วันนี้ฉันไม่ลืมชุดทำงานของตัวเองแล้วละ เพราะตื่นนอนฉันก็ควานหาชุดทำงานของตัวเองก่อนจะยัดใส่ประเป๋าผ้าใบโปรดของตัวเองเรียบร้อย
“อลิซ…ปรับแอร์ให้หน่อย” เสียงทุ้มอู้อี้เพราะคนพูดกำลังนอนซบหน้าลงกับหมอนอยู่
“พี่จะให้ปรับเท่าไหร่…” ฉันหยิบรีโมทแอร์เตรียมพร้อมทำตามคำสั่งของเขา
“17…” หลังจากที่ร็อคตอบสั้นๆ ก็ไร้เสียงตอบรับใดๆ อีก
พอได้ยินแบบนั้นฉันก็รีบทำตามที่สั่งทันที ก่อนจะหยิบชุดนักศึกษาของตัวเองและเดินออกมาจากห้องนอน
วันนี้ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม เรียนเสร็จก็เตรียมนั่งรถไปทำงาน แต่เพราะวันนี้ฉันไม่ได้เป็นเวรไปเปิดร้านทำให้ฉันยังมีเวลาว่างประมาณ2-3ชั่วโมง
ตอนแรกตั้งใจจะชวนเพื่อนรักมาเดินห้างด้วยกัน แต่ดูเหมือนเพื่อนจะติดธุระ ฉันเลยต้องมาเดินเล่นคนเดียว ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร เพราะชินแล้วกับการที่ต้องทำอะไรคนเดียว
หลังจากที่ลงรถเมล์มาถึงห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ ฉันตัดสินใจเดินเข้าร้านหนังสือก่อนเป็นอันดับแรก จะบอกว่าร้านหนังสือเป็นสถานที่โปรดของฉันเลยก็ว่าได้ เพราะมันช่วยฆ่าเวลาระหว่างรอเข้างานของตัวเองได้ดีเลยทีเดียว
ฉันเดินเลือกหนังสือนิยายรวมถึงการ์ตูนอยู่พักใหญ่ จนได้หนังสือมาสองสามเล่ม ระหว่างนั้นก็รู้สึกเหมือนมีใครกำลังมองอยู่ มันเป็นความรู้สึกที่ใครหลายคนก็น่าจะเดาออก เมื่อรู้สึกแบบนั้นฉันเลยตัดสินใจเงยหน้าขึ้น ก่อนจะสะดุ้งตัวโยน
“ที!” ฉันแทบไม่ได้กวาดสายตามองหาเลยด้วยซ้ำ เพราะเขายืนอยู่ข้างๆ ฉันเลย
“มัวแต่เลือกหนังสือจนไม่สนสิ่งรอบข้างเลย รู้ไหมเรามายืนอยู่ตรงนี้ตั้งพักใหญ่แล้ว” ทีหัวเราะ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น
“ขอโทษที เราไม่รู้ตัวเลยจริงๆ” ฉันหัวเราะแห้งๆ พลางถอยไปหนึ่งก้าว
“ถ้าอยากให้เราหายโกรธ เลิกงานวันนี้ก็ให้เราไปส่งอลิซสิ” ทีพูดยิ้มๆ
ฉันที่ได้ยินเขาบอกแบบนั้นก็รู้สึกงงๆ ว่าทำไมฉันต้องทำให้เขาหายโกรธด้วย
“ไม่ต้องให้เราไถ่โทษหรอกมั้ง เรื่องแค่นี้เอง”
“เราล้อเล่น…เรารู้ดีว่าอลิซไม่อยากอยู่ใกล้เราอยู่แล้ว” อยู่ๆ ทีก็โพล่งความรู้สึกจริงๆ ของฉันออกมาราวกับเขาเข้ามานั่งอยู่ในใจของฉันอย่างไรอย่างนั้น
“มะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะที” บางครั้งความจริงมันก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป ฉันเลยทำได้แค่ปฏิเสธด้วยอาการลนลานออกไป
“อันนี้เราก็ล้อเล่นเหมือนกัน ฮ่าๆ” ทีหัวเราะเสียงดังลั่นร้านราวกับถูกใจหนักหนากับอาการที่ฉันเป็น
“อ่อ ล้อเล่นนี่เอง” ฉันยิ้มก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นึกว่าผู้ชายตรงหน้าจะจับได้ซะแล้วว่าตัวเองรู้สึกยังไง
“แต่ถ้าอยากให้เราหายโกรธจริงๆ ช่วยไปที่นึงกับเราหน่อยได้ไหม”
“ฮะ! ไหนบอกว่าแค่ล้อเล่นไง” ฉันจ้องทีเหมือนกับคนที่ไม่เคยเจอมาก่อน ไม่เข้าใจเขาเลยสักนิดว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นคนยังไงกันแน่
“ก็ล้อเล่นนั่นแหละ แต่ก็อยากให้อลิซไปที่ที่นึงกับเราด้วย” ทียิ้มกว้าง ก่อนจะดึงมือฉันให้เดินไปที่เคาร์เตอร์คิดเงิน แต่ฉันก็ชักมือออกในทันที
“ทีอย่าทำแบบนี้!” ฉันบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง และคิดว่ามันถึงเวลาที่ต้องพูดออกไปแล้ว
“เอ่อ…ขอโทษที มันลืมตัวน่ะ” แม้เขาจะยังยิ้มให้กับฉัน แต่มันก็เป็นยิ้มที่ดูจืดเจื่อนน่าดู
“ทีอย่าลืมตัวแบบนี้อีก เราไม่ชอบ” พอพูดจบฉันก็เดินไปคิดเงินทันที รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะที่ได้พูดออกไป
“อลิซเราขอโทษ ขอโทษจริงๆ เราจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว” สีหน้ารู้สึกผิดของทีทำให้ฉันใจอ่อนยวบ
“ช่างเถอะ…”
“ไม่โกรธเราแล้วใช่ไหม”
“อือ แต่อย่าทำแบบนั้นอีกนะ” ฉันพูดอย่างเด็ดขาดอีกครั้ง
“เข้าใจแล้วครับ” ทีทำท่าตะเบ๊ะราวกับทหารที่รับคำสั่ง จนฉันอดขำไม่ได้
“...อลิซหัวเราะแล้ว”
“พอได้แล้วน่า ได้เวลาเข้างานแล้วด้วย” ฉันเดินนำหน้าทีออกมา แต่ก็ถูกเรียกเอาไว้อีกครั้ง
“เดี๋ยว! อลิซไปรถเราก็ได้”
“ไม่ดีกว่า” ฉันส่ายหน้าอย่างไม่คิดเยอะเลย
“ทำไมล่ะ ยังไงเราก็ต้องไปที่เดียวกันอยู่แล้วนี่” ทีตื้อเอาคำตอบ จนฉันตัดสินใจพูดความรู้สึกทั้งหมดของตัวเองออกไป
“เราไม่อยากมีปัญหาน่ะ โดยเฉพาะกับพี่เนตร…อะไรที่จะทำให้พี่เนตรไม่สบายใจ เราจะไม่ทำ ทีเข้าใจที่เราพูดใช่ไหม”
“เราเข้าใจแล้ว…ขอโทษที่ทำให้อลิซลำบากใจนะ” ทีเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนจะตอบกลับมา
“...” ฉันไม่พูดอะไร แต่เลือกที่จะยิ้มให้แทน
ฉันเดินออกมาจากห้างโดยที่ทีก็แยกไปของเขาเอง ฉันเลือกเดินมาเรื่อยๆ เพราะที่ทำงานอยู่ไม่ไกลจากห้างนี้
ระหว่างที่เดินอยู่นี้ฉันก็รู้สึกโล่งใจและสบายใจขึ้นเยอะ เพราะในที่สุดฉันก็สามารถพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการออกไปได้แล้ว หลังจากที่เก็บความอึดอัดพวกนี้มาเป็นเวลานาน
ปรี๊น!
เสียงนี้อีกแล้ว…
“สวัสดีค่ะพี่อลิซ จะไปทำงานใช่ไหมคะ ขึ้นมาด้วยกันสิคะ” เสียงหวานเอ่ยทักทายอย่างสดใส
“ไม่เป็นไรค่ะ เดินอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว” ฉันรีบปฏิเสธเพราะเห็นสีหน้าบอกบุญไม่รับของคนขับ
เขาคงอยากจะนั่งสวีทหวานกับแฟนสองต่อสองนั่นแหละ แล้วฉันจะขึ้นไปเป็นก้างขวางคอเขาได้ยังไงกัน
“ไม่ไปก็อย่าไป” เสียงเฉยชาของคนขับตัดบทดื้อๆ แบบนั้น
ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไรร็อคก็เหยียบคันเร่งผ่านฉันไปเลย เห็นแบบนั้นก็ไม่ได้รู้แปลกใจอะไรเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นคนแบบนี้ โดยเฉพาะกับฉันที่เขาไม่ค่อยชอบหน้าสักเท่าไหร่
เดินมาถึงร้านฉันก็รีบตรงไปห้องเปลี่ยนเสื้อทันที แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวเข้าไปด้านใน ขาของฉันก็ชะงักอยู่กับที่เมื่อได้ยินพนักงานคนอื่นกำลังพูดเรื่องบางอย่าง
“วันนี้พี่ทิมอารมณ์ไม่ค่อยดีเห็นว่ามีปัญหากับแฟนละ”
“พี่ทิมมีแฟนแล้วเหรอ”
“เขาว่ามีแล้ว แต่พี่ทิมหวงมากเลยไม่ยอมพามาแนะนำน่ะ”
“ว้าเสียดายจัง…แต่ว่ามีปัญหาอะไรกับแฟนเหรอ” มาถึงคำถามนี้ขาของฉันที่กำลังจะก้าวเข้าไปก็ต้องหยุดนิ่งอีกครั้ง
“เห็นว่าพี่ทิมนอกใจ แอบกิ๊กกับคนในคลับของเรานี่แหละ”
พี่ทิมนอกใจไปกับคนในคลับเนี่ยนะ!!
“แกอย่าบอกนะว่าผู้หญิงคนนั้นคือคนที่พวกเราเม้าท์ๆ กันน่ะ” เสียงพนักงานคนหนึ่งถามด้วยน้ำเสียงอย่างอยากรู้อยากเห็น
“จะเป็นใครไปได้อีกล่ะ ก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละที่พี่ทิมสนิทด้วย ถึงขั้นไปส่งกันถึงคอนโด”
พอได้ยินประโยคต่อมาฉันก็ชาไปทั้งตัวเลย ถึงพวกเธอจะไม่เอ่ยชื่อฉันก็เดาได้ว่าผู้หญิงที่ทำให้พี่ทิมมีปัญหากับแฟนก็คือฉันเอง เพราะเท่าที่ฉันจำได้พี่ทิมแทบไม่เคยไปส่งใครหลังเลิกงานเลย จะมีก็แค่ฉันนี่แหละที่กลับทางเดียวกับพี่เขา
“จนได้สินะ…” ฉันได้แต่โทษตัวเอง และพลันนึกถึงคำพูดที่ร็อคได้เตือนฉันไว้เมื่อคืน
“ยืนทำอะไร ทำไมไม่ไปเปลี่ยนชุด”
เสียงร้องทักจากด้านหลังทำให้ฉันที่กำลังเหม่อต้องสะดุ้งหันกลับไปมอง
“เอ่อ…กำลังจะ…” ฉันตอบเจ้าของคลับอย่างร็อคได้เพียงแค่นั้น แล้วก็เงียบเสียงลง เมื่อเพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้านในเดินออกมาจากห้องแต่งตัวพอดี
“อลิซ!พี่ร็อค!” พวกเขาอุทานออกมาพร้อมกัน แต่จะมีเพียงแค่หนึ่งคนที่ดูสงบนิ่งมากกว่าใคร
“อลิซมาแล้วเหรอ” พี่เนตรทักทายฉัน
“สวัสดีค่ะพี่เนตร” ฉันเองก็ตอบรับคำทักทายด้วยการไหว้เหมือนอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
“เออ พวกเธอเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็ช่วยไปจัดสถานที่โซนวีไอพีให้ด้วยละ” ร็อคสั่งการพวกเธออย่างไม่รีรอ ก่อนที่เขาจะหันมาสั่งฉันบ้าง
“...ส่วนเธอเปลี่ยนชุดแล้วไปหาฉันที่ห้องทำงานด้วย”
ฉันใช้เวลาในการเปลี่ยนชุดไม่นานก็เดินไปถึงห้องทำงานของร็อค
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
“เข้ามา”
หลังจากได้รับเสียงตอบรับจากคนด้านใน ฉันก็ค่อยๆ เปิดประตูและโผล่หน้าเข้าไปช้าๆ
“พี่อลิซ เข้ามาสิคะ” ชะเอมที่กำลังนั่งทำงานอะไรสักอย่างบนไอแพดพยักหน้าให้ฉันเป็นการอนุญาต
“นั่งสิ!” ร็อคที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานไม่ไกลกับน้องชะเอมสั่งเสียงเข้ม
ทำไมเวลาเจอฉันเขาต้องทำดุตลอดเลยนะ…
แค่เพียงฉันนั่งลงที่เก้าอี้ตรงหน้าของเขา ท่าทางของร็อคก็จริงจังขึ้นทันที
“เธอได้ยินพวกนั้นพูดแล้วใช่ไหม ว่าไอ้ทิมมีปัญหากับแฟนเพราะนอกใจไปกับเธอน่ะ”
“ค่ะ แต่ฉันไม่ได้มีอะไรกับพี่ทิมเลยนะคะ”
“เฮ้อ…ฉันเตือนเธอช้าไปจริงๆ สินะ” ร็อคมองฉันด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
“ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง เราไปอธิบายก็ได้นี่คะ” ชะเอมแนะนำและหันมายิ้มให้กำลังใจฉัน
ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ น่ารักที่สุดเลย!
“เดี๋ยวฉันขอไปคุยกับพี่ทิมก่อน แล้วจะไปอธิบายให้แฟนพี่ทิมฟังด้วยค่ะ” ฉันเองก็คิดแบบเดียวกับชะเอม ในเมื่อมันไม่ใช่ความจริงฉันเองก็ต้องไปอธิบายถึงจะถูก
“ก็แล้วแต่เธอ แต่อย่าให้เรื่องพวกนั้นมากระทบกับร้านก็แล้วกัน เพราะถ้าเกิดเรื่องเมื่อไหร่เธอกับไอ้ทิมต้องรับผิดชอบ!”
ที่แท้เขาก็เป็นห่วงร้านนี่เอง คงกลัวว่าแฟนพี่ทิมจะมาอาละวาดที่ร้านสินะ ถึงได้เรียกฉันมาคุยแบบนี้
“เข้าใจแล้วค่ะ”
หลังจากนั้นฉันก็เดินออกมาและตรงไปหาพี่ทิม ฉันเองก็ร้อนใจไม่อยากให้ใครต้องมามีปัญหาเพราะตัวเองเหมือนกัน
“พี่ทิมพอจะมีเวลาคุยกันหน่อยไหมคะ”
“อลิซมีอะไรจะคุยกับพี่เหรอ”
“เราไปคุยกันหลังร้านได้ไหมคะ” ฉันขอร้องออกไปเพราะตรงนี้ยังมีพนักงานคนอื่นอยู่ด้วย ฉันไม่อยากให้ใครได้ยินเรื่องที่เราจะคุยกัน
“ได้สิ”
ฉันเดินออกมาจนถึงหลังร้านที่ไม่มีผู้คน ก่อนจะเอ่ยขอโทษผู้จัดการร้านออกมาด้วยความรู้สึกผิด
“พี่ทิม อลิซขอโทษค่ะ”
“หือ…ขอโทษ?” สีหน้าไม่เข้าใจของพี่ทิมยิ่งทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีเข้าไปอีก
“ขอโทษที่ทำให้พี่ทิมทะเลาะกับแฟนนะคะ”
“ดะ เดี๋ยว! พี่เนี่ยนะทะเลาะกับแฟน” พี่ทิมยังคงทำหน้างงและชี้นิ้วมาที่ตัวเอง
“ใช่ค่ะ…” ฉันเองก็เริ่มเอะใจกับท่าทีของพี่เขาเช่นกัน
“ไปฟังใครมา! พี่ไม่มีแฟนจะไปทะเลาะกับแฟนได้ไง” คนตรงหน้ามองหน้าฉันเหมือนกับเจอคนเมาพูดไม่รู้เรื่องไม่มีผิด
“ก็มีคนบอกว่าวันนี้พี่อารมณ์ไม่ดี เพราะถูกแฟนจับได้ว่าพี่มากิ๊กกับพนักงานในร้าน แล้วผู้หญิงคนนั้นก็คือคนที่พี่ทิมมักจะขับรถไปส่งที่บ้านหลังเลิกงานด้วย” ฉันเริ่มอธิบายช้าๆ พลางสังเกตสีหน้าคนตรงหน้าไปด้วย
“แล้วผู้หญิงคนนั้นก็คืออลิซ?” พี่ทิมถามสวนขึ้น น้ำเสียงเจือไปด้วยความขบขัน แววตาที่ใช้มองฉันก็เหมือนกำลังมองเด็กน้อยไม่มีผิด
“ค่ะ…ก็พี่ทิมให้อลิซติดรถกลับบ้านด้วยหลายครั้ง อลิซก็เลยคิดว่าเป็นตัวเอง” ฉันตอบเสียงอ้อมแอ้ม เริ่มไม่มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองได้ยินมาแล้ว
“อลิซ…พี่ไม่ได้นอกใจใครเพราะพี่ไม่ได้คบกับใคร ย้ำอีกครั้งพี่ไม่มีแฟนครับ!!” พูดจบพี่ทิมก็ยิ้มและส่ายหน้า
“ขอโทษที่เข้าใจผิดค่ะ ก็อลิซได้ยินมาแบบนั้น…” ฉันก้มหน้าอย่างรู้สึกอายที่ทึกทักคิดไปไกลว่าตัวเองสำคัญขนาดทำให้คนที่เป็นแฟนกันต้องมาทะเลาะกันได้
“แล้วไปได้ยินมาจากที่ไหน” พี่ทิมดูไม่เดือดร้อนอะไรเลยกับข่าวลือพวกนั้น ก่อนจะหยิบเอาบุหรี่ขึ้นมาสูบ
“จากพนักงานในร้านค่ะ” ฉันตอบไปกว้างๆ เพราะอย่างน้อยพนักงานในร้านก็มีถึง20คนเลย พี่ทิมคงไม่ไปสืบหาสบายใจคนพูดแน่ๆ
“ดี! พี่จะได้จัดการถูก” พี่ทิมแสยะยิ้ม ก่อนจะโยนบุหรี่ทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดี
แต่เดี๋ยวนะ! จัดการอย่างนั้นเหรอ…