บทที่ 11 แค่ของเล่น
“นี่! ใจคอนายจะไม่กลับไปทำงานจริงเหรอวะริค” ซินซินขมวดคิ้วมองท่าทางนิ่งเงียบของน้องชายด้วยความไม่เข้าใจ อีริคทำตัวชิลมาก ทั้งที่งานที่บริษัทท่วมหัว แถมพวกที่ชอบพูดจาถากถางเขาก็คอยซ้ำเติมอยู่ไม่น้อย
อีริคหันมามองหน้าซินซินแล้วพรูลมหายใจออกด้วยอาการเหนื่อยหน่ายใจ มีเธออยู่ข้างกายเหมือนเขากำลังเลี้ยงนกแก้วมาคอว์อย่างไรอย่างนั้น มันคอยตามติดพูดเจื้อยแจ้วถาม ไต่ถามรายละเอียดน่ารำคาญใจมาก
เขาควบม้าวิ่งออกห่างจากซินซิน แล้วพามอร์แกนเข้าไปในลานซ้อมวิ่งในอาคาร ส่วนซินซินก็บังคับม้าตามหลังมา ทว่าตอนนั้นสายตาเธอกลับเหลือบเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ร่างผอมเพรียวยืนอยู่ที่ระเบียงห้องพักแขกซึ่งอีริคไม่ได้เปิดให้ใครเข้ามาพักที่นี่นานแล้ว
“นั่นใคร” ซินซินก้มมองหน้าลูกน้องอีริคที่กำลังจูงสายบังคับม้าเธออยู่ เขามีท่าทีอ้ำอึ้งเล็กน้อย เหมือนไม่อยากตอบคำถามเธอ แต่นั่นยิ่งทำให้ซินซินสงสัย “แขกวีวีไอพีของริคเหรอ”
“ครับ” คราวนี้ลูกน้องหนุ่มพยักหน้าตอบอย่างรวดเร็ว ซินซินแสยะยิ้มมุมปาก เธอแสร้งทำเป็นไม่เห็น จากนั้นก็พาโซลาร์ไปเดินเล่นกระทั่งถึงสี่โมงเย็นของวัน
“ฉันขอค้างที่นี่นะ ไม่อยากกลับไปหาเตี่ย”
“จุ้นจ้าน”
“ไหน ๆ นายก็นอนที่นี่อยู่แล้วไง ฉันขอค้างคืนหนึ่งไม่ได้เหรอ”
“ห้องรับรองแขกไม่ว่าง”
“ทำไม มีใครเข้าพักงั้นเหรอ” ซินซินแสร้งถาม เธอกอดอกมองหน้าน้องชายซึ่งเขาเก็บอาการได้ดีเลยทีเดียว แถมยังไม่วอกแวกให้เธอจับพิรุธได้
“ไม่มี” อีริคตอบกลับมาด้วยเสียงราบเรียบ พร้อมกับเงยหน้ามองซินซินด้วยแววตาไร้อารมณ์ “อยากนอนก็นอนไป แต่ฉันคงต้องขอตัวกลับไปพักที่คอนโด”
“อา... ได้ค่า งั้นเราทำปิ้งย่างกินกันที่นี่ โอเคทุกคน ออกไปซื้อของมาทำปิ้งย่างกันดีกว่า”
“เธอนี่มันเจ้ากรรมนายเวรฉันหรือไงวะ”
“อะ...อยากให้เป็นไหมล่ะ”
“ก็เหมือนว่าจะเป็นอยู่นะ” อีริคส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย แต่เขากลับสลัดซินซินไม่หลุดสักที และแม้ว่าจะหงุดหงิดและรำคาญเธอมากแค่ไหนก็ตาม เพราะเธอไม่มีใครแล้วนอกจากเขา
“เอาเลย อยากทำอะไรก็ทำเลยครับ”
“โอ๊ะ!” หญิงสาวทำหน้าตกใจจนยกมือขึ้นมาปิดปาก “น้องชายฉันพูดเพราะแบบนี้อยากเลี้ยงไวน์พี่ใช่ไหม ทุกคน! อีริคจะเลี้ยงไวน์เราด้วย”
“หึหึ ระวังฉันเอาคืนสาหัส” เขาคาดโทษซินซิน จากนั้นจึงกลับไปที่ห้องพัก
คนโปรดที่เห็นอีริคเดินมาทางนี้ก็รีบเข้าห้องพัก เธอรีบพาตัวเองขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วแสร้งหลับ หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเสียงประตูเปิดเข้ามาพร้อมกับเสียงฝีเท้าหนัก ๆ กลิ่นน้ำหอมเขาลอยมาเตะจมูกเธอก่อนที่ร่างสูงจะปรากฏตัวต่อหน้า
“ลุกขึ้น” อีริคออกคำสั่งเสียงเรียบ “ไม่ต้องมาสำออย ฉันเห็นเธอยืนอยู่ที่ระเบียงแล้ว”
“...”! คนโปรดหยัดกายลุกขึ้นมานั่ง เงยหน้ามองชายหนุ่มตาแป๋ว “จะพาโปรดไปไหนเหรอคะ”
“กลับคอนโด”
“...” เธอเม้มปากแน่น ไม่ได้แย้งอะไรเขาทั้งสิ้น กลั้นใจก้าวลงจากเตียงนอนแล้วลากเสาน้ำเกลือเดินไปที่ประตู
“เดี๋ยว” อีริคเรียกไว้
“...” หญิงสาวหันกลับมามองเขา ในใจแอบลุ้นว่าอีริคจะพูดยังไง
“ไปรอฉันที่ห้องรับรองแขก”
“ค่ะ”
“พาเธอไปรอฉันที่ห้องรับรองแขก” เขาสั่งแม่บ้านที่ยืนรออยู่หน้าห้อง ทั้งสองพยักหน้าเข้าใจแล้วพาคนโปรดไปรออีริคที่ห้องรับรองแขกตามคำสั่ง
คนอย่างซินซิน ถ้าได้สงสัยอะไรแล้วเธอไม่มีวันปล่อยให้ความสงสัยนั้นอยู่นานหรอก ไม่แน่เธออาจจะเห็นคนโปรดแล้ว แค่แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเท่านั้น อีริคยกยิ้มมุมปาก จากนั้นก็ให้ลูกน้องเข้ามาจัดเก็บที่นอนและทำความสะอาดเตรียมให้ซินซินมานอนพักที่นี่
สองชั่วโมงต่อมา
กลิ่นของอาหารหอมฉุยส่งกลิ่นเข้ามาในห้องรับรองแขก ทำเอาคนที่เพิ่งฟื้นจากอาการไข้ท้องร้องตามไปด้วย
“หิว~” คนโปรดเดินมาส่องช่องกระจกตรงประตูมองออกไปยังลานหน้าห้อง ซึ่งอีริคกับผู้หญิงคนนั้นกำลังนั่งกินปิ้งย่างกันอยู่ ท่าทางเอร็ดอร่อยมากเลยทีเดียว
“กลิ่นเนื้อย่างหอม ๆ มันช่างยั่วเย้าจริงนะ” ซินซินกระดกไวน์รสชาติดีเข้าปาก ตามด้วยเนื้อวากิวย่างหอม ๆ ราดซอสที่เธอปรุงเองกับมือ
“อ้วน” อีริคเอ่ยขึ้นขณะที่อีกคนกำลังเพลิดเพลินกับรสชาติอาหาร ซินซินย่นหัวคิ้วมองหน้าชายหนุ่ม สกลิลการต่อปากต่อคำของอีริคก็ไม่เป็นสองรองใครเหมือนกัน ยิ่งเขาพูดหน้าตายยิ่งทำให้คนฟังเจ็บปวด
“เออ อ้วนก็อ้วนวะ”
“หึหึ แพกซ์มันตายห่าไปแล้วหรือไง ทำไมไม่เห็นโผล่หัวมาหาเธอบ้าง”
“ทำไม เบื่อพี่เหรอ”
“รู้ตัวเองดีนี่”
“นี่!!”
“ทะเลาะอะไรกันอีก”
“รู้เหรอว่าฉันทะเลาะกับแพกซ์”
“มองมาจากดาวอังคารก็รู้”
“เก่งนะเนี่ย”
“หึ”
“แล้วนาย...”
“อะไร” อีริคมองหน้าซินซิน เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงไหวไหล่ใส่ก็เท่านั้น ทว่าความสงสัยนั้นไม่อาจปิดเขามิด “อยากรู้เหรอว่าใครอยู่ที่นี่”
“ใครเหรอ มีคนอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ”
“รู้แล้วนี่”
“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันรู้ว่านายแอบพาคนมาพักที่นี่”
“คนขี้สงสัยอย่างเธอ ไม่ถามหาอะไรถ้าไม่มีมูลหรอก”
“โดนจับได้ซะแล้วเหรอเนี่ย”
“ไปพาเธอออกมา” อิริคสั่งพาเวลให้ไปหาคนโปรดออกมาจากห้องรับแขก
ก๊อก ก๊อก
“หลับอยู่หรือเปล่า” พาเวลเคาะประตูเรียกคนข้างใน ครู่หนึ่งประตูก็เปิดออก คนโปรดยื่นหน้าออกมาเล็กน้อย มองพาเวลตาแป๋ว “นายให้มาเรียก”
“เรียกออกไปข้างนอกนั้นเหรอคะ”
“อืม”
“...” เธอมองเสาน้ำเกลือ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ แล้วหยิบถุงน้ำเกลือเดินตามหลังพาเวลออกมาข้างนอก
“...” อีริคเอี้ยวหน้ามามองเล็กน้อย
พรึบ!
ปืนสีดำทมิฬเล็งมาที่ตัวคนโปรด
“เธอเป็นใคร” ซินซินเดินออกมาจากเก้าอี้ เล็งปืนไปหาคนโปรดและปรายตามองอีริคเพื่อดูปฏิกิริยาเขาว่าจะทำยังไง “เธอเป็นใคร ฉันถามไม่ได้ยินเหรอ”
“คะ คือว่า” คนโปรดกลัวจับใจ มือไม้สั่นเทิ้ม จะตอบกลับไปว่ายังไงดี ในเมื่อสถานะเธอเป็นแค่ของบรรณาการที่เสี่ยธวัตรส่งมาให้อีริคระบายความใคร่เท่านั้น
“ของเล่น” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบที่เกิดขึ้นกะทันหัน
“ของเล่น ของเล่นจำเป็นต้องอยู่สุขสบายขนาดนี้เหรอ”
“...” อีริคยังนั่งดื่มไวน์ต่อโดยไม่สะทกสะท้านอะไร มีเพียงคนโปรดที่ตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว ยิ่งผู้หญิงคนตรงหน้าตัวสั่น ซินซินก็ยิ่งอยากรู้ว่าอีริคจะทำยังไงต่อ เธอขึ้นลำกล้องแล้วกดปลายประบอกปืนลงกับขมับคนโปรด คราวนี้อีริคปรายตามองเล็กน้อย
“เลิกเล่นได้แล้วน่า เกิดปืนลั่นขึ้นมา ม้าฉันตกใจตายเธอรับผิดชอบไหวเหรอ” เขาตัดรำคาญที่ซินซินเล่นใหญ่ รีบชักปืนออกมาเล็งไปที่คนโปรด แม้จะรู้ว่าเธอแค่หยอกเล่น แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยที่คนอื่นมายุ่งกับของเล่นตัวเองด้วยการเอาปืนจ่อแบบนี้
“เออว่ะ ลืมว่าม้ากูก็อยู่ที่นี่” หญิงสาวลดปืนลงแล้วส่งให้ลูกน้องเอาไปเก็บ
คนโปรดฟุบลงกับพื้น หอบหายใจแรงด้วยอาการตกใจสุดขีด
“อาการน่าเป็นห่วงนะเนี่ย ว่าแต่เธอเป็นของเล่นชนิดไหนของน้องชายฉัน” ซินซินย่อเข่าลงตรงหน้าคนโปรด ส่งมือไปหาเธอจากนั้นก็พยุงตัวคนโปรดลุกขึ้น
“ของเล่นบนเตียงฉันเอง” อีริคตอบคำถามซินซินเองทุกอย่าง
“อ๋อ” ซินซินมองรูปร่างหญิงสาว แล้วมองใบหน้าหวานของเธออย่างพิจารณา “สวยนะเนี่ย ผิวพรรณก็ดี หน้าตาก็ใช้ได้...ได้มายังไง” เธอหันไปถามอีริค
“ลูกหนี้ส่งมาให้” อีริคตอบเสียงเรียบ และดื่มไวน์ไปด้วย เขาไม่แม้แต่จะมองหน้าคนถาม
การที่ถูกซินซินถามและจ้องมอง มันเหมือนคนโปรดเป็นนักโทษที่กำลังถูกคาดคั้นเอาความจริงอยู่
“ของเล่นงั้นเหรอ”
“...”! คนโปรดก้มหน้ากัดเม้มแน่น
“ที่แท้ก็ของเล่นใต้อาณัติน้องชายฉันนี่เอง”
“...”!
ตอนพิเศษ 3 จบตอนจากเด็กน้อยแบเบาะในวันนั้น ตอนนี้น้องกันต์มีอายุครบสาวขวบพอดี เด็กชายในชุดเอื้อมยีนเดินไปหาพ่อตัวเองด้วยรอยยิ้มสดใส ในมือถือของเล่นที่เตรียมมาเล่นกับพ่อด้วย“ป๊า น้องกันต์อยากได้ของเล่นอีกครับ” น้ำเสียงและแววตาสดใสจดจ้องใบหน้าของพ่อที่กำลังนั่งทำงานอยู่กับพาเวล อีริคละสายตาจากหน้าลูกน้องมามองลูกชาย เขาอุ้มน้องกันต์ขึ้นมานั่งบนตักแล้วหอมศีรษะไปหนึ่งฟอด“หนูซื้ิอของเล่นเยอะแล้วเล่นหมดไหมครับ”“...” เด็กชายสั่นหน้า“ของเล่นเยอะแยะเลยลูก อันไหนที่หนูไม่เล่นแล้วป๊าขอเอาไปให้น้องได้ไหม น้องไม่มีของเล่น”“น้อง น้องไหนครับ”“ก็น้องที่เขาไม่มีตังค์ซื้อของเล่นครับ น้องอยู่ไกล ๆ เลย”“ได้ครับ”“งั้นน้องกันต์ไปเก็บของเล่นที่น้องกันต์ไม่เล่นแล้วกับลุงพาเวลนะ เดี๋ยวป๊าทำงานเสร็จป๊าไปหา”“ครับ”อีริคพยักหน้าให้พาเวลพาลูกชายเข้าไปในบ้าน ส่วนเราเร่งทำงานให้เสร็จ“อ้าว” คนโปรดถือจานผลไม้สดที่เธอตั้งใจจะเอาออกไปให้สองพ่อลูกที่หน้าบ้านเอ่ยทักเมื่อเห็นลูกกับพาเวลเดินกลับเข้ามาในบ้าน“นายให้มาเก็บของเล่นที่คุณหนูไม่เล่นเอาไปบริจาคให้เด็กบนดอยครับ” พาเวลตอบ“อ๋อ ดีมากเลยค่ะ ของเล่นน้องกันต์
ตอนพิเศษ 2สองเดือนต่อมาเสียงอ้อแอ้ของลูกน้อยช่วยปลุกอีริคให้ตื่นจากการนอนพักสายตาในช่วงกลางวัน เขารีบลุกขึ้นมาดูลูก“พี่ริค” คนโปรดมองใบหน้าคมคายที่แสดงออกถึงความง่วงงุนด้วยความเอ็นดู “นอนต่อเถอะค่ะ โปรดดููลูกได้”“ไม่เอา ฉันหายง่วงแล้ว”“น้องกันต์หนูอย่ากวนป๊าสิลูก ป๊าไม่ได้นอนตั้งหลายคืนแล้วนะครับ”“ป๊ายินดีครับลูก” อีริคเขยิบเข้ามาใกล้แล้วก้มลงไปหอมลูกชายที่กำลังนอนเล่นอยู่บนเบาะ “ตัวหอมจังเลย”“โปรดกับคุณแม่เพิ่งอาบน้ำให้เมื่อกี้เองค่ะ”“ถึงว่าละ ตัวก็หอมหน้าก็ขาว”“หึหึ”“แล้วมีคนมาหาฉันไหม”“ไม่เลยค่ะ พี่ริคนัดใครไว้เหรอคะ”“เปล่าหรอก ช่วงนี้ไม่ได้ออกไปไหนเลย เผื่อมีคนอยากเจอหน้า”“ค่ะ”“น้องกันต์หลานป้า~” เสียงแหลม ๆ ของซินซินดังมาแต่ไกล แต่น้องกันต์กลับไม่ตกใจแถมยังดีดดิ้นและยิ้มร่าเหมือนว่ากำลังรอเธออยู่อย่างไรอย่างนั้น “อ้าว” ซินซินเลิกคิ้วทักทายน้องชายแล้วรีบนั่งลง “วันนี้ป้าซินมีชุดหล่อมาฝากด้วยนะคะ”“ชุดแดง”“ใช่ ใกล้ตรุษจีนแล้วผมอยากเป็นอาตี๋น้อยครับ”“หึหึ แล้วอีกชุดล่ะ”“อีกชุดเหรอ” เธอหยิบออกมาจากถุงกระดาษ ทุกคนขำขันเมื่อได้เห็นชุดเต็ม “ชุดหมูน้อยค่า”“ลูกกูไม่ใช่หม
ตอนพิเศษ 1ห้าวันต่อมาหลังจากออกจากโรงพยาบาลมาอีริคก็ได้พาคนโปรดมาพักฟื้นอยู่ที่บ้านตัวเองโดยมีฮาน่ากับซินซินช่วยดูแลคนโปรดกับน้องกันต์“หลานป้าหล่อจังเลย เห็นหน้ากันกี่ครั้งก็หลง” ซินซินนั่งเฝ้าหลานชายคนแรกอยู่ข้างเบาะนอนสำหรับเด็กทารกที่เธอซื้อมาให้หลานไม่ห่างไปไหนไกล ส่วนฮาน่ากำลังสอนคนโปรดปั้มนมอยู่อีกที่หนึ่ง“คุณท่านคะ เอ่อ...คุณผู้ชายท่านจะโกรธไหมคะ ที่โปรดกับลูกมาอยู่ที่นี่” สิ่งที่เธอเป็นกังวลมาโดยตลอดก็เรื่องพ่อของอีริค ตั้งแต่ท้องจนคลอดเธอก็ไม่เห็นท่านมาที่นี่สักครั้ง และเหมือนว่าอีริคกับพ่อก็ไม่ค่อยถูกกันด้วย“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก เราเพิ่งคลอดลูกอย่าไปเครียดเลย เดี๋ยวน้ำนมจะไม่ไหลเอานะลูก” ฮาน่าปลอบใจคนโปรด อันที่จริงเธอก็เปรย ๆ เรื่องอีริคมีแฟนและแฟนลูกกำลังท้องให้สามีฟังบ้างแล้ว และเมื่อวันก่อนก็เพิ่งส่งรูปน้องกันต์ให้เขาดู แต่ยังไม่มีปฏิกิริยาหรือการตอบกลับจากสามี แต่เธอก็ดูออกว่าสามีนั้นพึงพอใจอยู่บ้างที่หลานคนแรกเป็นผู้ชาย“โปรดกลัวพี่ริคทะเลาะกับคุณท่านอีก”“ไม่หรอก เชื่อแม่”“ค่ะ” คนโปรดมองไปหาน้องกันต์ที่เพิ่งกินนมหลับไป “น้องกันต์กินเก่งมากเลยค่ะ ตอนกลางคืนแ
บทที่ 70 บทส่งท้ายหลังจากกินข้าวเสร็จ ทุกคนก็มารวมกันอยู่ข้างบ้านซึ่งมีระแนงไม้ที่พ่อเลี้ยงปูเอาไว้ และสั่งเก้าอี้มาไว้สำหรับนั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้า จิบกาแฟไปด้วย“เอาอีกไหม”อีริคส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อพ่อเลี้ยงยื่นขวดไวน์มาทางเขาหมายจะรินให้เขาอีก“กินเยอะก็ปวดหัว”"ปกติไม่ปฏิเสธนี่"“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอวะ มึงก็อย่าไปคะยั้นคะยอให้มันกิน” ชรัณเอ่ยอย่างยิ้ม ๆ เมื่อก่อนจำได้ว่าเคยดื่มด้วยกันจนเข้าเรียนไม่ทัน มัวแต่อ้วกกับเมาค้างจนอาจารย์ให้ทำงานเก็บคะแนนย้อนหลังกันทั้งสามคน“ถ้าเมียมึงง่วงแล้วก็พาไปนอนได้นะเว้ย”“ง่วงยัง” อีริคเอ่ยถามคนข้างกาย แต่พอมองตาเธอแล้วยังตาแป๋วอยู่เลย “ไม่ตอบก็พอจะรู้”“โปรดขอนั่งอยู่อีกนิดนะคะ ยังสนุกอยู่เลย ชอบฟังพี่ ๆ เล่าความหลังสมัยเรียน สนุกดีค่ะ”“เดี๋ยวพี่จะเล่าให้ฟังว่าไอ้ริคมันแสบมากแค่ไหน” ชรัณเลิกคิ้วท้าทายอีริค“ปรานีกูด้วยครับ”“หึหึ” พ่อเลี้ยงหัวเราะขบขัน “สมัยก่อนก็ต่างคนต่างห้าวแหละ ไม่มีใครยอมใคร”“ยังไงเหรอคะ”“อ้าว ไหนบอกจะไม่เผาเพื่อนไง” ชรัณเลิกคิ้วถามองศาที่จู่ ๆ ก็เปิดประเด็นขึ้นมาซะอย่างนั้น“นิดหนึ่ง”“อา เล่าเลยงั้น”“เมื่อก่อนเคยไ
บทที่ 69 ความสุข“ที่ของมึงกูให้คนไปดูแล้วนะ เห็นช่างกำลังขนของมาลงกันเยอะเลย อีกไม่นานคงได้ลงเสาเข็ม” พ่อเลี้ยงเอ่ยขึ้นระหว่างขับรถเข้ามาในทางที่ตรงไปยังไร่ปาริฉัตร“ขอบใจ” อีริคกล่าวสั้น ๆ“ไม่เป็นไร ถือว่าช่วยกัน แล้วนี่เธอจะมาอยู่นานไหม” คราวนี้เขามองหน้าคนโปรด “เพราะถ้ามาอยู่นานฉันจะให้แม่บ้านและคนของฉันพาเที่ยว หลังไร่มีน้ำตกด้วย เผื่อสนใจอยากเล่นน้ำคลายร้อน”“ดีจังเลยค่ะ”“ถ้าอยากไปก็บอก จะได้ให้คนพาไป เพราะทางมันค่อนข้างรกและไปยากนิดหน่อย”“เราไปกันนะ” คนโปรดหันมามองหน้าคนรัก อีริคพยักหน้าตอบเบา ๆ แล้วมองไปโดยรอบ“อยากได้ที่สวย ๆ แบบนี้อีก มีอีกไหม” อีริคเอ่ยถามเพื่อนทั้งสองคน ชรัณทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยตอบ“ก็พอมีนะ มึงอยากได้ติดเขาไหมล่ะ หรืออยากได้ติดลำธารดี”“อยากได้ทั้งสองที่เลย”“เอาว่ะ เออ ๆ เดี๋ยวจะหาดูให้ ชาวบ้านแถวนี้เอาที่ดินมาเสนอขายกูเยอะอยู่ ร้อนเงินกันทั้งนั้น ส่งลูกเรียนน่ะ”“อืม”“เสียสละมากเลยนะคะ ขายที่เพื่อเอาเงินส่งลูกเรียน”“อืม แต่ลูกเหี้ยก็ไม่ไหวนะ” ชรัณยกยิ้ม“ถ้าเป็นแบบนั้นคงน่าเสียใจแทนพ่อแม่ค่ะ โปรดเองก็อยากทำให้พวกท่านภูมิใจบ้างสักครั้ง
บทที่ 68 พักผ่อนวันต่อมาหญิงสาวตื่นขึ้นมาในเช้าที่สดใส บรรยากาศที่สนามม้าด้านนอกมีไอหมอกสีขาวปกคลุมไปทั่ว แถมอากาศยังเย็นฉ่ำสบายจนอีริคไม่ยอมตื่น“ตื่นได้แล้วค่ะ” เธอโน้มใบหน้าลงไปหอมแก้มสากสองฟอดเพื่อเป็นการปลุกอีริคให้ตื่น ทว่าชายหนุ่มกลับเบือนหน้าหนีสัมผัสแล้วเอามือมาปิดหน้าไว้ “ขี้เซาจัง”“ให้ฉันนอนเต็มอิ่มบ้าง ไม่ได้นอนหลับสบายแบบนี้มานานมากแล้ว” อีริคพึมพำอยู่ใต้ผ้าห่ม เมื่อได้ฟังแบบนั้นคนโปรดจึงไม่เซ้าซี้เขา เธอก้าวลงจากเตียงแล้วเดินไปเอาผ้าคลุมไหล่มาคลุม จากนั้นก็เดินออกไปข้างนอก“ตื่นแล้วเหรอ” พาเวลกำลังก่อกองไฟอยู่พอดี เขาส่งยิ้มทักทายคนโปรด “ดื่มนมอุ่นหน่อยไหม”“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้สนามพร้อมกับรับแก้วนมอุ่นมาดื่ม “นมอุ่นนี่อร่อยมากเลยค่ะ”“อืม...แล้วนายยังไม่ตื่นเหรอ”“ยังค่ะ เห็นว่าอยากนอนอีกสักพัก”“อืม สงสัยคงเหนื่อยมาก ทำงานหนักมาหลายวัน”“ครับ”“พี่พาเวลล่ะคะ ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง” เมื่อมีโอกาสได้อยู่กับพาเวลสองต่อสอง เธอจึงถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเขาบ้าง“ก็ดี ช่วงนี้ทำงานหนักหน่อยแต่ก็มีความสุข”“เห็นพี่มีความสุขกับการทำงานโปรดก็ดีใจค่ะ”“แล้วจะไปเชีย