลบอยู่ด้านหลัง
“เข้าใจแล้วครับ…เรากลับก่อนนะอลิซ หวังว่าอลิซจะกลับบ้านกับเราบ้างนะ” ทีพยักหน้าให้พี่ทิมด้วยรอยยิ้มเย็นเยือก ก่อนจะชะโงกหน้ามาพูดคำพูดที่ทำให้ฉันรู้สึกกลัวเขามากขึ้น
พอเห็นว่าทีเดินออกจากร้านไปแล้วฉันก็ถอนหายใจออกมา มือที่ชื้นไปด้วยเหงื่อกำลังทาบอยู่ที่อกของตัวเองและรับรู้ถึงจังหวะหัวใจที่มันเต้นรัวเร็วเพราะความกลัวได้อยู่เลย
“ไอ้ทีมันทำอะไรเรารึเปล่า” พี่ทิมประคองฉันมานั่ง พลางมองหาร่องรอยตามตัวฉันไปด้วย
“ไม่ค่ะ” ฉันรู้สึกเลยว่าตัวเองเสียงสั่น
“พี่ว่ามันดูแปลกๆ นะ ยังไงอยู่ห่างๆ มันหน่อยดีกว่า” สีหน้าและคำเตือนที่จริงจังของพี่ทิม ทำให้ฉันพยักหน้ารับอย่างไม่ต้องคิดเยอะเลย
“ช่วงนี้ทีชอบมองมาด้วยสายตาแปลกๆ บอกตรงๆ เขาน่ากลัวมากเลย” แค่คิดถึงผู้ชายคนนั้น ความกลัวก็กลับมาอีกครั้งและไม่อยากอยู่ใกล้หรือพูดคุยอะไรกับเขาอีก
“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ…อลิซรอพี่ตรงนี้ เดี๋ยวพี่ขอไปเปลี่ยนชุดก่อน แล้วเรากลับบ้านกัน” พี่ทิมพยายามปลอบฉัน ก่อนจะเดินเข้าไปเปลี่ยนชุด
“ยังไม่กลับอีกเหรอ…”
ระหว่างที่นั่งรอพี่ทิมด้วยความหวาดระแวง เสียงทุ้มติดเหวี่ยงนิดๆ ก็ดังขึ้นมาจากชั้นสองของร้าน
“กำลังจะกลับ” ฉันตอบโดยที่ไม่ได้มองไปทางคนถาม แต่เลือกมองหาคนที่จะให้ฉันติดรถกลับบ้านมากกว่า
“มองอะไร?” เสียงฝีเท้าที่กำลังเดินลงมาจากชั้นสองพร้อมกับคำถามห้วนๆ ทำให้ฉันยิ่งกระวนกระวายอยากจะกลับบ้าน
“มองหาพี่ทิมค่ะ” ถึงไม่จะอยากตอบก็ต้องตอบ เพราะไม่อยากถูกเขาหาเรื่องอีกแล้ว
“หามันทำไม…”
“อลิซจะกลับบ้านกับฉัน แกมีอะไรรึเปล่า” เสียงพี่ทิมดังสวนมาจากด้านหลังของฉัน พร้อมกับชุดสบายๆ ที่ไม่ใช่ชุดทำงาน
“นายจะไปส่งยัยนี่เหรอ” ร็อคชี้นิ้วมาที่ฉันพลางเลิกคิ้วถาม
“ใช่…ก็ฉันต้องผ่านทางนั้นอยู่แล้ว” พี่ทิมทำหน้างง ซึ่งก็ไม่ต่างจากฉัน
“ไม่ต้อง! เดี๋ยวฉันไปส่งยัยนี่เอง”
“แต่คอนโดแกมันคนละทางเลยนะ” พี่ทิมท้วง ฉันเองก็พยักหน้าเห็นด้วย เพราะกลัวจะถูกสงสัยเรื่องที่เราเป็นรูมเมทกัน ฉันเลยต้องเออออตามพี่ทิมออกไป
“ฉันจะแวะไปหาเพื่อนแถวนั้นพอดี มีอะไรไหม?” ร็อคเริ่มไม่สบอารมณ์ ใบหน้าเริ่มตึง
“ก็แค่ถามดู ทำไมต้องอารมณ์เสียด้วยวะ” ส่วนพี่ทิมเองก็เริ่มขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจเช่นกัน
“เอ่อ…เอาอย่างนี้ดีกว่าค่ะ ดะ เดี๋ยวอลิซกลับกับพี่ทิมก็ได้ เจ้านายจะได้ไม่เสียเวลาไปหาเพื่อน” ฉันพูดขึ้น แล้วยิ้มแห้งๆ หวังว่าจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น
“ไม่ได้! เธอต้องกลับกับฉัน” ร็อคค้านสียงดังจนฉันตกใจ
“ทำไมต้องตะคอกด้วยวะ แบบนี้อลิซไม่กล้าไปด้วยหรอกนะ” พี่ทิมต่อว่า และส่ายหน้าอย่างระอา
“ก็ลองไม่ไปดูสิ” ร็อคเองก็ยังคงไม่ยอม จ้องหน้าฉันเขม็งแล้วแบบนี้จะกล้าปฏิเสธได้ยังไง
“อลิซไปกับเจ้านายก็ได้ค่ะ”
“เอาจริงดิ ไม่กลัวมันงับคอขาดรึไง เหมือนว่าวันนี้มันอารมณ์ไม่ดีมากด้วย”
แล้วพี่ทิมจะพูดทำไมก็ไม่รู้ คนยิ่งกลัวๆ อยู่
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ อลิซไปได้” ถึงจะตอบกลับไปแบบนั้น แต่เสียงฉันมันสั่นจนน่าขำเลยละ
“ไปได้แล้ว ฉันเหนื่อย อยากจะพักผ่อน” ร็อคผลักไหล่ให้ฉันเดินไป โดยที่ไม่สนเลยว่าพี่ทิมกำลังมองเขาด้วยสายตาเหนื่อยใจแค่ไหน
“เฮ้ย! อลิซเป็นผู้หญิงนะเว้ย แกทำให้มันเบาๆ หน่อยสิวะ”
“ฉันต้องสนด้วยเหรอ”
นั่นไงล่ะ! เขาไม่เคยเห็นฉันเป็นผู้หญิงหรือจริงๆ แล้วเขาอาจไม่ได้เห็นฉันเป็นคนเลยก็ได้
“ไอ้ร็อค!” พี่ทิมทำท่าจะเดินเข้ามาเอาเรื่องแต่ก็ถูกฉันห้ามเอาไว้
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ทิม อลิซไม่ได้เจ็บตรงไหน”
“ไม่เจ็บก็เดินไปขึ้นรถสักที ชักช้าอยู่ได้” ร็อคกระชากแขนฉันให้เดินไปพร้อมกับเขา
พอเดินมาถึงรถเขาก็ผลักฉันให้เข้าไปในรถ ฉันไม่ได้อิดออดเพราะเหนื่อยเกินจะแย้งอะไรกับเขาแล้ว
ระหว่างทางฉันก็เงียบมาตลอด ไม่อยากจะไปกระตุ้นต่อมบ้าของเขาขึ้นมาอีก และวันนี้เขาก็ดูอารมณ์ไม่ดีเอามากๆ ด้วย เพราะฉะนั้นฉันไม่อยากเสี่ยงเอาตัวเองไปเป็นเป้าเพื่อให้เขาเล่นงานได้
“เธอกลับกับไอ้ทิมบ่อยงั้นสินะ”
“ไม่บ่อย” ฉันตอบโดยที่ไม่ได้มองหน้าเขาเลย เพราะจดจ่ออยู่กับทางกลับห้องของตัวเอง อยากจะให้มันถึงเร็วๆ เหลือเกิน
“ไม่บ่อยนี่กี่ครั้ง” แต่ร็อคก็ยังคงถามต่อ
“ไม่รู้” ฉันเองก็จำไม่ได้ว่ากี่ครั้ง แต่มันก็ไม่ได้บ่อยจริงๆ
“อย่ากวน_ีนฉันนะอลิเซีย!” เขาเอ่ยเตือนเสียงเหี้ยม ส่วนฉันก็หันไปมองหน้าเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
เขาโกรธฉัน ฉันเองก็ไม่พอใจเขาเช่นกัน หลังจากนั้นเราสองคนก็เงียบกันมาตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงคอนโด
ฉันรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะหิวมาก แล้วก็อยากจะนอนพักให้เร็วที่สุด แต่กลายเป็นว่าเมื่อฉันเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นผู้ชายร่างสูงหน้าตาบึ้งตึงกำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟา ซึ่งมันก็เป็นที่นอนของฉันเอง
“ไปอุ่นข้าวมาให้หน่อย” ร็อคออกคำสั่งโดยที่ไม่ได้มองหน้าฉัน ทำท่าทางเป็นเจ้านายเต็มขั้นจนฉันอดหมั่นไส้ไม่ได้
ฉันตรงไปที่ครัวเงียบๆ เพราะยังไงตัวเองก็จะกินข้าวด้วยอยู่แล้ว รอไม่นานอาหารที่อุ่นร้อนๆ ก็ถูกฉันจัดใส่จานให้เขา ก่อนจะถือจานของตัวเองออกไปกินที่หน้าระเบียงเหมือนอย่างที่เคยทำ ระหว่างนั้นฉันก็คอยชำเลืองมองคนด้านในไปด้วย อยากจะบอกให้เขาเดินออกมากินข้างนอก เพราะกลิ่นอาหารมันจะอบอวลอยู่ในนั้น แล้วจะทำให้ฉันนอนไม่หลับ
แต่ใครจะกล้าล่ะ…ก็หน้าตาเขายังคงน่ากลัวและดูไม่น่าเข้าใกล้แบบนั้น
“เฮ้อ…” เมื่อไม่มีหนทางอื่นฉันก็ทำได้แค่ปล่อยให้เขาทำไป
แต่…เขากินเสร็จนานแล้ว แต่ก็ยังคงไม่ยอมลุกออกจากโซฟาของฉันเลย แล้วฉันจะนอนได้ยังไง
ฉันเดินเข้ามานั่งตรงโต๊ะกินข้าว เฝ้ามองแล้วเฝ้ามองเล่าว่าเมื่อไหร่เขาจะไปสักที จนกระทั่งเข็มนาฬิกาบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาตี1แล้ว ตาของฉันก็เริ่มจะปิดเต็มที
หรือว่าเขากำลังเอาคืนฉันอยู่… แต่การเอาคืนด้วยวิธีทรมานไม่ให้คนอื่นนอนเนี่ยมันเกินไปนะ!
“พี่ร็อค…”
พออยู่ที่ห้องฉันจะเรียกเขาด้วยชื่อแบบนี้ แต่ถ้าอยู่ที่ทำงานฉันก็จะเรียกเขาว่าเจ้านาย เพราะนี่คือคำสั่งของเขา
“...” ไม่มีเสียงตอบรับ และนั่นยิ่งทำให้ฉันมั่นใจว่าเขากำลังเอาคืนฉันอยู่จริงๆ
“ฉันจะนอนแล้วช่วยเข้าห้องของพี่ไปได้แล้ว” ฉันไล่ตรงๆ เพราะตัวเองก็เริ่มมีน้ำโหแล้วเหมือนกัน
เคยได้ยินไหมโมโหเพราะง่วงนอนน่ะ!
“ง่วงเหรอ…” ร็อคมองหน้าฉันนิ่งๆ ฉันเองก็พยักหน้าตอบ
“...ก็ตอบคำถามฉันมาก่อนสิ”
“คำถาม?” ฉันทำหน้างง เขาถามอะไรฉันงั้นเหรอ?
“ไอ้ทิมมาส่งเธอบ่อยแค่ไหน”
“ไม่รู้ค่ะ ไม่เคยนับ” ฉันตอบด้วยความสัตย์จริง ไม่ได้เล่นลิ้นแแต่อย่างใด
“เธอกวนฉันอีกแล้วนะ อยากโดนดีใช่ไหม” ร็อคลุกขึ้นจากโซฟาและตรงเข้ามาหาเรื่องฉัน
“ทำไมพี่ต้องตีฉันด้วย” ฉันถามอย่างไม่เข้าใจ แค่ฉันตอบเรื่องจริงทำไมเขาจะต้องตีฉันด้วย
“อะไร? ใครจะตีเธอหะ!! ฉันหมายถึงเธออยากโดนดี…โดนดีน่ะรู้จักไหม!!” ร็อคแย้งเสียงดัง
“กะ ก็ฉันได้ยินแบบนั้นนี่” ฉันรีบถอยห่างจากเขา
“เธอเห็นฉันเป็นคนที่ชอบทำร้ายผู้หญิงรึไง…”
“ค่ะ” ฉันตอบสวนทันทีที่เขาถามจบ
เขาคงลืมไปแล้วมั้งว่าเคยกลั่นแกล้งอะไรฉันบ้าง
“ฉันไปทำร้ายใคร ไหนพูดมาสิ” คนอารมณ์ขึ้นท้าวเอวถามอย่างเอาเรื่อง
“…” ฉันส่ายหน้าไม่ยอมพูด
“ตอบมา!”
ยิ่งร็อคจี้ถามมากเท่าไหร่ ฉันยิ่งเม้มปากแน่นไม่ยอมพูด เพราะคำตอบของฉันมันอาจจะไปกระตุ้นให้เขาโมโหหนักกว่าเดิมเอาได้
“งั้นก็แสดงว่าฉันไม่เคยทำร้ายผู้หญิงน่ะสิ” ร็อคตีคลุมเอาเอง ส่วนฉันก็ได้แต่แย้งอยู่ในใจ
ก็คนที่เขาทำร้ายกลั่นแกล้งกำลังยืนตรงหน้าเขาอยู่ในตอนนี้นี่ไง!!
“แล้วสรุปกลับบ้านกับไอ้ทิมบ่อยแค่ไหน”
โอ๊ย!เขายังวกกลับมาเรื่องนี้ได้อีกเหรอ ฉันละเชื่อเขาจริงๆ
“บ่อยจนนับไม่ไหวเลยค่ะ” ในเมื่ออยากได้คำตอบ ฉันก็ตอบมั่วๆ ไปเลยจะได้จบๆ
“ฮึ! ถามตอนแรกทำมาโกหก ที่ฉันถามก็แค่อยากจะเตือน ไอ้ทิมมันมีผู้หญิงอยู่แล้ว ระวังเถอะกลับบ้านกับมันบ่อยๆ ถ้าผู้หญิงคนนั้นมาเห็นเข้า จะเป็นเรื่องเอา” ร็อคกอดอกมองฉันเขม็ง
“ขอบคุณที่เตือนค่ะ” ฉันประชดออกไป แต่ก็ไม่กล้าออกท่าทางมากหรอกนะ กลัวเขาจับได้แล้วจะโดนเล่นงานจนไม่ได้หลับไม่ได้นอนเอา
“ฉันเห็นว่าเธอซื่อบื้อ ตามผู้ชายไม่ทันเลยอยากจะช่วยก็เท่านั้น”
“ค่ะ” ฉันกัดฟันยิ้มรับในความหวังดีของคนตรงหน้า และเข้าใจในประโยคนั้นดี เขาคงมองว่าฉันโง่มากสินะ
“ส่วนเรื่องไอ้ที ควรอยู่ห่างๆ มันซะ เมียมันขี้หึงอย่างกับอะไร ถ้าวันนี้คนที่มาเห็นเธอจับมือถือแขนกับมันเป็นเนตรล่ะก็ คนที่จะเจ็บตัวก็คือเธอ จำไว้ด้วย”
ร็อคพูดจบก็เดินเข้าห้องนอนไปอย่างว่าง่าย ทิ้งให้ฉันยืนอ้าปากค้างเหวอไปชั่วขณะ
จะไม่ให้เหวอได้ยังไงในเมื่อเขาตั้งใจถ่วงเวลานอนของฉันตั้งเกือบชั่วโมงเพื่อพูดแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว
“ทำไมถึงเป็นคนน่าโมโหอย่างนี้นะ”
แต่ในความโมโหฉันก็ยังมีความรู้สึกอบอุ่นใจแปลกๆ ถึงเขาจะชอบหงุดหงิดโมโหใส่ แต่คำเตือนของเขามันก็ไม่ได้แย่เลย เพราะถ้าฉันเป็นผู้หญิงก็คงไม่อยากให้ใครไปอยู่ใกล้แฟนของตัวเองเหมือน
“เอาเถอะ หลังจากนี้ก็ทำตามคำแนะนำของเขาก็แล้วกัน”