@บ้านมาย
"พี่หมอก" "หือว่าไง" "มายต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัดกับเจ้านาย พี่อยู่กับสองแฝดได้หรือเปล่า" "ได้สิ ว่าแต่ไปกันกี่คนเหรอ แล้วไปกี่วัน" "ประมาณสามวัน แต่ไปกันกี่คนมายเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ" "อืม ไปสิพี่อยู่ได้ สองแฝดก็โตกันแล้วไม่ใช่เด็กๆ สักหน่อย" "เดี๋ยวมายจะไปบอกกับลูกๆ ไว้ มายกลัวว่าพวกแกจะเป็นห่วง" "โอเค" ฉันไม่เคยไปไหนแบบค้างคืนเลยสักครั้ง ไม่เคยห่างจากสองแฝดเลยแม้แต่คืนเดียว ถ้าฉันไปทำงานค้างคืนที่อื่นโดยที่ไม่บอกพวกแกคงจะพากันเป็นห่วงแย่ แค่ฉันทำโอทีกลับดึกพวกแกก็ไม่ยอมนอนจะรอจนกว่าฉันจะกลับมาถึงบ้านถึงยอมเข้านอนกันได้ "น้องสกายน้องสโนว์" "แม่//แม่" "มาหาแม่หน่อยสิลูก" "แม่มีอะไรหรือเปล่าครับ" "แม่ต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดประมาณสามวันนะ อยู่กับลุงหมอกห้ามดื้อเด็ดขาดรู้มั้ย เสร็จงานแล้วแม่จะรีบกลับมาเลย" "แม่ไม่ไปไม่ได้เหรอคะ หนูคงนอนไม่หลับถ้าแม่ไม่อยู่ด้วย" "แม่ก็ไม่อยากไปไหนไกลจากลูกๆ หรอกนะ" "แต่ถ้าแม่ไม่ทำงานเราจะเอาเงินจากไหนมาใช้จ่ายมากินมาใช้ล่ะลูก" "ก็ได้ค่ะ แต่แม่ต้องโทรมาหาพวกเราทุกวันนะคะ" "แม่สัญญาค่ะ" "คุณแม่ไปกับใครเหรอครับ" "ไปกันหลายคนครับ" "อ๋อ ผมไม่ว่าอะไรหรอกครับ แม่ต้องไปทำงานแม่ต้องหาเงินมาให้พวกเรา สู้ๆ นะครับแม่" "ขอบคุณครับ" ฉันเข้าใจเลยว่ากำลังใจจากลูกมันเป็นยังไง ฉันเคยได้ยินมาว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่เหนื่อยจากการทำงานมาพอกลับมาถึงบ้านได้เห็นหน้าลูกก็รู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย ซึ่งฉันเองก็กำลังรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน สองแฝดเป็นกำลังใจของฉันในการทำงานทุกวันจริงๆ ก็จริงอยู่ถ้าฉันเอาพวกแกออกตั้งแต่ตอนนั้นฉันคงได้เรียนสูงๆ ได้เป็นหมอตามที่ตัวเองใฝ่ฝัน แต่ฉันก็คงจะไม่ได้รับความสุขอันบริสุทธิ์แบบนี้ "นอนกันได้แล้วนะครับดึกแล้ว" "ฝันดีครับแม่//ฝันดีค่ะแม่" "ฝันดีนะคะคนเก่งของแม่ทั้งสองคน" ฉันเดินออกมาจากห้องนอนของพวกแกก่อนจะปิดไฟแล้วปิดประตูห้องจากนั้นก็กลับมานั่งเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าสะพายของตัวเอง ฉันว่าฉันจะไม่เอาอะไรไปมากหรอก เอาแต่ของใช้จำเป็นของใช้ส่วนตัวก็พอแล้ว ครืด ครืด ครืด สายเรียกเข้า >>> คุณเวคิน ฉันมองหน้าจอโทรศัพท์ชั่งใจว่าจะรับดีไหม เพราะนี่มันก็เลยลางานมาแล้วเขาคงไม่มีเรื่องสำคัญหรืองานสำคัญอะไร เพราะถ้ามีจริงๆ เราก็คงจะไปคุยกันที่ทำงานมากกว่า "สวัสดีค่ะ" ( ว่ายังไงบ้าง คุณไปได้หรือเปล่า ) "ค่ะ ไปได้ค่ะ" ( โอเค ผมจะได้ไม่ต้องหาคนไปด้วย ) "แล้วเราไปกันกี่คนเหรอคะ?" ( ไปกันสองคน ) "....." ( ถ้าคุณไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร ) "สะดวกค่ะ" ฉันไม่ติดอะไรหรอกแค่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจถ้าจะต้องไปต่างจังหวัดกับเขาสองคน ฉันไม่อยากถูกคนอื่นมองไม่ดี มันก็จริงอยู่ที่คนอื่นไม่ได้หาเลี้ยงเรา ทำไมเราต้องไปสนใจทำไมเราต้องไปแคร์ แต่ฉันกลัวว่ามันจะกระทบกับงานของฉันได้ ( ไปรถส่วนตัวนะมันสะดวกดี ) "ค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วแค่นี้นะคะ" ( อ่า....โอเค ) ฉันกดวางสายก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม ตั้งแต่ท้องแล้วคลอดสองแฝดออกมาจนถึงป่านนี้ฉันก็ไม่เคยคิดที่จะมีครอบครัวหรือจะมีคนรักเลย เพราะมีไม่กี่คนที่จะรับผู้หญิงลูกติดแบบนี้ได้ และถ้าให้ฉันเลือกฉันขออยู่แบบนี้จะดีกว่า มันสบายใจกว่าเยอะ ______________________________ @เช้าวันต่อมา ฉันตื่นแต่เช้าเตรียมอาหารให้พี่หมอกให้สองแฝดตามปกติ จากนั้นก็แยกย้ายกันไปเหมือนที่เคยทำ พี่หมอกก็มีหน้าที่คอยไปรับไปส่งสองแฝดอยู่แล้ว แต่ช่วงที่ฉันไปทำงานต่างจังหวัดพี่หมอกคงต้องตื่นเช้ามาเตรียมอาหารเอง "สวัสดีค่ะคุณคิน" "บ้านคุณอยู่ไกลเหรอ มาเกือบสายเลย" "พอสมควรค่ะ" "แล้วทำไมไม่หาที่พักอยู่ใกล้ๆ ล่ะ" "บ้านของฉันอยู่ตรงนั้นพอดีค่ะ เลยไม่รู้จะหาที่พักที่อื่นทำไม" "อ๋อ...เดี๋ยวช่วยตรวจสอบเอกสารแล้วเอาเข้ามาให้ผมหน่อยนะ" "ได้ค่ะ" ฉันรับเอกสารจากผู้จัดการมาแล้วเดินขึ้นไปทำงานประจำที่ของตัวเองทันที @ผ่านไปสักพัก ติ๊ด~ เข้ามาหาผมในห้องหน่อยสิ "....." ฉันวางปากกาก่อนจะลุกเดินเข้าไปในห้องทำงานของคุณเวคิน "มีอะไรหรือเปล่าคะ?" "ผมขอกาแฟแก้วนึง แบบที่คุณเคยชง" "ได้ค่ะ สักครู่นะคะ" ฉันเดินหันหลังออกมาแล้วไปชงกาแฟให้กับคุณเวคิน ก่อนจะเดินกลับเข้ามาพร้อมกับกาแฟของเขา "งานใกล้เสร็จหรือยังผมรีบใช้" "อีกนิดเดียวก็เสร็จแล้วค่ะ" "โอเค ถ้าอย่างนั้นเสร็จแล้วเอาเข้ามาให้ผมได้เลยนะ" "ค่ะ" ความจริงมันเสร็จไปตั้งนานแล้วถ้าเขาไม่เรียกให้ฉันไปชงกาแฟให้ ก็รู้ว่างานที่ให้ฉันทำเป็นงานเร่งแต่ก็ยังจะให้ฉันไปทำอย่างอื่นอีกมันน่าไหมล่ะ ฉันรีบกลับมานั่งทำงานให้เขาจนเสร็จก่อนจะเอาไปส่งให้เขาในห้องทำงาน "กลางวันนี้คุณออกไปทานข้าวกับผมมั้ย" "ไม่เป็นอะไรค่ะ เดี๋ยวฉันไปสั่งข้าวกล่องจากร้านข้างๆ บริษัทจะดีกว่า" เคยได้ยินแต่เลขาชวนผู้บริหารออกไปกินข้าว เพื่อตีสนิทแล้วมีความสัมพันธ์แบบชู้สาว แต่กับเขาว่าจะทำอะไรเขามักจะถามและชวนฉันไปด้วยตลอด ทั้งๆ ที่เราสองคนเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นานเอง และก็รู้จักกันในฐานะเจ้านายกับลูกน้อง ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวเลย "คุณนี่ก็แปลกคนดีนะ เจ้านายอุตส่าห์ชวนไปกินข้าวด้วยแต่กลับปฏิเสธ" "มันคงไม่เหมาะค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่ปฏิเสธ" "ตามใจ สั่งข้าวกล่องมาเผื่อผมด้วยก็แล้วกัน" "คะ??" "ก็คุณไม่ไปผมก็ไม่รู้จะกินข้าวกับใครเหมือนกัน สั่งข้าวกล่องมาให้ผมด้วยผมไม่ไปแล้ว" "ค่ะ" แปลกจังเลยนะผู้ชายคนนี้เปลี่ยนใจเร็วจริงๆ เลย แค่ฉันปฏิเสธไม่ไปกินข้าวกลางวันด้วยเนี่ยนะ ทำไมเขาไม่ไปหาเพื่อนกินข้าวคนอื่นล่ะ อีกอย่างถ้ามีคนมาเห็นฉันอยู่กับเจ้านายสองต่อสองแบบนั้นจะทำไง ฉันไม่ได้อยากถูกว่าหรอกนะ ว่าเลื่อนขั้นจากพนักงานด้านล่างกลายไปเป็นเลขาส่วนตัวของผู้บริหารได้เพราะเรื่องแบบนี้ ทั้งๆ ที่ความจริงมันไม่ใช่แบบนั้นเลย6 ปีต่อมา หลังจากที่คลอดลูกคนที่ 3 ได้ 2 ปี ฉันก็มีลูกอีกคนนึงและก็ปิดอู่เรียบร้อยเลยนั่นก็คือการทำหมัน เพราะไม่อย่างนั้นคุณเวคินก็คงจะทำให้ฉันมีลูกขึ้นมาอีกชัวร์ คุณหมอก็ยังไม่อยากให้ฉันทำเพราะอายุยังน้อย แต่ถ้าฉันไม่ทำเปอร์เซ็นที่ฉันจะมดลูกแตกก็มีมากเลยทีเดียวเพราะท้องเยอะมาก ฉันก็เลยอ้อนวอนขอให้คุณหมอทำหมันให้ฉันเลยหลังจากที่ผ่าคลอดคนที่ 4 เสร็จ ตอนนี้วุ่นวายมากๆ เลย ลูกฝาแฝดทั้งสองคนตอนนี้ก็โตขึ้นมากแล้ว คนที่ 3 ก็อายุ 6 ขวบกว่าๆ น้องเล็กสุดคือ 4 ขวบกว่าเช่นกัน วัยกำลังซนเลย ลูกของพี่หมอกก็มี 2 คน อีกคนนึง 6 ขวบส่วนอีกคนนึงก็ 5 ขวบ วันไหนที่ครอบครัวของเราได้มารวมตัวกัน ฉันบอกได้เต็มปากเลยว่ามันเป็นอะไรที่วุ่นวายมากๆ จากตระกูลเล็กๆ พ่อกับแม่ของคุณเวคินก็มีเพียงคุณเวคินคนเดียว ลูกบุญธรรมอีก 1 คน แต่ในตอนนี้มีหลานวิ่งอยู่กันให้เต็มไปหมด กลายเป็นตระกูลใหญ่ที่มีลูกหลานเยอะแยะมากมายสมใจคุณปู่ที่อยากได้หลานมากๆ ในตอนนั้น ถ้าอย่างนั้นฉันขอแนะนำลูกๆ ของฉันและก็หลานในตระกูลนี้ให้ฟังทั้งหมดเลยก็แล้วกัน ฉันกับคุณเวคินมีลูกกัน 4 คน 2 คนแรกเป็นฝาแฝดกัน สกาย กับ สโนว์ คนกลางเป็นผู้ชายชื่อ
@ห้าเดือนต่อมา ตอนนี้ฉันท้องใหญ่มากๆ แต่มีลูกคนเดียวนะ และก็ไม่รู้เพศด้วยคุณหมอบอกว่าสงสัยว่าแกจะอายก็เลยไม่ยอมเปิดให้เห็นว่าเป็นเพศอะไร เพราะงั้นก็เลยต้องรอลุ้นตอนคลอดทีเดียวเลยว่าจะได้ลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชาย ส่วนคุณเวคินก็หายจากอาการแพ้ท้องบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่หายขาด เริ่มกินอะไรได้มากขึ้น ร่างกายเริ่มมีน้ำมีนวลมากขึ้นจากที่แพ้ท้องมาหลายเดือนจนร่างกายซูบไปเยอะ "กินเยอะๆ นะ ลูกจะได้แข็งแรงๆ" "ขอบคุณค่ะ" "เป็นยังไงบ้าง""ก็อึดอัดนิดหน่อยค่ะ ท้องใหญ่แบบนี้ก็อึดอัดเป็นธรรมดาแหละ" ฉันตอบ คุณเวคินเขาจะเฝ้าคอยถามแบบนี้เป็นประจำทุกวัน ว่าฉันลำบากไหม ที่ต้องอุ้มท้องใหญ่ๆ แบบนี้ แล้วก็ชอบถามถึงเรื่องเมื่อก่อนว่าตอนที่ฉันอุ้มท้องสองแฝดลำบากมากไหมฉันก็บอกไปตามตรงว่าค่อนข้างลำบาก และต้องระมัดระวังเพราะท้องแฝด และตอนนั้นฉันก็คิดหนักเลยด้วย ลูกจะได้รับสารอาหารเท่ากันไหม ลูกจะแข็งแรงไหม ลูกจะออกมาโตเท่ากันไหม เพราะเท่าที่ฉันฟังคุณหมอมา คุณหมอบอกเหมือนกันว่าท้องแฝดค่อนข้างอันตรายและต้องระวังทุกอย่าง ทั้งการกิน และการใช้ชีวิต แต่ฉันก็สามารถดูแลลูกๆ ให้คลอดออกมาอย่างปลอดภัยและครบสมบูรณ์ทั้งสองค
@ผ่านไปอาทิตย์กว่าๆ #โรงพยาบาลเอกชน คุณเวคินพาฉันมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล เขาเองก็ยังไม่หายดีหรอก แต่ก็อยากจะแน่ใจว่าฉันท้องจริงๆ หรือเปล่าก็เลยพาฉันมาตรวจที่โรงพยาบาล หลายวันมานี้คุณเวคินแพ้ท้องอย่างหนักหน่วงจริงๆ เขาดูซูบผอมลงไปเยอะเลย เพราะกินอะไรไม่ได้ ต่างจากฉันที่ไม่มีอาการอะไรเลยในครั้งนี้ แม่คุณเวคินบอกว่าคุณเวคินเป็นแทนฉันหมดทุกอย่างแล้ว อาการแพ้ท้องก็เลยรับจากฉันไปเต็มๆ "คุณมาริสาเชิญเข้าห้องตรวจค่ะ" "..." ฉันกับคุณเวคินเดินไปเข้าห้องตรวจ เมื่อคุณพยาบาลเรียกผ่านไมค์ "สวัสดีค่ะคุณหมอ//สวัสดีครับหมอ" "สวัสดีครับ" "..." ฉันหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับคุณหมอ "ตามที่ได้แจ้งเอาไว้ มาตรวจครรภ์ใช่ไหมครับ""ใช่ค่ะมาตรวจครรภ์""งั้นเดี๋ยวรบกวนคุณไปฉี่ใส่กระปุกให้พยาบาลเก็บผลตรวจหน่อยนะครับ และก็ขอตรวจเลือดของคุณทั้งสองคนด้วย" "ค่ะ" ก็เหมือนกับที่ฉันมาฝากท้องครั้งแรกนั่นแหละ คุณหมอก็ให้ฉันตรวจฉี่ตรวจเลือดตรวจหลายๆ อย่าง แต่ครั้งนั้นไม่มีคุณเวคินมาตรวจด้วย @ผ่านไปสักพัก "คุณท้องที่สองแล้วใช่ไหมครับ" "ค่ะ ท้องแรกได้ลูกแฝดสองคน" "เดี๋ยวรบกวนขึ้นไปนอนบนเตียงหน่อยนะครับ
@หนึ่งเดือนถัดมา อุ๊บบ!! โอกกก!! โอกกก!! "คุณเวคิน!?" หญิงสาวรีบวิ่งเข้ามาดูสามีของตน เมื่อเห็นเขาวิ่งเข้าออกห้องน้ำด้วยความเร็วแสงและอาเจียนออกมาจนเสียงดัง อาการแบบนี้เธอพอจะเดาออกว่าเป็นอาการอะไร บวกกับรอบเดือนตอนนี้ที่ไม่มาจนครบสองเดือนแล้ว "อืม..." ร่างหนาทิ้งตัวลงนั่งอยู่ข้างชักโครกด้วยสภาพที่อิดโรย ริมฝีปากแห้งเหือดจนซีด เขากินอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเดียว แค่ได้กลิ่นอาหารก็ทำให้รู้สึกอยากอาเจียนแล้ว "เป็นยังไงบ้างคะ ไหวหรือเปล่า" เธอรีบเข้าไปดูอาการ ทว่า..พอเธอเดินเข้าไปถึงเวคินก็มีอาการขึ้นมาอีกครั้งเพราะกลิ่นตัวของเธอ "อึก..อุ๊บโอกก!!!" "คุณเวคิน! หวะ ไหวหรือเปล่าคะ ไปหาหมอมั้ย" เธอเอ่ยถามน้ำเสียงตะกุกตะกัก เพราะตอนที่เธอท้องอาการแพ้ท้องก็หนักพอควรเหมือนกัน แต่ก็ทุเลาลงได้เพราะยาที่หมอให้มา "ผมไหว...แต่กลิ่นตัวคุณมันเหม็นอะ ผมได้กลิ่นแล้วอยากอาเจียนไงไม่รู้" "งั้นฉันไม่อยู่ใกล้ก็ได้ คุณเดินมาเองไหวไหม ถ้าไม่งั้นฉันจะไปตามคนมาช่วย" "ไหวๆ" เวคินตอบเสียงแผ่ว ก่อนจะพยุงตัวเองเดินกลับเข้าไปในห้อง "ไปหาหมอมั้ย" "ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็หาย สงสัยผมจะพักผ่อนน้อย""นี่คุณยังไม่ร
@หนึ่งเดือนต่อมา #งานแต่งสุดหรูในโรงแรมห้าดาว เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเดินเคียงคู่กันมาในชุดสีขาวสวยงามสง่า แขกที่มาร่วมงานต่างปรบมือรัวๆ ให้จนเกิดเสียงดังขึ้นชั่วขณะ ทั้งสองสวยและหล่อเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก ลูกฝาแฝดทั้งสองก็ใส่ชุดไทยชายหญิงน่ารักสมวัย "คนเยอะจังเลยคุณ ไหนบอกว่าคนไม่เยอะไง" หญิงสาวกระซิบถามคนข้างๆ เพราะเข้าใจว่างานแต่งจัดเป็นงานเล็กๆ เชิญแขกเหรื่อมาไม่กี่คน แต่ไม่คิดว่าจะมีคนมาร่วมงานเยอะขนาดนี้ และแต่ละคนก็เป็นนักธุรกิจระดับแนวหน้าทั้งนั้น "นี่แค่คนรู้จักที่สนิทกันนะ พ่อผมแค่จัดให้เบาะๆ ไม่ใหญ่โตมาก" "นี่น่ะเหรอที่เรียกว่าไม่ใหญ่โต" มายบ่นพึมพำ สำหรับพวกเขาอาจจะไม่ใหญ่โตอะไร สำหรับเธอมันใหญ่โตมาก คนมาร่วมงานแต่งนี้เยอะมากๆ มองไปทางไหนก็เจอแต่คนทางนั้น "ลูกชายเจ้าของอสังหาริมทรัพย์แต่งงานทั้งทีก็ต้องให้สมฐานะหน่อยสิ จะให้น้อยหน้าคนอื่นได้ยังไง" เวคินบอก ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับแขกที่มาร่วมงาน ก็นั่นน่ะสินะ ลูกชายเจ้าของอสังหาริมทรัพย์จะแต่งงานทั้งทีก็ต้องจัดให้สมฐานะหน่อยสิ ไหนจะเปิดตัวหลานฝาแฝดอีก งานนี้พ่อของเวคินจัดหนักจัดเต็มเลย มายเคยเห็นแต่ในทีวีกับการจั
@วันต่อมา มายตื่นแต่เช้าเพราะเมื่อคืนได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มแต่เวคินยังไม่ตื่นเธอเลยถือโอกาสนี้ออกไปเดินเล่นที่ริมชายหาดคนเดียว เพราะเมื่อวานมาถึงก็มืดแล้ว กว่าจะจัดของเตรียมของเข้าที่ก็ดึกแล้ว เลยไม่มีเวลาออกมาดูบรรยากาศริมทะเล “บรรยากาศดีจัง” ฉันพูดขึ้นเบาๆ พร้อมกับอ้าแขนกว้างเหมือนนกกางปีก รับลมทะเลที่แสนจะสดชื่นในตอนเช้าๆ “ตื่นแล้วไม่ปลุกผมเลยนะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังของฉัน ก่อนที่จะถูกเจ้าของเสียงนั้นเข้ามาสวมกอด “เห็นคุณนอนหลับสบายฉันก็ไม่อยากกวนค่ะ” ฉันตอบ “ที่นี่เงียบสงบดีนะ ว่ามั้ย” “ค่ะ เงียบสงบมากเลย บรรยากาศก็ดีด้วย” มันนานแค่ไหนแล้วนะที่ฉันไม่มีโอกาสได้มาเที่ยวพักผ่อนแบบนี้ ครั้งล่าสุดที่มาก็แทบจะไม่ได้พักเพราะวุ่นวายอยู่กับสองแฝดมากเลย “หิวยัง”“ไม่ค่ะ”“ถ้าคุณไม่หิวข้าว ผมก็มีอย่างอื่นให้คุณกินนะ” เขามองหน้าฉันพร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ “บ้า! พูดแบบนี้อีกแล้วนะคุณ!” ฉันแหวใส่เขาเสียงดัง จะมีสักครั้งไหมที่ไม่พูดเรื่องใต้สะดือกัน รู้แล้วล่ะว่าอยากมีลูก แต่ก็ไม่น่าจะหื่นขนาดนี้นะ “ผมยังไม่ไดพูดเลยนะว่ามันคืออะไร คุณคิดไปเองทั้งนั้น”“…” ถึงจะพูดแบบนั้